คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [1-Shot] Do you miss me…? [Sulli & Krystal]
[1-Shot] Do you miss me?
Pair : Sulli x Krystal
Author : ZombieJuhyun
Re-post : ปีศาจแตงกวา
“ว้าวๆ ไอยูเอาของให้อีกแล้วเหรอ”
แอมเบอร์เจ้าของร้านกาแฟเดินอ้อมเคาน์เตอร์มาเอ่ยแซ่วเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะได้รับของขวัญแทนใจจากเพื่อนสาวคนน่ารักและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับเพื่อน “เค้าให้อะไรซอลอะ?”
“สร้อยข้อมือ”ซอลลี่ตอบเสียงเรียบ
แอมเบอร์ถึงกับกลอกตาทันที ไม่ใช่ไม่ชอบใจกับของที่ไอยูมอบให้ซอลลี่หรอก เพราะดูลักษณะเจ้าสร้อยข้อมือนี่แล้วถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายแต่ก็คลาสิคดี ราคาเจ้าของสิ่งนี้ดูแล้วก็น่าจะแพงไม่ใช่น้อย แต่ทำไมต้องซื้อสร้อยข้อมือให้ซอลลี่ด้วยก็ในเมื่อเพื่อนมันมีสร้อยข้อมือของมันอยู่แล้ว สร้อยข้อมือที่ชีวิตนี้ก็ไม่คิดจะถอดออก...
ถ้าคิดจะพูดโน้มน้าวใจเพื่อนให้เปลี่ยนมาใส่ของไอยูแล้วล่ะก็...แค่คิดก็รู้เลยว่าเปล่าประโยชน์...
เหมือนเป็นการพยายามเปลี่ยนให้น้ำไหลจากที่ต่ำขึ้นที่สูง หรือไม่ก็เปลี่ยนพระอาทิตย์ให้ขึ้นตอนกลางคืน เปลี่ยนพระจันทร์ให้ขึ้นตอนกลางวันอย่างไงอย่างงั้น สรุปคือเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ซอลลี่เปลี่ยนใจ...
ปกติแอมเบอร์คนนี้ไม่ใช่คนมีนิสัยยอมแพ้กับสิ่งใดง่ายๆค่อนข้างจะหัวดื้อหัวรั้นด้วยซ้ำ แต่เพราะเคยลองแล้ว เคยพยายามแล้ว ไม่ว่าจะลองวิธีไหนๆ ไม่ว่าจะทำยังไงซอลลี่ก็ไม่เคยคิดที่จะถอดสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกจนคนหัวแข็งอย่างเธอยังต้องยอมแพ้
ตัวเธอเองรู้ดีถึงสาเหตุว่าทำไมซอลลี่ไม่เคยถอดสร้อยเส้นนั้นออก เพราะของชิ้นนั้นมันมีคุณค่าต่อหัวใจ เพราะของชิ้นนั้นเป็นของที่มีคุณค่าในความทรงจำ เพราะของชิ้นนั้น...เป็นของที่คนเคยรักมอบให้กัน...
ไอยูจัดเป็นคนหน้าตาน่ารักมาก มากถึงมากที่สุด ถ้าไม่ติดว่าตัวเองนั้นมีแฟนอยู่แล้วนะ จะจีบแทนเลยไม่ปล่อยให้ไอยูมาไล่ตามจีบซอลลี่ให้เสียเวลาเปล่ามาสามปีหรอก
ส่วนเพื่อนของเธอคนนี้ก็ใจแข็งยิ่งกว่าหินผา มีคนน่ารักไล่ตามจีบมาตั้งหลายปีก็ยังคงมั่นคงต่อคนคนเดิม เจ้าของสร้อยข้อมือเส้นนั้น...
กาลเวลาเปลี่ยนไป แต่ใจไม่...ซอลลี่ยังคงรักผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงที่ทิ้งเพื่อนเธอไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว...
ซอลลี่เก็บสร้อยข้อมือที่ไอยูมอบให้ใส่กล่องของมันเหมือนเดิม แล้วลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋ากล้องสะพายพาดไหล่
“กลับก่อนนะ”
แอมเบอร์พงักหน้างืมๆ โบกมือ “กลับบ้านดีๆล่ะ”
“นี่ค่ากาแฟ”แต่แอมเบอร์กลับไม่รับ ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่คิดอะ เก็บไว้เถอะ”
“ไม่เคยคิดเงินตลอด วันหลังจะไปกินร้านอื่นแล้วนะ”ซอลลี่พูดขำๆ
“ก็เพื่อนกันจะให้ฉันมานั่งเก็บตังแกรึไง บ้ารึเปล่า”
แอมเบอร์ยืนขึ้นแล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อผลักหัวตากล้องมืออาชีพจนเซถอยหลัง
“ร้านนี้นอกจากลูน่าแฟนฉัน ก็มีแกเนี่ยแหละหุ้นส่วนคนสำคัญ คิดได้ไงจะให้ฉันมานั่งเก็บเงินแก”
“ได้ไงของซื้อของขาย”
“เออๆ เอาไปเถอะ จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ กลับไปได้แล้ว”
แอมเบอร์ไม่พูดไล่เปล่ายังดันหลังเพื่อนให้รีบออกจากร้านไป ไม่งั้นได้มีเถียงจ่ายไม่จ่ายยันร้านปิดแน่ แต่ซอลลี่ก็ยังคงดื้อดึงจะจ่ายตังค์ให้ได้
แอมเบอร์ถึงกับต้องกุมขมับพูดอย่างเนือยๆ “เอาอย่างงี้ ไว้เราไปกินข้าวด้วยกันแล้วแกเลี้ยงข้าวฉันแทนล่ะกัน โอเคป่ะ”
ต้องให้พูดแบบนั้นเพื่อนมันถึงจะยอมโอเคด้วยและกลับบ้านได้สักที
แอมเบอร์มองไล่ตามแผ่นหลังของเพื่อนรักที่เดินจากไป เกิดความรู้สึกหดหู่ภายในใจ ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนรักคนนี้...จะต้องแบกความทุกข์อะไรไว้บ้าง...ก็ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นจากไป...เหมือนความสุขของเพื่อนเธอก็ถูกพรากไปด้วย...
***
แกร๊ก...
ซอลลี่เปิดประตูเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อโค้ชพาดไว้กับพนักโซฟาพร้อมวางกระเป๋ากล้องบนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟา แล้วพาตัวเองไปยังเตียงทิ้งตัวลงนอน เงยหน้ามองเพดานและชูแขนข้างซ้ายที่ใส่สร้อยข้อมือขึ้น ปล่อยความคิดและความรู้สึกต่างๆล่องลอย ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา...
ไม่เคยเลย ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่คิดถึง...
เสียงเอะอะโวยวายจากเด็กกลุ่มหนึ่งเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้าง เด็กผู้หญิงตัวสูงกำลังถูกกลุ่มเพื่อนคะยั้นคะยอ และถูกดันหลังให้เดินไปข้างหน้า
“เห้ยๆอย่าดันดิ”
“ไปเร็วๆเถอะน่า เดี๋ยวมีคนตัดหน้าไปหาซูจองก่อนทำไงอะ”แอมเบอร์พูด
“นั้นดิ วันนี้วันจบการศึกษาแล้วนะ ถ้าไม่เจอเค้าอีกจะทำไง”มินโฮพูดสนับสนุนแอมเบอร์
“แต่ว่า...”
“นั่นไงซูจอง!”
วิคตอเรียตะโกนเสียงดัง ก่อนพ้องเพื่อนทั้งสามจะพร้อมใจผลักเพื่อนตัวสูงไปหาเพื่อนคนสวยหัวแทบคะมำทิ่มพื้น
พอตั้งหลักได้จะหันไปด่าเพื่อนเงยหน้าขึ้นมาเจอหน้าคนหน้าหวานเข้าพอดี...ซอลลี่ถึงกับอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก...
“อยากพูดอะไรก็พูดออกไปเซ่!”
มินโฮตะโกน ซอลลี่ค้อนขวับใส่เพื่อน มองกันด้วยสายตาเป็นเชิงที่ว่า หุบปากซะ แต่มินโฮกลับไม่สะทกสะท้านต่อสายตาที่จ้องจนแทบจะขยำคอกันสักนิดแถมยังส่งยิ้มร่าให้อีกต่างหาก
“เอ่อ....ซูจอง...คือฉัน....”
บรรดาเพื่อนและคนเห็นเหตุการณ์รวมถึงคนหน้าหวานก็พลอยลุ้นไปกับอาการเงอะงะของซอลลี่ด้วย “จอง คริสตัล...”
คริสตัลถึงกับตกใจเล็กน้อยเมื่อเพื่อนคนนี้เรียกชื่อกันเต็มยศก่อนจะขานรับกลับไป“มีอะไรรึเปล่า?”
“คือ...ซอล....คือ....”
“คือๆอยู่นั่นแหละ อยากพูดอะไรก็พูดออกไปดิ!”วิคตอเรียโผงพูดเสียงดังอย่างเหลืออด
“รู้แล้วน่า!”
ซอลลี่หันไปแหวใส่เพื่อน แล้วกลับมาสบตากับคริสตัลอีกรอบ ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมยื่นตุ๊กตาลิงให้ “ยินดีด้วยที่จบการศึกษา! ขอให้คริสตัลประสบความสำเร็จในชีวิตนะ!”พูดใส่เสียงดังฟังชัดจนเหมือนแทบจะตะโกนใส่หน้า ค้อมหัวให้และรีบเดินหนีทว่ากลับถูกกลุ่มเพื่อนแห่กันมาจับตัวให้เผชิญหน้ากับเพื่อนคนสวยอีกรอบ
“นี่! แค่บอกซูจองว่ารักมันจะไปยากอะไรนักหนาฟ่ะ”แอมเบอร์พูดอย่างทนไม่ได้
“!!!”
ทุกคนตกใจหันมองแอมเบอร์อย่างพร้อมเพรียง พอแอมเบอร์ตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอหลุดพูดอะไรออกไป เจ้าตัวก็หัวเราะแหะๆ
คริสตัลหันกลับมามองซอลลี่อย่างอึ้งๆ ส่วนซอลลี่ก็ก้มหน้ามองต่ำซ่อนใบหน้าเขินอายของตนไว้
“จริงเหรอซอล?!”ลูน่าเพื่อนซี้คริสตัลถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เอาก็เอาว่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ซอลลี่เงยหน้าขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ตนแอบรักมาหลายปี และตัดสินใจพูดไปในที่สุด
“คริสตัล....คือฉัน...รักเธอ”
พูดพร้อมเกาท้ายทอยแก้เขิน แต่พอเห็นสีหน้าตื่นตกใจของคริสตัลก็พอเข้าใจ ก็แน่ละเพื่อนที่รู้จักจู่ๆก็มาสารภาพรักใส่กันอย่างกะทันหันแบบนี้ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
“ฉันแค่อยากบอกให้เธอได้รับรู้ อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสบอกความรู้สึกไปเธอไม่จำเป็นจะต้องตอบรับอะไรทั้งนั้น ฉันแค่....”พอพูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกตื้นตันในลำคอ น้ำตามันจะไหลออกมาดื้อๆ แต่ก็ยังคงฝืนส่งยิ้มไปให้ “ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้บอกความรู้สึกว่าฉันรักเธอก็พอแล้ว”พูดจบแล้วก้มหัวให้หันหลังเดินจาก
คริสตัลยืนอึ้งไปชั่วครู่เหมือนสมองกำลังประมวลผลคำพูดที่ออกมาจากปากเพื่อนว่ามันจริงเท็จแค่ไหน
“ยัยคริสซอลลี่เค้าบอกรักแกแล้วนะเว้ย อย่าเล่นตัวให้มากสิ รีบตามไปเร็วเข้า”
ลูน่ากระซิบข้างหูทำให้คริสตัลได้สติ รีบส่งช่อดอกไม้ ตุ๊กตาทั้งหมดให้ลูน่าแล้วรีบวิ่งตามซอลลี่ไป
“ซอล! ซอล!”
ซอลลี่หันไปตามเสียงเรียกพบเพื่อนคนสวยหยุดยืนหอบแฮกตรงหน้า “เธอ...รักฉันจริงๆเหรอ?”
คนโดนถามพยักหน้าตอบ ฉับพลันก็ถูกคริสตัลเข้าสวมกอดและสะอื้นไห้ออกมา
ซอลลี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่รู้จะวางมือตรงไหนก่อนจะตัดสินใจวางลงบนแผ่นหลังบางๆแล้วลูบปลอบคนที่ร้องไห้ไม่หยุด แม้ว่าในหัวยังคงมีความมึนงงอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่อาจทนมองเค้าร้องไห้เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้หรอก และแล้วตัวของซอลลี่ก็ต้องอึ้งค้างเพราะคำพูดของคนในอ้อมกอด
“นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว ปล่อยให้รอตั้งนาน”
ซอลลี่หัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์จุดเริ่มต้นความรักของ ‘เรา’ หลังจากพบว่าเราสองคนต่างแอบชอบซึ่งกันและกันมานาน และตัดสินใจตกลงคบหากันในฐานะคนรัก เธอคิดว่าตัวเองในตอนนั้นโชคดีที่สุด จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่สมหวังในรักแรกแบบเธอ จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่แอบชอบเค้า...และเค้าก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเรา...
มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ ความรัก...มันช่างหอมหวาน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข....
จึงไม่ทันได้ระวัง ไม่ทันได้เตรียมใจ...
ซอลลี่เหลือบมองสร้อยข้อมือที่ห้อยจี้ตัวอักษร K ไว้ ของขวัญวันครบรอบสามปีของเรา...
คนอ่านหนังสือละสายตาจากตัวอักษรบนกระดาษ ก้มมองกล่องขนาดกะทัดรัดบนตักที่อีกคนเอามาวางไว้
“เปิดดูสิ”
ซอลลี่เปิดฝากล่อง ก่อนจะเบิกตากว้างมองคริสตัล “ซื้อมาทำไมเนี่ย?!”
คริสตัลส่ายหัวพร้อมยิ้มน้อยๆ ดีดหน้าผากซอลลี่ไปทีหนึ่งให้ซอลลี่ลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ “ก็ของขวัญครบรอบไง”
“เธอให้ของแพงขนาดนี้กับฉัน...แต่ฉันไม่มีอะไรให้เธอเลย...ฉัน....”
คริสตัลทาบนิ้วชี้บนปากซอลลี่ ส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงห้ามให้หยุดพูด
“ฉันซื้อให้เพราะอยากซื้อให้ และฉันเห็นว่ามันเหมาะกับเธอดี แล้ว...นี่”คริสตัลชูแขนให้ซอลลี่ดู “มันเป็นสร้อยข้อมือคู่ ของเธอเป็นตัว K ส่วนของฉันเป็นตัว Sหมายความว่าเธอเป็นของฉัน และฉันก็เป็นของเธอไง”
ซอลลี่นิ่งค้าง ในหัวไม่เคยคาดคิดว่าคนอย่างจอง คริสตัล จะมีมุมน่ารักๆแบบนี้ด้วย คนที่ไม่ค่อยมีถ้อยคำหวานให้กัน คนที่ไม่ความโรแมนติกในสมอง นิยมความรุนแรงแบบนั้นจะทำอะไรอย่างนี้กับเค้าก็เป็นด้วย สร้อยข้อมือนี้มองดูก็รู้ว่ามันมีราคาสูงขนาดไหน แต่คริสตัลคงไม่คิดแบบเดียวกันหรอกสำหรับลูกคุณหนูแบบเค้า ข้าวของแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา..
“ฉันอาจพูดไม่ค่อยเก่งหรอก คำหวานๆก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา แต่ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้ไว้...
ฉันคิดว่าฉันโชคดีที่เจอเธอ...โชคดีที่ได้เธอมาเป็นคนรัก...
ฉันรักเธอนะ ซอลลี่”
ซอลลี่เงยมองเพดาน....น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด....
รักกัน...แล้วทำไม....ต้องบอกเลิกกันด้วย...
“กลับมาแล้ว”คนเพิ่งกลับมาถึงวางของที่ซื้อมาจำนวนมากเผื่อทั้งเธอและเค้าลงบนโต๊ะ
“ซูจอง”ตะโกนเรียกหา ทว่ากลับได้ยินแต่ความเงียบเป็นคำตอบ...
ซอลลี่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงเดินเข้าไปในห้องนอน ทว่าสิ่งที่พบมันไม่ได้เป็นอย่างที่ภาพในหัวได้วาดเอาไว้ เตียงว่างเปล่า...ไม่ได้หลับหรอกเหรอ? หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำ? พอเปิดดูก็ไม่มีนี่.......หรือยังไม่กลับมา...?
ทว่าซอลลี่เกิดนึกเฉลียวใจกับของข้าวบางอย่างในห้องน้ำ เข้าไปดูอีกรอบ...แปรงสีฟันที่เคยวางคู่กันมันหายไป...ข้าวของซูจองมันหายไป ฉับพลันซอลลี่ก็รีบวิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าเปิดกระชากออก...
ตัวของซอลลี่ชาวาบ...ดวงตาเบิกกว้าง...
ว่างเปล่า...เสื้อผ้าของพี่คริสตัลหายไปหมด...
แทบประคองสติไว้ไม่อยู่ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือกดเบอร์โทรหาคนรัก เนื้อตัวสั้นเทิ้มไปหมด...ในใจภาวนาขอให้เค้ารับสายกัน เธอไม่รู้เธอทำอะไรให้เค้าเคืองโกรธกันถึงขั้นต้องเก็บข้าวของหนีกันไปแบบนี้ เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย ไม่มีวี่แววจะตีจาก หรือเธอเผลอไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า หากเป็นอย่างงั้นจริง เธอจะรีบขอโทษ ขอโอกาสแก้ตัว แต่ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้ใส่กัน...อย่าทิ้งกันไปแบบนี้...
“ซูจอง!?”ซอลลี่พูดเสียงร้อนรนไปทันทีเมื่ออีกคนรับสาย
“ซูจองไปไหน เธอกำลังจะไปไหน ฉันเผลอทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่า ฉันขอโทษ ให้โอกาสฉันได้แก้ตัวได้ไหม ซูจอง...ซูจอง...”
“[............]”
“เธออย่าโกรธฉันด้วยวิธีนี้สิ ฉันเผลอทำอะไรให้เธอโกรธรึเปล่า ฉันขอโทษนะ ฉันขอโทษ”
“[เธอไม่ได้ทำอะไรให้ฉันโกรธ]”
“แล้วทำไม” “[ฉันต้องไปแล้ว...]”
“ไป...ไปไหน....เธอจะไปไหน?!”
“[……….]”
“ไหนเธอบอกว่ารักกันไง บอกว่าจะไม่ทิ้งกันไปยังไง!”เสียงของซอลลี่สั่นพร่า
“[แค่คำว่ารักมันไม่พอหรอกซอลลี่...ความรักของเราสองคนมันไม่มีทางเป็นไปได้...]”
ความรู้สึกของซอลลี่ตอนนี้เหมือนโดนคนเอาไม้หน้าสามมาฟาดเข้าที่หัวอย่างแรง
ราวกับโลกทั้งใบของเธอพังทลายไปต่อหน้าต่อตา...แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี...
เกิดคำถามขึ้นในใจ...ทำไม....เพราะอะไร...แต่ทุกอย่างมันดูเชื่องช้าไปหมด รู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง ร่างกายไม่อาจสั่งการอะไรได้ ไม่อาจรับรู้สึกใดได้....นอกเหนือจากความเจ็บปวด...
“[ดูแลตัวเองดีๆละ]” สิ้นคำนั้นปลายสายก็ตัดสายไป
ซอลลี่ตกใจรีบโทรกลับไปแต่พบว่าอีกคนปิดเครื่องไปแล้ว คนตัวสูงสั้นสะท้านไปทั้งร่างก่อนทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้นราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบออกจากร่างจนหมดสิ้น เสียงร่ำไห้ดังกังวาลไปทั่วห้องฟังดูเศร้าหดหู่ราวกับว่าไม่เหลือแล้วซึ่งสิ่งใดๆบนโลกนี้...
เธอจะเป็นยังไงบ้าง...เธอสบายดีไหม...เธออยู่ที่ไหน...ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่...
คิดถึง...
จนถึงตอนนี้ก็อยากจะเจอหน้าอีกสักครั้ง ยังมีคำถามที่ค้างคาใจ...มันคงเป็นคำถามที่มีแต่เค้าเท่านั้นที่ตอบได้...
***
ท่ามกลางแสงสีเสียง คนหลายคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับงานฉลองวันเกิดของเจ้าแม่ปาร์ตี้อย่างลูน่า...
ซอลลี่ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบที่ที่เต็มไปด้วยเสียงน่ารำคาญหู แต่ที่ต้องมาก็เพราะ...
“เธอจะมาชิ่งกลับไปดื้อๆไม่ได้นะซอลลี่!”
ซอลลี่กลอกตาทำหน้าเอื้อมใส่ลูน่า แต่พอเจอลูน่าจ้องเขม็งเลยจำเป็นต้องส่งยิ้มเจื่อนๆให้แฟนเพื่อนไปทั้งๆที่ใครๆก็สามารถดูออกได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่จำใจ และก็ปล่อยให้ตัวเองถูกแอมเบอร์ฉุดกระชากลากถูเข้ามาในห้องครัว ก็เป็นการดีที่เธอจะได้พาตัวเองถอยห่างจากความวุ่นวายตรงนั้น
“ซอลลี่ วิคลืมซื้อเทียนมาว่ะ”มินโฮพูด
ซอลลี่พยักหน้างืมๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเบิกตากว้างจนแทบถลนออกจากเบ้า “ห้ะ!!”
วิคตอเรียรีบเอามือมาปิดปากซอลลี่ แอมเบอร์ทำสัญญาณบอกว่าให้เงียบๆ เมื่อซอลลี่พยักหน้าเป็นเชิงรู้แล้ว วิคตอเรียจึงปล่อยให้เป็นอิสระ
“ลืมซื้อเทียนมาได้ยังไงเนี่ย?!”ซอลลี่พูดลอดไรฟัน
“ก็คนมันลืมอะ!” วิคตอเรียเถียงกลับคอแข็ง
ซอลลี่ตบหน้าผากดังป้าบ สุดท้ายก็เป็นคนออกไปซื้อเองทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนลืม คิดในแง่ดีอย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยตัวเองให้ต้องอยู่กับสถานที่ที่หาแน่นไปด้วยผู้คน หลังจากซอลลี่ออกไปแล้วก็เหลือแค่คนสามคน...
“ทุกคนฉันมีอะไรจะบอก”จู่ๆแอมเบอร์ก็พูดขึ้น
“หื้ม?”
“คริสตัลกำลังจะมาที่นี่”
“....!?”
“คริสตัลกลับมาจากเมืองนอกแล้ว...เค้ากำลังมางานวันเกิดลูน่า”
“แล้วซอลอะ...!?”วิคตอเรียถามอย่างเป็นห่วง
“นั่นสิ ถ้าเกิดสองคนนั้นเจอกันขึ้นมาจะทำยังไง”มินโฮพูดท่าทางซีเรียส
แอมเบอร์ถอนหายใจ ทำหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลูน่าเค้าต้องการให้สองคนนั้นเจอกัน...ส่วนพวกเราในฐานะเพื่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องยืนเคียงข้างมัน....”
หลังจากซอลลี่หาซื้อเทียนเจ้าปัญหาได้ก็ออกจากร้านสะดวกซื้อแล้วเดินไปยังรถ เธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆในวันนี้ ดูเหมือนลูน่าจะคอยมองหาเธอตลอดเวลา ส่วนเจ้าเพื่อนแสบสามตัวก็เหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างปิดบังกัน ดูท่าคะยั้นคะยอให้เธอออกมาซื้อเหลือเกิน...
ฉับพลันหัวใจของซอลลี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง...สายตาหยุดจ้องมองที่หญิงสาวคนหนึ่ง...ถึงแม้สีผมจะเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ซอลลี่ก็ยังคงจดจำใบหน้างามนั้นได้เป็นอย่างดี...
ซอลลี่คล้ายจะเพ้อออกมาเบาๆ “ซูจอง...”
เหมือนผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกว่ามีคนมองมา หันกลับไปมองอย่างแช่มช้า...
และในวินาทีนี้เองที่ลมหายใจของซอลลี่แทบหยุดลง...ใบหน้านี้...คือ คริสตัลนี่นา!
“ซูจอง...คริสตัล...”ซอลลี่เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยอาการเหมือนคนตกอยู่ในภวังค์มิอาจหลุดพ้นได้
ผู้หญิงคนนั้นเบิกตากว้าง...ถอยหลังสองสามก้าวก่อนเปลี่ยนเป็นสาวเท้าวิ่งหนีแทน และแน่นอนซอลลี่วิ่งตามในทันที
“ซูจอง!”ด้วยสรีระทางร่างกายที่สูงกว่าเอื้ออำนวยให้ซอลลี่วิ่งตามได้ทัน ซอลลี่โผเข้ากอดหญิงสาวแน่น “ซูจอง ฉันคิดถึงเธอ คิดถึงเหลือเกิน”
ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับผลักตัวซอลลี่ออก “นี่คุณปล่อยฉันนะ! ซูจองอะไรฉันไม่รู้จัก!”
ซอลลี่ลูบไล้ใบหน้าคนที่ถวิลหามานาน ดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริก “ซูจอง...ซูจอง...”
“เอ๊ะ!ก็บอกว่าไม่ใช่ไง! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคริสตัลปฏิเสธเสียงสั่นและผลักตัวซอลลี่ออกอย่างแรงจนหงายล้ม สบโอกาสวิ่งหนีในทันที
ซอลลี่รีบลุกขึ้นวิ่งตาม ปากตะโกนพร่ำเรียกชื่อไปด้วย “ซูจอง!”
ปริ๊นนนน!! เอี๊ยดดดด!!
เสียงแตรรถ ทำให้ซอลลี่ต้องหันมองพบแสงสว่างจ้าจากไฟหน้ารถ ก่อนความเจ็บปวดจะถาโถมเข้าใส่ร่างกาย ถูกชนจนตัวลอยและกระแทกลงกับพื้น เลือดสีแดงสดกระจายไปทั่วพื้นถนน
แต่...
ใบหน้าของซอลลี่กำลังแย้มยิ้ม...มือข้างที่ใส่สร้อยข้อมือเส้นนั้นไว้สั่นเท่าเอื้อมไปหาผู้หญิงที่หยุดชะงักแล้วหันกลับมามอง...
“ซ...ซูจอง...”
นัยน์ตาสะท้อนภาพของผู้หญิงคนนั้นที่กำลังมองมายังเธอ...ก่อนที่มือจะทิ้งลงบนพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินจากหางตา...
คริสตัลปากสั่นระริกไม่แพ้มือทั้งสองข้าง กรีดร้องสุดเสียงก่อนโผเข้าหาร่างของคนรัก
“ซ...ซอล...ซอลลี่!”
***
“จอง คริสตัลลูกจะไปไหน! จะไปหาแฟนลูกอีกแล้วใช่ไหม?!”
“………”
“นี่ลูกไม่เห็นหัวพ่อเลยใช่ไหม คำพูดของพ่อมันไม่มีความหมายอะไรต่อลูกเลยใช่ไหม?! พ่อสั่งแล้วใช่ไหมให้ลูกเลิกกับเด็กนั่น!!”
“ลูกก็คงยืนยันคำตอบเดิมค่ะ ‘ไม่’”
“....นี่ลูกจะไม่ฟังพ่อใช่ไหมซูจอง?”
“พ่อคะ ลูกโตแล้วนะ พ่อเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าลูกจะคบกับใครก็” “ใครก็ได้ที่มันเหมาะสมและคู่ควรกับลูก ไม่ใช่นังเด็กผู้หญิงเพศเดียวกันคนนั่น!”
“พ่อ...”
“พ่อจะเตือนลูกเป็นครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นซะ!”
“............”
ภาพความทรงจำในอดีตย้อนเข้ามาในหัวราวกับเป็นหนังเก่าที่ถูกฉายอีกครั้ง....
คริสตัลเดินมาถึงหน้าประตูห้องที่คุ้นเคย มือบางข้างที่ใส่สร้อยข้อมือห้อยจี้รูปตัว sถือกุญแจที่พกติดตัวตลอดเวลาไขบานประตู...
เธอไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ...ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกว่าอยู่ที่เดิม เหมือนกับทุกอย่าง...กำลังรอเธอกลับมา...
คริสตัลเผลอกำมือแน่น...เม้มริมฝีปากจนเกือบเป็นเส้นตรงข่มความเจ็บปวดที่กำลังก่อตัวขึ้น...ก่อนเดินไปยังห้องนอน....สายตามองไปที่เตียง....หากเป็นเมื่อก่อนคนตัวโตคงนอนยิ้มกว้างให้กันแล้ว...
ยิ้มขื่นกับตัวเอง...ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้...
คริสตัลทิ้งตัวนั่งลงกับเตียง กวาดสายตามองไปรอบห้องที่คุ้นตา...ก่อนจะสะดุดอยู่ที่กรอบรูป...เอื้อมมือแสนสั่นเทาไปหยิบมันขึ้นมา...
รูปที่เราถ่ายคู่กัน...ลูบไล้รูปถ่ายนั่นไปมา...และเพ่งสายตาอ่านโน้ตตัวเล็กๆที่ถูกเขียนไว้ด้วยปากกาเมจิกบนกรอบรูป...
อ่านจบน้ำตาก็ไหลลงมาตามแนวใบหน้า คริสตัลเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้ ทว่า...เงยหน้าขึ้นไปก็พบเพดาน....น้ำตาที่เคยพยายามห้ามเอาไว้กลับไหลทะลักออกมา...
บนเพดานนั้น...มันเต็มไปด้วยรูปมากมายของเธอที่ถูกแปะไว้...
คริสตัลกอดกรอบรูปนั้นแนบอก ร้องร่ำไห้จวนเจียนราวกับใจจะขาด ร้องครวญเรียกชื่อซอลลี่เหมือนคนหัวใจแตกสลาย...
‘ฉันแค่อยากรู้...เวลาเธอมองรูปของเราสองคนแล้ว...เธอจะคิดถึงฉันบ้างไหม...?’
.
.
.
The End
ความคิดเห็น