คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมตะวันตกยุคกลาง
แนวทาใหม่ริๆ อสถาปัยรรมเิึ้นเมื่อมีารย้ายเมือหลวาโรมไปยัไบแนิอุม (Byzantium) รูปแบบใหม่อสถาปัยรรมที่พันาึ้นที่เมือหลวใหม่นี้ เรารู้ัันในนาม “Byzantine Architecture” ึ่ไ้วิวันาารนบรรลุุสุยอที่เฮเีย โเฟีย (Hogia Sophia) รูปแบบอสถาปัยรรมนี้ึเป็นรูปแบบทาารอศาสนาริสเียนนิายออร์ธออ์ (Orthodox) ึ่เป็นศาสนนิายประำาิออาาัรโรมันะวันออที่มีรุอนสแนิโนเปิล (Constantinople) หรือไบแนิอุมเิมอิสแทนบุล (Istanbul) ในปัุบันเป็นเมือหลว เป็นที่น่าประหลายิ่ที่รูปแบบสถาปัยรรมนี้ยัรัษาลัษะั้เิม โยไม่มีารเปลี่ยนแปลมานั แม้ระทั่ทุวันนี้เ่นเียวับริสศาสนานิายออร์ธออ์ที่อนุรัษ์นิยมอย่ายิ่
ในยุโรปะวัน หลัาราอาาัรโรมันสิ้นสุล วิวันาารอสถาปัยรรมหยุะัลั่วะ นระทั่พระเ้าาร์เลมา (Charlemgne) รื้อฟื้นึ้นมาใหม่ในศวรรษที่ 8 หลัานั้นโยเพาะในศวรรษที่ 10, 11 และ 12 ึมีาร่อสร้าโบสถ์ มหาวิหาร และสำนัส์ อันเนื่อในศาสนาริสเียนในประเทศใหม่ๆ ่าๆ ทั่วยุโรป ในรูปแบบสถาปัยรรมที่วิวันาารมาาสถาปัยรรมโรมันอนปลาย ารที่สถาปัยรรมรูปแบบนี้มีลัษะ “ระเียไปทาโรมัน” ึเรียันว่า สถาปัยรรมโรมันเนส์ (Romanesque Architecture)
วามระือรือร้นในศาสนาที่เสนริม้วยสรามรูเส (Crusades) รั้่าๆ เป็นแรระุ้นสำัในวิวันาารสถาปัยรรมอยุลาึ่พันา่อเนื่อมาาสถาปัยรรมโรมันเนส์ และไ้รับสมานามาอมาว่า สถาปัยรรมโธิ (Gothic Architecture) วามมั่ั่และอำนาอฝ่านส์และสำนัส์่าๆ เป็นารเปิทาไปสู่วาม้าวหน้าทั้หลายในยุนี้เสริม้วยวามศัรทธาอย่าลึึ้ในศาสนา ึ่ปััยเหล่านี้ทำให้ยุนี้เป็นยุแห่าร่อสร้ามหาวิหารอันยิ่ให่เป็นำนวนมาทั่วยุโรปในศวรรษที่ 13 เหล่า่าทุสาาทุระับั้นทุ่มเทำลัวามิและำลัฝีมืออย่าไม่หยุยั้ เพื่อให้มหาวิหารโธิเหล่านี้สำเร็ลุล่ว เทนิวิทยาาร่อสร้าระบบใหม่ไ้รับารารประิษ์ิ้นึ้น้วยารนำเอาหิน้อนเล็ๆมาประสมประสานเรีย่อันในระบบโ้แหลม (Pointed Arch) ึ่เป็นรูปโมที่เ่นัอสถาปัยรรมรูปแบบโธิ (Gothic Style) โรอโวลท์ในระบบ “Rib and Panel” ที่เป็นโ้แหลมและลอยสูอยู่เหนือส่วนเนฟ (Nave) นั้นถูยึให้รูปและสมุลอยุ่ไ้้วยเสารีบ (Buttress) และสะพานโ้ลอย (Flying Buttress) ที่รายล้อมรอบัวโบสถ์ โยมีพินนาเิล (Pinnacle) ถ่วอยู่เหนือเสารีบที่รอรับแรถ่า (Thrust) โยราหลัา ะนั้นึไม่ำเป็น้อทำหน้าที่รับน้ำหนัอี่อไป ทำให้สามารถบุ้วยหน้า่าระสี (Stained Glass) อันเบาบา เพื่อันำแสสว่าที่้อารอย่ายิ่เ้าสู่ภายในออาารไ้มาที่สุ ที่ล่าวมานี้เป็นสถาปัยรรมในรูปแบบโธิในฝรั่เศสึ่เป็นุเริ่ม้น ส่วนวิวันาารอสถาปัยรรมในรูปแบบนี้ในอัฤษนั้น แสให้เห็นัเนถึอำนาอฝ่านส์ที่ปราในลัษะที่เรียบ่าย และ่อน้าร้าวอสถาปัยรรมโธิในรูปแบบอัฤษอน้น (Early English Style) ในศวรรษที่ 13 และเ่นเียวัน่อมาลัษะที่มีารแ่หรูหราึ้น โยเพาะารเน้นเส้นามั้และารแยแแนอโร (Rib) อโวลท์เป็นำนวนมามายเี่ยวระหวัันไปมาราวับใยแมลมุม ในศวรรษที่ 15 นั้น็แสให้เห็นถึารที่ฝ่ายราวาส เ่น พวุนนาและพ่อ้ามีอิทธิพลมาึ้น สถาปัยรรมโธิออัฤษอนปลายนี้ เราเรียันว่า “Decorated Style” หรือ “Perpendicular Style” ลัษะทำนอนี้ือารที่นแ่ละั้นวรระพุ่ึ้นสู่ารมีอำนาอิทธิพลในสัมแล้วสะท้อนออมาเห็นไ้ัในานสถาปัยรรมอระยะเวลานั้นๆ ปราึ้นทั่วๆ ไปในทุประเภทในยุโรป นอานี้เราอาล่าวไ้ว่ามหาวิหารโธิอันยิ่ให่เหล่านี้เป็นแนสำัในสัม, อารยธรรม และวิถีทาำรีวิในแ่ละเื้อาิแ่ละประเทศในยุโรป ทั้นี้เพราะว่ามหาวิหารโธิทั้หลายนอเหนือาารเป็นถานที่เารพบูา และสำหรับประอบพิธีรรมในศาสนาแล้ว ยัมีหน้าที่เป็นสถาบันารศึษา, ห้อสมุประาน, พิพิธภั์ และระเบียภาพ ยิ่ว่านั้นารที่สมัยนั้นยัไม่สามารถผลิสิ่ีพิมพ์่าๆ ไ้ มหาวิหารโธิเหล่านี้ยัทำหน้าที่เสมือนเป็น “หนัสือประวัิศาสร์” อยุ ทั้นี้เพราะรูปสลั่าๆ อานประิมารรมแ่อาาร และรูปเียนอานิรรรมบนแผ่นหน้า่าระสี (Stained Glass Windows) ไม่เพียแ่ทำหน้าที่เสมือนเล่าเรือ่เหุาร์่าๆ ในพระัมภีร์ไบเบิลั้แ่ “the Creation” นถึ “the Redemption” เท่านั้น มันยัเสมือนารบันทึเรื่อราวามลำับั้นอนอเวลาที่เราเรียว่า พศาวาร (Chronicle) เี่ยวับเหุาร์และพฤิรรม่าๆ อษัริย์และราวศ์, ุนนา, พระและปวนทั่วไป รวมทั้เหล่าอัศวินทั้หลาย้วย ส่วนใน้านสถาปัยรรมอื่นๆ ที่ไม่เนื่อในศาสนา หรือ “Secular Architecture” เป็น้นว่า ป้อมปราสาทอันมั่นแ็แร็เป็นพยานหลัานสำัที่สะท้อนให้เห็นถึสภาวะ่าๆ อสัมยุลา เ่น พลัอำนาอระบบารปรอในรูปแบบ “Feudalism” และสถานภาพอันลอนแลนอยุโรปในระยะเวลานั้น้วย้นศวรรษที่ 16 สถาปัยรรมโธิ็ำเนินมาถึุอวสานเ่นเียวับอารยธรรมอยุลาที่มันเป็นส่วนหนึ่ ทั้นี้เพราะเหุาร์่าๆ ที่เิึ้นาม่อันมาเป็นระลอในศวรรษนั้นไ้เปลี่ยนโมหน้าอยุโรปโยสิ้นเิ
ความคิดเห็น