คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER # 1: วันที่ความสุขโบยบินไป (ฮือๆ นายคิมนะนายคิม)
“ก๊อก ๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ดังขึ้นในเช้าตรู่วันธรรมดาวันหนึ่ง ช่างเป็นเสียงที่รบกวนเวลานอนอันมีค่าของฉันเสียจริงๆ
“ตื่นซะทีสิ ยัยเพี้ยน” ไอ้มี่ เพื่อนสนิทของฉันตะโกนด่าผ่านประตูห้องเข้ามา
“โอย! พวกนักร้องนี่ เสียงดังน่ารำคาญชะมัด” ฉันโอดครวญด้วยความง่วง ก็มันจริงไหมล่ะ เวลาร้องเพลงก็แหกปากกันซะดังแล้ว ในเวลาปกติยังตะโกนกรอกหูชาวบ้านเค้าอีก น่ารำคาญจริงๆ -*-
“ยัยบ๊อง ไม่ไปเรียนรึไง จะสายแล้วนะเฟ้ย” ไอ้มี่ยังไม่ยอมแพ้
“เออๆ แกนี่ น่ารำคาญชะมัด” ฉันร้องบอก ก่อนที่จะไถตัวลงจากที่นอน ด้วยสภาพที่ง่วงสุดๆ แล้วค่อยๆหอบสังขารไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
“ช้าชะมัด มัวทำอะไรอยู่เนี่ย” มี่ด่าฉันทันทีที่เห็นฉันเดินลงมาจากห้อง ก่อนสะบัดหน้าหนี แล้วเดินอาดๆ ออกไป ไม่สนฉันที่กำลังจะอ้าปากด่าตอบ (ไอ้นี่ -*- เอาแต่ใจชะมัด) ฉันคิด แล้วเดินเร็วๆ ตามไป
เราสองคนเรียน ม.ปลาย ที่เดียวกัน...อันที่จริง ต้องบอกว่า เราเรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่อนุบาล ถึงจะถูก เราสนิทกันถึงขนาดที่สามารถไปนอนค้างบ้านของอีกฝ่ายได้ โดยที่พ่อแม่ของเรา อนุญาตเลยทีเดียว แต่ระยะหลังๆ ตั้งแต่เข้าม.ปลายมานี่ พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสเล่นสนุกกันสักเท่าไหร่ ก็เพราะอีตามี่ มันดันอุตริ ไปเป็นนักร้องซะนี่ แถมยังเป็นนักร้องวิช่วล(นักร้องที่แต่งหน้า ทำผม แล้วแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากโลกการ์ตูนน่ะ) ที่ตอนนี้กำลังดังเป็นพลุปีใหม่อีกด้วยนะ (คิดเพี้ยนอะไรของเค้านะ -*-) พักนี้ อย่างมากสุดก็เลยทำได้แค่ ไปโรงเรียนด้วยกัน นอกจากบางทีที่มีวันหยุดยาวๆ ตามี่ถึงจาชวนฉันไปเที่ยวบ้าง แต่ก็ต้องหลบๆซ่อนๆไปที่ที่ ชาวบ้านเค้าไม่ค่อยไปกัน แถมยังบังคับให้ฉันปลอมตัวประหลาดๆอีก เลยกลายเป็นคู่หูประหลาดไปซะอย่างงั้น (น่าอายชะมัด T_T)
“เจอกันพักกลางวันนะ” ฉันบอก เมื่อเดินมาถึงห้องเรียน หลังจากที่ต้องทนเดินฝ่ากองทัพแฟนคลับ ที่คอยมากรี๊ดกร๊าด กันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน (ไม่เบื่อกันบ้างเหรอยะ) มาอย่างเหน็ดเหนื่อย (และรำคาญ)
“อื้ม ! ไปนะ” ตามี่ยิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้ฉันอย่างร่าเริง (บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้...ถ้าฉันถูกดักตบล่ะก็ นายโดนแน่) ฉันตะโกนด่ามันอยู่ในใจ แต่ก็ส่งยิ้มเจื่อนๆ พร้อมโบกมือน้อยๆ ให้มันไป ท่ามกลางสายตาเขียวปั๊ด ของบรรดาแฟนคลับ (เฮ้อ!)
“อรุณสวัสดิ์ มินนี่” เสียงใสๆ ของนายคิม ดังมาจากด้านหลัง
“เอ้อ อรุณสวัสดิ์” ฉันตอบ (ตานี่ก็อีกคน อย่ามาทำเป็นสนิทสนมกับฉันนะยะ)
นายคิมนี่ก็เป็นนักร้องเหมือนกัน แต่เจ้านี่ รู้สึกว่าจะเป็นสไตล์ ป็อป หวานแหวว แล้วแฟนคลับก็เยอะ สูสีกะไอ้มี่เลยด้วย เห็นว่าเมื่อเดือนก่อน ต้องขอลาหยุด เพราะไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ แต่ไม่รู้ทำไม เจ้านี่สอบได้ที่ 1 มันทุกปี (น่าหมั่นไส้ชะมัด) แต่จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรหรอกนะ ที่โรงเรียนนี้น่ะ มีนักร้องเดินกันวุ่นวายไปหมด ออกจะเบื่อซะด้วยซ้ำ ก็สโลแกนของฉัน มันต้อง “เงียบ สงบ สบาย” นี่นา (เฮ้อ! จะมีวันเป็นจริงไหมน้อ)
“นี่นี่ มินนี่” ตาคิมยังตามตื๊อไม่เลิก
“อะไร?” ฉันถาม พยายามทำตัวเหมือนรังเกียจ เพราะกลัวถูกแฟนคลับตานี่ดักตบ
“เธอตกคณิตฯ ใช่ม้า” ตาคิมพูด พร้อมยิ้มอย่างร่าเริง (คิดจะเยาะเย้ยกันหรอยะ -*-)
“อือ...ทำไมล่ะ” ฉันตอบเสียงเรียบ (แล้วตานี่มันมารู้อะไรกับฉันเรื่องของฉันเนี่ย)
“ฉันจะอาสาเป็นติวเตอร์ให้ไง...เย็นดีเลยดีไหม” ตาคิมกอดอกยืด อย่างภูมิใจ
“หะ???” (มาไม้ไหนเนี่ย)
“ตกลงนะ เย็นนี้เจอกันที่ห้องนะ” ตาคิมสรุปเองเสร็จ แล้วเดินเขย่งปลายเท้าจากไป อย่างร่าเริง (แล้วก็ถูกแฟนคลับฉุดไป สมน้ำหน้า 555+)
“ซะงั้นน่ะ ตาบ้านี่” ฉันบ่นกับตัวเองอย่างกลุ้มๆ (อยากให้ฉันโดนตบกันขนาดนี้เลยหรอพวกนาย -*-)
พอเที่ยง ฉันก็ขึ้นไปกินข้าวกับไอ้มี่ ที่ดาดฟ้า (เพราะหนีแฟนคลับ) แล้วไอ้มี่ก็ร้องเพลงใหม่ ที่เพิ่งแต่งเสร็จ ให้ฉันฟัง มันฟังดูดีทีเดียว น้ำเสียงก็มี่เนี่ย น่าจะจัดว่ามืออาชีพเลยแหละ เพราะไม่ว่าจะเสียงหลบ เสียงสูง หรือจะแหกปากตะเบ็ง สักเท่าไหร่ เจ้ามี่ก็สามารถคอนโทรลเสียงได้เป็นอย่างดี ฝีมือการเล่นกีต้าร์ก็เก่งชนิดที่หาตัวจับยากอยู่ (สำหรับเด็ก ม.ปลาย) อ๊ะ! แต่ที่พูดมาเนี่ย ไม่ใช่ว่าฉันรู้เรื่อง หรือสนใจอะไรในดนตรีนักหนาหรอกนะ แต่เพราะถูกเจ้านี่มันบังคับให้ฟังอยู่บ่อยๆ จนมันชักจะฝังรากลึกเข้าไปถึงไขกระดูกซะแล้ว ต่างหาก (-*-)
“วันพุธฉันมีเล่นไลฟ์ ไปดูมะ” ไอ้มี่เอ่ยชวนฉัน ตอนเดินกลับห้อง
“ไม่ล่ะ อึดอัดจะแย่ ฉันขี้เกียจไปฟังสาวกนายกรี๊ดแข่งกะเสียงเพลง หนวกหูจะตาย” ฉันพูด พร้อมนึกภาพไปถึงคอนเสิร์ต ที่บรรดาสาวกของเจ้านี่ พากันกระโดดเย้วๆ แหกปากตามเพลง แล้วขนลุกเกรียว จนไอ้มี่หัวเราะ หึหึ
“อย่างงี้ทุกที นี่เธอไม่ดีใจเลยรึไง ที่เพื่อนดังขนาดนี้เนี่ย” มันยังจะมีหน้ามาถาม
“เออ ดีใจ...ดีใจจนแทบจะร้องไห้เลยว่ะ” ฉันแซว แล้วเราก็ปล่อยก๊ากออกมาทั้งคู่ ฉันเผลอไปโอบไหล่ไอ้มี่เข้า ด้วยความเคยชิน แต่สักพัก เริ่มรู้สึกเสียวๆ ที่สันหลัง เลยรีบชักมือกลับ (บรื๋อ!!! อำมหิตจริงๆ ฤทธิ์แฟนคลับเนี่ย) แต่ไอ้มี่ยังคงหัวเราะร่า ไม่สะทกสะท้านตามเดิม
มี่รู้ดีว่า ที่จริงแล้วฉันภูมิใจ ที่มันทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง แต่มันก็เข้าใจฉัน ที่มักจะเฉื่อยชา และเรียกหาความสงบเสมอ มันเลยไม่เคยน้อยใจสักครั้ง ที่ฉันปฏิเสธที่จะไปดูการแสดงสดของมัน
“งั้นเดี๋ยวให้คนอัดวีดีโอมาให้ละกัน” มี่พูด พอเดินมาถึงหน้าห้องตัวเอง
“เออ ค่อนรับได้หน่อย ยังไงก็เล่นดีๆล่ะ ฉันไม่อยากเห็นความอับอายของนาย” ฉันอวยพรติดตลก แล้วเดินกลับห้องของตัวเอง แต่ไม่ทันจะถึงห้อง เรื่องที่ฉันหวั่นมาตลอดก็เป็นจริงซะนี่ (เฮ้อ! ความสงบของช้านนน)
“ขอโทษนะ ไปกับพวกเราหน่อย” นักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางฉัน อย่างหาเรื่อง
“ไม่ล่ะ ฉันง่วงแล้ว...ขอตัว” ฉันตอบเรียบๆ แล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องไป
“เอ๊ะ ยัยนี่ มานี่เดี๋ยวนี้นะ” ยัยผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม กระชากแขนฉัน แล้วลากไป ท่ามกลางสายตาของ นักเรียนมากมาย (อะไรวะเนี่ย อายเค้านะโว้ย -*-)
...ผลั่ก... ยัยนั่นผลั่กฉันล้มลง หลังจากลากฉันมาจนถึงหลังโรงเรียน ฉันพยายามยันตัวขึ้น แต่ไม่สำเร็จ เพราะโดนยัยหางเปียอีกคนผลักร่วงลงไปอีก (ฮึ่ม! ยัยพวกนี้ -*-)
“ต้องการอะไร?” ฉันถามอย่างรำคาญที่สุดแล้ว
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก แกจะมารยาเกินไปแล้วนะ” ยัยคนมัดหางม้าด่าฉันหน้าดำหน้าแดง
“ใช่ แหม ทำเป็นสนิทกับคุณคิม และยังจะท่านมิยาบิอีก นังหน้าด้าน” ยัยคนที่กระชากฉันมาเสริมใหญ่
“ก็นั่นมันเพื่อนฉันนี่” ฉันพูดบ้าง แต่คงผิดจังหวะไปหน่อย เพราะโดนโฟร์แฮนด์กลับมาเต็มๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันสำเร็จหลักสูตรวิชาป้องกันตัวมาบ้างแล้วล่ะก็ อาจจะมีสลบคาที่ได้ (ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วน้า -*- เดี๋ยวแม่จับแ-กให้หมดเลย) ฉันร้องด่าในใจ แต่ยังไม่อยากทำอะไรมากนะ เพราะในตอนที่อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านมากขนาดนี้ ยัยพวกนี้อาจตายได้
“หยุดซะทีเถอะน่า” ฉันตวาดใส่ยัยพวกนั้นจนหน้าเจื่อน กับเหตุการณ์ณ์ที่ไม่คาดฝัน
“ปัญญาอ่อนรึไง ไร้สาระ อย่ามายุ่งกับฉันอีกนะ” ฉันพูด แล้วกำลังจะเดินกลับ แต่ยัยหางเปีย (-*-) ถีบเข้าก้นฉันเต็มๆ (หวา! หน้าแหกแน่คราวนี้) ฉันคิดพร้อมหลับตาปี๋... (เอ๊ะ! ทำไมไม่เจ็บ แล้วอะไรนุ่มๆเนี่ย)
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ” เสียงใสๆที่สุดแสนจะคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ (มากๆ) จนฉันสะดุ้ง แล้วพบตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของตาคิมฮีซอล (เป็นเรื่องแล้วไม่ล่ะ) ฉันคิดแล้วผลักตัวเองออกจากแผ่นอกที่เป็นท่หมายปองของยัยพวกนั้น
“อ๊ะ คุณฮีซอล” ยัยพวกนั้นอึกอักใหญ่ ยิ่งยัยหางเปียที่ถีบฉันยิ่งหน้าแดงอย่างกับถูกน้ำร้อนราด (สมน้ำหน้า 55+)
“พวกเธอคิดจะทำอะไรแฟนฉัน” ตาคิมพูดเสียงดังฟังชัด (ใช่...นายพูดถูกแล้ว ยัยพวกนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำแฟน...นาย...เอ๊ะ!)
“ห๊ะ!!!!!!!!!!!!) ฉันร้องลั่น หลังจากทบทวนคำพูดของตานั่นใหม่อีกรอบ
“แ...ฟ...น...แฟน...คุณฮีซอล” ยัยพวกนั้นแข็งเป็นหินไปสักพัก ก่อนจะพากันกรี๊ดกร๊าดเหมือนถูกผีเข้า แล้วพากันวิ่งไป ขาอ่อนไป ทุลักทุเลน่าดู แต่สภาพของฉันยิ่งหนักกว่า (T_T)
“นี่นายพูดอะไรออกไปเนี่ย” ฉันตวาดใส่หน้าตาคิม ที่ยืนภูมิใจเหมือนพระเอกการ์ตูน อย่างเหลืออด
“พูดอะไรหรอ” มันถามกลับมาอย่างหน้าเป็น แต่ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะ (นี่นายคิดจะฆ่าฉันใช่ไหมเนี่ย Y_Y)
“อ๋อ ที่ว่าเป็นแฟนน่ะหรอ” นายคิมแกล้งทำเป็นอ๋อ (อย่างน่าฆ่าเป็นที่สุด -*-)
“ไม่ดีหรอ ต่อจากนี้จะได้ไม่มีใครกล้ามาแกล้งเธออีกไง เพราะเธอเป็นแฟนกับ POP STAR คิมฮีซอล อย่างฉัน) คิมพูดอย่างภูมิใจในความสำเร็จของตังเอง (T_T)
“เออ! ไม่ถูกแกล้ง แต่ฉันจะถูกฆ่าน่ะสิ” ฉันตวาดใส่ พร้อมกระชากคอเสื้อ (ที่อยู่สูงจนน่าตกใจ) เข้ามาหาอย่างสุดแรง แต่นายคิมยังยิ้มระรื่น แล้วยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่าย (น่าโมโหชะมัด)
“ฉันอุตส่าห์ทำเป็นยอมๆยัยพวกบ้านั่น ก็เพราะอยากได้ชีวิตสงบๆคืนมาแท้ๆ แต่...นาย...” ฉันพูด พยายามควบคุมน้ำเสียงและอารมณ์โกรธให้ได้มากที่สุด แต่น้ำเสียงก็ยังเหมือนขู่จะฆ่านายคิมอยู่ดี (-*-)
“ถ้าความสุขของฉันหายไป นายตายแน่” ฉันขู่ใหญ่ แล้วเดินสะบัดหน้าหนีอย่างโกรธเป็นที่สุด โดยที่ไม่ทันสังเกตว่านายคิม ยิ้มอยู่ข้างหลังอย่างพอใจ...
ความคิดเห็น