ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟ้องพ่อแล้วนะ(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 สามเกลอ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 61


      

    บทที่ 1 สามเกลอ


         ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย แต่ใช่ว่าผมจะพูดญี่ปุ่นได้คล่องนะ เพราะยังไงก็ย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว 


        บอกตามตรงว่าอุปสรรคของผมคือร่างกาย เพราะตอนเด็กเคยโดนล้อเรื่องแก้มและฟันผุบ่อยๆ เลยพยายามไม่กินของหวานมาแต่ไหนแต่ไร ร่างกายจึงไม่ค่อยได้รับไขมันนัก ผมจึงค่อนข้างผอมค่อนแห้งเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะสอบนายร้อยได้อย่างที่พ่อหวัง


         สิ่งหนึ่งที่แม่ให้ผมไว้ก่อนจะจากไปคือหีบใบหนึง ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันหายไปผมจะใช้อะไรดูต่างหน้าแม่กัน?


          นี่เป็นปัญหาหลักเลยล่ะ


          "ไอ้เหี้ยจัน มึงมาดูกล่องมึงดิ วันนี้กูชนขอบมันไปสองครั้ง นิ้วตีนกูระบมหมดแล้ว" 


           "ผมว่ามันก็อยู่ดีๆ นะ แอนดริวต่างหากที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนเอง" 


           "มึงว่ากูซุ่มซ่ามหรอ"


           "ป่าวนะ ผมพูดหรอ ไม่หนิ" ผมพูดเสียงเรียบๆ ตอนนี้สายตาแทบจะไม่ได้มองเพื่อนเลย รายงานบนโต๊ะสำคัญมากกว่า


           "ไอ้สัสจัน" แอนดริวกัดฟันกรอดไม่ยอมเลิกรา


           "มีไรหรอแอนดริว ถ้าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญกว่านิ้วเท้านั่นก็กรุณาอย่าพูดอีกได้มั้ย ตอนนี้ผมกำลังทำรายงานอยู่นะ" ผมเอ่ยพลางดันแว่นกรองแสงขึ้น พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย "ทีหลังก็อย่าไปชนมันอีกล่ะ"


           "เหอะ" เขาแค่นเสียงไม่พอใจ "ใช่ซี้ กูไม่ใช่ไอ้พี่ผาหนิ มึงจะมาสนใจกูทำไม" แต่สุดท้ายเขาก็ทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทำเอาผมต้องหันขวับไปหา


            ยอมรับว่าแอนดริวมีสิ่งหนึ่งที่ผมอิจฉามาตลอด นั่นคือหุ่นซิกส์แพ็คของเขา...มันค่อนข้างบาดใจผมในเรื่องนี้ เพราะผมไม่มีทางเป็นอย่างเขาได้เลย


         มองเขาที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้วก็ต้องก้มดูหน้าท้องตัวเองอีกสักร้อยรอบ


             แอนดริวทำหน้าตาหมาหงอยเป็นประจำเมื่อผมไม่สนใจเขา ให้ตายเถอะ...ผมทนหน้าตาแบบนั้นไม่ได้


            "มานี่มา แอนดริว" ผมไม่ได้ปรามเรื่องที่เขาพูดถึงพี่ผา แต่พยายามเปลี่ยนเรื่องแทน


            เขาหรี่ตาลงอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อผมทำเสียงเมื่อเรียกหมาอยู่จริงๆ "กูไม่ใช่หมา"

            

           "ไปแต่งตัวซะที รู้รึเปล่าว่าผมอิจฉาหุ่นนายอยู่ตลอดเวลาอ่ะ" ผมผินหน้ากลับมายังกองรายงาน นี่ต้องรีบส่งจริงๆ นะ ได้โปรดอย่าทำให้สติผมฟุ้งสิ

        

           "ก็บอกว่าให้ไปออกกำลังอยู่ตลอด ไม่เห็นเชื่อกัน" 

      

           "ช่างเรื่องออกกำลังกายเหอะ ผมบอกนายไปสองรอบแล้วว่าอย่ากวนตอนผมทำงาน"

     

            "อยู่กับมึงมันน่าเบื่อจริงๆ มิน่าทำไมไอ้เกล้าถึงไม่ค่อยมาหา กูว่าน่าจะเป็นเพราะมึงทำตัวคร่ำครึอย่างนี้นี่แหละ"


          "ผมว่าเกล้าเค้าน่าจะเบื่อที่แอนดริวพูดเยอะมากกว่า ขนาดผมยังอยากออกไปข้างนอกเลย"

     

           "ไอ้สัสจัน มึงว่ากูพูดมากน่ารำคาญหรอ?" เหมือนเขาไม่ได้จะถามแต่ผมก็อยากจะพูดเหมือนออกไปนะ "ไม่ต้องกวนตีนกูอีก" เขาดักคอ


           "ผมเปล่า"


          ก็อกๆ


          เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากผมพูดออกไปได้ไม่กี่วิ มันดังเป็นจังหวะจะโคนที่ทำให้ผมรู้ทันทีว่าหลังประตูนั่นเป็นใคร

       

          ไม่ต้องให้ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แอนดริวก็ย่ำเท้าไปยังประตูแล้ว เสียงคุ้นหูของเกล้าดังขึ้นทันทีหลังจากประตูถูกเปิด

      

           "ไอ้ห่าดริว วันนี้เสล่อมาทำไมวะ กูจะนอนกอดจันเจ้า ไม่ได้อยากแบ่งพื้นที่เตียงกับมึง" เกล้าเป็นเพื่อนสนิทผมที่มีใบหน้าเป็นอาวุธไม่แพ้แอนดริวเลย แต่ในความคิดผมพวกเขาต่างก็เหมือนหมาด้วยกันทั้งหมดเลย


           ผมคิดในใจพลางเลื่อนสายตาลงมายังบรรทัดสุดท้ายของรายงาน จรดนิ้วไปยังแป้นพิมพ์พร้อมกันนั้นก็ดูข้อมูลจากหนังสือไปด้วย

        

           "ใครอยากนอนกอดมันวะ ตัวเหม็นจะตายห่า จะกอดก็กอดไปเลย" แอนดริวตอกกลับเช่นกัน ผมไม่แม้แต่จะหันไปดู พยายามจะพิมพ์ให้เสร็จแล้วล้มตัวลงนอนทันที


          แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าแอนดริวก็เคยกอดผมตอนนอนด้วยกันสามคนนะ...ตอนนั้นเกล้าซุกแผ่นหลังผม และแอนดริวก็กดหน้าผมแนบกับอกเขา

        

          เฮ้ อย่าคิดลึกกันเชียว ผมกับพวกเขานอนอย่างนี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้ว พ่อกับแม่เราทั้งสามสนิทกันดีมันเลยเป็นโชคร้ายที่ผมต้องคบกับพวกเขาไปตลอดชีวิต

     

          "อื้อหือ มึงดูถูกสบู่เด็กของมันได้ยังไงวะ กูยังชอบแอบเอามาใช้เลย มึงบังอาจนักแอนดริว ไปนอนโซฟาเลยไป!"

     

          ไม่บ่อยหรอกที่ห้องผมจะไม่เงียบแบบนี้...เป็นแบบนี้อย่างน้อยก็สองวันต่ออาทิตย์ พวกเขาอัปเปหิตัวเองมานอนห้องผมจนแทบจะลืมกลับบ้าน ผมเองก็จนปัญญาแล้ว


           "ไอ้สัส มึงเป็นเจ้าของห้องรึไงวะ กูมีสิทธิ์ที่จะนอนกับไอ้จันบนเตียง เข้าใจมั้ย กู-มี-สิทธิ์" พวกเขาเถียงกันประหนึ่งแย่งตุ๊กตา ผมเหนื่อยแล้วแต่การที่ฟังพวกเขาทะเลาะกันก็ย้อนวันวานดีเหมือนกัน


            อันที่จริงแล้ว ทั้งแอนดริวแล้วก็เกล้านั้นเป็นรุ่นพี่ของผม ผมเรียนอยู่ ม. 5 ในขณะที่พวกเขาเป็นนิสิตมหาลัยปี 1 กัน ทว่าพวกเขาไม่อยากให้ผมเรียกเขาเป็นพี่อะไรทำนองนั้น และอีกอย่างก็เพราะผมสนิทกับพวกเขาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าจะให้พูดกับคนที่แม้แต่จะดื่มน้ำยังต้องใช้หลอดเดียวกันก็คงจะพิลึกๆ


           "ไบโพล่ามั้งไอ้ดริว ปากบอกไม่อยากกอดๆ แต่มือมึงก็เลื้อยมาตลอดมั้ย"

     

          อ่า...เขาเป็นอย่างนั้นแหละ แอนดริวเอ้ย


          "ใครบอกวะ กูไม่เห็นจะอยากกอดมันตรงไหน"

     

         "ให้แน่ก็แล้วกัน" 


          ในขณะที่ทั้งสองหยุดทะเลาะกันลงแล้ว ผมเองก็ไม่มีอะไรทำ ในสายตาพลันเหลือบไปเห็นแก้วกาแฟสีแดงสดแต่มันบรรบุชาหอมอิมพอร์ตมาจากประเทศจีน ไม่ต้องคิดอะไรมาก...มันเย็นชืดหมดแล้ว


          เฮ้อ...ผมขี้เกียจต้มชากาใหม่แล้วนะ


          "ดูเครียดๆ นะ จันเจ้า เป็นอะไรรึเปล่า" เกล้าเดินเข้ามาหาผมหลังจากเอาของสดซึ่งปกติจะซื้อมาไว้ห้องผมไปเก็บเรียบร้อยแล้ว มันไม่แปลกหรอกในเมื่อเจ้าตัวเองก็ชอบมากินข้าวห้องผมตลอด

     

          ผมดูเครียดขนาดนั้นหรอ? ไม่รู้ตัวเองเลยนะเนี่ย "ก็ไม่มีอะไรหรอก ปกติดี.. เสียงดังเป็นปกติดี" ผมเบ้ปากเล็กน้อย ป่านนี้ข้างห้องกร่นด่าบุพการีของเรากันหมดแล้ว 

     

          "มึงว่าพวกกูทำเสียงดัง?" จู่ๆ แอนดริวที่เงียบปากหลังจากจ้องแท็บแล็ตได้สักพัก ก็เริ่มเบนเข็มมาทางผม


         อะไรกัน? ผมยังไม่พูดอะไรเลย "ทำไมชอบร้อนตัวนักนะแอนดริว" บ่นเบาๆ 


          "มึง...!" 


          ไม่ต้องให้แอนดริวได้โมโหร้ายจนจบ ผมก็พูดแทรกขึ้นมา "วันนี้ผมอยากกินแค่สลัด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแอนดริวจะไม่ยัดขนมปังปิ้งใส่ปากผมอีกนะ" ผมไม่ได้หาเรื่องแต่พวกเขากังวลกับผมมากเกินไป


          บางทีแค่กินอะไรที่มีส่วนผสมของน้ำตาลผมก็แทบจะอ้วกออกมาแล้วล่ะ


          เพราะงั้นเลยชอบทำอาหารกินเองมากกว่า โชคดีที่ผมมีหอแบบมีห้องครัวและยังมีของสดทุกหนึ่งสัปดาห์แบบนี้ การที่ทำอาหารไปกินโรงเรียนก็ถือว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรง


         แอนดริวบ่นว่าทำไมเขาเป็นฝ่ายผิดทั้งๆ ที่ผสมเนยแบบไม่มีน้ำตาลหรือครีมเทียมแท้ๆ ผิดกับเกล้าที่เคยซื้อทาร์ตไข่มาให้กินตอนงานวันเกิด นั่นแหละ เขางอนแล้ว...


         ผมกับเกล้าไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มอ่อนใจเท่านั้น ในท้ายสุดของวันนี้ แอนดริวยังหน้าบึ้งตึงแม้กระทั่งตอนนอนเขายังเขยิบไปชิดผนังและหันหลังให้ผมด้วย


         แต่เชื่อเถอะ หลังจากที่เขาหลับไปแล้ว แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นจะวางพาดบนหน้าท้องของผมแน่นอน


         ผมเอามื้อเช้าพรุ่งนี้เป็นประกันเลย


    ----------



          


         


         


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×