ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR : Reborn] The Lust Prince | all27 (omegaverse)

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue - อารัมภบท

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 62



    Prologue :: อารัมภบท

     

     

     

              ภาพแรกที่เขาเห็นคือภาพของตำหนักที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก

     

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!

              “ไม่นะ! อย่าฆ่าข้า ปล่อยข้าไปเถอะ!

              “อย่าเข้ามานะ!

              “ใครก็ได้ช่วยด้วย!!

              “อย่าให้พวกมันเข้าไปทำร้ายองค์ชายในตำหนักได้!!

     

              ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มในชุดผ้าไหมราคาแพงยืนมองภาพตรงหน้าด้วยนัยน์ตาสั่นระริก มือเรียวที่กำลังเกาะต้นไม้อยู่สั่นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตำหนักที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในนั้นมาตลอด 17 ปีกำลังถูกละเลงไปด้วยหยาดโลหิต เหล่าชายฉกรรจ์มากมายในชุดสีดำกลมกลืนไปกับความมืดตวัดแกว่งดาบปลิดชีพเหล่านางกำนัลและทหารที่ดูแลเขามาตั้งแต่เกิด

     

              “ไม่นะ” ขาเรียวขยับเข้าไปข้างหน้า หวังจะวิ่งไปช่วยแม่นมที่กำลังถูกแทงจากด้านหลัง ความว่องไวของฝีดาบเหล่านั้นเหนือการคาดเดา เพียงแค่ดาบเดียว..ก็สามารถชิงวิญญาณของหญิงวัยกลางคนไปได้อย่างง่ายดาย

     

              ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่เดินออกมารับลมเล่นข้างนอกแท้ๆ

     

              ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างยังปกติดีอยู่แท้ๆ

     

              เพียงแค่ชั่วยามเดียว มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

     

     

     

              ภาพที่สองที่เขาเห็น เป็นร่างไร้ชีวิตของผู้เป็นบิดาที่ล้มลงต่อหน้าต่อตาพร้อมหยาดโลหิตที่สาดกระเซ็นไปทั่ว ภาพของน้องชายฝาแฝดที่ถูกแทงจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ร่างของพี่ชายร่วมบิดาที่บาดเจ็บสาหัส นัยน์ตาทั้งสองข้างมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

     

              เขาได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ

     

              ได้เห็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกและช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี

     

              ได้เห็นร่างกายของตัวเองที่ถูกกระทำย่ำยีราวกับเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน ต้องรองรับความมักมากในตัณหาของพวกคนน่ารังเกียจด้วยความไม่เต็มใจ

     

             สกปรก

     

              กลิ่นคาวชวนแหวะปะปนกับกลิ่นคละคลุ้งของโลหิตที่อบอวลไปทั่วตำหนักทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน อยากจะขัดขืน แต่กลับมีแรงไม่มากพอ ทั้งมือใหญ่ที่บีบคอเขาราวกับอยากจะให้ขาดอากาศหายใจตายนั่นก็ดี อวัยวะโสมมที่เข้ารุกรานร่างกายเขานั่นก็ดี เสียงกรีดร้องของพี่ชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่นั่นก็ดี

     

             ทรมาน

     

             อยากตายเสียเหลือเกิน

     

     

     

              ภาพที่สามคือชายฉกรรจ์น่ารังเกียจที่ถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา ดาบญี่ปุ่นสีเงินอาบไปด้วยโลหิตสีแดงดำน่าสะอิดสะเอียน ศีรษะของพวกมันถูกตัดภายในดาบเดียวให้สาสมกับโทษที่ได้กระทำลงไป ชายร่างสูงใหญ่ผู้ช่วยให้หลุดพ้นจากการตักตวงอันน่ารังเกียจที่แสนยาวนานเกือบสองชั่วยามคุกเข่าลงตรงหน้า นัยน์ตาสีดำขลับเหม่อมองกายบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงด้วยสายตายากจะคาดเดาความคิด

     

              หากแต่บรรยากาศรอบตัวกลับยิ่งแผ่กลิ่นอายน่าขนลุก

     

              ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะเบนไปมองร่างไร้ชีวิตของบิดาและน้องชายฝาแฝดของเขา และมองไปยังพี่ชายของเขาผู้สูญเสียความสามารถในการมองเห็นไป นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มฉายแววแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ยากจะหยั่งถึง มือที่กำลังจับไหล่ของเขาอยู่บีบแน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด

     

              “พวกมันกล้าดียังไง..”

     

              “...”

     

              “แม้แต่ความตายที่ข้ามอบให้พวกมัน ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่พวกมันพรากไปจากเจ้า”

     

     

     

              ภาพที่สี่คือภาพภายในท้องพระโรงที่ใหญ่โตโออ่า ภาพของมารดาผู้มีตำแหน่งเป็น องค์จักพรรดินี ผู้นำสูงสุดของอาณาจักรนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทางสวยสง่าสมกับฐานะ นัยน์ตาคู่นั้นหรี่ลงมองเขาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาอ่านยาก สายตาทุกคู่ของเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงกำลังจับจ้องมายังเขา มองร่างกายของเขาราวกับเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ ราวกับเขาเป็นสิ่งสกปรกโสมม

     

              เรื่องที่องค์ชายแปดแห่งราชวงศ์ซาวาดะกลายเป็น ของมีตำหนิ กลายเป็นข่าวดังในแวดวงชนชั้นสูงและเหล่านางกำนัลในวังหลัง

     

              “จากหลักฐานที่พวกกระหม่อมได้มา ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ อิเอมิสึ วางแผนก่อกบฏพะยะค่ะ” ขุนนางชราผู้หนึ่งก้าวขาออกมาข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

     

              “โชคดีจริงๆเลยที่โจรพวกนั้นมันบุกมาฆ่าสุนัขเลี้ยงไม่เชื่องนั่นไปซะก่อน”

              “นั่นสิ ไม่งั้นอาณาจักรของเราคงตกไปอยู่ในมือมันหมด”

              “สมควรแล้ว”

              “ตายๆไปซะได้ก็ดี”

              “ชูคออยู่ตั้งนานในฐานะ 1 ใน 4 นายสนมเอกของฝ่าบาท กลับเลี้ยงไม่เชื่อง คิดทรยศแบบนี้ก็สาสมแล้ว”

     

              เขาเกลียดเสียงนินทาพวกนั้น เกลียดเสียงนกเสียงกาพวกนั้น

     

              และที่เกลียดที่สุด

     

              คือมารดาของเขาที่สั่งเนรเทศเขาและพี่ชายไปอยู่อาณาจักรอื่นเพราะคำพูดพวกนั้น

     

              นึกชิงชังพวกโจรเหล่านั้นที่พรากครอบครัวไปจากเขา นึกชิงชังโชคชะตาที่เล่นตลกทำให้เขาต้องกลายมาเป็นของมีตำหนิ นึกชิงชังพวกขุนนางน่ารังเกียจที่จ้องจะฮุบอำนาจของพวกเขาไปจนหมด

     

              และนึกชิงชัง..มารดาที่พรากแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของเขาไป

     

              พรากคนรักของเขา

     

              ทำให้คนรักของเขาต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับคนอื่น

     

              เขาชิงชังทุกอย่าง ชิงชังพวกมันทั้งหมด และชิงชังโลกใบนี้

     

     

     

              และภาพสุดท้าย..คือภาพของชายคนนั้นที่ช่วยเขาเอาไว้

     

              รีบอร์นหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ก้มหน้าลงต่ำจนริมฝีปากแนบชิดกับใบหูของเขา  

     

              “ชะตากรรมขององค์หญิงและองค์ชายแห่งราชวงศ์ซาวาดะ หากไร้ซึ่งอำนาจ ซึ่งที่รอคอยเจ้าอยู่ที่ปลายทาง ก็มีเพียงความตายอันหนาวเหน็บเท่านั้น”

     

              “....”

     

    “เลือกมาสิ เจ้าจะอยู่..หรือจะตาย”

     

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×