คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CRAZY ABOUT EP.00 [1]
:: CHAPTER ::
หัวใจฉันเต้นแรงกว่าปกติ ในขณะที่กำลังก้าวเดินเข้าไปยังในหอพักชายห้องแคบ ๆ ห้องหนึ่ง ต่อมาแผ่นหลังบอบบางก็ถูกดันเบา ๆ ด้วยมือหนาเพื่อให้เดินพ้นทางประตูห้องเข้าไป ก่อนตนเองจะได้ยินเสียงลูกบิดกดล็อกประตูดังคลิก ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้นแล้ว ฉันก็กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืน ๆ ทันทีเลยล่ะ
ทำไงดีเนี่ย นาทีนี้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหนต่อเลยให้ตายเถอะ
“ยูมิกลัวเหรอคะ? ตัวสั่นเชียว” พี่เกียร์เอ่ยถามเบา ๆ ในระยะใกล้ชิด ซึ่งก็ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกทันทีอย่างคนขวัญอ่อน พอฉันพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี พี่เกียร์ก็แกล้งฉันโดยการรีบโอบกอดทางด้านหลังทันที อีกทั้งเขายังซบใบหน้าลงตรงซอกคอของฉันอีกด้วยต่างหาก เขาทำทั้งซุกไซ้และขบเม้ม ทำเอาฉันที่ไม่ทันตั้งตัวกลัวจนตัวสั่นยิ่งกว่าเดิมเข้าไปใหญ่ ตนเองทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเลยจริง ๆ “ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่เกียร์จะทำเบา ๆ นะ” ว่าจบ พี่เกียร์ก็ดูดคอฉันยกใหญ่
โอ๊ย...นี่ฉันต้องทำตัวอย่างไรดีเนี่ย!
ถึงพี่เกียร์จะบอกอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นฉันก็กลัวอยู่ดีนี่นา
ครั้งแรกมันคงจะเจ็บน่าดูเลยล่ะ
“พะ พี่เกียร์คะ...” ฉันเรียกเขาเสียงตะกุกตะกัก มือหนาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว เขาสัมผัสร่างกายฉันผ่านเนื้อผ้าอย่างแผ่วเบา ฉันอยากร้องไห้ ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วแท้ ๆ
หลังจากที่เราสองคนคบเป็นแฟนกันได้กว่าสองเดือนเท่านั้น พี่เกียร์ก็เอ่ยปากตรง ๆ ว่าอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉันเพื่อผูกพันร่างกายของเราทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ซึ่งเขาให้เวลาฉันเตรียมใจเพียงแค่สองวันเท่านั้นเอง
นี่ฉันไม่กล้าปรึกษาใครเลยนะ แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างเอมิและมิสะที่คบกันมาหลายปีก็ตาม
เมื่อคืนตนเองก็นอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดหนัก ฉันลังเลมาก ๆ ว่าจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังดีไหม ทั้งสองจะได้ช่วยกันตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่ ทว่าสุดท้ายฉันก็ภัยแพ้ต่อความต้องการของตนเองอยู่ดี
เพราะฉันเองก็อยากมีอะไรกับพี่เกียร์เหมือนกันนั่นแหละ ซึ่งหากฉันขอความเห็นจากเพื่อน ๆ ก่อน เปอร์เซ็นต์ที่ฉันจะถูกพวกเธอห้ามปรามก็มีเยอะกว่าแน่ ๆ ฉันมั่นใจเลยเพราะฉันรู้จักเพื่อนทั้งสองดีอยู่แล้ว
“ยูมิไม่เปลี่ยนใจนะคะ” พี่เกียร์กระซิบข้างหูเพื่อดักความลังเลในใจฉันอย่างคนรู้ทัน เขาคงกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนใจน่ะสิ ซึ่งอันที่จริงก็บังคับไม่ให้เปลี่ยนใจนั่นแหละ เสียงแหบพร่านั้นทำให้ขนอ่อนบนตัวฉันลุกซู่ เขาจับหัวไหล่ฉันให้หมุนตัวมาประจันหน้ากัน ก่อนจะส่งยิ้มหวานน่ารักให้ฉันใจสั่นเล่น ๆ ซึ่งพอฉันเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปกับมันอย่างลืมตัว เขาก็ช่วงชิงริมฝีปากบางของฉันอย่างเนียน ๆ ทันที เขาดูดดึงราวกับขนมหวาน ฉันเผยอริมฝีปากยอมให้ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้ามาอย่างง่ายดาย แน่นอนว่านั่นจึงทำให้ได้ยินเสียงครางเบา ๆ ในลำคอเหมือนถูกอกถูกใจหนักหนาจากพี่เกียร์ในเวลาต่อมา
ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วล่ะ เขาชอบให้ฉันยอมง่าย ๆ โดยที่ไม่ขัดขืนหรือเล่นตัวใด ๆ นี่นา
จะว่าไปแล้ว ตอนที่เราสองคนนัดเดทกันครั้งแรก พี่เกียร์ก็ขโมยจูบแรกของฉันไปเสียเลยล่ะ
เขาเป็นคนมือไวใจถึง ซึ่งขัดกับหน้าตาละอ่อนของเขาเป็นอย่างมาก
พี่เกียร์เป็นผู้ชายยิ้มเก่ง ร่าเริงได้ตลอดเวลา นิสัยแบบนั้นของเขานี่เองแหละที่ทำให้ฉันหลงนักหลงหนา
เขายิ้มให้ครั้งเดียวก็ทำเอาใจฉันละลายได้ทั้งวัน
มันรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบของฉันสดใสขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
นี่ฉันไม่ได้พูดเว่อร์เลยนะ รอยยิ้มของพี่เกียร์น่ะ ทำให้ฉันเป็นแบบนั้นได้จริง ๆ
“อื้อ...” เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่เป็นเวลา ฉันเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองมานั่งอยู่ตรงปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งพอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่ผละจากกันเสียแล้ว แถมกระโปรงตัวโปรดของฉันก็ถูกถกขึ้นกองอยู่บนตักตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มันเผยให้เห็นขาอ่อนด้านในแล้วด้วย
ฉันแข็งทื่อ มือไม้เริ่มสั่น ฉันไม่รู้ว่าตนเองควรวางมือตรงไหนดี ซึ่งนั่นไม่เท่ากับเห็นร่างสูงถอดเสื้อยืดพ้นจากตัวของเขาออกไปแล้วเผยหุ่นแซ่บที่ทำเอาฉันต้องตาโต
ฉันไม่คิดว่าพี่เกียร์จะมีซิกแพคแน่นอย่างกะพวกที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างดีแบบนี้ มันเซอร์ไพรส์มาก เพราะผู้ชายที่จะมีรูปร่างแบบนี้ได้ นอกจากจะต้องออกกำลังหนักแล้ว การควบคุมอาหารและทานอาหารเสริมเข้าไปก็เป็นสิ่งจำเป็นสุด ๆ ซึ่งมันแทบเป็นไปได้ยากกับผู้ชายอย่างพี่เกียร์ เพราะอย่างที่บอก พี่เกียร์จนมาก แม้แต่จะเรียนหนังสือ เขายังต้องกู้เงินจากรัฐเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งในทุก ๆ วัน เขาต้องทำงานพาร์ทไทม์หลายที่
แย่แล้ว ตอนนี้ฉันอาจจะเหมือนคนที่กำลังเมาซิกแพคอยู่ แต่เชื่อเถอะ ความคิดฉันไปไกลกว่านั้น พี่เกียร์คงกำลังเข้าใจผิด เขาถึงได้แสดงสีหน้าอย่างภูมิอกภูมิใจแบบนั้น
“ยูมิจะถอดชุดเอง หรือว่าจะให้พี่เกียร์ถอดคะ?” พี่เกียร์ถามพลางอมยิ้ม มิหนำซ้ำเขายังเผยสายตาหื่นกระหายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฉันลังเลอยู่นานเพราะความคิดหนึ่งมันสะกิดใจขึ้นมา “เงียบไปเลยแฮะ ยูมิช็อกที่เห็นหุ่นพี่เหรอคะ?” พี่เกียร์หัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ฉันรู้สึกเครียดจัดจนเหงื่อไหลออกมาตามกรอบหน้าและฝ่ามือ นี่ไม่รู้ว่าอาการอย่างนั้นเกิดขึ้นเป็นเพราะว่าตอนนี้ภายในห้องร้อนอบอ้าวหรือเปล่านะ หรือว่าจริง ๆ แล้วฉันกำลังตะลึงกับความแซ่บของเขาเหมือนอย่างที่เขาบอกกันแน่
“พะ พี่เกียร์เปิดแอร์รึยังคะ ยูมิร้อนค่ะ” จู่ ๆ ฉันก็โพล่งเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ห้องพี่เกียร์ไม่มีแอร์นะ” พี่เกียร์ชะงักกึก สีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะเดินไปดึงสายพัดลม ซึ่งติดอยู่ตรงผนังห้อง
พอฉันได้ลองกวาดตามองรอบ ๆ ห้องแล้วก็เกิดรู้สึกผิดในใจ เพราะดูจากสภาพห้องแล้ว บ่งบอกถึงสถานะการเงินของเขาได้ดีเชียวล่ะ คือเนื่องจากว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในหอของเขาแทบไม่มีเลยไง นอกจากพัดลมตัวเดียวน่ะ
“เอ่อ...” และแล้วก็ฉันหน้าเจื่อนไม่ต่างกัน อีกทั้งความคิดต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ก็หายแวบออกไปจนหมด จนเหลือเพียงแค่เรื่องปัจจุบันที่ฉันต้องโฟกัสกับมันเสียแล้ว
บ้าจริง แม้แต่ในใจ ฉันก็ไม่คิดจะดูถูกความจนของพี่เกียร์เลยนะ
ฉันไม่ได้สนใจพวกเรื่องนี้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเราสองคนจะแตกต่างกันมากก็เถอะ
อันที่จริงก่อนที่จะตกลงคบเป็นแฟนกัน เราต่างก็รู้ความต่างของกันและกันดีอยู่แล้วล่ะ นี่เป็นฉันมากกว่าที่ต้องกังวลใจ เพราะกลัวว่าลึก ๆ แล้วพี่เกียร์คงจะลำบากใจน่าดู
“รู้สึกหมดอารมณ์เลยแฮะ” แม้จะเป็นการพึมพำ แต่ไม่รู้ทำไม ฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าพี่เกียร์จงใจบ่นให้ได้ยินก็ไม่รู้ ก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดอารมณ์กลางคันเหมือนอย่างที่ปากว่า นั่นเลยทำให้ฉันลนลาน กลัวว่าเขาจะใจเสีย ดังนั้นตนเองจึงวางกระเป๋าสะพายลงข้างตัวและไม่ลังเลที่จะรีบถอดเสื้อเดรสสั้นสีหวานออกไปพันจากร่างกายจนเหลือเพียงแค่ชุดชั้นในสองชิ้นบนตัวเท่านั้น ก่อนจะขยับเขยื้อนตัวมานั่งใกล้ ๆ เขา
ฉันเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วนี่นา ฉะนั้นตนเองไม่ควรทำให้เขาเสียอารมณ์สิ ถูกไหม พี่เกียร์เป็นคนดีมาก ๆ แม้เราเพิ่งจะคบกันได้แค่สองเดือนเท่านั้น แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองให้ฉันได้เห็นแล้วว่าเขาน่ะเป็นคนดีจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลยสักครั้ง
แม้แต่สะเทือนใจสักนิดก็ไม่เคยเลย
“พี่เกียร์คะ รีบทำสิ ยูมิอยากแล้วนะ” ฉันว่าอย่างหน้าไม่อายพลางส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ ฉันไม่รู้ว่ามันจะออกมาดูเซ็กซี่หรือไม่ แต่ว่าพี่เกียร์กลับหลับตาแน่น ไม่ยอมลืมขึ้น ฮือ...แบบนี้เขาคงกำลังงอนอยู่แน่ ๆ เลยล่ะ เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันก็เบะปากทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ทันที ตนเองรีบยกมือเขย่าร่างผู้ชายผิวพรรณดีแรง ๆ ทว่าเขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย “ฮึก...พี่เกียร์ รีบทำเร็ว ๆ สิคะ ยูมิอยากเป็นของพี่เกียร์แล้วค่ะ”
“...”
“พี่เกียร์...ฮือ ๆ” คราวนี้ฉันร้องไห้จริง ๆ เลยแหละ ฉันจงใจทำให้น้ำตาหยดไหลลงบนแผงอกกว้างของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นเอง วิธีเรียกร้องความสนใจของฉันก็ได้ผล พี่เกียร์สะดุ้งเฮือกพร้อมลืมตาโพรง เขามีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
“ยูมิไม่เห็นต้องร้องไห้เลยนี่คะ พี่เกียร์แค่แกล้งยูมิเล่นเฉย ๆ เท่านั้นเองค่ะ” จากที่ฉันเป็นฝ่ายง้องอน ทว่าแต่แล้วกลับกลายเป็นว่าพี่เกียร์ต้องเป็นฝ่ายมาปลอบใจฉันแทน แต่วิธีการของเขาทำให้ฉันอยากกรีดร้องนัก เพราะแทนที่เขาจะแสดงความอ่อนโยนใส่ อย่างเช่นยกมือเช็ดน้ำตาให้ฉันเหมือนในซีรี่ย์รักโรแมนติก ทว่าเขากลับตะครุบทรวงอกของฉันเข้าเต็ม ๆ มือแล้วบีบเคล้นเบาแรงอย่างสนุกมือ จริง ๆ ฉันควรรู้สึกเขินอายกับการกระทำหื่น ๆ อย่างนี้ของเขานะ หากตนเองไม่ได้ยินประโยคต่อมาของเขาสักก่อนน่ะ “หน้าอกยูมิยังเล็กอยู่เลยนะคะ”
“พี่เกียร์หยาบคาย!” ฉันยื่นปาก ฉันรู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด
นมเล็กแล้วยังไง น่ารักจะตาย
“ยูมิอย่าโกรธพี่เกียร์สิคะ ถ้ายูมิยอมให้พี่เกียร์นวดเล่นบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็โตขึ้นเองแหละค่ะ”
“คนบ้า ทะลึ่งที่สุดเลย!” พี่เกียร์พูดจาแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยได้ยังไงกันเนี่ย มันน่าอายที่สุด ฉันเม้มปากกลบเกลื่อน นี่ก็ลืมไปเลยว่าตนเองหายประหม่าแล้ว พอเราเลิกหยอกล้อกัน ตะขอชุดชั้นในของฉันก็โดนปลดออก จากนั้นชิ้นผ้ามันก็ถูกเลื่อนขึ้นด้วยมือหนา ก่อนที่เอวบางจะถูกกระชับให้ขยับมาใกล้ ๆ ใบหน้าของเขา และไม่ช้าลิ้นชื้นแฉะก็แลบเลียตรงปลายยอดอกอย่างแผ่วเบาในที่สุด “อ๊ะ...”
ให้ตายสิ แค่เริ่มก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้วล่ะ แถมยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบอีกต่างหาก
พระเอกเรื่องนี้มีความตอแหลหนักมาก!
นักอ่านคงสัมผัสกันได้ใช่ไหมคะ 5555
เรื่องนี้เก่ามากค่ะ เปิดเรื่องตั้งแต่ปี 59 อะ
ด้ากำลังจะทำปกค่ะ ก็หวังว่าจะได้ใช้เนอะ(ยิ้มแห้ง)
ความคิดเห็น