คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
หากให้พูดถึงช่วงชีวิตของวัยรุ่น
ใครหลายๆคนคงจะบอกว่าเป็นช่วงที่สนุกสนาน ได้ทำอะไรหลายๆอย่างตามที่ต้องการ
ได้เจอเพื่อนดีๆ ใช้ชีวิตแบบไม่เคร่งเครียด เป็นช่วงชีวิตที่แสนสุขสบาย
มันช่างแตกต่างจากผมยิ่งนัก
ตั้งแต่เด็กผมมักถูกฝังด้วยคำพูดที่ว่า ‘เป็นที่หนึ่งให้ได้’ หมายถึงการเป็นที่หนึ่งในด้านการเรียน
จากคำพูดที่ฝังอยู่ภายใต้ความนึกคิดของผมในทุกๆวันเป็นสาเหตุทำให้ผมต้องเรียนพิเศษตั้งแต่ประถม
ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กคนอื่น
ชีวิตในแต่ละวันของผมหมดไปกับการเรียน
เลิกเรียนสามโมงครึ่ง ไปเรียนพิเศษต่อถึงสามทุ่ม
กลับบ้านก็มานั่งทวนเนื้อหาที่เรียนไปในแต่ละวัน กว่าจะได้เข้านอนก็เที่ยงคืน-ตีหนึ่ง
อย่างไรก็ตามผมเองไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้สักนิดเดียว..แต่มันทำอะไรไม่ได้หรอกในเมื่อทั้งคุณพ่อคุณแม่ต่างเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลชื่อดัง
หากทำตัวเหลวไหลคงกระทบชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแน่ๆ...
อย่างที่พูดไปว่าในทุกๆวันของผมหมดไปกับการเรียน
วันนี้ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่...เป็นวันจันทร์แรกของการเปิดภาคเรียนที่หนึ่งในปีสุดท้ายหรือชั้นมอหก เหมือนกับทุกทีที่อาจารย์จะพบปะพูดคุยแนะนำเรื่องใหม่ๆของแต่ละภาคเรียน
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงสิบนาที
ได้เวลาเริ่มเข้าคาบพบครูที่ปรึกษาของทุกวันจันทร์ สิ่งที่เหมือนเดิมคือเพื่อนที่ไม่อาจเรียกเพื่อนได้เต็มปากนัก ด้วยความที่ผม นาย ธารา ประเสริฐโชคหรือมีชื่อเล่นว่า นที เป็นเด็กหัวกะทิจากการเรียนพิเศษมากมาย
ผลการเรียนในแต่ละเทอมจึงออกมาดีทุกครั้ง แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนไม่ชอบผมสักเท่าไหร่
ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”
เสียงห้าวตามสไตล์ผู้หญิงที่แกร่งกว่าผู้ชายดังมาจากหัวหน้าห้องเรียกให้เพื่อนที่กำลังทำธุระส่วนตัวลุกขึ้นยืนทำความเคารพอาจารย์
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะอาจารย์”
“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมถูกไหม ดังนั้นก็ต้องมีสิ่งดีๆเข้ามาตั้งแต่วันแรก”
“อาจารย์ครับ ไม่ได้ให้การบ้านถูกไหมครับ
พวกผมยังไม่พร้อมนา” หลังจากเสียงของ ‘กิลด์’
พูดจบก็เรียกเสียงหัวเราะในห้องเป็นอย่างดี ทว่าหัวเราะไปได้ไม่นาน
กิลด์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ห้องนี้มีคนพร้อมเสมอหรือเปล่าน้า”
ทำให้ผมที่นั่งริมหน้าต่างคนเดียวจากที่ตอนแรกตั้งใจฟังเรื่องที่อาจารย์จะพูด
กลับกลายเป็นว่าต้องนั่งหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง พยายามทำเป็นไม่สนใจ
ผมเองชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้วแหละ คนอื่นไม่เท่าไหร่แต่คนนี้ชอบทำแบบนี้บ่อย
“กิลด์แกนี่น่าโดนตีจริงๆ”
“ตีเลยค้าบ มาตีผมเลย” เป็นอีกครั้งที่กิลด์เรียกเสียงหัวเราะในห้อง
“ฉันเบื่อแกแล้ว เอาล่ะ วันนี้มีเด็กนักเรียนย้ายมาใหม่ด้วยค่ะ เด็กๆสนใจเพื่อนใหม่หน่อย” สิ้นเสียงอาจารย์ เด็กนักเรียนใหม่คนนั้นเดินเข้ามายืนข้างอาจารย์และเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงได้ทันที ส่วนผมละความสนใจจากนอกหน้าต่างแล้วหันไปมองเด็กใหม่ตามที่อาจารย์ว่าแบบนั้น
สูงชะมัด..
“ไหนเธอแนะนำตัวเร็ว
เพื่อนอยากรู้จักแล้ว” อาจารย์ยิ้มใส่เด็กใหม่ก่อนจะดันเด็กคนนั้นไปยืนอยู่ตรงกลางหน้าห้อง
“สวัสดีครับ เราชื่อน่านฟ้า
อัศวทินกร ย้ายมาจากเชียงใหม่ ขอฝากตัวด้วยครับ”
“โห จากเชียงใหม่มากรุงเทพไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ
ทำไมย้ายมาอะ” เสียงหัวหน้าห้องหรือ ‘แป้ง’
สาวห้าวถามเด็กใหม่
“ที่บ้านย้ายมาทำงานที่นี่
เราเลยต้องย้ายตามอะดิ”
“โอเคจ้า เราหัวหน้าห้องนะ ชื่อแป้ง
มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย” แป้งพูดจบเด็กใหม่คนนั้นหรือน่านฟ้าก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้
ทำเอาผู้หญิงในห้องเคลิบเคลิ้มตามกันไปเป็นแถว
“เดี๋ยวค่อยไปทำความรู้จักกันอีกครั้งเนอะ
น่านฟ้าไปนั่งข้างนทีตรงโต๊ะที่ว่างนู่นเลยจ้ะ” หลังจากอาจารย์พูดจบก็ทำเอาห้องเงียบไปสักพักและผมก็กำลังทำตัวไม่ถูกเพราะนั่งคนเดียวมาสามปีแล้ว
แต่ครั้งนี้มีคนมานั่งด้วยเนี่ยนะ
ให้ตายเถอะ
ผมสังเกตทุกอิริยาบถของน่านฟ้าตั่งแต่ถือกระเป๋าจนเดินเข้ามานั่งข้างๆ
จากตอนแรกที่คิดว่าแค่สูงเฉยๆตอนอยู่หน้าห้องหรือเป็นเพราะสายตาสั้นของผมเองที่ทำให้เห็นใบหน้าของน่านฟ้าไม่ค่อยชัด
แต่ตอนที่เขามานั่งข้างผมแล้วผมลองพิจารณาใบหน้านั้น...ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงในห้องถึงกรี๊ดน่านฟ้ากัน
ถ้าให้พูดว่าน่านฟ้าเป็นนักแสดงวัยรุ่นคงไม่ผิด
“จ้องหน้าเราขนาดนั้น หน้าเรามีอะไรติดหรอ” น่านฟ้าเอียงคอถามผมพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่ม
เหมือนลูกหมา
“อ่า มะ...ไม่ๆ โทษที”
ผมพูดอย่างตะกุกตะกักหลังจากโดนจับได้
“ฮ่าๆๆ แล้วนายชื่ออะไร เราแนะนำตัวไปแล้ว”
น่านฟ้าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะถามผม
“เราชื่อธารา เรียกว่านทีก็ได้” ผมแนะนำตัวเอง
รู้สึกแปลกๆเพราะแนะนำตัวเองครั้งล่าสุดคือตอนมอสี่ที่ย้ายเข้ามาใหม่ แล้วผมก็พูดขึ้นอีกครั้งหลังจากบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป
“เราว่าน่านฟ้าพยายามอย่าคุยกับเราดีกว่า
มันอาจจะไม่ดีกับตัวน่านฟ้าเท่าไหร่”
ผมพูดจบก็ยิ้มให้หนึ่งครั้งก่อนจะก้มลงไปหยิบไอแพดขึ้นมาเช็คตารางเรียน
“ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ
ทำไมเราต้องสนใจคนอื่นว่าจะมองเราแบบไหนด้วย”
“อา พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ”
ผมพึมพำขึ้นมา
“นทีว่าเราหรอ ฮ่าๆๆ”
“ไม่ได้วะ..ว่า พูดคนเดียว”
“โอเค พูดคนเดียวก็พูดคนเดียว”
หลังจากที่ผมพูดคุยกับน่านฟ้าจบ
ทั้งห้องก็กลับมาสู่สภาวะปกติโดยมีเสียงโหวกเหวกโวยวายบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาพูดต่ออีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องการเรียนก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลายๆคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าผมทนอยู่ได้ยังไงกับการถูกพูดเชิงส่อเสียดหรือคำพูดต่างๆนานาที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกแย่ ถ้าผมไม่รู้สึกคงไม่ใช่คนแล้วแหละครับ
เรื่องราวพวกนี้มันเริ่มจากมอห้าเทอมหนึ่ง
จากตอนแรกที่ผมมีเพื่อนหลายคนคอยพูดคุย กลับกลายเป็นว่าเริ่มหายไปทีละคนจนไม่เหลือใคร
ถ้าถามว่าเพื่อนมอต้นหายไปไหนหมด ผมบอกได้เลยว่าผมเป็นเด็กปทุมธานีที่ย้ายเข้ามาตอนมอสี่
การที่ผมถูกกระทำแบบนี้มาจากใครไม่ได้หรอกนอกจากกิลด์
ผมเคยมีปัญหากับเขาตอนมอสี่เทอมสองด้วยเรื่องการสอบท้ายคาบ
ตอนนั้นกิลด์ตั้งใจจะลอกผมแต่ทุกคนเข้าใจใช่ไหมครับว่าตัวเราเองต่างพยายามที่จะให้ผลการเรียนออกมาดี ถ้าให้ลอกโดยตรงมันไม่ดีต่อตัวคนลอกแน่ๆ ผมไม่อยากให้การลอกติดเป็นนิสัย
ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการไม่ให้ลอกผมผิดไป
จากที่ผมหวังดีกลายเป็นว่าผมเป็นคนหวงความรู้ไปสะงั้น
กิลด์เป็นคนปล่อยข่าวเรื่องผมหวงความรู้นู่นนี่นั่น
แต่งเติมตีไข่ขึ้นบ้างจนทำให้เพื่อนในห้องต่างเห็นด้วยกันและหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย...ซึ่งผมต้องทำเป็นไม่สนใจ
ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปแก้ข่าวนั่น ในเมื่อทุกคนต่างพากันเชื่อกิลด์แล้ว
คงยากที่จะฟังคำพูดจากผม
และแล้วครั้งนี้กิลด์ก็เอาอีก
“เห้ยน่านฟ้า
เขยิบโต๊ะมานั่งกับพวกกูเปล่า นั่งตรงนั้นระวังติดเชื้อคนขี้หวงนา”
กิลด์พูดเรียกให้น่านฟ้าหันหลังไปคุยด้วย
“ไม่เป็นไรๆ เรานั่งตรงนี้ได้”
“พูดหยาบกับพวกกูได้ ไม่ต้องคิดมากๆ”
เสียงของโต้งเพื่อนในกลุ่มบอก
“เอองั้นกูพูดแบบนี้ละกัน
แล้วพวกมึงชื่อไรกัน”
“ไอคนคิ้วเข้มๆชื่อเกมส์
ส่วนไอคนที่บอกให้มึงพูดหยาบมันชื่อโต้ง ส่วนกูชื่อกิลด์”
กิลด์แนะนำตัวเองพร้อมกับเพื่อนในกลุ่ม
“เคๆ แล้วโรงเรียนนี้เขาให้เข้าห้องน้ำตอนเรียนได้ป้ะวะ
โรงเรียนเก่ากูเขาไม่ให้เข้า”
“ไอเชี่ยย นั่นโรงเรียนหรือคุกวะ โรงเรียนนี้เข้าได้ดิ”
“เออๆแต้วกิ้วมากพวกมึง
เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแปป” น่านฟ้าบอกเสร็จสรรพก่อนจะลากผมที่นั่งเล่นไอแพดให้เดินตามไป
นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยหรอ
พูดไม่ฟัง
“ทำไมไม่ถามว่าลากไปไหน” น่านฟ้าที่นำหน้าถามผมระหว่างเดินพร้อมกับจับข้อมือไปด้วยโดยที่ไม่ได้หันหน้ามา
“เวลาคนอื่นลากไปไหนก็ไปงี้หรอ”
ให้เดาว่าไปห้องน้ำใหม่แน่ๆ
“ขี้เกียจพูด” ผมบอกอย่างเบื่อหน่ายไป
เขาดูไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิดเดียว
“ทำไมต้องขี้เกียจพูด แล้วที่กิลด์ว่าหวงความรู้นั่นคืออะไร”
ให้ตายเถอะ
เขานี่มันขี้สงสัยจริงๆ
“ก็ตรงตามที่กิลด์พูดแหละ เราขี้หวงยังกล้าคุยด้วยอีกหรอ”
“เดี๋ยวค่อยคุย ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนก่อน”
อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินลงจากตึกไปเข้าห้องน้ำชั้นล่าง
เขาไม่รู้แน่ๆว่าห้องน้ำบนตึกก็มีและผมขี้เกียจที่จะคุยด้วยแหละ
ระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำมีนักเรียนต่างพากันมองจนผมกับน่านฟ้าเป็นจุดสนใจ
คงแปลกใจที่ว่าทำไมโรงเรียนเราถึงมีเด็กที่หน้าตาดีแบบนี้แน่ๆ ผมยิ่งไม่ค่อยชอบเสียด้วยเวลาเป็นจุดสนใจ
เพราะทุกครั้งที่มีการทำกิจกรรมหรือโหวตตัวแทนงานต่างๆผมจะพยายามหลบหลีก รวมถึงการขึ้นรับรางวัลที่ผมไปแข่งขันทางด้านวิชาการบ่อยครั้งซึ่งยังไม่ชินอยู่ดี
แต่ดูเหมือนว่าคนข้างหน้าไม่ได้สนใจอะไรเลย
มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างเดียว
หลังจากเดินมาถึงห้องน้ำ
น่านฟ้าปล่อยให้ผมนั่งในศาลารอจนกระทั่งผ่านไปห้านาทีเขาจึงออกมา
ผมยกนาฬิกาข้อมือมาดู
เข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบนาทีถึงจะเข้าคาบที่สอง
ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปนั่งอึดอัดบนห้อง...บ่อยครั้งที่เมื่อถึงคาบว่างผมชอบไปนั่งอยู่สวนความลับ มันเป็นชื่อที่ผมตั้งเองเพราะไม่ค่อยมีคนมานั่งด้วยเท่าไหร่
“ตอนเที่ยงไปนั่งกินข้าวด้วยดิ”
ระหว่าที่ผมกำลังคิดเรื่อยเปื่อยก็มีเสียงแทรกเข้ามาให้ผมไปสนใจฟัง
“เราไม่กินข้าวโรงอาหาร”
“อ้าว แล้วนทีกินข้าวที่ไหน” น่านฟ้าขมวดคิ้วสงสัย
“บนดาดฟ้า”
“ไปนั่งด้วยดิ เราเอาข้าวที่ม๊าห่อให้มาพอดี”
“แล้วแต่ละกัน” ผมตอบกลับก่อนนะนั่งเล่นข้างล่างตึกอีกสักพักก่อนขึ้นไปเข้าคาบเรียน
...
กริ๊งงงงง
เสียงกริ่งบอกเวลาคาบสุดท้ายของเช้า
นักเรียนที่ได้ยินเสียงกริ่งต่างพากันวิ่งลงไปกินข้าวอย่างรวดเร็วเพราะโรงอาหารที่นี่เด็กเยอะไม่ใช่น้อย
ถึงแม้ว่าจะมีแค่มอปลายก็เถอะ
ผมว่ายังไงกิลด์ก็ต้องชวนน่านฟ้าไม่กินข้าวด้วยแน่ๆ
ยังไงน่านฟ้าไม่กล้าปฏิเสธหรอกเพราะเพิ่งมาใหม่ ถ้าถามว่าดีต่อผมไหม...บอกเลยว่าดีมาก
ผมชอบนั่งกินคนเดียวด้วยแหละ
มันสบายใจกว่าการไปกินข้าวร่วมกับผู้อื่นหรือที่เสียงดังรบกวน นอกจากจะทำให้อึดอัดแล้ว
ข่าวที่ห่อมายังลดความอร่อยไปอีกเยอะเลย
“น่านฟ้าไปกินข้าวกับพวกกูเปล่า” นั่น
พูดไม่ทันขาดคำกิลด์ก็ชวนทันที
ไปเลย
ไปเลย ไปเลย
“ไม่เป็นไรๆ กูเอาข้าวมากินว่ะ ขี้เกียจลงด้วย” ดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้เห็นใจผมสักนิด...
“เออๆ อย่าไปนั่งกินข้างคนขี้หวงนะมึง”
กิลด์พูดจบอีกสองคนก็หัวเราะสนับสนุนก่อนจะเดินออกจากห้องไปจนเหลือเพียงผมกับน่านฟ้าสองคน
ความเงียบเข้ามาครอบคลุมระหว่างเราทั้งสองแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่าหร่ ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงลุกแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุด เดินไปไม่ถึงสองนาทีก็เปิดประตูไปนั่งกินตรงพื้นที่ที่มีหลังคาคอยบังแดด
ยังไม่ทันจะนั่งมาม้าหินอ่อนที่ประจำ
ตรงหน้ากลับมีผู้ชายที่นามว่าน่านฟ้ามานั่งลงก่อนทำให้ผมต้องเขยิบไปนั่งม้าหินอ่อนตัวข้างๆแทน
คิดแล้วในใจว่ายังไงเขาก็ตามมา
ผมเปิดกล่องข้าวทันทีหลังจากนั่งลง วันนี้ผมทำข้าวผัดไส้กรอกมากินเหมือนทุกวัน ส่วนที่ต้องทำมากินเองเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของผมเป็นแพทย์ตามที่กล่าวไว้ตอนต้น พวกเขาไม่ค่อยว่างดูแลเท่าไหร่แต่จะคอยเช็คเวลาเรียนทุกครั้ง ทั้งเรียนที่โรงเรียนหรือที่เรียนพิเศษ
“โห ของนทีน่ากินจัง ของเราม๊าทำข้าวผัดเหมือนกันแต่ไม่เห็นน่ากินเหมือนนทีเลย” น่านฟ้าพูดเสียงงอแงเรียกให้ผมไปสนใจกล่องเข้าเขา
“เหมือนกันแหละ” ผมตอบกลับก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบๆ
“ไม่เหมือน ของเราข้าวผัดไข่ เหมือนตรงไหน”
เงียบไปได้ไม่ถึงนาทีก็มีเสียงจากน่านฟ้าดังขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือนลูกหมาตัวดื้อมากๆ
“โอเค ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน เราขี้เกียจเถียงแล้ว”
“แล้วปกติกินข้าวคนเดียวหรอ”ระหว่างที่น่านฟ้ากำลังเคี้ยวข้าว
เขาชวนคุยไปด้วย ถ้าข้าวติดคอผมไม่แปลกใจเลย แต่ช่างเถอะ
“อืม เงียบดี”
“ไม่เหงาไง”
“ไม่นะ เราชินแล้ว” ผมตอบกลับก่อนจะมองข้าวในกล่องน่านฟ้าที่พร่องลงไปเยอะ
ต่างจากผมนักที่ข้าวยังลดไปได้ไม่ถึงครึ่ง L
“เราว่านั่งคนเดียวเหงาจะตาย งั้นเรามานั่งเป็นเพื่อนทุกวันดีกว่า”
“เราบอกแล้วใช่มั้ยว่าพยายามอย่ามาคุยกับเรา ไม่ฟัง” ผมเอ็ดเขาไปอีกรอบ
วันนี้พูดประโยคนี้มาสองรอบราวกับเดจาวู
“งั้นเราจะพูดอีกครั้งว่า ทำไมเราต้องสนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองเรายังไง” น่านฟ้าพูดก่อนจะยิ้มที่เหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเย็นในเวลาที่มองทำให้รู้สึกอุ่นใจ
“เราอยากเป็นเพื่อนกับนทีนี่”
เอาเถอะ
ถ้าผมพูดขนาดนี้แล้วเขายังไม่ฟัง...ก็ปล่อยไปแล้วกัน
#น่านฟ้าของนที
TW / @momxxxnong
ท้อคท้อคท้อค :
แง สวัสดีค้าบนักอ่านทุกๆท่าน ขอบคุณนะค้าบที่หลงเข้ามาอ่านกัน T___T เรื่องนี้จะแต่งให้จบก่อนเข้ามาหลัยแหน่ะ เป็นเรื่องที่วางพล็อตไว้หมดแล้วค้าบ อาจจะบรรยายไม่สวย มีติดขัดบ้าง ช่วยแนะนำด้วยนะค้าบ ส่วนเรื่องเวลาอัพนั้นบอกไม่ได้จริงๆ ทางปลื้มขออนุญาตลาหลายวันไปแต่งอีพี1-2ก่อนนะค้าบ อันนี้ลงดูฟีดแบคเฉยๆ ฝากติดตามความรักทั้งสองที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆฉบับเด็กมอหกด้วยนะค้าบ
ความคิดเห็น