ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    L u n e ;

    ลำดับตอนที่ #1 : When the moon has fallen

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 63


    TB

     

    The Breath of the Sun

    _____________________


    " ตะวันคล้อย จันทราดับ "

    "ไม่ว่าเมื่อไหร่"

    "ผู้ที่ไม่ได้อยู่บนเหตุผลการใช้ชีวิตของมนุษย์"

    "ต้องถูกกำจัด"

    ❖❖❖

    _____________________

    A p p l i c a t i o n

    " โลกนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุผล ไม่ว่ามนุษย์ หรือการถือกำเนิดของอสูร .. ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเลือกทางไหน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอเลือกทางผิด ก็เตรียมรับผลที่เกิดจากการกระทำของตัวเองให้ดี"


    ❖❖❖

    บท : เสาหลักคนที่ 1 เสาหลักตะวัน

    หน่วย : นักล่าอสูร

    ชื่อ - นามสกุล : คุนาซากิ โช (Kunasagi Shou)

    ชื่อเล่น :

    โช (Shou) - สามารถเรียกได้ทุกคน แต่อยากให้เป็นคนสนิทหรือคนใกล้ตัวมากกว่า แน่นอนว่าถ้ารู้จักกันในขั้นแรก , แนะนำเรียกสนามสกุลมากกว่าชื่อจะเป็นการดีที่สุด

    เพศ : ชาย

    อายุ : 20

    อาชีพ : นักศึกษาแพทย์(ที่กำลังจะซิ่วไปมนุษย์ศาสตร์สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น)


    ฐานะทางบ้าน : (ค่อนข้าง)ร่ำรวย


    ;: ลักษณะทางกายภาพ ::

    หน้าตา

    ใบหน้าของเขาคล้ายถูกสรรค์สร้างจากเทพีแห่งความงามไม่มีผิด สันครามคมได้รูป จมูกโด่งเป็นสันอย่างที่หาได้ยากในชาวเอเชีย ผิวโทนขาวค่อนไปทางน้ำผึ้งเล็กน้อยเนื่องจากปกติเป็นคนแต่งกายมิดชิดและไม่ค่อยออกไปข้างนอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดวงตาคมเรียวสีอำพันที่ดูเฉยชากับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจนไม่สามารถเดาความคิดของเขาออกได้ ริมฝีปากได้รูปและคิ้วเข้มสวย ส่วนประกอบบนใบหน้าของเขาแทบจะไร้ที่ติราวกับรูปปั้น เรือนผมสีรัตติกาลถูกตัดสระระต้นคอและจัดทรงเป็นอย่างดี

    รูปร่าง

    คุนาซากิเป็นผู้ชายร่างสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของชาวเอเชียทั่วไป แขนยาวขายาวแต่ไม่ดูเก้งก้างเหมือนตุ๊กตาไม้ กลับกัน มันกลับช่วยให้เขาดูสมส่วนมากขึ้นไปอีก , ภายนอกเขาอาจจะดูผอมแห้งจากเสื้อผ้าที่เขาสวม แต่ทุกครั้งที่ต้องทำแผลหรือรักษาอาการบาดเจ็บ กล้ามเนื้อบริเวณช่วงแขน , หน้าท้อง และบริเวณขาที่มีพออย่างพอดิบพอดีบ่งบอกว่าเขาผ่านการฝึกฝนมากมากแค่ไหน— ทั้งร่องรอยแผลเป็นตามหน้าท้อง , แผ่นหลังกว้างๆนั่นเกิดจากการที่เสาหลักผู้นี้ฝ่าฝันอันตรายมามากมาย กระทั่งฝามือหยาบกร้าน ทุกส่วนของร่างกายของชายผู้นี้ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำอย่างที่น้อยคนจะมี

    สไตล์การแต่งตัว

    เขาค่อนข้างเป็นคนเคร่งในเรื่องของกาลเทศะและความเหมาะสม ก่อนออกจากห้องมาสู่โลกภายนอกทุกครั้งจะสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่เสมอว่ามีตรงไหนขาดหรือเกินไปรึเปล่า เขาชอบสวมเสื้อผ้าโทนสีเรียบอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยคาดิแกนหรือโค้ทสีดำ หากเป็นฤดูหนาวคงจะมีผ้าพันคอสีหม่นพันรอบๆเพื่อรักษาความอบอุ่น

    โชไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องการแต่งตัว เขาเพียงแค่ใส่ใจว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ทำงานหรือกิจกรรมใดๆคล่องตัวดีรึเปล่า รองเท้าที่เขาสวมบ่อยๆจึงเป็นรองเท้าผ้าใบสีเข้มมากกว่า , หรือถ้าบางครั้งมันจำเป็นจริงๆจะต้องสวมรองเท้าหนัง เขาก็จะทำตามโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ และที่สำคัญเลยคือ โชจะ'สวมถุงมือ'เสมอ ไม่ว่าเป็นตอนเรียนหรือตอนอยู่ในห้องตามปกติ เพราะสภาพมือของเขามันน่ากลัวเกินกว่าอาจารย์ผู้สอนจะไว้ใจให้แตะต้องอุปกรณ์ในห้องแลป

    บุคลิกภายนอก

    ภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตาคงไม่พ้นชายหนุ่มผู้เงียบขรึมและคงความสุขุมเอาไว้ในน้ำเสียงและบนใบหน้าตลอดเวลา แต่ทุกทวงท่า การวางตัว หรืออิริยาบถต่างๆของเขาจะแสดงในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่ออกมาอย่างชัดเจน , .. ทั้งการแสดงออกภายนอกและการสื่อสารกับคนรอบข้างด้วยการกระทำเหล่านั้น ทำให้เขาดูเป็นคนที่พึ่งพาได้และมีความมุ่งมั่นอยู่ในดวงตาที่ดูไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ..

    แผ่นหลังกว้างสมส่วนชายชาตรีมักจะถูกบดบังด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด , มันเป็นแผ่นหลังที่ดูสูงใหญ่ดุจดั่งหินผากว้างภายใต้ดวงตะวัน , ทั้งอบอุ่น , โดดเดี่ยวเกินกว่าจะหาผู้ใดเข้ามาเปรียบ .. ทั้งยังดูเหมือนมีภาระอันหนักหนาแบกไว้บนบ่ากว้างทั้งสองข้างแทบจะตลอดเวลา— ที่เป็นแบบนั้น เพราะโชดูจะไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น อาจจะมีบางครั้งที่พึมพำคนเดียวบ้าง ถึงแม้ว่าจะให้ความรู้สึกเป็นผุ้ใหญ่และพึ่งพาได้ไปในตัว , แต่บรรยากาศรอบกายเขาก็ไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไป ซ้ำยังให้ความรู้สึกปลอดภัยและสบายใจด้วยซ้ำไป

     

    ส่วนสูง/นํ้าหนัก :183 cm. / 71 kg.

     

    กรุ๊ปเลือด : AB

     

    ;: ลักษณะการพูด :;

    น้ำเสียง

    น้ำเสียงของชายหนุ่มผู้นี้สุขุมและเรียบนิ่งดุจผิวน้ำที่เย็นเฉียบ แต่ถ้อยคำและวาจาที่กล่าวออกมาล้วนคมปลาบและซื่อตรงดุจดวงตะวันชี้ทางสว่างสามาจารึกลงไปในใจของผู้ฟังได้แม้จะได้ยินเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นระดับเสียงที่ไม่เบาและไม่ดังจนเกินไป ทว่าสามารถทำให้ผู้ฟังหาความชัดเจนในประโยคเหล่านั้นได้ ทั้งความเร็วในการพูดไม่ได้ช้าหรือเร็ว เนื่องจากคุนาซากิไม่ได้มีอุปนิสัยชอบพูดซ้ำ เขาจึงพยายามทำให้คู่สนทนาเข้าใจด้วยการพูดคุยกันเพียงครั้งเดียวให้ได้ ซึ่งสรรนามแทนตัวเองจะใช้คำว่า 'ฉัน' และแทนผู้ฟังว่า 'เธอ' ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหรือวัยไหน (ส่วนวัยสูงอายุก็คุณปู่คุณย่าตามสไตล์ต้องเคารพผู้อาวุโสกว่า)

    Takahiro Sakurai (คนพากย์เดียวกับกิยูซัง แต่เสียงต่ำกว่านิดหน่อยค่ะ ฮา)

    พูดคุยปกติ

    คำพูดของเขาจะมีความซื่อตรง หรือบางครั้งอาจจะเป็นปรัชญาที่ต้องใช้ความคิดซักนิดถึงจะเข้าใจได้ และถึงจะไร้หางเสียงเวลาพูดคุย น้ำเสียงของเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความสุภาพจนอีกฝ่ายสัมผัสได้

    โชหยิบขวดฟอร์มาดีไฮน์จากโต๊ะแลปขึ้นวางไว้บนชั้น , ก่อนจะหันกลับมามองร่างของเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมคลาสตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่แฝงเอาไว้ด้วยการตำหนิติเตียนเล็กๆ— พร้อมริมฝีปากที่ขยับเพียงน้อยนิด , เปล่งเสียงทุ้มเย็นชวนให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบออกมา

    ; เธอควรจะรู้ ว่าอุปกรณ์ในร่างกายหรือเส้นเลือดเส้นนี้จะต้องผูกกับส่วนไหน

    .

    ใบหน้าผันออกไปมองนอกหน้าต่าง , ถนนที่ไร้ผู้คนและสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากอสูรที่เร้นกายเข้ามาปะปนกับมนุษย์ด้วยกันเอง

    ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มน้อยจนยากที่จะสังเกต

    ; ดวงตะวันไม่เคยลาลับ .. เพียงแค่เร้นกายอยู่ในเมฆหมอกเท่านั้น ..

    .

    โกรธ

    ถ้าเขาโกรธ น้ำเสียงของเขาจะมีความกระด้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คำพูดคำจาจะห้วนจนฟังดูน่ากลัว ซึ่งสิ่งที่ทำใหเขาโกรธคงจะเป็นการที่เพื่อนของเขาถูกทำร้าย , หรือคนในหน่วยซักคนถูกฆ่า— เพียงแค่นั้น ไฟแค้นภายในอำพันคู่คมก็ไม่มีวันมอดดับจนกว่าผู้ที่จุดมันขึ้นมาจะสูญสลายเป็นจุล!

    โชถอนหายใจออกมาหนักๆในยามที่หญิงสาวตรงหน้าไม่หยุดตอแย , ทั้งยังพูดราวกับว่าหล่อนรู้จักเขาเป็นอย่างดี .. ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตและเพจเฟซบุ๊คพวกนั้นมันจะเชื่อถือได้มากแค่ไหนกัน ?

    ; อย่าพูดเหมือนว่าเธอรู้จักฉันดีขนาดนั้น

    เอาล่ะ , ที่รัก ได้โปรดอย่าตีความว่าคุนาซากิ โช คนนี้จะเป็นเจ้าชายน้ำแข็งที่มีมุมอบอุ่นเหมือนในนิยาย , สิ่งใดที่หาเหตุผลไม่ได้— เขาไม่คิดจะเชื่อและไม่สนใจสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ตั้งแต่แรก ..

    ; เธอควรจะหยุดพูดเรื่อง'ไร้สาระ'พวกนั้น , เอาเวลาไปอ่านหนังสือทำควิซจะดีกว่านะ ?

     

    เจ็บปวด

    น้ำเสียงของเขาจะฟังดูคล้ายกับว่าผู้พูดกำลังปวดร้าวอย่างสาหัส จากแววความสั่นไหวภายในรูปประโยค— โดยเฉพาะเรื่องความเป็นความตายของมิตรสหาย

    —เครื่องเสียงวัดอัตราการเต้นของหัวใจดังขึ้น , ประหนึ่งเสียงระฆังจากนรกที่มารอรับผู้ชายชนม์ไปสู่ที่ๆสมควรแก่พวกเขา .. กรรไกรผ่าตัดในมือถูกปล่อยลงกับถาดฆ่าเชื้อ , สำลักเปื้อนเลื่อน , กลิ่นที่ชวนให้เวียนหัว

    พร้อมกับร่างของนักศึกษาแพทย์ที่ดูนิ่งสงบจนยากจะเดาว่าเขากำลังคิดอะไร

    แต่เสียงที่เปล่งออกมาใต้หน้าฆ่ากันเชื้อโรคนั้น , ฟังดูปวดร้าวเหลือเกิน ..

    ; การที่เธอทำพลาด , ก็คงไม่ต่างอะไรจากอสูรพวกนั้นหรอก

    .

    ฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่มีป้ายคร่ำครึสลักเอาไว้ว่า 'บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าคุนาซากิ'

    แน่นอนว่าเขาไม่รอช้า , ร้างสูงเดินเข้าไปใกล้กับประตู— เคาะเบาๆด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าเด็กๆที่กำลังอยู่ในนั้นจะตื่น .. เนื่องจากตอนนี้มันค่อนข้างดึกพอสมควร

    บานประตูค่อยๆถูกแง้มออก— ด้วยฝีมือของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่อาสามาเฝ้าไข้ของใครบางคนให้กับเขา

    โชเดินเข้าไปด้วยฝีเท้าแสนเงียบเชียบจนเหลือเพียงแค่ลมหายใจ , แม้กระทั่งยามเปิดประตูห้องๆหนึ่งก็แทบจะไร้เสียง .. เขาหวังว่าจะได้ยินเสียงเย็นๆของใครบางคนกล่าวต้อนรับกลับมาหลังจากที่เขาฝ่าฟันภารกิจแสนหนักหนาพวกนั้นมาได้

    แต่ไม่เลย

    ' ขอโทษนะโช , ไข้ของคิเรย์ไม่ลดเลยจ้ะ '

    อา ..

    ; ท้องฟ้ายังมืดไม่พอหรือยังไง .. ?

    .

    เด็ดขาด

    ในกรณีที่ต้องออกคำสั่ง จะเป็นน้ำเสียงที่เด็ดขาดและมีความชัดเจนของผู้พูดแฝงเอาไว้เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ต้องดูแลเหล่านักล่าอสูรฝึกหัดที่มาปฏิบัติภารกิจด้วยกัน

    ; เธอคนนั้น!! ถอยออกไปได้แล้ว!!

    ; ถ้าคิดว่าทำแล้วไม่เสียใจ .. จับดาบเอาไว้แน่นๆแล้ววิ่งเข้าไปเถอะ


    ;: นิสัย :;

    「 ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล」

         โดยพื้นฐานแล้ว โชเป็นคนที่มีเหตุผลรองรับในการกระทำของเขาแทบจะทุกอย่างในชีวิต การเคลื่อนไหวและการตัดสินใจทุกครั้งจะต้องมีเรื่องที่หนักแน่นมากพอมารองรับ , เขาไม่ใช่คนทำอะไรบุ่มบ่ามโดยไร้ซึ่งเหตุผล เพราะมองว่าสิ่งใดที่ทำลงไปด้วยความขาดสติและไม่มีมูลเหตุใดๆมารองรับจะเกิดผลเสียในภาคภาคหน้า , ดังนั้น ก่อนจะทำอะไรหรือพูดให้คำแนะนำแบบไหน โชจะยกเหตุผลและความเห็นของเขาขึ้นมาช่วยขยายเนื้อความเหล่านั้นเสมอ แม้กระทั่งการเลือกซื้อของลดราคาโดยเฉพาะวัตถุดิบในการทำอาหาร , อันไหนดี , อันไหนไม่ดี โชก็สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคไม่กี่ประโยคของเจ้าตัวที่สามารถทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าเนื้อไก่กับเนื้อเป็ด .. คุณประโยชน์มันต่างกันตรงไหน

         และเขาไม่ค่อยชอบการสังสรรค์เท่าไหร่ , เวลามีเพื่อนร่วมคลาสมาชวนไปไหนมาไหน สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คงไม่พ้นใบหน้าตายด้านพร้อมกับสายตาเฉยชา , ทั้งน้ำเสียงที่ถามด้วยความจริงจังว่า ' มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องไป ' จนคนที่เข้ามาชวนแทบจะตัวลีบเหมือนกระเทียมหัวเดียว — จนเพื่อนๆเป็นกลุ่มต้องเข้ามาชวนถึงจะยอมไป ..

         แต่ก็นั่นแหละ , ไปถึงก็คงเอาแต่หยิบหนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นขึ้นมาอ่าน .. ต่อให้ไปร้องคาราโอเกะแล้วมีสาวๆมาหย่อนเบอร์ให้ — โชก็จะหยิบมันวางลงในถังขยะอย่างเบามือ ..

         ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องติดต่อเธอคนนั้นไปนี่ ..

     

    「 วางแผนได้อย่างชาญฉลาด」

         โชเป็นคนที่จัดการกับชีวิตของตัวเองได้ดีในระดับที่เรียกได้ว่าดีมากๆจนน่าตกใจ , อาจจะเป็นเพราะคณะที่เขาเรียนคือคณะแพทย์ศาสตร์ที่ยังมีไม่การแบ่งเฉพาะทางหากยังเรียนไม่จบในชั้นคลินิก , ทั้งภารกิจที่โถมเข้ามาในบางครั้งจนต้องขาดควิซ — แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่กระซิบต่อๆกันมาว่าคุนาซากิ โช คนนี้เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ , เพียงแค่เขาเห็นหน้าที่สำคัญมากกว่าการเรียนก็แค่นั้น ..

         เขาแบ่งเวลาในฐานะนักศึกษาและนักล่าอสูรได้อย่างพอดิบพอดี , เว้นแต่ว่าจะมีภารกิจเข้ามากะทันหันในแบบที่กล่าวไป — แต่ดูโดยภาพรวมแล้ว การดำเนินชีวิตประจำวันของชายหนุ่มคนนี้คล้ายจะถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้วแทบจะทุกอย่าง เช่น การตื่นนอนในเวลาตีสามเพื่อลุกขึ้นมาอ่านหนังสือด้วยใบหน้าเรียบนิ่งคล้ายกับคนไม่ได้นอน .. นั่นเพียงเพราะจะเอาเวลาช่วงตีห้าถึงหกโมงไปงีบต่อ โดยให้เหตุผลว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่สมควรแก่การพักผ่อนรับวันใหม่มากที่สุด หรืออาจจะมีบางครั้งที่ช่วงใกล้เข้าสู่มิดเทอม โชก็ไม่คิดจะแบ่งเวลาไปหลับเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมภารกิจต้องมาถี่ๆในช่วงที่เขาใกล้จะสอบไฟนอล— แต่ชายหนุ่มก็สามารถจัดการเวลาของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม

         และไม่ใช่แค่เรื่องการแบ่งตารางชีวิตประจำวัน , แม้กระทั่งในหน้าที่ที่ต้องปรึกษาหารือหรือกระทำการใหญ่ , โชจะสามารถวางแผนได้อย่างแยบยลและใช้ได้ผลเกือบทุกครั้ง หรือถ้ามีคนเสนอแผนการขึ้นมา , ก็จะเป็นเขาที่คอยชี้ทางให้ดูว่าจุดบกพร่องของแผนการนี้มันอยู่ตรงไหน พร้อมด้วยเหตุผลประกอบตามนิสัยช่างวิเคราะห์ของเจ้าตัว

         ถึงจะโหมงานหนักทั้งสองสถานะ ประกอบกับร่างกายที่ดูจะคุ้นชินกับการแทบจะไม่ได้พักผ่อนของเจ้าตัวแล้ว ทำให้บ่อยครั้งที่เขาจะหายเข้าไปในคฤหาสน์ของเสาหลักแมลงซะดื้อๆ แล้วกลับออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไร้ความเหนื่อยล้าและความง่วงงุนใดๆ ..

     

    「 คนโกหกที่ไม่ชอบโกหก」

         มันจะมีบางเรื่องที่ทำให้คนเราจำเป็นจะต้องพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงในครั้งนั้น , เขาไม่ใช่คนที่ชอบโกหก , แต่ก็ไม่ได้เกลียดคนโกหก เพราะโชเชื่อว่าการที่มนุษย์จะโกหกกันได้จะต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่างมารองรับแน่ๆ— อาจจะต้องโกหกเพราะคนที่รัก หรือโกหกเพราะมีเหตุจำเป็น , ตัวเขาเองก็ต้องโกหกเพื่อนๆในคลาสที่ยิงคำถามใส่เวลาเห็นเขานั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์บ่อยๆ

    'นายคิดว่าอสูรมีจริงหรอ ?'

    แน่นอนว่าคำตอบเดียวที่โชสามารถตอบให้กับเพื่อนมากหลักการของเขาคือ

    ' ไม่ '

    ทั้งๆที่โทรศัพท์แจ้งภารกิจยังคงดังลั่นท่ามกลางบทสนทนา

         เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ .. โชต้องวางตัวอยู่ในสองสถานะ ได้แก่ นักศึกษาแพทย์ที่อาศัยหลักการและวิทยาศาสตร์ในการหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องดำรงอยู่ในฐานะนักล่าปีศาจที่คอยกวัดแกว่งดาบเพื่อปกป้องความสวยงามของโลกใบนี้เอาไว้ , เขาไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาว เป็นเพียงคนธรรมดาที่ยืนก่ำกึ่งระหว่างการหาสมมติฐานและการปราบอมมนุษย์ มันไม่ง่ายเลยกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน และใช่ว่าจะไม่ยากสำหรับคนที่จัดการทุกอย่างได้แบบเขา ..— โดยที่ปกติแล้ว โชไม่ค่อยชอบการพูดล้อเลียนหรือล้อเล่นซักเท่าไหร่ พูดคำไหนคือคำนั้นและจะไม่มีการกลับคำใดๆ , ซึ่งตัวของชายหนุ่มผู้นี้พูด'ความจริง'เป็นส่วนใหญ่ และนั่นทำให้เพื่อนร่วมงานและภายในหน่วยเชื่อใจเสาหลักผู้นี้ได้อย่างสนิทใจ

     

    「 สุขุม เยือกเย็น และควบคุมอารมณ์ได้ดี 」

         โชเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่และความคิดซับซ้อนเกินวัยไปมาก การวางตัวของเขาจะดูสงบนิ่งและสงบเสงี่ยมอย่างที่หาได้ยากในเหล่าชายหนุ่มเลือดร้อนของยุคนี้ .. ทุกอย่างที่เขาคิดดูเหมือนจะเป็นการวิเคราะห์แทบจะตลอดเวลา.. และทุกๆครั้งที่มีการออกความคิดเห็น โชจะรับฟังความเห็นของคนรอบข้างก่อนจะตัดสินใจเสมอ ทำให้แทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เขามีปัญหากับการทำภารกิจร่วมเสาหลักคนอื่น , มีความสุขุมและความเยือกเย็นอยู่ในแววตาทุกๆกิริยา , รู้จักกาลเทศะ , รู้ว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร ..

         โชไม่ค่อยแสดงอารมณ์ไม่คิดจะแสดงความคิดหรือสิ่งใดออกมาทางแววตานอกจากความไร้อารมณ์และความรู้สึกราบเรียบเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเขาเป็นสีเดียวกันไปหมด , นั่นทำให้ดูเหมือนผู้ถือครองปราณตะวันผู้นี้เป็นคนเย็นชาและเข้าถึงความคิดได้ยาก — ถึงแม้เวลาพูดเขาจะไม่มีหางเสียงเหมือนคนอื่นๆ แต่เพียงน้ำเสียงของเขาที่สื่อออกมาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขามีความเกรงใจต่อทุกคนที่อยู่รอบกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยคุยหรือสนิทกัน โชจะเว้นระยะห่างและมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากเป็นพิเศษ เขาไม่เคยอวดวิชาหรืออวดสิ่งที่เคยได้รับ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าของนัยตาสีอำพันผู้ครอบครองปราณตะวันคนนี้นั้นฉลาดเป็นกรด— เขาฉลาดทั้งเรื่องการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ฉลาดทั้งในคลาสเรียนจนโชแทบจะได้รับฉายาจากเหล่าเพื่อนร่วมคลาสว่า'อัจฉริยะพันปี' อย่างที่นานๆจะมีครั้ง .. แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่รู้ , เพราะเดิมที เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งหรือถนัดอะไรเป็นพิเศษ

    มีเพียงคุนาซากิ โช เป็นคนธรรมดาที่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้น .

         และเขาไม่ใช่คนที่โกรธง่ายเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นคนที่ความอดทนสูงมากๆ , อาจจะเป็นกำแพงที่สูงยิ่งกว่าหินผาด้วยซ้ำ .. เรื่องที่จะทำให้โกรธหรือเสียใจได้ คงมีเพียงทำลายบ้านเลี้ยงเด็กคุนาซากิที่ต้องผ่านศพเขาไปก่อนเท่านั้น , ตอนที่โชโกรธ น้ำเสียงของเขาจะเปลี่ยนไปก็จริง แต่นั่นเป็นขั้นของความโกรธระดับเล็กๆมากกว่า

    ถ้าคุณทำให้เขาโกรธจัดๆมากเท่าไหร่

    คิ้วของคุณอาจจะแตก , หรืออาจจะนอนลงไปกองกับพื้นโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวก็ได้

     

    .「 อัจฉริยะพันปี」

         คุนาซากิ โช ได้รับฉายา'ฉัจฉริยะพันปี' มาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน , แต่คะแนนภายในชั้นเรียนเขาติดระดับท็อปมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นปีสองที่อะไรๆเริ่มลงตัว โชมีระบบความคิดและการวิเคราะห์ที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วในแบบที่ยากจะพบ , ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เขาสามารถทำคะแนนได้ดีโดยไม่ต้องกังวลใดๆเลยก็คือ'อ่านเพียงครั้งเดียว จะไปจนร้อยปีข้างหน้า' ในเวลาที่เพื่อนร่วมห้องเข้ามาถามเนื้อหาที่เรียนหรือคำตอบการบ้าน , โชไม่ใช่คนที่สักแต่จะให้ลอก เขาทำเพียงแค่บอกเลขหน้าที่มีตัวอย่างวิธีทำของโจทย์ข้อนั้นๆให้เพื่อนไป ก่อนจะกลับมาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ..

         แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ในชั้นเรียนที่โชเผยแววอัจฉริยะออกมาโดยไม่รู้ตัว , แม้กระทั่งในการเรียนรู้ทักษะต่างๆที่นักล่าอสูรควรจะมีในเบื้องต้น — อดีตเสาหลักเพลิงผู้นั้นสอนไม่กี่ครั้ง โชก็จำได้อย่างขึ้นใจและฝึกอย่างคล่องแคล่วด้วยตัวเองในระยะเวลาไม่กี่วัน .. อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้พัฒนาได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจก็เป็นเพราะความขยันและความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะกระทำในสิ่งนั้นๆ , เขาไม่เคยย่อท้อในเรื่องที่อยากจะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งทั้งทางความรู้ , ฝีไม้ลายมือหรือร่างกาย ต่อให้อุปสรรคที่รอเขาอยู่และจิตใจที่ยังคงเป็นแผลจะทำให้ศักยภาพบางอย่างของเขาลดลงก็ตาม .. ถึงจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า , ในความคิดของเด็กชายมีแต่คำว่า'ฝึกให้มากกว่านี้' เท่านั้น

    คนธรรมดาก็สามารถเป็นอัจฉริยะพันปีและคะแนนดีได้เหมือนกัน ถ้าขยันอ่านหนังสือโดยไม่ต้องพึ่งห้านาทีหน้าห้องที่สมควรแก่การทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ..

     

    「 ผู้นำที่เด็ดขาดและแน่วแน่ 」

         มีไหวพริบดีเป็นพิเศษและไม่เคยมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอันไหนหลุดพ้นจากการสังเกตของเขาได้ ทั้งยังยึดถือในเรื่องของการตัดสินใจที่รวดเร็วทุกครั้งที่มีทางเลือก— สำหรับเขาแล้ว คนที่ตัดสินใจได้เชื่องช้าและไม่เด็ดขาดจะนำจุดจบมาสู่หน้าที่ .. เพราะคิดแบบนั้นอยู่แทบจะตลอดเวลา , ทุกครั้งเวลาเกิดการปะทะกันกับพวกอสูร เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ควบคุมสติได้ดีเยี่ยมและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่เป็นรองใคร นัยเนตรสีอำพันจะพยายามประเมินและอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูอยู่ตลอดเวลา เล็งหาเส้นทางดาบที่จะปลิดชีวิตของร่างตรงหน้าให้สิ้นซาก!

         แม้กระทั่งเวลาที่ถูกซุ่มโจมตีหรือถูกจู่โจมจากในความมืด โชก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านั้นและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี , สิ่งที่เขาจะทำในเวลานั้นคือการควบคุมทุกคนให้ใจเย็นลง ลมหายใจของเขาจะมั่นคงเนื่องจากกำลังรวบรวมสมาธิ ก่อนจะกล่าวบอกแผนการที่จะใช้หนีออกจากสถานการณ์ตรงนั้นโดยเป็นทางเลือกที่ก่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด— ถ้าพูดถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าเขาคนนี้มีครบทุกอย่าง .. โชมีความใจเย็นและสุขุมคล้ายกับน้ำแข็ง ในขณะที่ปลายดาบของเขาทอประกายเปลวเพลิงของดวงตะวันออกมา ทุกๆการตัดสินใจและการออกคำสั่ง นั่นมันหมายความว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้คิดไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้วและสามารถเชื่อถือได้โดยไร้ซึ่งข้อกังขาใดๆ , ภารกิจเบื้องหน้าอันตรายมากแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นเกรงสำหรับชาหนุ่มผู้นี้ ..

    「 อย่าเชื่อใจทาง อย่าวางใจคน 」

         โชค่อนข้างฟังหูไว้หู เขาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครง่ายๆนอกจากเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวในสถานบ้านเด็กกำพร้า .. ก่อนจะรับฟังหรือพยักหน้าเห็นด้วย ทุกอย่างที่เขาได้ยินจะต้องผ่านการคัดกรองจากสมองทุกครั้ง ถ้ามีเหตุผลรองรับเรื่องเหล่านั้นมากถึงจะปักใจเชื่อ— แถมยังไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรง่ายๆหากมองเห็นเพียงแค่ผิวเผิน มีความระมัดระวังทุกการกระทำ , ระแวงและสอดส่องหาตัวอันตรายอยู่เงียบๆเสมอ แต่เวลาที่รู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่ไว้ใจใคร โชจะไม่แสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมาให้ผู้สนทนาไม่สบายใจ .. ถึงจะดูเป็นคนที่เยือกเย็นและนิ่งเงียบแค่ไหน การกระทำเหล่านั้นก็บ่งบอกว่าตัวเขานั้นค่อนข้างจะใส่ใจกับผู้คนรอบข้างพอสมควร , ผูกมิตรได้ แต่เขาไม่คิดจะสนิท

     

    「 ปณิธานอันแรงกล้า 」

         ชายหนุ่มผู้ถือครองปราณแรกเริ่มผู้นี้เป็นคนที่มีความเด็ดเดี่ยวและใจเย็นมากๆแล้ว แต่บางอย่างที่เขามีมากกว่าสิ่งที่ได้กล่าวไปในตอนแรกคือความรับผิดชอบและความจริงจังในหน้าที่ , ในขณะนั้น แววตาที่เคยเรียบนิ่งจนเดาอารมณ์ยากของเขามันจะสงบยิ่งกว่าผิวน้ำที่ไร้ซึ่งการก่อกวนใดๆ— แต่ภายในจะแฝงเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงของสุริยันอันโชติช่วงราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งตรงหน้า

    " .. ไม่มีการล้อเล่นหรือการหยอกล้อใดๆ หากยังอยากมีชีวิต .. "

         สำหรับ คุนาซากิ โช แล้ว .. หน้าที่คือสิ่งที่ต้องมาเป็นอันดับแรก , รองลงมาคือเพื่อนร่วมหน่วย , จุดประสงค์และความปรารถนาของตนเอง และความรู้สึกเศร้าสร้อยและเจ็บปวดที่ต้องมาทีหลังสุด เขาเป็นคนที่เรียกได้ว่า'มีความมุ่งมั่นสูง'จนน่ากลัว ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งคมดาบของเขาได้นอกจากคำสั่งจากเบื้องบน ยิ่งเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง , ทำอะไรก็ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจะเริ่มกระทำสิ่งใหม่ , การปฏิบัติภารกิจของเขาไม่เคยมีคำว่าพลาดหรือหนีรอด— ศักดิ์ศรีและความคิดทั้งสองอย่างที่เป็นนาย ต่อให้เสียแขนเสียขา แต่ถ้าหน้าที่สำเร็จ—เขายินดี แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เขากระทำลงไปได้ผ่านการคิดและตัดสินใจมาก่อนแล้ว

    เพราะแบบนั้น , โชไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปเลยแม้แต่น้อย

    กลับกัน เขารู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก , กระทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่เดือดร้อนคนอื่นคือสิ่งที่ดีที่สุด ..

     

    .「 พรสวรรค์ของดวงตะวัน 」

         ตั้งแต่จำความได้ โชเป็นเด็กชายผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงสมัยก่อนจะเป็นเด็กชายผู้จมอยู่กับความเงียบ แต่เมื่อผ่านหลายสิ่งหลายอย่างและบทเรียนที่ได้รับ , เขาถูกอดีตเสาหลักเพลิงเล็งเห็นถึงพรสวรรค์ต่างๆภายในร่าง— และโชก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นผิดหวังทุกครั้งที่จับดาบไม้ , เขายังไม่มีปราณ ทว่ากลับเอาชนะเด็กคนอื่นๆที่อายุมากกว่าเกือบครึ่งได้ทั้งหมดในตอนที่อายุเพียงแค่สิบสองปี , โชสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเขาได้ไวจนผู้เป็นอาจารย์ยังต้องแปลกใจ , ทั้งยังเป็นเด็กที่มีความคิดซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจในวัยเดียวกัน จนกระทั่งเขาโตขึ้น— และเข้าใจถึงลมหายใจแห่งตะวัน นั่นเป็นหลักประกันชั้นดีว่าชายหนุ่มคนนี้คือ'อัจฉริยะพันปี'ตัวจริง , เพราะรู้ตัวอีกที .. เขาก็สามารถประมือดาบกับอาจารย์ผู้สอนชนะได้แล้ว

         สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาบรรลุและเข้าใจถึงความสามารถพิเศษและปราณที่ยากที่สุดได้นั้นล้วนเกิดจากความคิดและความตั้งใจของตนเองส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความขยัน โชเป็นคนที่มีวินัยและระเบียบในการกำหนดเวลาชีวิตของตัวเองเคร่งครัดมาก— นับตั้งแต่ปีศาจเหล่านั้นฝังแผลเป็นเอาไว้ในใจเขา เด็กหนุ่มก็สาบานกับตนเองเอาไว้แล้วว่าเขาจะ'กำจัด'ต้นตอของสาเหตุทั้งหมด , กำจัดอสูรออกไปจากโลกใบนี้ !

     

    「 เจ้าระเบียบ เคร่งครัด」

         เขาเป็นคนที่เคร่งในเรื่องของมารยาทที่ว่า ผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง , ผู้หญิงต้องวางตัวให้เหมาะมากๆอีกด้วย เนื่องจากติดภาพจำของผู้หญิงเป็นคายูริและมิซากิที่จะวางตัวดี , สุภาพเรียบร้อย , มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นและอ่อนน้อมถ่อมตน , เพราะแบบนั้น เวลาที่มีหญิงสาว—เสาหลักคนไหนก่อความวุ่นวายหรือทานข้าวเสียงดัง ผู้ถือครองปราณตะวันผู้นี้คงต้องขอยื่นมือเข้าไปอบรมนิดหน่อย .. ? ถึงใจจริงเขาค่อนข้างจะเปิดรับและไม่ค่อยอยากจะตำหนิติเตือนอะไรก็ตาม และการถูกทำลายเวลาแสนสงบมันไม่ส่งผลดีต่อรสชาติชาของเขาเท่าไหร่ ..

         โชค่อนข้างที่จะรักความสะอาดและความเป็นระเบียบถึงที่สุด , ทุกๆเช้าตื่นมาจะต้องพับผ้าห่มก่อนออกไปวิ่งออกกำลังกาย , เปลี่ยนรองเท้าและเก็บขึ้นชั้นในเรียบร้อยก่อนจะเข้าไปยังในบ้าน หรือแม้กระทั่งการใช้ปุกรณ์ภายในครัวก็ต้องเก็บล้าง , มีกฏเกณฑ์มากมายที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะเสริมสร้างวินัยให้กับตัวเอง , แน่นอนว่าไม่ต้องถามเรื่องฝีมือในการทำงานบ้านของเขาที่เป็นระเบียบและเนี๊ยบทุกนิ้ว .. ไม่มีละอองฝุ่นตัวไหนเล็ดลอดสายตาและปลายเครื่องดูดฝุ่นเขาไปได้ — และรังสีทะมึนรอบกายเขาจะเยอะเป็นพิเศษหากพบว่าสถานที่ๆเขาไปค่อนข้างจะรกและสกปรก

    ส่วนเรื่องเศษซากอสูรหรือคาวเลือด , มันเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ..

     

    「 เข้มแข็ง ไร้ซึ่งความอ่อนแอ 」

         นอกจากเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมากและแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ยกเว้นความรู้สึกเจ็บปวดหรือเศร้าสร้อยในตอนที่เห็นคนสำคัญตายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว หากเลือกได้ โชก็จะเลือกแสดงแต่ด้านดีๆออกมามากกว่าความหดหู่หรือเศร้าสร้อยพวกนั้น เช่น ความใจดีเสมือนพี่ชายที่กำลังดูแลน้องชายตัวเล็กๆ หรือจะเป็นการแสดงความเอ็นดูผ่านทางฝามือที่กำลังลูบศีรษะกลมๆนั่น

    แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างคล้ายกลับตาลปัตรไปหมด , ท่าทีของเขายังคงเยือกเย็น ดาบที่อยู่ในมือยังคงจับกระชับเอาไว้แน่น และลมหายใจอันคงที่นั้น —

    บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านักล่าอสูรผู้นี้พร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสียเต็มที่แล้ว

         อาจจะเป็นเพราะเขาค่อนข้างทำใจได้เร็วหากเกิดการสูญเสีย เพราะผ่านเหตุการณ์อย่างว่ามาถึงสามครั้งในวัยเด็ก — ทุกอย่างที่ระเบิดกระจายออกเหมือนพลุหล่อหลอมให้ระบบความคิดการจัดการความรู้สึกของเขาเป็นอย่างที่เห็น , ไม่มีสิ่งใดอยู่ในความคิดนอกจากการกวัดแกว่งดาบด้วยพลังที่มีเพื่อนำทุกอย่างกลับคืนมาอย่างที่โลกนี้ควรจะเป็น

         และการทำใจอันแสนจะรวดเร็วในสถานการณ์แบบนั้น มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาทีหลังอย่างไม่ต้องสงสัย , ถึงช่วงหลังๆที่เริ่มชินชากับการสูญเสียพวกพ้อง แต่ในตอนที่เห็นเครื่องแบบหรือกลิ่นคาวเลือดของพวกเดียวกันมากๆภายในวันเดียว , หลังจบภารกิจเขาอาจจะหายไปจมอยู่กับกองหนังสือ ปล่อยวางการจับดาบไม้ซักพักเพื่อรักษาจิตใจของตัวเอง , แต่ถ้ามีเรื่องจำเป็นเข้ามาให้ทำอีก โชก็พร้อมจะลุยต่อโดยไม่ลังเลหรือมีความอิดออดใดๆ

    อีกอย่างที่เขาทำใจเอาไว้แล้วหลังจากค้นพบผลกระทบของการใช้ปราณแรกเริ่มนี้ , ซักวันเขาอาจจะลงเอยแบบอดีตเสาหลักเพลิงที่คอยสั่งสอนเขาตอนเป็นนักล่าอสูรขั้นต้น — แต่ในตอนนี้ หน้าที่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เจามีชีวิตอยู่ต่อไป

     

    「 ผู้ใหญ่ที่จริงใจแอบขี้เหงา」

         ในยามปกติ โชจะไม่ใช่คนที่เริ่มบทสนทนา , เขาจะเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่าผู้พูด หรือเวลาที่อีกฝ่ายให้เสนอความเห็นอะไรเขาก็สามารถพูดในสิ่งที่คิดออกมาได้อย่างลื่นไหลและไร้การเสเเสร้ง , เขาชอบฟังบทสนทนาที่ถูกบรรยายด้วยน้ำเสียงระดับที่พอดี ไม่เบาหรือไม่ดังจนเกินไป ... ชอบความชัดเจนในคำพูด , ความชัดเจนในความรู้สึกจนดูเหมือนว่ากระบวนการคิดของชายหนุ่มผู้นี้จะดูเหมือนผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาหลายต่อหลายครั้ง , และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

         เดิมทีแล้ว โชค่อนข้างจะใส่ใจคนรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานบางคนที่สละเวลาว่างอันน้อยมานั่งทานขนมด้วยกันซักสองสามคำจะใส่ใจเป็นพิเศษ ( เชิญคุณสมายด์จับใครซักคนมาใส่ที่ตรงนี้ได้เลยค่ะ ฮือ55 ) และจะถือคติว่า 'จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น' ยกเว้นในกรณีที่มีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้อง .. แต่ทุกๆครั้งที่เวลานั่งดื่มชาหรืออะไรก็ตามแต่ , การนั่งเงียบๆโดยมีคนมาร่วมทานดังโงะสามไม้บนจานก็ไม่เลว — เว้นแต่ว่าเหล่าเสาหลักส่วนใหญ่จะเลือดร้อนและไฟแรงกันเกือบหมด(ในสายตาเขา) ภาพที่เห็นจนชินตาอาจจะดูคล้ายว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งกำลังนั่งจิบชาด้วยท่าทีสง่างาม

    แต่ความจริงแล้ว , จานกระเบื้องที่ถูกซ้อนมาอีกใบก็บ่งบอกถึงความขี้เหงาลึกๆของผู้ใหญ่คนนี้ได้เป็นอย่างดี ..

     

    「 เป็นผู้นำได้ ก็เป็นผู้ตามที่ดีได้เช่นกัน 」

         โดยพื้นฐาน , โชจะอยู่แต่ในฐานะผู้นำในขณะที่ได้ขึ้นมาเป็นเสาหลัก .. แต่ในเวลาเดียวกันที่ทางเบื้องบนพิจารณาว่ามีเสาหลักคนอื่นเหมาะสมที่จำเป็นฝ่ายนำภารกิจนี้โดยมีเขาเข้าไปร่วมงานด้วย , โชจะเปิดใจรับฟังสิ่งที่เพื่อนร่วมงานเสนอมาเสมอและพร้อมที่จะปฏิบัติตามเต็มกำลัง , เขาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแวงหรือปัญหาที่ไหน ด้วยความที่เป็นคนกินที่ไหน นอนที่ไหนก็ได้ , ถึงเรื่องอาหารการกินบางอย่างของเขาจะมีเงื่อนไขบ้างก็ตาม .. แต่ทุกๆครั้งเวลาอยู่กับเพื่อนคนอื่น ต่อให้เพื่อนในงานกลุ่มคนนั้นจะถามอะไร, ชายหนุ่มก็จะตอบกลับไปแค่อืออาเหมือนตามใจว่าจะเอายังไงก็ได้ ขอให้มันใช้ได้จริงและได้ผลที่คุ้มค่าสำหรับความตั้งใจก็พอ

     

    「 เด็กๆทุกคนไม่ควรเจ็บปวด 」

         โชคิดว่าเด็กทุกคนควรได้รับความรักและเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม , พวกเขาไม่ควรจะเจ็บปวดหรือสูญเสียสิ่งใดด้วยอายุเพียงแค่นั้น , เด็กๆควรจะได้นอนบนที่นอนอุ่นๆ ทานอาหารที่ดี และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม , น่าเสียดายที่ในยุคนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ควรจะเป็น .. เด็กๆพวกนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาต่อสู้กับอสูรพวกนั้นจนถึงลมหายใจสุดท้ายก็เป็นได้ .. หลายครั้งที่บรรยากาศตึงเครียดของเขาจะผ่อนคลายลงทันทีที่ได้นั่งมองหรือให้ความช่วยเหลือเด็กๆที่กำลังหลงทานซักคน , แต่ถ้าเป็นเด็กดื้อ .. เขาก็จะไม่ใจดีด้วยหรอก

    เพราะแค่สายตาคู่นั้นพร้อมความรู้สึกเหมือนก๊อตซิลล่าขย้ำโตเกียวก็ทำเด็กน้อยร้องไห้จ้าได้ไม่ยาก .. ซึ่งคงต้องเป็นเด็กดื้อแบบสุดๆถึงจะทำให้โชแสดงสายตาแบบนั้นออกมาได้

     

    「 เข้าถึงยากแล้ว ยิ้มก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ 」

         คุนาซากิ โช ค่อนข้างจะยิ้มยาก , เขาจำได้แค่วิธีการอมยิ้มหรือยิ้มที่มุมปาก ลืมเลือนวิธีเผยรอยยิ้มราวกับมีความสุขอย่างแท้จริงไปจนหมดสิ้น .. มันนานมากจริงๆกับการที่ไม่รู้สึกถึงสิ่งใดนอกจากความสงบ ,ช่วงเวลาที่ทำให้โชมีความสุขได้ก็คงจะเป็นตอนที่อยู่กับเด็กๆ , ส่วนเวลาเขินเพราะถูกชมเข้ามากๆ หรือมีคนให้ของขวัญเป็นขนมดังโงะและผงชาร้อน .. อะไรก็ตามแต่ ใบหน้าของเขาจะตายด้านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน , ขัดแย้งกับการกระทำที่ดูจะชัดเจนยิ่งกว่าอะไร โดยเฉพาะในตอนที่มีเด็กเล็กๆเข้ามาเกาะแขนเกาะขาหรือขอขนม , พี่ชายหน้าตายคนนี้ก็จะแบ่งให้โดยไม่มีท่าทีลังเลใดๆ , เพราะลึกๆแล้ว โชมีความรู้สึกรักและผูกพันกับเด็กตัวเล็กๆ ช่วยวัยประถมต้น

    เพราะมันทำให้เขานึกถึงตัวเองและเพื่อนๆในตอนที่อาศัยอยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ..

     

    ถึงจะยิ้มยากแค่ไหน , ถ้าเขายิ้มได้ละก็

    คุณจะรู้ว่าดวงตะวันในตอนนี้

    มันเจิดจ้ามากเลยทีเดียว

     

    ประวัติ : *อาจจะบรรยายชวนให้งงหรือมีคำแปลกๆนิดหน่อยนะคะ แฮะ UU /กราบ : Part 1Part 2Part 3Part 4

    งานอดิเรก :

    ฝึกดาบ ; ต่อให้งานหรือการสอบจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ไม่มีวันไหนเลยที่โชปล่อยให้ดาบไม้ของเขาอยู่ที่เดิมในห้อง , มันจะถูกหยิบขึ้นมากวัดแกว่ง , วาดเป็นกระบวนท่าฝ่าอากาศ จนบางครั้งก็จะได้ยินเสียงไม้หวดลมเสียจนดึก

    ดื่มชา ; เนื่องจากไม่ถูกกับน้ำอัดลมอย่างแรง นมหวานอะไรก็ไม่เอา บางครั้งก็ชงชาแบบโบราณดื่มเอง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีฝีมือในการชงชาดีพอสมควรเลย

    อ่านหนังสือ ; เนื่องจากจับพลัดจับผลูมาเรียนคณะนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ต้องอ่านหนังสือเยอะเป็นพิเศษ .. ถึงหนังสือส่วนใหญ่ที่อ่านจะเป็นประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เรื่องเล่าลี้ลับในยุคเซ็นโกคุก็ตาม /..

     

    สิ่งที่ชอบ :

    ชาร้อนและดังโงะสอดไส้ถั่วแดงกวน ; คล้ายกับเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด ไม่ได้กินซักสามวันอาจจะมีคนลงแดงก็เป็นได้

    ฝนตกแดดออก ; ทุกครั้งที่มองไปบนฟ้า โชเหมือนเห็นภาพของเขาสะท้อนอยู่ในนั้น เนื่องจากตัวเขาไม่ใช่ดวงตะวันที่สดใสเหมือนผู้ใช้ปราณคนอื่นๆ —กลับกัน , ทุกอย่างจะสว่างขึ้นมาในตอนที่ดาบนิจิรินถูกชักออกจากฝักเท่านั้น

    หนังสือเรื่องลี้ลับ , ตำนานเรื่องเล่าของญี่ปุ่น ; เพราะนอกจากอสูรที่มีจริงแล้ว เขาก็ยิ่งอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรที่ประหลาดและวิปริตกว่านี้ขึ้นมาบ้างไหม

    เด็กๆ ; เพราะเติบโตขึ้นมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีแต่เด็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้โชจะสามารถผูกพันกับเด็กๆพวกนั้นได้มากกว่าเพื่อนที่คลาสเรียนซะอีก

    ความสงบ ; เพราะเป็นช่วงเงลาที่เขาจะมีสมาธิ , ได้ยินเสียงสายลมและเสียงรอบข้าง ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศได้มากที่สุด

    ความเป็นระเบียบ ; เหตุผลไม่ต่างจากข้อข้างบนเท่าไหร่ , แต่ห้องที่เป็นระเบียบ , หนังสือที่ถูกเก็บขึ้นบนชั้นมันทำให้รู้สึกโล่งใจและทำอะไรคล่องกว่า

     

    สิ่งที่ไม่ชอบ :

    ที่แคบ ; มันทำให้การจะทำอะไรๆยากไปหมด แม้กระทั่งการปราบปีศาจ รวมไปถึงการหาที่ตั้งหลัก

    ความไม่เป็นระเบียบ ; ฝึกตัวเองให้มีระเบียบวินัยยังไม่ได้ จะเอาอะไรกับการเป็นนักล่าอสูร

    น้ำตา ; มันเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความอ่อนแอ โชเลยไม่ชอบร้องไห้ และทุกๆครั้งที่เห็นใครซักคนร้องไห้ เขาจะเบือนหน้าหนีเสมอโดยไม่คิดจะปลอบโยนใดๆ

    อาหารรสจัด ; โดยเฉพาะรสเค็มๆที่ดูจะมากเกินหลักโภชนาการของซุปทั้งหลาย

    น้ำหวานต่างๆ ; นมหวานก็ไม่เอา น้ำอัดลมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ใช่ว่าดื่มไม่ได้ แต่เลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยง ..

     

    สิ่งที่เกลียด :

    อสูร ; เพราะมันเป็นสิ่งที่พรากทุกสิ่งทุกอย่าง— ทั้งที่ยึดมั่นทางใจ , ที่พักอาศัย หรือชีวิตแบบปกติที่เขาอยากจะมี

    ท้องฟ้าสีแดงก่อนพายุจะเข้า ; มันทำให้โชนึกถึงอดีต , วันที่ปีศาจพวกนั้นบุกเข้ามาชิงตัวเขาพร้อมกับฆ่าทุกคนที่อยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าไปจนเกือบหมด ..

    ✖ การที่ได้ยินคนสำคัญถูกพูดถึงในแง่ลบ ;  เพราะโชค่อนข้างยึดมั่นในสายสัมพันธ์และมิตรภาพมากกว่าสิ่งใด .. ถ้ามีใครมาพูดถึงบุคคลเหล่านั้นในแง่ที่ไม่ดีและไม่ใช่ความจริง อาจจะวูบทันทีที่พูดจบก็เป็นได้ ..

     

    สิ่งที่กลัว :

    ความอ่อนแอในจิตใจ ; มันทำให้การตัดสินใจของเขาช้าลง ทำอะไรไม่เด็ดขาด แถมยังทำให้เกิดความประมาทโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย ซึ่งมันไม่มีทางเกิดขึ้นกับโช , เจ้าตัวมั่นใจว่าอย่างนั้น

    การสูญเสียความเป็นตัวเอง ; ความรู้สึกนึกถึง ความทรงจำ และความด้านชาที่ทับถมหัวใจของเขาเอาไว้คือสิ่งล้ำค่าที่สุดที่โชมี , ต่อให้เขาจะถูกครอบงำหรือใช้ปราณจนหมดลมหายใจ .. สิ่งสุดท้ายที่เขายึดมั่น คือการไม่สูญเสียความเป็นตัวเองไปกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต

    การสูญเสียสิ่งสำคัญ ; โดยเฉพาะเพื่อนคนสำคัญอย่างคิเรย์ , อีกฝ่ายสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว เขาไม่อยากให้เจ้าตวเจ็บปวดไปมากกว่านี้ .. เพราะถ้าเกิดการสูญเสียขึ้นอีก , จะโทรศัพท์จากเบื้องบนหรืออะไรก็ตามแต่ ก็ไม่สามารถยั้งความตั้งใจของโชที่จะฆ่าปีศาจที่มาทำร้ายเพื่อนเขาได้แน่ๆ

     

    แพ้ : -

     

    ปราณ : ตะวัน

     

    ดาบนิจิริน : ดาบคาตานะสีแดงหม่นที่ต้องประกายในยามอาบแสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ ด้ามจับห่อด้วยแผ่นหนังสีเข้ม , พันเอาไว้ด้วยผ้าสีดำและเชือกสลับสีบริเวณปลอก โกร่งดาบคล้ายเหรียญกษาปณ์สลักรูปดวงตะวัน ความยาวของใบดาบยาวกว่าความยาวมาตรฐานของคาตานะเล็กน้อย คมดาบในตอนที่โชถือในครั้งแรกเป็นสีแดง มีน้ำหนักพอเหมาะสำหรับผู้ถืออย่างพอดิบพอดี

    Beautiful Katana Samurai Sword, crafted using traditional forging techniques. Buy online with great prices, FREE Shipping, 100% money back guarantee.

     

    เครื่องแบบ :

    >ฉูดฉาดแบบอุซุยซัง(?)<

    เครื่องแบบจะเป็นโทนสีดำล้วนทั้งหมด มีเพียงชายแขนเสื้อและชายเสื้อที่เป็นขาวบริสุทธิ์ เนื่องจากดวงตะวันอยู่กับกึ่งระหว่างแสงแดดและเปลวเพลิง ทำให้โชเลือกสีที่เป็นสีสุดท้ายเมื่อนำแสงสีมารวมกันแทน

     

    ความสามารถพิเศษ1 :

    เป็นคนที่มีสมรรถภาพทางกายดีเป็นพิเศษ ; ลงดาบได้อย่างเด็ดขาดและรวดเร็วดุจดวงตะวันที่ทอแสงแรงกล้าในยามค่ำคืน มีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการใช้กล้ามเนื้อสูง วาดดาบได้ในวงกว้างและรวดเร็วอย่างที่ยากจะเลียนแบบ

    มีประสาทสัมผัสการได้ยินที่เฉียบคม ; เสียงสายฝนที่อยู่ห่างออกไป , กระทั่งเสียงผีเสื้อกระพือปีก—หรือเพียงแมลงปอแตะลงบนผิวน้ำ โชได้ยินมันทั้งหมด

    มีไหวพริบอันว่องไว ; ทุกๆครั้งที่ถูกซุ่มโจมตีหรืออะไรก็ตามแต่ , โชจะตั้งรับได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกโจมตีจากข้างหลัง , ในความมืด หรืออะไรก็ตามแต่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้นว่าอำนวยให้เขาได้เปรียบมากเท่าไหร่

    พื้นฐานของการเป็นนักล่าอสูร ; ทั้งการฟื้นทวงท่าอย่างรวดเร็ว , ศิลปะป้องกันตัวโดยไร้ดาบ , การบริหารลมหายใจ , หรือแม้กระทั่งการวิ่งระยะทางไกลๆด้วยความเร็วอันคงที่ เขาทำมันได้หมด

    พื้นฐานศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่น ; เขาเรียนรู้และนำมาใช้ได้ แต่นอกจากเคนโด้แล้วก็ไม่ได้เด่นในด้านใด้ด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะโชไม่คิดจะไปมีเรื่องหรือหาเรื่องกับใครก่อน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ , เขาจะชอบใช้แต่ท่าตั้งรับจนรอให้อีกฝ่ายรามือเท่านั้น .. หรือถ้าไม่ยอมหยุด ก็เน้นสันมือเดียววูบไปเลย

    ความจำดีเป็นพิเศษ ; เป็นคนที่อ่านหนังสือเพียงแค่รอบเดียวก็จะสามารถจำเอาไว้ในหัวได้โดยไม่ต้องอ่านซ้ำ , แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็จะชอบหยิบหนังสือบางเล่มขึ้นมาอ่านบ่อยๆ

     

    ความสามารถพิเศษ2 :

    ชงชา ; เป็นพรสวรรค์ที่เขามีตั้งแต่จำความได้ , และเพราะชงดื่มเองบ่อยๆ เหล่าผู้ใหญ่ที่เรียกใช้ต่างก็พากันยกนิ้วให้แม้ว่าโชจะชงชาด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรก็ตาม

    ทำขนม ; โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่นโบราณ , ถึงในปัจจุบันจะหาทานง่ายและราคาถูก แต่ขนมต้นตำรับแทบจะเรียกได้ว่าสูญหายไปจากแผ่นดิน— โชเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำให้เหมือนสูตรดั้งเดิมได้ด้วยปลายจวักของเขาเอง

    เล่นกีฬาได้แทบจะทุกประเภท ; เพราะต้องฝึกสมรรถภาพทางกายเป็นประจำเพื่อรับมือภารกิจแบบกระทันหันอยู่แล้ว ถึงปกติจะใช้เวลาไปกับหนังสือซักเล่มและไม่ค่อยออกมาเล่นกีฬากลางแจ้งก็ตาม .. แต่โชก็สามารถเล่นได้ทุกอย่างจริงๆ

     

    รสนิยมทางเพศ/สเป็คที่ชอบ : โชไม่เคยคิดเรื่องรักๆใคร่ๆจริงจัง การที่เขาไม่เคยบอกชอบหรือสารภาพความรู้สึกกับใครไม่ใช่ว่าเขาอยากคบคนหน้าตาดีๆหรือเพรียบพร้อม เพียงแค่ต้องการคนที่จะคอยรับฟังและเป็นที่พึ่งพาได้— แบบเพื่อน จะเพศไหนหรือนิสัยอย่างไรก็ไม่เกี่ยง คอยประคองกันเอาไว้ในวันที่ต่างฝ่ายต่างล้ม และพากันก้าวไปข้างหน้า .. ที่สำคัญต้องมานั่งทานขนมฝีมือเขาบ่อยๆด้วย / ...

     

    บุคคลที่เกี่ยวข้อง :: จิ้ม

     

    เหตุผลที่มาเข้าร่วมหน่วยนี้ : คอยปกป้องเด็กๆในบ้านคุนาซากิและเพื่อนที่เหลือเพียงคนเดียว .. , ปกป้อวมนุษย์ทุกคนเพื่อที่จะไม่ต้องการให้พวกเขาพบกับความสูญเสียแบบที่เขาเจอ , และเหตุผลที่สำคัญจริงๆอีกอย่างคือ

    เพื่อกำจัดต้นกำเนิดของอสูร , ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของคิบูสึจิ มุซัน .. ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

     

    ;: เทคนิคในการฆ่า :;

    แทงดาบทะลุเข้าที่กลางลำคอ , บิดข้อมือแรงๆจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น— พร้อมกับศีรษะของอสูรที่แหลกกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยค่อยๆสลายหายไป

    ในกรณีที่ไม่อยากตัดคออสูรบางตน , โชจะใช้เทคนิคที่เขาคิดขึ้นมาเองหรือ 'ดวงอาทิตย์แห่งทะเลทราย' บิดเบือนแสงของดวงจันทร์สร้างภาพหลอนขึ้นมา , มีผลทำให้อสูรที่มองคล้ายกับว่าได้ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจริงๆจนร่างแหลกสลายเป็นเถ้าถ่าน **ซึ่งกระบวนท่านี้ค่อนข้างจะกัดกินลมหายใจพอสมควร นานครั้งจริงๆถึงจะใช้ และจำเป็นต้องใช้คืนที่มีแสงจัทร์เท่านั้น เพราะแสงของดวงจันทร์แท้จริงแล้วเป็นแสงสะท้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์ เปรียบเปรยว่าผู้ใช้มันหรือคุนาซากิ โช คือดวงตะวันท่ามดลางความมืดมรณาที่กำลังกัดกินตัวตนของผู้คน

     

    ;: ความรู้สึกที่มีต่ออสูร :;

    ดวงเนตรสีสว่างเปรยขึ้นมองคำถามตรงหน้าด้วยความเรียบนิ่งคล้ายกับไม่รู้สึกจงเกลียดจงชังใดๆกับสิ่งที่พึ่งเอ่ยขึ้นมา , มีเพียงฝามือที่ยกขึ้นลูบใบหน้า , หาเหตุผลมาตอบคำถามที่คล้ายกับตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตนเองรู้สึกอย่างไร .. ทั้งๆที่รู้ตัวเป็นอย่างดี

    โชพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ , ก่อนจะค่อยๆทอดกายนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวภายในห้อง— มือหยาบกร้านจากการจับดาบมานับครั้งไม่ถ้วยค่อยๆประคองถ้วยชาร้อนขึ้นจิบ ..

    " ตราบใดที่อสูรพวกนั้นยังหาเหตุผลในการตัดสินใจของพวกเขาไม่ได้"

    " การฆ่าพวกเขาเพื่อจะหาเหตุผลในการมีชีวิตต่อไปคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะตอบ"

    " ฉันจะล้างเฝาพันธุ์พวกนั้นให้หมด .. "

     

    ในยามสังหารอสูร : ใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่งอย่างที่หาได้ยาก , มีความสุขุมและเยือกเย็นยิ่งกว่าในคราวปกติ .. แต่ทุกครั้งที่ดาบนิจิรินเล่มนั้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์— ดวงตาของเขาจะเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและรังสีอำมหิตชวนให้คนมองขวัญผวา , ทุกท่วงท่าล้วนเต็มไปด้วยความแน่วแน่และมั่นคง , โชไม่เคยปล่อยดาบให้หลุดจากมือเลยแม้แต่ครั้งเดียว ประหนึ่งว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายเขา

    และทุกครั้งที่ต่อสู้ , เขาจะรู้สึกว่าปีศาจตรงหน้าไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิด ..

    ตราบใดที่ยังไม่เจอทายาทของคิบูสึจิ มุซัน คำว่า'หวาดกลัว'ก็ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมเขาอีกต่อไป!!

     

    ;: ข้อมูลเพิ่มเติม :;

    โชเป็น'มาเรชิ' หรือมนุษย์ที่ปีศาจกินแล้วจะมีพลังเทียบเท่ากับการได้กินมนุษย์หลายๆคนพร้อมกันนั่นเอง เพราะแบบนั้นเขาจึงระวังตัวตลอดเวลา , และไม่เคยมีปีศาจตนใดที่จะเล็ดลอดออกไปจากสายตาเขาได้ทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ (ยกเว้นว่าทางการสั่งให้จับเป็น)

    มีปานที่หน้าผากฝั่งขวา

    เขาไม่ทานอาหารรสเค็มจนเกินไป เพราะเรื่องราวของแม่เลี้ยงที่ใส่เกลือลงในซุปของทุกคนยกเว้นมิซากิกับคิเรย์ , รสชาติของมันยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น

    ❖ เลือกเรียนคณะแพทย์ศาสตร์เพราะอยากช่วยชีวิตคนป่วยอีกทางไปพร้อมๆกับการกำจัดอสูร แต่พอเห็นหน่วยแพทย์หัวกะทิของเมือง โชก็มีแพลนว่าจะซิ่วหลังจากเรียนจบชั้นคลินิกลงไปเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาวิชาญี่ปุ่นอย่างจริงๆจังๆแทน เพราะการเป็นนักล่าอสูรก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตผู้คนแล้ว

    สาเหตุที่คุนาซากิ จิฮิโระ เกลียดโช ก็เพราะนักล่าปีศาจสองคนที่ตายไปจากการปะทะกันเมื่อหลายปีก่อนคือลูกสาวและลูกชายของคุณแม่จิฮิโระทั้งคู่ ส่วนมิ.ากิและคิเรย์ที่ดูจะได้รับความรักมากกว่าคนอื่นๆภายในบ้าน ก็เป็นเพราะทั้งคู่มีใบหน้าคล้ายสองแฝดคุนาซากินั่นเอง

    ยาที่อิชิฮาระ ไทกะ ส่งให้บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าคุนาซากิเป็นยาพิเศษที่ถูกทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับโช , เพื่อกดความทรงจำแสนขมขื่นที่อาจจะทำให้เจ้าตัวเสียสูญเอาไว้ , เพราะคำขอสุดท้ายก่อนที่แฝดคุนาซากิที่เป็นนักล่าอสูรในหน่วยเขาพูดเอาไว้ว่า 'อยากให้เด็กคนนั้นใช้ชีวิตแบบธรรมดามากที่สุด' แม้ว่าสุดท้ายโชจะได้รับรู้ความจริงในตอนเติบโตเป็นนักล่าอสูรแล้วก็ตาม

    สาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยจะอยากมีคนรัก เพราะกลัวการสูญเสียที่ยังคงฝังอยู่ในใจ , กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจหรือรับไม่ได้ถ้าเขาพิการและแก่ตัวลง .. เขาจึงขอเดินบนเส้นทางนี้ด้วยตัวคนเดียวดีกว่า

    สาเหตุอีกอย่างที่ไทกะไม่ยอมบอกเรื่องปราณตะวันจนโชรับรู้เอง เพราะไม่อยากให้โชรับภาระทางใจและรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าของผู้ใช้ปราณตะวัน

    ทุกครั้งที่หอบชากับขนมดังโงะไปนั่งทาน จะมีดังโงะสามไม้ , และจานซ้อนกันมาสองใบ(...) เนื่องจากโชค่อนข้างจะถือเรื่องมารยาท เวลามีคนมาขอทานดังโงะ เขาจะหยิบแบ่งใส่จานให้ , หรือถ้าเป็นชา ก็จะลุกขึ้นไปยกชุดน้ำชามาชงให้ตรงนั้นเลย ..

     

    ❖❖❖

     

    โรลเพลย์

     

    1) ยามรัตติกาลที่มองไม่เห็นแม้แต่แสงจันทร์ในยามคํ่าคืนเดือนมืดนี้ปรากฎร่างของคนๆหนึ่งขึ้นมา ในมือนั้นกระชับอาวุธเอาไว้แน่นราวกับรอคอยบางสิ่งบางอย่างที่จะปรากฎออกมาให้เห็น กระทั้งสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัวพวกมันถูกเรียกว่าอสูรนั้นได้พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วจากความมืด หมายจะเอาชีวิต

    :: ไร้ซึ่งเสียงฝีเท้าใดๆ นอกจากเสียงกรีดร้องของสายลมยามมีบางสิ่งพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว !—ร่างนั้นย่อกายลงเล็กน้อย , ชูปลายดาบขึ้นคล้ายดวงตะวันหมายจะประกาศิตกับจันทราเบื้องบน

    ก่อนมือแกร่งจะชักดาบกลับเข้าหาร่าง .. หันปลายดาบของนิจิรินสู่ร่างที่พุ่งเข้ามาจากในความมืดหมายจะเข้าชีวิตนักล่าอสูรเบื้องหลัง

    และทันทีที่'สิ่งนั้น'พุ่งเข้ามาใกล้ พลันเกิดประกายคมปลาบจากคมดาบสีแดงฉาน—พุ่งทะลุลำคออันเน่าเฟะของพวกมันอย่างเหมาะเจาะ , ก่อนร่างนั้นจะสะบัดมือจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น

    พร้อมกับศีรษะของอมนุษย์ที่ระเบิดกระจุยออกไปทุกทิศทางอย่างน่าสยดสยอง !

    เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น , ร่างสูงที่เห็นว่า'มัน'ใกล้จะตายเต็มทนจึงหันกลับมา—ใช้แผ่นหลังที่เขียนคำว่า 'ทำลาย'สลักเอาไวรับเศษซากอันน่าสยดสยองพวกนั้นแทนใครอีกคนที่เขาพึ่งช่วยเอาไว้เมื่อครู่ ..

    อำพันคู่คมเลื่อนลงมองร่างตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ มิแปลกจากฉายาที่เจ้าตัวได้รับ

    ดวงตะวันผู้ไร้ซึ่งบริวาร

    .. ทว่าในตอนนี้ ..

    ดาบเล่มยาวถูกเก็บลงฝัก

    พร้อมริมฝีปากที่ขยับเล็กน้อย , ทว่าคำพูดกลับซึมลงไปในใจของผู้ฟังราวกับมีมนต์สะกด

    " เป็นอะไรไหม .. ? "

    ❖❖❖

     

    2) "พี่ฮะๆพี่เชื่อในเรื่องของอสูรรึเปล่าฮะ?" เด็กน้อยดวงตากลมโตส่งสายตาแวววาวแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็น "ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มนึงที่เค้าบอกกันว่าอสูรมีจริงแต่พ่อกับแม่ของผมบอกว่านั้นเป็นแค่เรื่องไร้สาระ" เด็กน้อยตรงหน้าดูมีท่าทีที่สับสนเล็กน้อย "พี่คิดว่ามันมีจริงรึเปล่า?"

    ; ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยในขณะที่เอื้อมมือไปรับกล่องดังโงะสีสวยจากพนักงานเคาน์เตอร์ตรงหน้า ก่อนมือหนาจะเลื่อนแบงค์สกุลเยนและบัตรสมาชิดให้เป็นการแลกเปลี่ยน

    ดวงตาสีสว่างยังคงราบเรียบ , แต่ร่างที่ย่อกายลงเพื่อให้ส่วนสูงเท่านั้นนั้นกลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเองก็สนใจในเรื่องที่เด็กชายพูดอยู่ไม่น้อย .. เปลือกตาสีอ่อนปรือลงอยู่พักหนึ่ง , ก่อนจะขยับขึ้นสบกับแก้วตากลมโตคู่นั้น

    " ถ้าพี่บอกว่ามันมีจริง , เราจะเชื่อพี่ไหม .. ? "

    กล่าวพลางหันไปบอกเลขบัตรสมาชิกกับหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ของร้านกาแฟภายในมหาวิทยาลัยด้วยความเคยชิน

     

    "อืมมมม..... อย่างนั้นเหรอครับ ผมก็เชื่อแบบนั้นนะ" เขามีท่าทีที่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาทำให้เห็นฟันซี่หนึ่งที่เป็นรูโหว่ง "แล้วพี่คิดว่าอสูรน่ะจะมีตัวดีๆมั้ยอ่ะเพราะที่บอกๆกันมามีแต่ตัวที่น่ากลัวๆทั้งนั้นเลย"

     

    ; คำถามต่อมาทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ..

    ปีศาจตัวดีๆ ?

    พลันนึกถึงแววตาของเธอคนนั้น— ปีศาจผู้เป็นอดีตเพื่อนวัยเด็กที่เคยฝ่าฝันความลำบากมากมายมาด้วยกันกับเขาและใครอีกคน , ผู้ที่คอยเป็นที่พักพิงทางใจ , ผู้ที่เป็นเหมือนคุณแม่ที่คอยเอาใจใส่พวกเขาสองคนอยู่เสมอ ..

    มันคงไม่มีอยู่จริงหรอก , ตราบใดที่ทายาทของราชาอสูรผู้นั้นยังไม่หายไปจากโลกใบนี้— และนั่น .. อาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาเกิดมาเป็นนักล่าอสูรก็เป็นได้

    ถึงอย่างนั้น , รอยยิ้มน้อยๆจนเรียกได้ว่าเป็นการอมยิ้มมุมปากก็ถูกส่งไปให้เด็กชายช่างสงสัยเบื้องหน้า

    " ไม่มีหรอก .. ถึงจะมี , สุดท้ายก็ถูกกำจัดอยู่ดี .. "

     

    "ฮ่ะๆผมก็คิดเหมือนกับพี่นะ คุยกับพี่นี่สนุกจังแต่ผมต้องไปแล้ว..." ท้ายประโยคนั้นเจือไปด้วยความเสียดาย เด็กน้อยกระโดดลงมาจากม้านั่งอย่างร่าเริงก่อนจะหันมายิ้มแย้มด้วยใบหน้าที่มีเลศนัย "ขอให้โชคดีนะครับคุณนักล่าอสูร" หลังจากจบประโยคขาสั้นๆทั้งสองข้างก็ออกวิ่งด้วยความรวดเร็ว

     

    ; ถึงจะตะหงิดใจในท่าทีที่ดูมีเลศนัยเหล่านั้น , แต่ความที่อีกฝ่ายเป็นเด็กทำให้โชไม่ลืมจะแกะกล่องขนมหอมฉุยออก , ดังโงะพรีเมี่ยมอันหนึ่งที่ถูกจ่ายด้วยเงินเดือนเขาบนไม้เสียบพลาสติกยื่นให้ร่างตรงหน้า , ดวงตาสีอำพันที่เผยแววความสงสัยออกมาชั่วครู่จำต้องเก็บมันลงไปอย่างรวดเร็ว

    คงไว้ซึ่งความเรียบนิ่ง , ความใจดีของพี่ชายที่มีต่อเด็กชายตัวเล็กๆเท่านั้น

    แม้ในใจเขาจะไม่ได้ยินดีอย่างที่คิดก็ตาม ..

     

    แผ่นหลังน้อยๆนั้นก็ค่อยๆลับสายตาไป จนภาพเบื้องหน้านั้นเห็นแต่ความว่างเปล่าราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เป็นเพียงแค่ความฝัน ความฝันที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก....


    ❖❖❖

     

     

    คุยกับนักเขียน

    ไรท์ ; สวัสดีค่าไรท์มีชื่อว่าใบหม่อนนะคะ มีนามแฝงว่าสมายด์ อยากทราบชื่อของทางนั้นจังเลยค่ะ!

    ♥ ; เรียกเราว่าฮูกก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ//-\\

    ไรท์ ; ชื่อน่ารักจังค่ะ/// ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณที่เข้ามาสมัครน้า แต่ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้เหรอคะ? //เลิกลั่กๆ

    ♥ ; พอดีว่าพึ่งกลับมาเล่นเด็กดีน่ะค่ะ พอเสิร์ชเจอนิยายของทางนั้นแล้วรู่สึกอะดรีนาลีนาลินมันพลุ่งพล่าน— เอาล่ะ ฮูกจะส่งเรื่องนี๊!

    เข้าใจแล้วค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าขึ้นชื่อว่า Yaiba ต้องมีคนตายอย่างแน่นอนรวมถึงการมีฉากที่รุนแรง คือในเรื่องนี้น่ะค่ะจะยอมรับได้มั้ยถ้าเกิดลูกๆของทางนั้นจะต้องโดนทรมาณ?และนอนแบบไม่ฟื้นขึ้นมาอีกTT

    ♥ ; ทุกอย่างมันจะโอเคค่ะ ตับบินเรียบร้อยตั้งแต่ภาครถไฟของพี่เร็นกับต้นกำเนิดนางาเระของอ.เข้แล้ว ไหนจะซันโบรตอนสู้กับครัวซองอีก เอื้ออ

    ดังนั้นแล้วเพื่อเป็นการฮีล?หัวใจ อยากจะให้น้องในเรื่องทำอะไรในเนื้อเรื่องดีคะ? ใช้ดาบฟันลุงข้างบ้านก็ได้ค่ะ//โดนตรบ รีเควสมาได้เลยค่า

    ♥ ; อยากให้เขาใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆเหมือนคนปกติเลยค่ะ! นั่งจิบชามองคนตีกันก็ดี(?)

    ถ้าเกิดมีส่วนที่ต้องปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมไรท์จะแจ้งให้ทราบอักทีนะคะ โชคดีค่า ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ 3

    ♥ ; รับทราบค่ะ ช่วยเอ็นดูคุณโชที่เขียนด้วยฟีลลิ่งโยริอิจิซังด้วยนะคะ ฮาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×