คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เผชิญหน้า
O ฝูงช้างสล้างใหญ่น้อย พังพลาย
ทอกโทนพินายหลาย ส่ำถ้วน
ทองแดงเผือกเนียมราย ในเหล่า
ลงท่าน้ำดำป้วน เล่นร้องฮูมแปร๋น ฯ
นิราศธารทองแดง-เจ้าฟ้ากุ้ง
เผชิญหน้า
เมื่อจัดเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย รอบบริเวณแค้มป์พักแรมขยะถูกจัดเก็บกลบฝังดับกองไฟ คณะของเราก็เริ่มออกเดินทาง โดยพรานเหลิงแบ่งขบวนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกพรานเหลิง ข้าพเจ้า กระเหรี่ยงจิ้งจั้ง มุ่งหน้าไปก่อน กลุ่มที่สอง เฒ่าทารก วันเดอร์ โนเกีย ดร.โรมิโอ ลูกหาบและอาจารย์กู้รั้งท้าย ด้วยม้าต่างและลูกหาบต้องขนสัมภาระ เดินทางได้ช้า จึงไม่ต้องการให้เป็นตัวถ่วง ในการติดตามโขลงพลายงาช้างดำ ที่ล่วงหน้าคณะเราไปหนึ่งวัน เฒ่าทารกและอาจารย์กู้ ก็ไว้ใจได้ว่าสามารถดูแลลูกหาบและม้าต่างได้เป็นอย่างดี หากเกิดปัญหาขึ้นมา
พรานเหลิงปล่อยกระเหรี่ยงหนุ่มนำทาง ส่วนจอมพรานบางครั้งก็นำหน้า บางครั้งก็อยู่รั้งท้ายขบวน บางครั้งก็แยกจากขบวนเดินทางหายไป จู่ๆก็โผล่ออกมากลางขบวนดุจเงาปีศาจ เส้นทางที่แกะรอยโขลงพลายงาดำ ลัดเลาะ ตามลำธารที่คณะเราตั้งค่ายพักแรม บางครั้งก็แยกห่างออกไปก่อนที่จะเลี้ยววกมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ตลอดรายทางรอยโขลงช้างสังเกตได้ง่าย ด้วยพวกมันหักกิ่งไม้ น้าวยอดไผ่เป็นแนวทางขนานไปกับทางด่าน แว่วเสียงน้ำลำธารไหลริน
สภาพเส้นทางค่อนข้างเดินสบาย ด้วยเป็นทางด่านช้าง ต้นพยุง ตะเคียน เหียงขึ้นเป็นดง อากาศร้อนอบอ้าว ต่างจากตอนกลางคืนซึ่งหนาวจัด ริ้น แมลงวันเล็ก และเหลือบ บินตอม หัว หู สร้างความรำคาญ โชคดีเป็นช่วงปลายฤดูฝน อากาศแห้งแล้ง ไม่มีทาก หากเป็นฤดูฝนคงต้องผจญกับฝูงทากอีกเป็นแน่
เราออกเดินโดยไม่พูดคุยกัน ตั้งแต่เช้าตรู่จนขณะนี้ นาฬิกา มิโด้คอมมานเดอร์ ที่ข้อมือข้าพเจ้าบอกเวลาเที่ยงตรง แต่พรานเหลิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้ขบวนของเราหยุดพัก ทางเดินเริ่มลาดต่ำลงเรื่อยๆ หลังจากเราเดินขึ้นที่สูงมานานต้นมะเดื่อ ต้นไทรขึ้นเป็นกลุ่มห้อยระยางระย้า ลำต้นปกคลุมไปด้วยมอส ผักกูด เฟิร์นป่าขึ้นเป็นดง เสียงน้ำไหลได้ยินดังยิ่งขึ้น
พรานเหลิงยกมือส่งสัญญาณเหมือนพบเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะซุบซิบกับกระเหรี่ยง จิ้งจั้งที่คลานเข้าไปหา ก่อนย่อตัวหมอบคลานไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พลอยทำให้ข้าพเจ้าต้องหมอบคลานตาม เราคืบคลานไปราวห้าสิบหกสิบเมตรเห็นจะได้ พอพ้นดงเฟิร์นออกมาก็พบตลิ่งสูงชัน เบื้องล่าง ลำธารแผ่กว้างออก ฝั่งตรงข้ามกับที่เราหมอบซุ่มอยู่เห็นโขลงช้างกำลังขึ้นจากน้ำ ไม้ไร่หักโค่นโครมครามตามหลังพวกมัน ริมตลิ่ง มีแม่ช้างกับลูกช้างสองตัว ยังไม่ตามโขลงไป ( ช้างป่าเรียกลักษณะนามเป็นตัว ช้างบ้านเรียกเป็นเชือก-ผู้เขียน ) ด้วยความสูงชันของตลิ่งทำให้ลูกช้างไต่ขึ้นไม่ได้ ดูท่าขาหลังของมันคงติดหล่ม แม่ช้างดูละล้าละลังในขณะที่โขลงส่วนใหญ่ล่วงหน้าไปแล้ว ลูกช้างยิ่งดิ้นและร้องด้วยความตกใจที่ขึ้นตลิ่งไม่ได้
ทันใดนั้นเอง บนตลิ่งเหนือลูกช้างที่กำลังติดหล่มอยู่ มีเงาเหลืองลายวูบผ่าน จากแสงแดดที่ลอดกิ่งไทรลงมา ทำให้ข้าพเจ้าตลึงงันลืมหายใจ เสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดน้องม้า ย่อตัวแกว่งหางช้าๆ เตรียมกระโจนลงมา แม่ช้างยืนจังก้าขวางระหว่างเสือร้ายกับลูกน้อย แผดเสียงขับไล่พยัคฆ์ ร้าย พลางกระตุ้นเตือนให้ลูก ช้างรีบขึ้นตลิ่งไป พยัคฆ์ร้ายครางเสียงต่ำ มันคงติดตามฝูงช้างมา หากมีโอกาสจะได้ฉกฉวยเข้าโจมตี เป้าหมายของมันไม่ใช่ช้างตัวโตๆ หากแต่เป็นช้างแม่ลูกอ่อนหรือช้างพิการที่เดินไม่ทันโขลง โดยเฉพาะลูกช้าง ซึ่งมันก็ติดตามจนพบโอกาสอันดีสำหรับโจมตี
เสือร้ายจ้องแม่ช้างตาเขม็ง หางกวัดไกวอย่างแช่มช้า โดยไม่คาดฝัน ฝั่งซ้ายของลำธารกิ่งมะเดื่อไหวเยือก เสือโคร่งลายพาดกลอนตัวโตกว่าตัวแรก กระโจนพรวดออกมาโจมตีลูกช้างที่กำลังติดหล่ม ก่อนที่จะทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงร้อง แปร๋น กึกก้องไพรพนา ภูเขาลูกย่อมๆ เคลื่อนผ่านหน้าพวกเราไปดุจภูผาถล่ม พร้อมร่างเสือร้ายปลิวคว้างหล่นตูมลงกลางลำธาร น้ำกระจายกระเซ็นมาถึงพวกเราที่หมอบซุ่มดูอยู่
ร่างสูงทะมึนยืนขวางลำธารตื้นแห่งนั้นเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง งวงของมันกวัดแกว่งชูสูง หูสองข้างกางออกโบกกระพือ ส่งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างโกรธแค้น งาทั้งคู่งอนงามยาวไม่ต่ำกว่าสามเมตรเป็นสีดำสนิทประดุจนิล ตาทั้งคู่เบิกโพล่งแดงกล่ำจ้องไปที่เสือร้ายตัวที่ประจัญหน้ากับแม่ช้างอย่างประสงค์ร้าย พลางย่างสามขุมพาเรือนกายมหึมาสูงไม่ต่ำกว่าห้าเมตรเข้าหาเจ้าลายพาดกลอนอย่างช้าๆ เจ้าเสือตัวที่หล่นลงกลางลำธารลุกขึ้นสะบัดน้ำออกจากตัวดูท่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากความตระหนก คงเป็นเพราะน้ำในลำธารนั่นเอง ไม่เช่นนั้นกระดูกกระเดี้ยว คงทะลุออกมา แม่ช้างใช้งวงดุนลูกน้อยจนพ้นจากติดหล่มปีนขึ้นตลิ่งจนได้ ท่ามกลางการคุ้มกันของพลายงาดำ ซึ่งถอยช้าๆ
พุ่มไม้ด้านขวามือที่เราซุ่มอยู่ ไหวเยือก กลิ่นสาบฉุนกึก โชยเข้าจมูกแทบสำลัก เสือโคร่งอีกตัว ซุ่มอยู่ใกล้ๆ พวกเรานี่เอง ขนหัวข้าพเจ้าลุกชัน หัวใจแทบหยุดเต้น ด้วยอาการ อดรีนาลีน (Adrenalin hormone) ที่หลั่งออกมา ก่อนที่พวกเราจะทำประการใด เฒ่าทารกก็โพล่พรวดพราดเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่า พวกเราคงหมอบซุ่มดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยลืมขบวนที่ตามหลังมาเสียสนิท ด้วยความตื่นเต้น จึงไม่ทันส่งสัญญาณให้ขบวนที่ตามมาทราบทันท่วงที
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฒ่าทารก ทำให้พยัคฆ์ร้ายไหวตัวหันขวับมาทางเฒ่าทารก
เฒ่าทารกตกตะลึงพรึงเพริดหน้าซีดเผือก รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป แกตกใจด้วยไม่นึกไม่ฝันว่า
จะเผชิญหน้าเสือลายพาดกลอนตัวมหึมาอย่างกระชันชิดเช่นนั้น
ข้าพเจ้าวาดปืนขึ้นประทับบ่า พร้อมเฒ่าทารก แต่ช้ากว่าพยัคฆ์ร้ายที่กระโจนพรวดเข้าใส่ในระยะไม่เกินสิบเมตร เสียง วินเชสเตอร์ 375 โมเดล 70 ของพรานเหลิงกัมปนาทดุจฟ้าผ่า หัวกระสุนฮอลแลนด์แอนด์ฮอลแลนด์ ( H&H ) น้ำหนัก 300 เกรน พ้นปากลำกล้องยาว 22 นิ้ว ด้วยความเร็วต้นกว่า 2,700 ฟุตต่อวินาที เจาะเข้าแสกหน้าเสือร้ายแม่นดังจับวางด้วยแรงปะทะ 4,115 ฟุต-ปอนด์ ส่งผลให้พยัคฆ์ร้ายหล่นโครมลงแทบเท้าเฒ่าทารก ฝุ่นตลบ เฒ่าทารกตกใจก้นจ้ำเบ้าลงไป สิ้นเสียงปืน ดุจป่าแตก เสือโคร่งอีกสองตัวเผ่นแนบ โขลงช้างที่อยู่คนละฝั่งลำธาร วิ่งหักโค่นป่า โครมครามออกไปพร้อมเจ้าพลายมหากาฬ ข้าพเจ้ากระโจนพรวดเดียวถึงเฒ่าทารก พลางดึงแขนแกขึ้นมา เนื้อตัวแกอ่อนปวกเปียกแต่ไม่มีริ้วรอยเท่าแมวข่วน ทารกเฒ่าตกใจจนสิ้นสติไป เสียงร้องโหวกเหวกดังมาจากทางด่านเบื้องหลัง ขบวนลูกหาบและม้าต่างตามมาถึงพอดี
เราตั้งแค้มป์ที่พัก ห่างจากลำธารจุดที่เกิดการเผชิญหน้า พลายงาดำออกมา ราวร้อยเมตร บริเวณนั้นเป็นเนินสูงใต้ดงต้นพะยอม ปลอดภัยจากน้ำ หากมีน้ำป่าหลากมา การพักแรมใกล้ลำธารในป่านั้นมีอันตรายรอบด้าน ไหนจะมาจากสัตว์ที่ลงมากินน้ำ ซึ่งย่อมดึงดูดสัตว์นักล่าให้ติดตามมาด้วย ไหนจะมาจากภัยน้ำป่าที่หลากมา ถึงจะไม่ใช่ฤดูฝนแต่ในสภาพป่าดงดิบแถบนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้เลย ดอกพะยอมโชยกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกพร่างพรูร่วงหล่นยามลมลำเพย ทำให้ข้าพเจ้า นึกถึงโคลงโลกนิติ เมื่อครั้งยังเรียนมัธยม แรกริ มีความรักใหม่ๆ
O อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือจะตรอม อกไข้
เด็ดแต่ดอกพะยอม ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้ อาจเอื้อมเอาถึงฯ
และข้าพเจ้าบังอาจแต่งล้อไว้ว่า
O อยากเอื้อมเด็จดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือจะยอม อกไข้
ถึงไม้ป่าจะหอม ยอมอด ดมนา
เมินดอกหญ้าค่าไร้ ดุจไม้ริมทางฯ
เฒ่าทารก วันเดอร์ กระเหรี่ยงจิ้งจั้ง โนเกีย และกลุ่มลูกหาบ ชุมนุมกันอยู่ที่ซากอ้ายลาย ที่นอนสิ้นฤทธิ์ให้อาจารย์กู้ชำแหละอย่างชำนาญขนาดของมันไม่ต่ำกว่าสองเมตร นี่คงเป็นที่มาของคำว่าตัวยาวแปดศอก เสียงเฒ่าทารกคุยโขมงโฉงเฉง แกเสียงดังกว่าใคร ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา
“ ตัวมันใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม งามันใหญ่เท่าต้นตาล ยาวเฟื้อยกว่า 5 เมตร ” เฒ่าทารกคุยน้ำลายฟอดที่มุมปาก ปลาหลุดเบ็ดตัวใหญ่กว่าจริงเสมอ อีกอย่าง พลายงาดำก็ตัวใหญ่จริงๆ ยิ่งในสถานการณ์อย่างนั้นยากจะประเมินขนาดออกมาได้
“ ข้ามัวตลึงมอง ไอ้งาดำ เลยไม่เห็นไอ้ลายที่ซุ่มอยู่....ม่าย งั้น มันเจอดีแน่” แกแลบลิ้นเลียมุมปากก่อนฝอยต่อ
“โธ่ลุง ถ้าแน่จริง ไหงฉี่ราด สลบเหมือด ” จิ้งจั้งกระเหรี่ยงจอมกระล่อนอดแหย่ไม่ได้
“ไอ้นี่ เดี๋ยวปั้ด ...” กระเหรี่ยงจอมกระล่อนหลบแผ้วก่อนเฒ่าทารกจะง้างเท้าเสียอีก “ว่าแต่ ไอ้ลายสามตัวนี่ทำไมถึงมาล่าร่วมกันได้ ผมเคยดูสารคดี พบว่าเสือโคร่งล่าเหยื่อ
ตามลำพัง ไม่แท็คทีมเหมือนสิงโต ” วันเดอร์ชวนคุย
“ ธรรมดาเสือโคร่งลายพาดกลอน จะมีถิ่น อาณาเขตหากินของมัน ไม่ล้ำเขตแดนกัน โดยมันจะใช้กลิ่นฉี่ทำสัญลักษณ์ตามต้นไม้และพื้นดิน แสดงอาณาเขต แต่บริเวณลำธารส่วนนั้นอาจเป็นเขตบรรจบกันของพวกมันก็ได้ และเผอิญมันมีเหยื่อร่วมกัน จึงร่วมกันล่า นับเป็นกรณีที่น่าศึกษา ” เช่นเคย อาจารย์กู้ร่ายยาว สมภูมิครูบาอาจารย์ ในขณะที่สองมือแก ก็ทำงานไปด้วยมีดเดินป่าของจ่าตุ่ม คมกริบในมือ กระชับชำแหละหนังเสือ ดุจพู่กันในมือจิตรกร ( จ่าตุ่มชื่อจริงว่า ดาบตำรวจไพโรจน์ ทิมแท้ เป็น ยอดช่างทำมีดลือนามของจังหวัดอุทัยธานี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว -ผู้เขียน )
หน้าเต็นท์ที่พัก บริเวณที่จะก่อกองไฟ พรานเหลิงกับ ดร.โรมีโอ กำลังตรวจสอบพิกัดกับแผนที่เดินป่า ด้วยอุปกรณ์หาพิกัดพื้นที่จากดาวเทียม อุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีชิ้นนี้ เป็น ดอกเตอร์ นำติดตัวมาด้วยจากญี่ปุ่น ด้วยขนาดเล็กเท่าเครื่องเล่นเกมส์กด ของเด็กๆ ญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงให้มีขนาดเล็ก สามารถพกได้สะดวกล้ำหน้าอเมริกาเจ้าตำรับ ซึ่งมุ่งเน้นประสิทธิภาพอุปกรณ์ มีผลทำให้อุปกรณ์ต่างๆมีขนาดใหญ่เหมาะที่จะใช้ทางการทหาร หรือการสำรวจของคณะสำรวจแบบเต็มคณะ ด้วยนวัตกรรมใหม่ และไฮเทคชิ้นนี้ ทำให้สามารถตรวจหาพิกัดตำแหน่งของคณะเราได้อย่างแม่นยำ
ดร.โรมิโอ ผละจากพรานเหลิงหลังจากปรึกษาหารือเสร็จ แล้วเดินมาฟังเฒ่าทารกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เผชิญมา และซักถามทารกเฒ่าอย่างละเอียดถึงลักษณะ ขนาด เจ้าพลายมหากาฬพร้อมจดบันทึกคำบอกเล่าทุกขั้นตอน ข้าพเจ้าเดินห่างออกมา หาพรานเหลิง ซึ่งกำลังใช้เข็มทิศติดตัว ตรวจสอบแผนที่อยู่
“ อ้าวพรานเหลิง ทำไมเครื่องตรวจสอบจีพีเอส ใช้งานไม่ได้หรือ ” ข้าพเจ้าหมายถึง GPS
ที่ย่อมาจาก Global Positioning System หรือภาษาไทยว่า ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก
“ ดอกเตอร์ บอกว่า ติดต่อรับสัญญาณจาก ไอพีสตาร์ ไม่ได้ ” พรานเหลิงหมายถึง ดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ใช้แจ้งตำแหน่งพิกัด และเป็นดาวเทียมสำรวจทางธรณีวิทยา ( IP Star ดาวเทียมวงโคจรต่ำสูง 815 กม.จากพื้นโลก -ผู้เขียน )
“ เดี๋ยวไอจะลองติดต่อผ่าน อินมาแซท ดู ” ดร. โรมิโอเดินมาสมทบเอ่ยขึ้น
“ อาจเป็นไปได้ว่าสัญญาณถูกรบกวนจากพายุสุริยะ เมื่อคืนไอ ก็ คอนเน็ค อินเตอร์เน็ท ไม่ได้เหมือนกัน ”( พายุสุริยะ เกิดจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการสะสมพลังงานจำนวนมาก จากการพันกันของสนามแม่เหล็ก โดยมากจะอยู่เหนือจุดมืดบนดวงอาทิตย์ ถูกปลดปล่อยออกมาทันทีทันใด การประทุ จะปล่อยรังสีออกมา ก่อให้เกิดการฉายแสงออกมานอกสนามแม่เหล็กไฟฟ้า -ผู้เขียน )
“ แต่ไม่มีปัญหาครับคุณภูมิ จากพิกัดล่าสุดที่ยืนยันกับ GPS ผมได้ตรวจสอบกับเข็มทิศมาตลอดทาง ”
“ อีกสองชั่วโมง อินมาแซท จะเคลื่อนมาอีกสององศา ไอจะปรับ แอนเทนนาพาราโลลอร์ยไปที่ย่านความถี่ เค ยู แบนเพื่อลอง คอนเน็ค ทรานสปอนเดอร์ โล-เอิร์ธ แซทเทลไลท์ โดย ซีดีเอ็มเอ ซิสเท็ม ” ดอกเตอร์หนุ่มหมายถึง จะหันจานรับสัญญาณแบบความถี่สูงย่าน เคยูแบนด์ เพื่อติดต่อผ่านช่องทางดาวเทียม ด้วยระบบสัญญาณดิจิตอล ( CDMA=Code Division Multiple Access-ผู้เขียน )
“ คงจะสามารถติดต่อกับดาวเทียมดวงใดดวงหนึ่งได้ ไอจะลองต่อ จีพีเอสผ่าน ยูเอสบี พอร์ต เมื่อติดต่อดาวเทียมจะได้อัพโหลดพิกัดแผนที่ ” ข้าพเจ้ากับพรานเหลิ ง สบตากันก่อน ที่จะขอตัว ฉากหลบดอกเตอร์ออกมา เพื่อไม่ให้ปวดหัวกับศัพท์เทคนิคทางวิชาการ ด้านดาวเทียมวิทยา ไปมากกว่านี้ ปล่อยให้ดอกเตอร์ ปลุกปล้ำกับ แล็ปท๊อป กล่องโมเดม จานอากาศหาทางเชื่อมต่อสัญญาณกับดาวเทียมเอง ( Low-Earth Satellite=ดาวเทียมวงโคจรต่ำ มี 24 ดวง ในวงโคจรใช้งาน 21 ดวงสำรอง 3 ดวง-ผู้เขียน)
“ ผมว่ามันต้องเตลิดไปไกลแน่ๆ คราวนี้ อาจถึงชายแดน เพราะป่าผืนนี้กินอาณาบริเวณครอบคลุมสามประเทศ ”
“จากการตรวจสอบล่าสุดของผมกับดอกเตอร์ ขณะนี้ เราอยู่ที่นี้ ” พรานเหลิงคลี่แผนที่เดินทางแล้วจิ้มนิ้วลงจุดหนึ่งในแผนที่
“ อืม เรามาไกลถึงขนาดนี้เชียวหรือ มิน่าอากาศถึงได้เย็นลงเรื่อยๆ ”
“ เราต้องตามมันให้ทัน ก่อนจะพ้นชายแดนประเทศพม่า ”
“ ใช่ คืนนี้เราพักนอนกันแต่หัวค่ำ รุ่งขึ้นกินข้าวเช้าเสร็จเราจะออกเดินทางทันที ”
“ คุณภูมิช่วยแจ้งให้คณะของเราทราบด้วยเพื่อจะได้เตรียมตัว เดี๋ยวผมจะนำลูกหาบไปหนึ่งคนเพื่อขนฟืนกลับมา สำหรับก่อไฟคืนนี้ แล้วจะเลยสำรวจรอบๆ บริเวณเสียหน่อย ” พรานเหลิงเรียกนามจริงของข้าพเจ้าในขณะที่คนอื่นๆในคณะรู้แต่ว่าข้าพเจ้าคือนายแมวเท่านั้น
เรากินอาหารกันแต่เช้าตรู่ และเตรียมตัวเดินทาง หลังจากจัดเก็บสัมภาระและบริเวณที่พักเรียบร้อยแล้ว
“ เราต้องประหยัดน้ำอย่างที่สุด จากจุดนี้เป็นต้นไป ” พรานเหลิงสั่งลูกหาบขนน้ำจากลำธารไปให้มากที่สุด ทั้งเพื่อคน และม้าต่างหกตัว
เราแบ่งขบวนเดินทางออกเป็นสองขบวน เช่นเคย แต่คราวนี้ให้กระเหรี่ยงหนุ่มคอยวิ่งประสานงานหากมีเหตุฉุกเฉิน สภาพป่าช่วงนี้เริ่มโปร่งไม่รกครึ้มเหมือนเช่นที่ผ่านมา พอพ้น
ป่าไทร ดงมะเดื่อ ผ่านป่าหวาย ออกมาข้างหน้าก็เป็นทุ่งโล่งไกลสุดลูกหูลูกตา ป่าแฝกแหวกเป็นทางจากโขลงพลายงาดำที่ผ่านไปเมื่อวานก่อน กระเหรี่ยงหนุ่มรวบหญ้าแฝกขมวดขอดไว้เป็น
สัญลักษณ์ให้ขบวนหลังสังเกตเห็น เป็นระยะๆ
โขลงช้างผ่านไปในทุ่งหญ้าแฝก ทำให้ทางเดินไม่ลำบากมากแต่ใบแฝกก็คม ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้บาดหน้า ลมพัดโบกทุ่งแฝก เหมือนคลื่นในทะเล ช่วยบรรเทาความร้อนได้บ้าง ท้องฟ้ากว้าง มองเห็นกลุ่ม เมฆเซอร์รัส เป็นฝอยๆ คล้ายขนนกบางๆ ระบายท้องฟ้าสีคราม ดูสดใส ( เมฆเซอรัส Cirrus Cloud มีลักษณะเป็นริ้วๆ เหมือนขนนก เกิดอยู่ในระดับสูงมากบนท้องฟ้าที่ระดับ 30,000 ฟุต อุณหภูมิของอากาศบนนั้น หนาวจัด จนเมฆชนิดนี้ประกอบด้วยผลึกน้ำแข็งขนาดจิ๋วแทนที่ จะเป็นหยดน้ำ ดวงอาทิตย์สามารถส่องผ่านได้ -ผู้เขียน )
ข้าพเจ้าปลดกระติกน้ำข้างกายดื่มไปอึกหนึ่ง และเพิ่มความเชื่อมั่น พรานเหลิงที่เล็งเห็นสถานการณ์ล่วงหน้าให้พวกเราประหยัดน้ำ ในท้องทุ่งอันไพศาลนอกจากหญ้าแฝกแล้วไม่มีสิ่งใด เราจะหาน้ำได้อย่างไรหากน้ำหมดขึ้นมา บางช่วงบางตอนป่าแฝกก็บางเบา มีต้นปง จั๋ง ขึ้นเป็นหย่อมๆ โครงกระดูกเก้งกวาง ควายป่าหรือกระทิงกองขาวเกลื่อนกราด เป็นระยะ พวกมันคงหลงทางและอดน้ำตายเป็นแน่ ไม่มีร่มเงาให้หลบแดดได้เลย
ในที่สุดพรานเหลิงก็ต้องให้สัญญาณหยุดพักในเวลาเที่ยงตรง เพราะกว่าขบวนหลังจะตามมาทันก็คงบ่ายโมงแล้ว เราลงมือกินเสบียงที่พกติดตัวโดยไม่รอขบวนที่ติดตาม เมื่อกินอิ่มขบวนหลังก็ตามมาทันพอดี เช่นเคย พอพวกเฒ่าทารก อาจารย์กู้ เริ่มพักกินข้าว พวกเราคือข้าพเจ้า พรานเหลิง กระเหรี่ยงหนุ่ม ก็เตรียมออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน แต่คราวนี้เฒ่าทารกขอติดขบวนแรกไปด้วย เราจึงรอแกชั่วครู่แล้วจึงรีบออกเดินทาง
แดดยามบ่ายแผดร้อน แรงกล้า ทุ่งหญ้าคาสลับทุ่งแฝกดูแผ่กว้างไม่มีที่สิ้นสุด สายลมที่เคยโชยพัดตอนออกเดินทางเข้าสู่ท้องทุ่งหายไป เปลวแดดเต้นระยิบระยับดุจระบำยมฑูต น้ำที่พวกเราดื่มเข้าไปกลายเป็นหยาดเหงื่อไหลออกชุ่มตัว กระติกน้ำข้าพเจ้าแห้งไปนานแล้ว ทั้งที่ดื่มอย่างประหยัดที่สุด พรานเหลิงที่เดินนำหน้าเคี้ยวใบกระท่อมหยับๆ ดูมุ่งมั่น ไม่มีทีท่าว่าอ่อนล้า
“ นี่เราจะเดินถึงเมื่อไหร่ ถึงจะพ้นดงแฝก เราเดินทางมาเกือบแปดชั่วโมงแล้ว ยังไม่พ้นทุ่งนี้เลย หรือเราต้องค้างแรมในทุ่งหญ้ากัน ” เฒ่าทารกบ่นออกมาดังๆ
“ เราพักแรมในทุ่งหญ้าแฝกไม่ได้หรอก มันอันตราย ”
“ จะมีอันตรายจากอะไร ? ” เฒ่าทารกฉงน
“ ในทุ่งหญ้ารกไปด้วยหญ้าแฝกแบบนี้ เราไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ตกกลางคืนฝูงหมาไน หรือเสือดาวอาจมาซุ่มอยู่ใกล้ๆ โดยไม่รู้ตัว และหากมีไฟป่ามาเราจะไม่มีทางหนี้รอดไป ได้เลย ” พรานเหลิงอธิบาย เราเดินกันจนดวงอาทิตย์เริ่มบ่ายคล้อย จึงแลเห็นเทือกเขาทะมึนเบื้องหน้า รอยโขลงช้างมุ่งไปทางนั้น เพิ่มกำลังใจให้พวกเราเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงเชิงเขาก่อนตะวันสิ้นแสง
จบตอนเผชิญหน้า
เมฆเซอรัส (Cirrus Cloud)
ความคิดเห็น