ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {YAOI} ที่ ว า ด ฝั น

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 63



              หากให้พูดถึงช่วงชีวิตของวัยรุ่น ใครหลายๆคนคงจะบอกว่าเป็นช่วงที่สนุกสนาน ได้ทำอะไรหลายๆอย่างตามที่ต้องการ ได้เจอเพื่อนดีๆ ใช้ชีวิตแบบไม่เคร่งเครียด เป็นช่วงชีวิตที่แสนสุขสบาย


              มันช่างแตกต่างจากผมยิ่งนัก          


                   ตั้งแต่เด็กผมมักถูกฝังด้วยคำพูดที่ว่า เป็นที่หนึ่งให้ได้ หมายถึงการเป็นที่หนึ่งในด้านการเรียน จากคำพูดที่ฝังอยู่ภายใต้ความนึกคิดของผมในทุกๆวันเป็นสาเหตุทำให้ผมต้องเรียนพิเศษตั้งแต่ประถม ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กคนอื่น


              ชีวิตในแต่ละวันของผมหมดไปกับการเรียน เลิกเรียนสามโมงครึ่ง ไปเรียนพิเศษต่อถึงสามทุ่ม กลับบ้านก็มานั่งทวนเนื้อหาที่เรียนไปในแต่ละวัน กว่าจะได้เข้านอนก็เที่ยงคืน-ตีหนึ่ง


              อย่างไรก็ตามผมเองไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้สักนิดเดียว..แต่มันทำอะไรไม่ได้หรอกในเมื่อทั้งคุณพ่อคุณแม่ต่างเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลชื่อดัง หากทำตัวเหลวไหลคงกระทบชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแน่ๆ...


              อย่างที่พูดไปว่าในทุกๆวันของผมหมดไปกับการเรียน วันนี้ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่...เป็นวันจันทร์แรกของการเปิดภาคเรียนที่หนึ่งในปีสุดท้ายหรือชั้นมอหก เหมือนกับทุกทีที่อาจารย์จะพบปะพูดคุยแนะนำเรื่องใหม่ๆของแต่ละภาคเรียน


              ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงสิบนาที ได้เวลาเริ่มเข้าคาบพบครูที่ปรึกษาของทุกวันจันทร์ สิ่งที่เหมือนเดิมคือเพื่อนที่ไม่อาจเรียกเพื่อนได้เต็มปากนัก ด้วยความที่ผม นาย ธารา ประเสริฐโชคหรือมีชื่อเล่นว่า นที เป็นเด็กหัวกะทิจากการเรียนพิเศษมากมาย  ผลการเรียนในแต่ละเทอมจึงออกมาดีทุกครั้ง แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนไม่ชอบผมสักเท่าไหร่


              ไม่เข้าใจเหมือนกัน


              นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ เสียงห้าวตามสไตล์ผู้หญิงที่แกร่งกว่าผู้ชายดังมาจากหัวหน้าห้องเรียกให้เพื่อนที่กำลังทำธุระส่วนตัวลุกขึ้นยืนทำความเคารพอาจารย์  


              สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะอาจารย์


              สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดเทอมถูกไหม ดังนั้นก็ต้องมีสิ่งดีๆเข้ามาตั้งแต่วันแรก


              อาจารย์ครับ ไม่ได้ให้การบ้านถูกไหมครับ พวกผมยังไม่พร้อมนา หลังจากเสียงของ กิลด์ พูดจบก็เรียกเสียงหัวเราะในห้องเป็นอย่างดี ทว่าหัวเราะไปได้ไม่นาน กิลด์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า แต่ห้องนี้มีคนพร้อมเสมอหรือเปล่าน้า ทำให้ผมที่นั่งริมหน้าต่างคนเดียวจากที่ตอนแรกตั้งใจฟังเรื่องที่อาจารย์จะพูด กลับกลายเป็นว่าต้องนั่งหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง พยายามทำเป็นไม่สนใจ


                    ผมเองชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้วแหละ คนอื่นไม่เท่าไหร่แต่คนนี้ชอบทำแบบนี้บ่อย


              กิลด์แกนี่น่าโดนตีจริงๆ


                    ตีเลยค้าบ มาตีผมเลยเป็นอีกครั้งที่กิลด์เรียกเสียงหัวเราะในห้อง


                 “ฉันเบื่อแกแล้ว เอาล่ะ วันนี้มีเด็กนักเรียนย้ายมาใหม่ด้วยค่ะ เด็กๆสนใจเพื่อนใหม่หน่อย สิ้นเสียงอาจารย์ เด็กนักเรียนใหม่คนนั้นเดินเข้ามายืนข้างอาจารย์และเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงได้ทันที ส่วนผมละความสนใจจากนอกหน้าต่างแล้วหันไปมองเด็กใหม่ตามที่อาจารย์ว่าแบบนั้น


              สูงชะมัด..


              ไหนเธอแนะนำตัวเร็ว เพื่อนอยากรู้จักแล้วอาจารย์ยิ้มใส่เด็กใหม่ก่อนจะดันเด็กคนนั้นไปยืนอยู่ตรงกลางหน้าห้อง


              สวัสดีครับ เราชื่อน่านฟ้า อัศวทินกร ย้ายมาจากเชียงใหม่ ขอฝากตัวด้วยครับ


              โห จากเชียงใหม่มากรุงเทพไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ ทำไมย้ายมาอะ เสียงหัวหน้าห้องหรือ แป้ง สาวห้าวถามเด็กใหม่  


              ที่บ้านย้ายมาทำงานที่นี่ เราเลยต้องย้ายตามอะดิ


                    โอเคจ้า เราหัวหน้าห้องนะ ชื่อแป้ง มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยแป้งพูดจบเด็กใหม่คนนั้นหรือน่านฟ้าก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ ทำเอาผู้หญิงในห้องเคลิบเคลิ้มตามกันไปเป็นแถว


                    เดี๋ยวค่อยไปทำความรู้จักกันอีกครั้งเนอะ น่านฟ้าไปนั่งข้างนทีตรงโต๊ะที่ว่างนู่นเลยจ้ะ หลังจากอาจารย์พูดจบก็ทำเอาห้องเงียบไปสักพักและผมก็กำลังทำตัวไม่ถูกเพราะนั่งคนเดียวมาสามปีแล้ว แต่ครั้งนี้มีคนมานั่งด้วยเนี่ยนะ


              ให้ตายเถอะ


                    ผมสังเกตทุกอิริยาบถของน่านฟ้าตั่งแต่ถือกระเป๋าจนเดินเข้ามานั่งข้างๆ จากตอนแรกที่คิดว่าแค่สูงเฉยๆตอนอยู่หน้าห้องหรือเป็นเพราะสายตาสั้นของผมเองที่ทำให้เห็นใบหน้าของน่านฟ้าไม่ค่อยชัด


              แต่ตอนที่เขามานั่งข้างผมแล้วผมลองพิจารณาใบหน้านั้น...ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงในห้องถึงกรี๊ดน่านฟ้ากัน ถ้าให้พูดว่าน่านฟ้าเป็นนักแสดงวัยรุ่นคงไม่ผิด


                    จ้องหน้าเราขนาดนั้น หน้าเรามีอะไรติดหรอน่านฟ้าเอียงคอถามผมพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่ม


              เหมือนลูกหมา


              อ่า มะ...ไม่ๆ โทษที ผมพูดอย่างตะกุกตะกักหลังจากโดนจับได้


              ฮ่าๆๆ แล้วนายชื่ออะไร เราแนะนำตัวไปแล้ว น่านฟ้าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะถามผม


              เราชื่อธารา เรียกว่านทีก็ได้ผมแนะนำตัวเอง รู้สึกแปลกๆเพราะแนะนำตัวเองครั้งล่าสุดคือตอนมอสี่ที่ย้ายเข้ามาใหม่ แล้วผมก็พูดขึ้นอีกครั้งหลังจากบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป เราว่าน่านฟ้าพยายามอย่าคุยกับเราดีกว่า มันอาจจะไม่ดีกับตัวน่านฟ้าเท่าไหร่ ผมพูดจบก็ยิ้มให้หนึ่งครั้งก่อนจะก้มลงไปหยิบไอแพดขึ้นมาเช็คตารางเรียน


              ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ ทำไมเราต้องสนใจคนอื่นว่าจะมองเราแบบไหนด้วย


              อา พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมพึมพำขึ้นมา


                    นทีว่าเราหรอ ฮ่าๆๆ


              ไม่ได้วะ..ว่า พูดคนเดียว


                    โอเค พูดคนเดียวก็พูดคนเดียว


              หลังจากที่ผมพูดคุยกับน่านฟ้าจบ ทั้งห้องก็กลับมาสู่สภาวะปกติโดยมีเสียงโหวกเหวกโวยวายบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาพูดต่ออีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องการเรียนก่อนจะเดินออกจากห้องไป


              หลายๆคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าผมทนอยู่ได้ยังไงกับการถูกพูดเชิงส่อเสียดหรือคำพูดต่างๆนานาที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกแย่ ถ้าผมไม่รู้สึกคงไม่ใช่คนแล้วแหละครับ


              เรื่องราวพวกนี้มันเริ่มจากมอห้าเทอมหนึ่ง จากตอนแรกที่ผมมีเพื่อนหลายคนคอยพูดคุย กลับกลายเป็นว่าเริ่มหายไปทีละคนจนไม่เหลือใคร ถ้าถามว่าเพื่อนมอต้นหายไปไหนหมด ผมบอกได้เลยว่าผมเป็นเด็กปทุมธานีที่ย้ายเข้ามาตอนมอสี่


              การที่ผมถูกกระทำแบบนี้มาจากใครไม่ได้หรอกนอกจากกิลด์ ผมเคยมีปัญหากับเขาตอนมอสี่เทอมสองด้วยเรื่องการสอบท้ายคาบ ตอนนั้นกิลด์ตั้งใจจะลอกผมแต่ทุกคนเข้าใจใช่ไหมครับว่าตัวเราเองต่างพยายามที่จะให้ผลการเรียนออกมาดี ถ้าให้ลอกโดยตรงมันไม่ดีต่อตัวคนลอกแน่ๆ ผมไม่อยากให้การลอกติดเป็นนิสัย


              ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการไม่ให้ลอกผมผิดไป จากที่ผมหวังดีกลายเป็นว่าผมเป็นคนหวงความรู้ไปสะงั้น


                    กิลด์เป็นคนปล่อยข่าวเรื่องผมหวงความรู้นู่นนี่นั่น แต่งเติมตีไข่ขึ้นบ้างจนทำให้เพื่อนในห้องต่างเห็นด้วยกันและหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย...ซึ่งผมต้องทำเป็นไม่สนใจ ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปแก้ข่าวนั่น ในเมื่อทุกคนต่างพากันเชื่อกิลด์แล้ว คงยากที่จะฟังคำพูดจากผม


              และแล้วครั้งนี้กิลด์ก็เอาอีก


              เห้ยน่านฟ้า เขยิบโต๊ะมานั่งกับพวกกูเปล่า นั่งตรงนั้นระวังติดเชื้อคนขี้หวงนา กิลด์พูดเรียกให้น่านฟ้าหันหลังไปคุยด้วย


              ไม่เป็นไรๆ เรานั่งตรงนี้ได้


              พูดหยาบกับพวกกูได้ ไม่ต้องคิดมากๆ เสียงของโต้งเพื่อนในกลุ่มบอก


              เอองั้นกูพูดแบบนี้ละกัน แล้วพวกมึงชื่อไรกัน


              ไอคนคิ้วเข้มๆชื่อเกมส์ ส่วนไอคนที่บอกให้มึงพูดหยาบมันชื่อโต้ง ส่วนกูชื่อกิลด์ กิลด์แนะนำตัวเองพร้อมกับเพื่อนในกลุ่ม


              เคๆ แล้วโรงเรียนนี้เขาให้เข้าห้องน้ำตอนเรียนได้ป้ะวะ โรงเรียนเก่ากูเขาไม่ให้เข้า


                    ไอเชี่ยย นั่นโรงเรียนหรือคุกวะ โรงเรียนนี้เข้าได้ดิ


              เออๆแต้วกิ้วมากพวกมึง เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแปป น่านฟ้าบอกเสร็จสรรพก่อนจะลากผมที่นั่งเล่นไอแพดให้เดินตามไป


              นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยหรอ


              พูดไม่ฟัง


              ทำไมไม่ถามว่าลากไปไหน น่านฟ้าที่นำหน้าถามผมระหว่างเดินพร้อมกับจับข้อมือไปด้วยโดยที่ไม่ได้หันหน้ามา เวลาคนอื่นลากไปไหนก็ไปงี้หรอ


              ให้เดาว่าไปห้องน้ำใหม่แน่ๆ


              ขี้เกียจพูด ผมบอกอย่างเบื่อหน่ายไป เขาดูไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิดเดียว


              ทำไมต้องขี้เกียจพูด แล้วที่กิลด์ว่าหวงความรู้นั่นคืออะไร


              ให้ตายเถอะ เขานี่มันขี้สงสัยจริงๆ


              ก็ตรงตามที่กิลด์พูดแหละ เราขี้หวงยังกล้าคุยด้วยอีกหรอ


              เดี๋ยวค่อยคุย ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนก่อน อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินลงจากตึกไปเข้าห้องน้ำชั้นล่าง เขาไม่รู้แน่ๆว่าห้องน้ำบนตึกก็มีและผมขี้เกียจที่จะคุยด้วยแหละ


              ระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำมีนักเรียนต่างพากันมองจนผมกับน่านฟ้าเป็นจุดสนใจ คงแปลกใจที่ว่าทำไมโรงเรียนเราถึงมีเด็กที่หน้าตาดีแบบนี้แน่ๆ ผมยิ่งไม่ค่อยชอบเสียด้วยเวลาเป็นจุดสนใจ เพราะทุกครั้งที่มีการทำกิจกรรมหรือโหวตตัวแทนงานต่างๆผมจะพยายามหลบหลีก รวมถึงการขึ้นรับรางวัลที่ผมไปแข่งขันทางด้านวิชาการบ่อยครั้งซึ่งยังไม่ชินอยู่ดี


              แต่ดูเหมือนว่าคนข้างหน้าไม่ได้สนใจอะไรเลย มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างเดียว


              หลังจากเดินมาถึงห้องน้ำ น่านฟ้าปล่อยให้ผมนั่งในศาลารอจนกระทั่งผ่านไปห้านาทีเขาจึงออกมา ผมยกนาฬิกาข้อมือมาดู เข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบนาทีถึงจะเข้าคาบที่สอง


              ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปนั่งอึดอัดบนห้อง...บ่อยครั้งที่เมื่อถึงคาบว่างผมชอบไปนั่งอยู่สวนความลับ มันเป็นชื่อที่ผมตั้งเองเพราะไม่ค่อยมีคนมานั่งด้วยเท่าไหร่


              ตอนเที่ยงไปนั่งกินข้าวด้วยดิ ระหว่าที่ผมกำลังคิดเรื่อยเปื่อยก็มีเสียงแทรกเข้ามาให้ผมไปสนใจฟัง


              เราไม่กินข้าวโรงอาหาร


              อ้าว แล้วนทีกินข้าวที่ไหน น่านฟ้าขมวดคิ้วสงสัย


              บนดาดฟ้า


              ไปนั่งด้วยดิ เราเอาข้าวที่ม๊าห่อให้มาพอดี


              แล้วแต่ละกัน ผมตอบกลับก่อนนะนั่งเล่นข้างล่างตึกอีกสักพักก่อนขึ้นไปเข้าคาบเรียน


              ...

              กริ๊งงงงง

              เสียงกริ่งบอกเวลาคาบสุดท้ายของเช้า นักเรียนที่ได้ยินเสียงกริ่งต่างพากันวิ่งลงไปกินข้าวอย่างรวดเร็วเพราะโรงอาหารที่นี่เด็กเยอะไม่ใช่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีแค่มอปลายก็เถอะ


              ผมว่ายังไงกิลด์ก็ต้องชวนน่านฟ้าไม่กินข้าวด้วยแน่ๆ ยังไงน่านฟ้าไม่กล้าปฏิเสธหรอกเพราะเพิ่งมาใหม่ ถ้าถามว่าดีต่อผมไหม...บอกเลยว่าดีมาก


              ผมชอบนั่งกินคนเดียวด้วยแหละ มันสบายใจกว่าการไปกินข้าวร่วมกับผู้อื่นหรือที่เสียงดังรบกวน นอกจากจะทำให้อึดอัดแล้ว ข่าวที่ห่อมายังลดความอร่อยไปอีกเยอะเลย


              น่านฟ้าไปกินข้าวกับพวกกูเปล่า นั่น พูดไม่ทันขาดคำกิลด์ก็ชวนทันที


              ไปเลย ไปเลย ไปเลย


              ไม่เป็นไรๆ กูเอาข้าวมากินว่ะ ขี้เกียจลงด้วย ดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้เห็นใจผมสักนิด...


              เออๆ อย่าไปนั่งกินข้างคนขี้หวงนะมึง กิลด์พูดจบอีกสองคนก็หัวเราะสนับสนุนก่อนจะเดินออกจากห้องไปจนเหลือเพียงผมกับน่านฟ้าสองคน


              ความเงียบเข้ามาครอบคลุมระหว่างเราทั้งสองแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่าหร่ ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงลุกแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุด เดินไปไม่ถึงสองนาทีก็เปิดประตูไปนั่งกินตรงพื้นที่ที่มีหลังคาคอยบังแดด


              ยังไม่ทันจะนั่งมาม้าหินอ่อนที่ประจำ ตรงหน้ากลับมีผู้ชายที่นามว่าน่านฟ้ามานั่งลงก่อนทำให้ผมต้องเขยิบไปนั่งม้าหินอ่อนตัวข้างๆแทน


              คิดแล้วในใจว่ายังไงเขาก็ตามมา


              ผมเปิดกล่องข้าวทันทีหลังจากนั่งลง วันนี้ผมทำข้าวผัดไส้กรอกมากินเหมือนทุกวัน ส่วนที่ต้องทำมากินเองเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของผมเป็นแพทย์ตามที่กล่าวไว้ตอนต้น พวกเขาไม่ค่อยว่างดูแลเท่าไหร่แต่จะคอยเช็คเวลาเรียนทุกครั้ง ทั้งเรียนที่โรงเรียนหรือที่เรียนพิเศษ


              โห ของนทีน่ากินจัง ของเราม๊าทำข้าวผัดเหมือนกันแต่ไม่เห็นน่ากินเหมือนนทีเลย น่านฟ้าพูดเสียงงอแงเรียกให้ผมไปสนใจกล่องเข้าเขา


              เหมือนกันแหละ ผมตอบกลับก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบๆ


              ไม่เหมือน ของเราข้าวผัดไข่ เหมือนตรงไหน เงียบไปได้ไม่ถึงนาทีก็มีเสียงจากน่านฟ้าดังขึ้นมาอีกครั้ง


              เหมือนลูกหมาตัวดื้อมากๆ


              โอเค ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน เราขี้เกียจเถียงแล้ว


              แล้วปกติกินข้าวคนเดียวหรอระหว่างที่น่านฟ้ากำลังเคี้ยวข้าว เขาชวนคุยไปด้วย ถ้าข้าวติดคอผมไม่แปลกใจเลย แต่ช่างเถอะ


              อืม เงียบดี


              ไม่เหงาไง


              ไม่นะ เราชินแล้ว ผมตอบกลับก่อนจะมองข้าวในกล่องน่านฟ้าที่พร่องลงไปเยอะ ต่างจากผมนักที่ข้าวยังลดไปได้ไม่ถึงครึ่ง L


              เราว่านั่งคนเดียวเหงาจะตาย งั้นเรามานั่งเป็นเพื่อนทุกวันดีกว่า


              เราบอกแล้วใช่มั้ยว่าพยายามอย่ามาคุยกับเรา ไม่ฟังผมเอ็ดเขาไปอีกรอบ วันนี้พูดประโยคนี้มาสองรอบราวกับเดจาวู


              งั้นเราจะพูดอีกครั้งว่า ทำไมเราต้องสนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองเรายังไง น่านฟ้าพูดก่อนจะยิ้มที่เหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเย็นในเวลาที่มองทำให้รู้สึกอุ่นใจ เราอยากเป็นเพื่อนกับนทีนี่


              เอาเถอะ ถ้าผมพูดขนาดนี้แล้วเขายังไม่ฟัง...ก็ปล่อยไปแล้วกัน




    #น่านฟ้าของนที

    TW / @momxxxnong



    ท้อคท้อคท้อค :

    แง สวัสดีค้าบนักอ่านทุกๆท่าน ขอบคุณนะค้าบที่หลงเข้ามาอ่านกัน T___T เรื่องนี้จะแต่งให้จบก่อนเข้ามาหลัยแหน่ะ เป็นเรื่องที่วางพล็อตไว้หมดแล้วค้าบ อาจจะบรรยายไม่สวย มีติดขัดบ้าง ช่วยแนะนำด้วยนะค้าบ ส่วนเรื่องเวลาอัพนั้นบอกไม่ได้จริงๆ ทางปลื้มขออนุญาตลาหลายวันไปแต่งอีพี1-2ก่อนนะค้าบ อันนี้ลงดูฟีดแบคเฉยๆ ฝากติดตามความรักทั้งสองที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆฉบับเด็กมอหกด้วยนะค้าบ 

     

             

             

             

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×