คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : OS [ lies ] woowon
All the time, everything about him is a lie.
ไม่ว่าจะเป็นความบังเอิญ พรหมลิขิต
หรือการจงใจ,
ผลลัพธ์ทั้งหมดของมัน
ได้ทำให้โชคชะตาของเราพบกันอีกครั้ง
ชีวิตของเด็กมอปลายในช่วงสามเดือนสุดท้ายไม่ใช่เรื่องสนุกซักนิด
อย่างน้อยเขาก็ต้องเสียเวลาห้าชั่วโมงไปกับการทบทวนตำราเรียนโง่เง่า
สามชั่วโมงสำหรับการทดลองทำแบบฝึกหัดที่ดูไม่มีทางออก
และอีกแปดชั่วโมงไปกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนที่จืดชืด
แม้กระทั่งเวลาที่ใช้ชีวิตราวกับ ‘คนปกติ’ ก็ต้องถูกแบ่งไปสำหรับการหาคำตอบให้กับตัวเองว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง
ในเมื่อเขามีเป้าหมายสุดท้ายของชีวิต
ถึงแม้จะมีทางเดินที่ดูจะคดเคี้ยวและขรุขระไปหน่อยแต่นั่นมันก็พอแล้วสำหรับเขา
ในเมื่อนี่มันคือชีวิตของเขา
การใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงก็เป็นสิทธิ์ของเขาเองไม่ใช่หรือไง?
แล้วทำไมเขาต้องเดินตามกรอบที่โครงสร้างทางสังคมขีดเส้นเอาไว้ด้วยละ?
เขาถึงได้เกลียดช่วงเวลาสามเดือนที่เหลือของเด็กมอปลาย
มันไม่มีเหตุผลเท่าไหร่นักหรอก แน่ละ
ใครจะถามหาเหตุผลจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนอย่างเขา
สูดปากเมื่อบาดแผลถูกแต้มของร้อนด้วยความไม่ตั้งใจ
ถ้าหากเขาเป็นนักเรียนดีเด่น
ในเวลานี้ที่ที่เขาควรจะอยู่ก็คือห้องนอนของตัวเองที่ถูกกั้นออกจากโลกภายนอกด้วยกองตำราหนาเตอะ
แต่
‘จองอูซอก’ ไม่ใช่นักเรียนดีเด่น,
เขาก็แค่อันธพาลที่ถูกหมายหัวจากฝ่ายปกครองอยู่บ่อยครั้ง
บทบาทในโรงเรียนก็แค่พวกไม่มีสมองที่ใช้แค่อำนาจและพละกำลังแค่นั้น
กองหนังสือถูกเปลี่ยนเป็นผู้คนที่เข้าออกร้าน
นาฬิกาจับเวลาที่ถูกใช้ยามทำแบบฝึกหัดถูกเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงหวานสร้างความอบอุ่น
ตำราตรงหน้าถูกเปลี่ยนเป็นนมอุ่นในแก้วเซรามิคทรงสวยที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาสำหรับค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ
เขาไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย
ก็แค่ชอบที่จะอยู่ในร้านกาแฟมากกว่ากองหนังสือ
แล้วเขาก็ไม่ได้เก่งแต่เรื่องใช้กำลังอย่างที่เจ้าพวกบ้าพูดกันด้วย
ไม่งั้นจะโดนอัดจนน่วมขนาดนี้หรือไงเล่า!
“เป็นแค่เด็กมอปลาย ถนัดแต่เรื่องใช้กำลังมันไม่ดีเลยนะครับ”
ลดเครื่องดื่มในมือลงเมื่อแผ่นพลาสเตอร์สีสดใสถูกหยิบยื่นมาให้พร้อมกับออยเมนท์ขนาดเล็ก
ฝ่ามือขาวพร้อมกับน้ำเสียงที่เขามักจะได้ยินทำให้รับรู้ว่าเจ้าของน้ำใจคือใคร
เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่มาพร้อมกับคิ้วขมวดและริมฝีปากยู่เล็กน้อย–พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เผลอกระตุก
บาริสต้าหนุ่มที่มักทักทายเขาทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า
ในตอนนี้ไม่มีผ้าคาดเอวอย่างที่เคย
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับขึ้นไปจนถึงข้อศอกเปิดเผยผิวเนียนขาวที่เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อยจากอากาศภายในร้านที่อุ่นกว่าปกติ
เขาโค้งหัวให้เล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ ถึงแม้จะใช้บริการร้านนี้มานาน
แต่การพูดคุยระหว่างเขากับบาริสต้าหนุ่มก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่า สวัสดีครับ
วันนี้ก็นมอุ่นหนึ่งแก้วเหมือนเดิมนะครับ?, ขอให้อร่อยกับเครื่องดื่มนะครับ
และท้ายที่สุด ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มอร่อย ๆ นะครับ
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
อาจเป็นเพราะจำนวนคนในร้านที่ลดน้อยลงกว่าปกติ และบรรยากาศภายนอกก็ไม่น่าภิรมย์เอาเสียเลย
อีกฝ่ายจึงมีอภิสิทธิ์ในการเดินไปไหนมาไหนมากกว่าภายในเคาน์เตอร์ของร้าน
นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถลอบมองอีกฝ่ายได้มากกว่าเดิม
เอ..
เผลอพูดอะไรออกไปนะ
“ผมไม่ใช่อันธพาลซักหน่อย”
แก้ตัวให้กับความเข้าใจผิดที่อีกฝ่ายได้รับจากเพียงรูปลักษณ์ภายนอก
เขาไม่แคร์นักหรอกว่าใครจะมองว่าเขาเป็นพวกอันธพาล
แต่มันจะถูกยกเว้นเสมอเมื่อเป็นเรื่องสำหรับคนตรงหน้า
(เช่นการที่เขายอมลงทุนเสียค่าขนมทุกวันไปกับนมร้อน ที่มีเพียงนมและไมโครเวฟก็ทำได้แล้ว)
เขาไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกว่าอาการพวกนี้คืออะไร
แต่มันก็ค่อนข้างจะเร็วไปหน่อยถ้าหากให้เขายอมรับว่าชื่นชอบคนตรงหน้า พวกประสาท
จองอูซอกไม่ใช่เกย์ซักหน่อย –อย่างน้อยก็ในโรงเรียน
“ผมก็ไม่ได้พูดว่าคุณเป็นอันธพาลซักหน่อย
–นั่งด้วยคนนะครับ”
พยักหน้าตอบรับกับคำขออนุญาตที่อีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะโน้มตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา
แม้จะใช้เวลาหลายเดือนไปกับการมองอีกฝ่ายทำงานอยู่หลังเคาน์เตอร์
แต่นี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าขาวในระยะใกล้ขนาดนี้
และองค์ประกอบใบหน้าทั้งหมดของเขาก็ลงตัวชะมัด ให้ตาย
“ผมแค่บอกว่าคุณใช้กำลังบ่อย
มันเป็นการบอกว่าคุณอันธพาลตรงไหน”
“แค่คำว่าใช้กำลังบ่อยก็สื่อได้หลายอย่างแล้วคุณ”
เผลอยอกย้อนอีกฝ่ายด้วยความไม่ระวังตัว
แต่รอยยิ้มที่มุมปากและดวงตาที่เปลี่ยนเป็นรูปขีดนั่นก็ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ติดใจอะไร
“แต่ผมไม่คิดว่าคุณเป็นอันธพาลเลยนะ”
“...”
“เพราะถ้าคุณเป็นจริง
ๆ ก็คงไม่โดนเขาซัดจนน่วมขนาดนี้หรอก”
ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยิ้มน่ารักขนาดนี้นะ
มีหวังเขาคงได้ซัดอีกซักหมัดแล้วละ
คุณบาริสต้าหนุ่มที่พ่วงความร้ายอยู่ภายใต้รอยยิ้มหวานปรับเปลี่ยนท่านั่งเป็นเหยียดหลังตรง
ถึงจะเป็นเพียงจุดเปลี่ยนจุดเล็ก ๆ แต่จองอูซอกก็จำมันได้ขึ้นใจ
“ผมไม่ค่อยปลื้มเด็กน้อยที่เอาแต่ใช้กำลังเท่าไหร่น่ะ”
คนโกหกมักจะหลบตาเสมอเมื่อกำลังพูดเรื่องที่ตัวเองสร้างขึ้น
ถึงจะโดนคำพูดดูถูกเล็กน้อยจากคุณบาริสต้าหนุ่ม
จองอูซอก –ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการเทียวไปเทียวมาที่ร้านกาแฟนั่นอยู่ตลอด
และถ้าหากว่ามีของสมนาคุณสำหรับลูกค้าที่คอยอุดหนุนร้านอยู่ทุกเมื่อแล้วล่ะก็
จองอูซอกคงไม่พลาดของรางวัลเหล่านั้นเป็นแน่แท้
แต่ของรางวัลพวกนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาผูกพันกับเจ้านมอุ่นในมือนี่หรอกนะ
รอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายที่อยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ต่างหากที่ทำให้มันพิเศษกว่าที่ไหน
ๆ เอาเข้าจริง
ถ้าหากอีกฝ่ายกลั่นแกล้งเขาด้วยการใส่เกลือแทนที่จะเป็นน้ำตาลรสชาติหวาน
เขาก็ยังมองว่ามันอร่อยอยู่ดี
เกินไปไหมนะ..
ยกแก้วเซรามิกทรงสวยขึ้นมาจรดปาก
ที่นั่งประจำของเขาก็เป็นแค่เพียงเคาน์เตอร์ที่ยกทรงสูงสำหรับลูกค้าที่ต้องการชื่นชมถนนภายนอก
จะเรียกว่าความเคยชินก็คงใช่ เพราะไม่ว่าจะเป็นกี่องค์ประกอบในร้านแห่งนี้
จองอูซอกก็จดจำมันได้ขึ้นใจเสมอ
ตัวอย่างเช่นมุมโซฟาตรงนั้น
ที่ถูกขยับให้ออกจากผนังไปหน่อย อาจเพราะอากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ
จากสภาพอากาศที่ใกล้จะมีหิมะแรกของปี หรือไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้อยู่กับแก๊งลูกหมีสามตัวที่มุมสำหรับถ่ายรูปตรงนั้น
หลังจากลงทุนใช้และเวลาหลังเลิกเรียนกับการดื่มนมอุ่นฝีมือคนคนนั้นมาเกือบครึ่งปี
อูซอกก็สามารถตีสนิทกับพนักงานในร้านที่มีช่วงกะเวลาเย็นจนได้ อาดาชิ ยูโตะ
หนุ่มญี่ปุ่นที่ออกตามหาความฝันของตัวเองที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
ได้พัฒนามาเป็นเพื่อนสนิทของจองอูซอกด้วยประโยคง่าย ๆ นมหมดแล้ว
จะสั่งเพิ่มหรือเปล่าครับ?, วันนี้คุณบาริสต้าไม่มาหรอกนะ
นมร้อนสำหรับคุณก็คงไม่มีเหมือนกัน และ คุณเกิดปีเดียวกับผมงั้นหรอ? ผมชื่อ
อาดาชิ ยูโตะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
“โดดเรียนหรออูซอก?”
ถึงจะเจอกันวันละสิบห้านาที
อาดาชิ ยูโตะก็ยังเป็นคนรักษามารยาทและใช้คำพูดได้คุ้มค่าเสมอ
และแม้ว่าจองอูซอกที่โรงเรียนจะเป็นจอมอันธพาลที่แผ่อิทธิพลไปทั่ว
เพื่อนที่เขาคิดว่าพูดคุยได้แทบทุกเรื่องกลับกลายเป็นเจ้าหนุ่มต่างชาติที่ยืนถูพื้นอยู่ข้างกันเสียอย่างนั้น
และยูโตะก็เป็นคนแรกที่สังเกตได้ถึงแววตาของเขายามจ้องมองบาริสต้าคนนั้นอีกด้วยทั้งที่เราไม่เคยคุยกันเลยซักครั้ง
นั่นมันทำให้เขากังวลนิดหน่อยว่าจะแสดงอาการออกมากไปหรือเปล่า แล้วถ้าหากมันมากไป
บาริสต้าคนนั้นจะรำคาญเขาหรือเปล่านะ?
“ที่โรงเรียนมีงานอะ
ขี้เกียจอยู่ก็เลยโดดมา”
ก้มมองนาฬิกาก็เพิ่งจะเลยบ่ายโมงมานิดหน่อย
เขาเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ งานประจำปีที่โรงเรียนจัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์โรงเรียนก็เลยน่ารำคาญขึ้นไปอีกสองเท่าเมื่อเขาต้องทำหน้าที่ยืนแจกใบปลิวของทางโรงเรียน
อากาศก็ชื้นเพราะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มที่ และการที่เขาต้องมาปั้นยิ้มแจกใบปลิวให้กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้สนใจเนื้อหาเลยแม้แต่น้อยนี่มันก็หงุดหงิดใช่ย่อย
ไม่นับรวมที่เขาต้องไปยกของจากห้องเก็บของหลังโรงเรียนเกือบห้ารอบนั่นอีกนะ
แต่เห็นเพราะเป็นบทลงโทษที่ไปมีเรื่องคราวก่อนก็เลยต้องจำใจยอมทน
และดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของจองอูซอกเลยซักนิด
พอมีโอกาสได้หนีมาพักพิงอยู่ที่ร้านโปรดเพื่อจะเจอใครบางคนก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายต้องออกไปทำธุระโดยด่วน
และคงอาจจะกลับมาอีกทีก็ฟ้ามืดไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
ถึงว่า
ทำไมยูโตะถึงดูกลั้นยิ้มแปลก ๆ
ถอนหายใจก่อนจะเอาหน้าผากแนบไปกับพื้นไม้ของเคาน์เตอร์
วันนี้เขาโดนใช้แรงงานจนน่วม พลังงานที่แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วก็ถูกสูบออกไปซะหมด
อยากกินนมร้อนฝีมืออีกคนจะตายชัก โกโก้ที่ยูโตะชงนี่ไม่ได้เรื่องเลยซักนิด
รสชาติก็ขมยิ่งกว่าอะไรดี เป็นไปได้ก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็วกว่านี้ซักหน่อยเถอะ
“อยากกลับแล้วหรอ?”
ยูโตะที่เพิ่งกลับมาจากการไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ยิ้มหยอกเจ้าคนหมดเรี่ยวแรงที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงกระจกใส
อูซอกเป็นลูกค้าเจ้าประจำที่ชอบแวะเวียนมาทุกทุกเย็นหลังเลิกเรียน อาจเป็นเพราะเราสองคนเกิดไล่เลี่ยกันก็เลยทำให้สนิทกันได้ง่ายกว่าปกติ
ถ้าไม่นับพี่ชินวอนแล้วล่ะก็ อูซอกคงเป็นคนที่อาดาชิ
ยูโตะพูดด้วยมากที่สุดแล้วล่ะนะ
“นายเปลี่ยนสูตรโกโก้หรอยูโตะ”
เพยิดหน้าไปยังเจ้าโกโก้ร้อนที่เริ่มเย็นชืด
รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชินทำให้เขาลดความอยากไปได้นิดหน่อย
อย่างน้อยก็ไม่เท่ากับทุก ๆ เย็นที่เคยชิม
“ไม่นะ
ก็ทำตามที่พี่ชินวอนบอกทุกอย่าง”
“พี่ชินวอน?”
ชื่อบุคคลที่สามที่หลุดมาจากยูโตะทำให้เขาสงสัย
นอกจากที่ร้านจะมีกะเวลาที่แน่นอนแล้ว
จองอูซอกก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักใครในชีวิตที่ชื่อนี้มาก่อน
“ก็พี่บาริสต้าคนนั้นไง
–อย่าบอกนะว่านายไม่เคยรู้ชื่อพี่เขาเลย?”
อาดาชิ
ยูโตะไม่เคยคิดไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าอูซอกจะเป็นคนที่ซื่อบื้อได้ขนาดนี้ ไอที่มานั่งมองเขาชงกาแฟไปวัน
ๆ ก็แค่นั่งมองไปอย่างนั้นหรอ
อย่างน้อยถ้ามาบ่อยขนาดนี้ก็ควรจะรู้จักชื่อบาริสต้าไว้ซะบ้างสิ
หรือคนแบบอูซอกเป็นคนที่เข้าใจยากกันนะ?
“เขาไม่เคยบอก-”
“แล้วทำไมไม่ถามอะ?”
-ก็เพราะป๊อดน่ะสิ!!
แค่จะสั่งนมร้อนเหมือนที่เคยทำก็กลัวแล้วกลัวอีก
กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้
กลัวว่าเขาจะโดนแบนออกจากร้านแก่งนี้เพราะทำตัวเหมือนโรคจิต
กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้แล้วจะไม่มองหน้าเขา ซึ่งอันที่จริงมันก็แค่การถามชื่อง่าย ๆ
แต่เพราะจองอูซอกป๊อดไง ทุกอย่างก็เลยดูยากไปซะหมด
“ขี้ขลาดแบบนี้ไม่ไหวนะอูซอก”
รู้แล้วน่า
ไม่ต้องมาย้ำหรอกอาดาชิ!
“รู้จักกันแล้วหนิ?”
“ครับ?”
มือที่กำลังสไลด์โทรศัพท์หยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายทักทายเขาด้วยประโยคประหลาด
ไม่สิ ตอนนี้คนตรงหน้าคือ ‘โก ชินวอน’ ข้อมูลที่เขาพยายามคาดคั้นจากยูโตะในบ่ายวันนั้นทำให้รู้จักคนตรงหน้าขึ้นมาอีกนิดหน่อย
แต่นั่นก็มกพอแล้วสำหรับการลงทุนทั้งหมดที่เขาได้เสียสละทำมันลงไป แต่ก็อย่างว่า
บางทีเจ้ายูโตะก็ไร้ประโยชน์ไปหน่อย
“ยูโตะมาฟ้องว่าคุณบังคับให้เขาต้องพูด”
ถึงมือจะง่วนอยู่กับอุปกรณ์ในมือ
แต่ดวงตาที่เล็กและหรี่ลงเพื่อมองอย่างจับผิดเขาแล้วนั้นทำให้เสียวสันหลังไม่ใช่น้อย
นี่ไม่ใช่แค่นิดหน่อยแล้ว อาดาชินี่แหละคือนกสองหัวที่แท้จริง!
“คือ –มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมแค่ถามนิดหน่อยเอง”
อีกฝ่ายหันมาวางแก้วนมร้อนในแก้วกระดาษอย่างดีให้กับเขา
และถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดไปเขาคิดว่าเขาเห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปากซะด้วย
“เขาแค่ฟ้องเรื่องที่คุณว่าโกโก้สูตรผมไม่อร่อยก็แค่นั้นเอง
คุณหมายถึงอะไรหรอครับ?”
จองอูซอกอยากจะเอาหัวโขกเคาน์เตอร์ให้เลือดออกซะรู้แล้วรู้รอด
ทำไมถึงได้ร้อนตัวขนาดนี้นะ เกือบหลุดปากไปแล้วไหมละ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
ขอบคุณนะครับสำหรับนมร้อน”
อีกฝ่ายเพียงยกยิ้มกว้างพร้อมกับค้อมตัวขอบคุณเขาเล็กน้อย
โชคร้ายมาเยือนอีกครั้งเมื่อวันนี้เขาถูกเรียกตัวไปใช้งานโดยด่วนด้วยฝีมือของครูที่ปรึกษา
ก็เลยทำได้แค่แวะมาซื้อนมร้อนมาทานระหว่างเดินกลับไปโรงเรียน
ไม่มีโอกาสได้มานั่งมองเหมือนกับวันอื่น ๆ
“วันหลังเรียกพี่ชินวอนก็ได้นะ
อูซอกกี้”
“ครับ?”
“ป้ายชื่อนายมันบอกฉันอย่างนั้นอะ
ยินดีที่ได้รู้จักนะจองอูซอก”
รอยยิ้มที่เขาได้รับเหมือนเป็นพลุจำนวนมากที่ถูกจุดให้ล่องลอยไปบนท้องฟ้า
อิทธิพลของมันแรงกล้าจนทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่อูซอกรู้สึกว่าเวลาบนโลกใบนี้มันได้หยุดลง
ชิบหายแล้วจองอูซอก..
ยิ้มน่ารักแบบนี้แล้วจะกล้าไปไหนได้อีกละ..
คนโกหกมักจะเฉไฉเรียกความสนใจไปที่สิ่งอื่น
ๆ รอบกาย
จองอูซอกควรติดต่อรับรางวัลคนดวงซวยที่สุดในโลกได้แล้วล่ะนะ
นี่ก็นับเป็นวันที่สามแล้วหลังจากที่ได้รับรอยยิ้มในวันนั้นที่อีกฝ่ายไม่มาทำงานอีกเลย
พอถามยูโตะ เจ้านกสองหัวก็เอาแต่ส่ายหน้าแล้วบอกว่าบอกไม่ได้ บางทีอูซอกเองก็สงสัยว่าเขาจะยังทนคบเจ้าเด็กญี่ปุ่นนี่ไปทำไม(พอได้มาย้อนคิดก็เลยรู้ว่ายังคบหาผลประโยชน์เรื่องของพี่ชินวอนได้นิดหน่อยละนะ)
นับตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นลูกค้าขาประจำของร้านนี้
เขาจะได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยหยุดติดต่อกันเกินสองวันเลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะคนน้อยหรืออะไรก็ตามแต่
แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งงานที่ตัวเองรักไปขนาดนี้ได้
หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไปเอง
แต่ก็นั่นแหละ
พออีกฝ่ายไม่อยู่ ร้านกาแฟแห่งนี้ก็ดูจะปรับสูตรไปซะหมด
นมร้อนก็ไม่ได้หอมหวานเหมือนเคย โกโก้ก็ยิ่งขมมากกว่าเก่า
และคงไม่ต้องพูดถึงกาแฟเย็นที่เขาใช้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดในช่วงสอบไฟนอลนี้
แค่คิดถึงรสชาติเครื่องดื่มเฉย
ๆ หรอกนะ..
ไม่หรอก
คิดถึงคนทำด้วยต่างหาก
“ยูโตะ
ฉันจะถามเป็นครั้งที่สิบ”
“..”
“พี่ชินวอนไปไหน?”
อาดาชิทำแค่เงยหน้าจากเครื่องบดกาแฟ
และหันกลับไปให้ความสนใจกับมันต่อ และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับปฏิกิริยาแบบนี้กลับมา
ถ้าให้นับจริง ๆ นี่ก็คงจะเป็นรอบที่สี่ เขารู้ว่ายูโตะขี้รำคาญ
แต่เขาเองก็อยากรู้มากมากเหมือนกันนี่หน่า
หายไปนานแบบนี้ก็เป็นห่วงแย่
ไถโทรศัพท์ไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
อันที่จริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมานั่งที่ร้านกาแฟแห่งนี้ทำไม
ในเมื่อก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าพี่ชินวอนไม่ได้มาทำงาน ถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์
แต่จำนวนคนในร้านก็ไม่ได้ดูแน่นขนัดเหมือนอย่างเคย
อาจเพราะนี่คือวันหยุดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็พากันทยอยกลับบ้านเกิดกันหมด
เอ...
หรือพี่ชินวอนจะกลับบ้านกันนะ?
ถอนหายใจด้วยความท้อแท้
เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอาดาชิ ยูโตะน่ะรู้อยู่เต็มอกว่าพี่ชินวอนหายไปไหน
แต่อีกฝ่ายก็อยากแกล้งเขาเลยไม่ยอมบอกอะไรซักแอะ แถมยังกล้าไถโทรศัพท์เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องรักพี่ชินวอน
อีกฝ่ายคงไม่ได้มีเขาเป็นเพื่อนหรอก!
แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้เขาต้องหันไปมองเจ้าเพื่อนต่างชาติมากปัญหาที่ทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้
แต่บอกเลยว่าที่ยูโตะแบกอยู่น่ะเทียบของอูซอกไม่ได้ซักนิด
“เอาโทรศัพท์มานี่หน่อยดิ”
“เอาไปทำอะไรอะ”
ถึงจะถามไปแต่มือก็ยื่นเครื่องมือสื่อสารให้อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
เขาไม่ค่อยมีความลับอะไรในนั้นอยู่แล้วจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
อีกฝ่ายก็คงยืมไปดูอะไรบางอย่างที่เครื่องอีกฝ่ายใช้ไม่ได้ละนะ
“เสร็จละ
แล้วก็เลิกวอแวฉันซักที”
หน้าจอโทรศัพท์ของเขาปรากฏเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาอยู่
สีหน้าของอาดาชิเป็นเชิงให้เขารีบ ๆ รีบให้มันจบไปซะ และเชื่อเถอะ อาดาชิ
ยูโตะคือคนที่ดีที่สุดที่จองอูซอกคนนี้เคยรู้จัก
/ฮัลโหล
อูซอกกี้ นี่พี่ชินวอนเองนะ/
เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาแค่สามวันแต่ยาวนานเหมือนเป็นปีทำให้ใจเต้นแรง
แค่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเขายังประหม่าขนาดนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลายกพวกตีกับคนอื่นหรือโดนเขาต่อยถึงได้กล้าต่อปากต่อคำขนาดนั้น
แต่พอเป็นคนที่ชื่อโกชินวอนทีไร เขาเองรู้สึกประหม่าทุกครั้ง
“ครับ –พี่ชินวอนอยู่ไหนหรอครับ?”
/อยู่บ้านแหละ
อาดาชิบอกว่านายมีอะไรจะคุยกับพี่งั้นหรอ/
“เอ่อ
พี่ชินวอนจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่หรอครับ?”
เสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้เขาใจชื้น
อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเหมือนที่เขากังวลไปทั่ว
พอรู้ว่าหัวเราะได้แบบนี้ก็อุ่นใจ
/กว่าจะได้กลับก็อีกนานเลยล่ะ
ทำไมละ ยูโตะทำนมร้อนไม่อร่อยหรอ?/
“กินไม่ได้เลยล่ะครับ
ผมอยากกินสูตรของพี่ชินวอนจะแย่”
/งั้นก็ต้องรอหน่อยนะอูซอกกี้
ตอนนี้ฉันเจ็บขานิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ/
“เจ็บขา?
เป็นอะไรครับ? ร้ายแรงหรือเปล่า?”
/ไม่หรอก
แค่ขาแพลงนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว .. อ่า ไปก่อนนะอูซอกกี้
ต้องไปกินยาแล้วแหละ อยู่เป็นเพื่อนยูโตะให้พี่หน่อยนะ บ้ายบาย~/
ตื้ดดดดดดด-
แม้อีกฝ่ายจะวางสายไปซักพักแล้วเขาก็ยังไม่สามารถละสายตาจากจอโทรศัพท์ไปได้แม้แต่นิดเดียว
หัวใจที่เต้นแรงก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย อาจเพราะอีกฝ่ายประสบอาการบาดเจ็บด้วยเรื่องเล็กน้อยแหละมั้งที่ทำให้เขาเบาใจขึ้นเล็กน้อย
น่ารักชะมัด
“อูซอกกี้
หวัดดี!”
หนึ่งเดือนถัดมา
จองอูซอกจึงได้เข้าใจความหมายของคำว่า ‘อยู่เป็นเพื่อนยูโตะ’
และ ‘ขาแพลงเล็กน้อย’ ของอีกฝ่าย คืออาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักผ้าเอาไว้และใช้ไม้พยุง
เห็นแบบนี้แล้วอยากจับมาตีให้เข็ด
โกชินวอนน่ะขี้โกหก
บอกว่าขาแพลงเล็กน้อย
ใช้เวลารักษาแปบเดียว
ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นที่เข่าและก็ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้ไม้พยุงไปเป็นเดือน
นั่นมันทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่าการที่รู้ว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
เต้องมาร้านแห่งนี้โดยที่ไม่มีแรงกระตุ้นอย่างอีกฝ่ายเข้ามาช่วย
โกชินวอนชอบขี้โม้
ครั้งแรกที่เราได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ
อีกคนก็เอ่ยอ้างว่าสังเกตเอาจากป้ายชื่อนักเรียนของเขา
ใครจะไปรู้ว่านั่นโกหกทั้งเพ ชุดยูนิฟอร์มที่เขาใส่วันนั้นไม่มีป้ายชื่อเพราะเขาเป็นคนถอดมันออกตั้งแต่ก่อนเข้าร้านด้วยตัวเอง
โกชินวอนชอบบอกว่าไม่สนใจ
‘ผมไม่ค่อยปลื้มเด็กน้อยที่เอาแต่ใช้กำลังเท่าไหร่น่ะ’
แต่จริง ๆ
อีกฝ่ายก็ลอบมองเขามานานสองนานจนได้กล้าเอายาและพลาสเตอร์มาให้
แต่เพราะว่ากลัวเขาก็เลยต้องแกล้งทำเหมือนตัวเองน่ะเชี่ยวชาญไปซะทุกด้าน
สรุปก็คือโกชินวอนสำหรับจองอูซอกน่ะ
เป็นทั้งพี่ชายที่ขี้โม้,
ขี้โกหก และชอบบอกว่าไม่สนใจ
และก็เป็นคนที่น่ารักที่สุดบนโลกใบนี้สำหรับเขาเลยล่ะ
ขอโทษที่มาช้านะคะ .. มาในไอดีใหม่ด้วย ฮ่า
พอดีลืมรหัสแอคเก่าค่ะ หวังว่าจะไม่สับสนกันนะคะ อิอิ
ชอบเวลาสองคนนี้เขาตีกันค่ะ เลยคิดเป็นพล็อตประหลาด ๆ มาหนึ่งเรื่อง ..
ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะคะ คราวหน้าจะเป็นยังไงคู่ไหนต้องติดตามนะคะ จุ้บๆ
@drangeax105
#timetagon
ความคิดเห็น