ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รมตี...รักนี้ต้องโทษกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #1 : รมตี...รักนี้ต้องโทษกามเทพ #1(แก้ไขตอนใหม่)

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 49


    # 1

                “…..คืออย่างนี้นะ เรื่องมันมีอยู่ว่า…..”

     

    4 เดือนก่อน.... 

                โฟร์ท!!! เก็บของเสร็จรึยังเนี่ย? เร็วๆ เข้าจะไปมั้ย!!!” รดาส่งเสียงตะโกนดังมาจากหน้าประตูบ้านส่งผลให้คนที่โดนเรียกรีบหยิบกระเป๋าลงบันไดมาแทบไม่ทัน

                รู้แล้วๆ กำลังจะลงบันไดเนี่ย รมตีน้องเล็กที่สุดในบ้านตะโกนกลับลงมา

                จะๆๆ อยู่นั้นแหละ ชักช้าจังเลยแกเนี่ย รดายังไม่วายที่ส่งเสียงบ่นมาเป็นระยะๆ

     

                Honda Jazz สีฟ้าน้ำทะเลคันหรูเคลื่อนที่ทันทีหลังจากที่รมตีวางของใส่หลังรถเรียบร้อยแล้ว โดยรดาเป็นคนขับรถส่วนรตานั่งข้างๆ คนขับ น้องเล็กอย่างรมตีก็แน่นอนว่าจะต้องนั่งด้านหลัง.....การเดินทางครั้งที่สามศรีพี่น้องพร้อมใจกันจะไปเที่ยวชมอยุธยาเมืองเก่า ที่พวกเธอไม่ได้ไปตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสีย ครั้งนี้เลยถือโอกาสช่วงวันหยุดยาวไปพักร้อนพร้อมๆ กัน

                พี่เฟร์มแล้วเราจะไปที่ไหนกันก่อนดีละ รมตีว่าพลางกางแผนที่การท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขึ้นมาดู

                ไปพระราชวังบางปะอินก่อนดีกว่ามั้ยรตาพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน

                แหม ฉันนึกว่าเธอจะพูดไม่เป็นแล้วนะเฟิร์นรดาพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ

                เฟร์มนี่ คนอุตส่าห์แนะนำดีๆคำพูดเพียงแค่นั้นก็สามารถบรรดาลโทสะให้กับหญิงสาวมิใช่น้อยเลย

                ขอโทษค่ะคุณแม่ ฮ่าๆๆๆ รดาพูดล้อรตาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปมองที่ถนน

                ........

                เฟิร์นอ่ะ งอนอีกแล้วโฟร์ทแกดูแม่แกดิ่ งอนอีกแล้วว่ะ

                พี่เฟิร์นขา ง้อๆ นะๆ รมตีพยายามง้อรตาสุดกำลังแต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ารตาเป็นพวกโกรธง่ายหายช้า อาการอย่างนี้คงต้องรอไปอีก 2-3 วันแน่นอน

                .........

                พี่เฟร์มอ่ะแหละ ไปแหย่พี่เฟิร์นทำไม?

                อ้าว! นี่แกพวกฉันรึเปล่าละเนี่ย

                ไม่รู้ๆ ว่าแต่จะไปที่ไหนก่อนดี แล้วพระราชวังบางปะอินเนี่ยอยู่ตรงไหนละ รมตีว่าพลางส่งแผนที่ไปให้รดาดู

                ไหนๆ อยู่ตรงนี้ไงรดาละจากพวกมาลัยไปชี้จุดบนแผนที่ให้รมตีดู

                “O_O!!! เฟร์มระวังรถ!!!!!!” รตาส่งเสียงตะโกนมาหลังจากที่เบื้อนหน้าหันมาดูถนน ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของรตา รมตีรู้สึกว่าร่างกายของหล่อนโคลงเคลงไปมาก่อนที่จะหมดสติไป รดาพยายามเต็มที่ที่จะปัดพวงมาลัยเพื่อให้รถเบนไปอีกทางหนึ่งแต่ทว่า...ก็สายไปเสียแล้วเพราะรถยนต์พุ่งตกลงไปข้างทางอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่หล่อนจะบังคับพวงมาลัยได้

                ตู๊ม!! หลังจากที่รถยนต์พุ่งตกลงไปข้างทางก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาก่อนที่จะตามมาติดๆ ด้วยเปลวไฟสีแดงฉานที่ช่วยกันโหมกระหน่ำภายในเวลาอันรวดเร็วยิ่งมีลมพัดแรงเท่าไหร่ไฟก็ยิ่งโหมแรงมากขึ้นเท่านั้น

                โอย...เฟิร์น! โฟร์ท! อยู่มั้ยตอบที โอ๊ย!!!” รดารวบรวมสติส่งเสียงเรียกน้องสาวทั้งสองคน หล่อนพยายามจะขยับตัวเพื่อที่ออกไปจากซากรถที่ระเบิดนี้แต่ขาของหล่อนกลับติดอยู่ที่พวงมาลัยเพราะรถยนต์ตกลงมาในสภาพที่ล้อทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้า ซึ่งนับว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่หล่อนไม่ได้คอหักเสียก่อน...

                อยู่...นี่ รตาบอกกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงหลังจากได้ยินเสียงตะโกนของรดา สภาพของหล่อนตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากรดามากมายนัก แขนข้างซ้ายของหล่อนได้หักไปแล้วเรียบร้อยแต่หล่อนก็กัดฟันทนความเจ็บปวดก่อนที่จะเปิดประตูรถยนต์และฝ่ากองเพลิงออกไปด้วยความยากลำบาก

     

                ทางด้านของรดาหล่อนพยายามดึงขาของตนเองออกจากพวงมาลัยอย่างยากเย็นก่อนที่จะใช้แรงที่มีอยู่เกือบทั้งหมดดันประตูรถยนต์ให้เปิดออกแล้วใช้แขนตะเกียกตะกายคลานเพื่อเอาร่างกายของตนเองออกมาจากซากรถยนต์ที่กำลังไหม้ ผู้คนที่มุงดูอยู่แถวนั้นอยู่แถวนั้นก็รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลและรถดับเพลิงกันให้วุ่นเลยทีเดียว

     

                รถดับเพลิงใช้เวลาไม่นานนักในการมาถึงที่เกิดเหตุ ทันทีที่รถจอดพนักงานดับเพลิงจำนวนหนึ่งก็กรูกันเข้าไปในซากรถเพื่อช่วยกันนำร่างไม่ได้สติของรมตีออกมาจากกองเพลิงส่วนพนักงานที่เหลือก็ช่วยกันดับไฟให้มอดลงแต่เพราะลมที่พัดมาอย่างแรงจึงทำให้การดับไฟครั้งนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก

     

                เวลาผ่านไปหลังจากที่รถดับเพลิงมาถึงได้ไปมานานรถพยาบาลสีขาว 2 คันก็ตามมาติดๆ เมื่อรถจอดสนิทแล้วบุรุษพยาบาลและนางพยาบาลก็วิ่งลงมาจากรถเพื่อช่วยกันปฐมพยาบาลรดากับรตากันอย่างจ้าละหวั่น ส่วนทางด้านรมตีนั้นได้รับการปฐมพยาบาลขั้นต้นโดยการใส่เครื่องช่วยหายใจก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นรถเพื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลและเมื่อตอนที่พนักงานดับเพลิงนำร่างของรมตีออกมานั้นหญิงสาวก็ไม่หายใจแล้ว อาจจะเป็นเพราะอยู่ในกองไฟนานเกินไปจึงขาดอากาศหายใจก็เป็นไปได้จึงถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลก่อนโดยที่รดากับรตานั้นตามไปติดๆ หลังจากที่ปฐมพยาบาลเสร็จแล้ว

     

                รดากับรตาอยู่ในสภาพที่โทรมพอๆ กันโดยรดาอยู่ในสภาพเข้าเฝือกที่ขาส่วนรตานั่นเข้าเฝือกที่แขน ตามเนื้อตัวภายนอกก็ฟกช้ำและมีแผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้น นับว่าแฝดสาวสองคนนี้โชคดีมากที่ไม่เป็นอะไรมากเหมือนรมตี

     

                ซึ่งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลรมตีก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที คุณหมอหลายท่านได้เข้ามาช่วยกันยื้อชีวิตรมตีกันอย่างสุดกำลังเพราะเมื่อมาถึงโรงพยาบาลรมตีนั้นไม่หายใจแล้ว แพทย์จึงพยายามฉีดสารต่างๆ เข้าไปเพื่อกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จจึงใช้เครื่องปั้มหัวใจช่วยอีกแต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเดิม....     

                คุณหมอครับ กราฟหัวใจยังเหมือนเดิมเลยครับ แพทย์ผู้ช่วยคนหนึ่งพูดขึ้นมา

                ถ้าอย่างนั้นเพิ่มตัวยาเข้าไปอีก 2 เท่า

                แต่ว่า.....

                ไม่มีแต่ทั้งนั้น ยังไงเราก็ต้องช่วยเขาให้ได้

                ครับ แพทย์ผู้ช่วยคนเดิมรับคำแล้วทิ่มเข็มลงไปตรงบริเวณแขนข้างซ้ายของรมตี

                ลองปั้มหัวใจอีกรอบซิ

                ครับๆ แพทย์ผู้ช่วยอีกคนนำเครื่องปั้มหัวใจมาช็อตตรงบริเวณหัวใจของรมตี ร่างของหญิงสาวลอยขึ้นจากพื้นเตียงและตกลงมาอีกครั้ง แต่การกระทำนั้นก็เหมือนจะไร้ผลเพราะกราฟหัวใจของรมตีก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

                จะเอายังไงดีครับคุณหมอ กราฟหัวใจยังเหมือนเดิมเลยครับ

                รออีก 5 นาทีแล้วกัน

                เอ่อ....ครับ แพทย์ผู้ช่วยรับคำด้วยสีหน้างงๆ พลางคิดในใจว่าจะต้องรอทำไมเวลานี้ความเป็นความตายก็เท่ากัน ช่วยกันยื้อชีวิตมาจนถึงป่านนี้แล้วคนไข้ก็ยังเหมือนเดิม น่าจะเดินออกไปบอกญาติๆ ได้แล้วว่าคนไข้ตายแล้ว จะได้เอาเวลานี้ไปช่วยคนไข้รายอีกดีกว่า

     

                เมื่อเวลาผ่านไปครบ 5 นาทีแพทย์ผู้ช่วยคนเมื่อกี้ก็เปลี่ยนความคิดอคติเมื่อกี้แทบไม่ทันเพราะว่าเส้นกราฟหัวใจของรมตีในจอมอนิเตอร์นั้นค่อยๆเปลี่ยนจากเส้นตรงยาวมาเป็นเส้นที่เริ่มมีรอยหยักและเข้าสู่การเต้นของหัวใจที่ปกติในเวลาต่อมา....

     

                เมื่อรมตีพ้นจากสภาพคนตายแล้วคุณหมอก็ทำการผ่าตัดอวัยวะภายในของรมตีที่ได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การช่วยชีวิตของรมตีครั้งนี้ทำเอาทั้งคุณหมอและแพทย์ผู้ช่วยต้องปาดเหงื่อไปตามๆ กันกับการทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จนแพทย์ผู้ช่วยคนนั้นมารู้ภายหลังว่าการฉีดยากระตุ้นการเต้นของหัวใจนั้นต้องฉีดไปในปริมาณที่เหมาะสมและต้องรอเป็นเวลา 3-5 นาทียาจึงจะออกฤทธิ์ การรักษาครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีซึ่งใช้เวลาในการผ่าตัดรวม 6ชม.!

                คุณหมอคะ น้องสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะรดารีบวิ่งไปหาบุรุษชุดกาวน์ที่เปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน

                ตอนนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ คุณหมอบอกสีหน้าเครียด

                เฮ้อ~ เฟิร์นน้องพ้นขีดอันตรายแล้วรดาได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปบอกฝาแฝดของเธอด้วยสีหน้าดีใจและโล่งอก

                จริงป่ะเฟร์ม

                อื้ม ^ ^” รดาว่า สีหน้าเป็นกังวลเมื่อซักครู่นี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

                แต่ว่า.....

                แต่อะไรคะคุณหมอก็ไหนบอกว่าน้องฉันพ้นขีดอันตรายแล้วไง สีหน้าดีใจเมื่อซักครู่ของรดาเลือนหายไปอีกครั้ง

                คือว่าคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วก็จริงนะครับ แต่ว่าหมอก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับว่าจะฟื้นขึ้นเมื่อไหร่ ยังไงซะช่วงที่รอให้ฟื้นก็คงจะต้องให้คนไข้พักอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวเชิญญาติไปติดต่อขอห้องพักที่เคาท์เตอร์เลยนะครับ

                ค่ะๆรตาเดินตามคุณหมอไปทางเคาท์เตอร์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล 

     

                ห้องสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกทาไว้ด้วยสีขาวสะอาดตาสมกับเป็นห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลชื่อดัง หญิงสาวร่างบางนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีขาว ผมดำยาวสยายอยู่บนหมอนสีขาว ใบหน้าของหญิงสาวยามนี้ดูซีดเซียวลงไปมากแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอลดลงเลย ผ้าห่มสีขาวอยู่ดึงขึ้นมาถึงหน้าอก ใบหน้าเรียวยาวได้รูปนั้นเต็มไปด้วยสายยางที่ระโยงระยางเต็มเตียง สีหน้าของเธอช่างดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนดังเช่นคนที่นั่งร้องไห้สะอึ้กสะอื้นอยู่ข้างๆ เตียง...

                โฟร์ท ได้ยินพี่มั้ย? พี่ขอโทษนะ เพราะพี่แท้ๆ เลยแกถึงได้มาเป็นแบบนี้อ่ะ พี่ขอโทษนะ รดายกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ อยู่ข้างๆ เตียง

    แอ๊ดดดดด~

                เฟร์มอย่าโทษตัวเองอย่างนั้นดิ่ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นหรอกถ้าจะมีคนผิดก็ผิดกันทั้งหมดนั่นแหละ รตาพูดพลางลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เตียงอีกด้านหนึ่ง

                อื้ม.... สิ้นเสียงของรตาห้องทั้งห้องเกิดความเงียบขึ้น จนบุรุษในชุดขาวก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาติดๆ ด้วยนางพยาบาลสาวร่างบาง

                ขอขัดจังหวะนิดนึงนะครับ ขอตรวจคนไข้ซักครู่ครับ ได้ยินดังนั้นสองแฝดสาวก็เขยิบออกมาเพื่อที่จะใก้คุณหมอตรวจร่างกายรมตีได้อย่างสะดวก

                เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ รดาถามสีหน้าเป็นกังวลยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า

                คนไข้ร่างกายปกติดีแล้วครับ ทั้งชีพจรและความดันก็ปกติแล้ว ตอนนี้ผมคงจะต้องให้อาหารทางสายยางและใส่เครื่องช่วยหายใจไปจนกว่าเค้าจะฟื้นนะครับ

                เอ่อ....แล้วคุณหมอพอจะบอกได้มั้ยคะว่าเค้าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่?รตาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

                หมอก็ไม่ทราบนะครับ อาการแบบนี้พวกหมอที่เกี่ยวกับจิตแพตท์อาจจะบอกกันได้ว่าจิตออกจากร่างน่ะครับ อาจจะเป็นเพราะช็อคจากอุบัติเหตุซึ่งในข่ายนี้มีเยอะนะครับบางรายก็ฟื้นแต่บางรายก็ไม่ฟื้น ซึ่งเดาได้ยากนะครับว่าตอนนี้จิตของคนไข้พวกนี้ไปอยู่ที่ไหน ส่วนจะฟื้นเวลาไหนนั้น...ก็อาจจะเป็นพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออีกซักอาทิตย์หนึ่งก็ได้นะครับ และก็เป็นไปได้นะครับว่าอาจจะไม่ฟื้นเลย....พูดง่ายๆว่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปน่ะครับ

                แล้วตอนนี้ก็เท่ากับว่าตายไปเลยน่ะหรอคะคุณหมอ?รดาพูดแย้งขึ้นมาหลังจากที่เงียบฟังอยู่นาน

                ก็อาจจะคล้ายๆ กันนะครับ อ้อ....ขอเตือนไว้นะครับ

                อะไรคะ? สองแฝดสาวพูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยความงุนงง

                คือว่า....คนไข้แบบนี้น่ะครับถ้าจะพูดอะไรที่จะทำให้กระทบกระเทือนถึงจิตใจของคนไข้เนี่ย

                ......?

                หมอแนะนำว่าน่าจะไปพูดที่อื่นนะครับเพราะว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้คนไข้หลับไปหรือว่าจิตออกจากร่าง อาจจะเป็นไปได้ว่าคนไข้กำลังอยู่ในห้องนี้แล้วนั่งฟังพวกเราพูดกันอยู่ก็เป็นไปได้นะครับ

                ......!!!” ได้ฟังดังนั้นทั้งสองสาวก็หันมามองหน้ากันพร้อมกับทำสีหน้าตกใจ หากน้องสาวของพวกหล่อนหลับไปก็คงจะดีกว่า เพราะถ้าจิตออกจากร่างเรื่องก็คงจะไม่จบลงง่ายๆ แน่เผลอๆ อาจจหาวิธีเข้าร่างไม่ได้เลยด้วยซ้ำ.....

     

                ร่างโปร่งแสงของรมตีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจสุดขีด รมตีวิ่งไปยังเตียงที่มีร่างของหล่อนนอนอยู่ หญิงสาวลองนอนทับร่างของตนเองดูแต่ก็ไม่เป็นผล หล่อนไม่สามารถเข้าร่างของตนเองได้เลย แล้วต่อจากนี้ไปละหล่อนจะทำยังไง หากหล่อนต้องหล่อนไม่สามารถเข้าร่างของตนเองได้ และพี่สาวทั้งสองของหล่อนต่างก็คิดว่าหล่อนตายไปแล้วแล้วนำร่างของหล่อนไปทำพิธีศพล่ะ หล่อนก็คงไม่ต่างไปจากวิญญาณของพวกสัมพเวสีที่เร่ร่อนไปมาไม่มีหลักแหล่งอย่างนั้นหรือ...??? เมื่อคิดได้อย่างนั้นรมตีก็ถึงกับทรุดตัวลงกองกับพื้นร้องไห้ปานจะขาดใจตาย การร้องไห้ครั้งนี้แม้จะดังเพียงใดก็ตามแต่ก็ไม่สามารถทำให้สองแฝดสาวได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้สิ่งที่รมตีสามารถทำได้ก็คือรับชะตากรรมของตนเองที่เล่นตลกจนทำให้หล่อนต้องมาทนอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับวิญญาณ...

     

                ตลอดเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ที่รมตีต้องทนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถพูดคุย ติดต่อสื่อสารอะไรกับใครได้เลยแม้แต่การสะกิด เพียงแค่หญิงสาวลองเอามือของตนไปสะกิดไหล่ของรดาที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่นั้นก็ยังทำไม่ได้เพราะผลลัพธ์ที่ตามก็คือมือที่ใสโปร่งแสงของหล่อนนั้นทะลุผ่านไหล่ของรดาไปอย่างง่ายดายราวกับเล่นกล...แม้แต่การก้าวออกไปนอกห้องพักห้องนี้หล่อนก็ยังทำไม่ได้เพราะเพียงแค่หล่อนลองก้าวออกไปจากห้องเพียงก้าวเดียวก็เสมือนว่ามีแรงดึงดูดที่มีพลังมหาศาลดูดหล่อนกลับเข้าไปอยู่ในห้องเช่นเคย จนกระทั่งวันหนึ่ง...รดาเผลอลืมปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้รายการที่กำลังออนแอร์นั้นเป็นรายการที่เกี่ยวกับการฝึกฝนจิตเมื่อรมตีเห็นดังนั้นก็ลองทำตามดู หญิงสาวหวังว่าการกระทำของหล่อนครั้งนี้คงจะพอทำให้การที่จะต้องมาเป็นวิญญาณข้องหล่อนมีสีสันขึ้นมาบ้าง....

     

                เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน และเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบๆ 2 เดือนแล้วที่รมตีต้องอยู่ในสภาพที่มีแต่วิญญาณ ซึ่งตอนนี้หญิงสาวก็ทำใจได้แล้วกับการที่จะต้องลอยแทนการเดิน และความพยายามที่จะฝึกฝนจิตของหญิงสาวก็ประสบผลสำเร็จแล้ว ในตอนนี้รมตีสามารถเข้านอกออกในตามห้องต่างๆ ของโรงพยาบาลได้อย่างง่ายดาย

                เฮ้อ ฝึกมาแทบตาย แต่ก็ได้แค่ในโรงพยาบาล.....อ๊ะ! ถ้าเกิดว่าฉันหายตัวไปยังที่ต่างๆ ก็ดีอ่ะดิ่ จะเที่ยวให้มันรอบโลกเลย อิอิอิ เมื่อความคิดอันบรรเจิดผุดขึ้นมาในสมองมีหรือที่รมตีจะยอมปล่อยให้มันสูญเปล่าไป คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อฝึกฝนจิตต่อ

     

     

                เวลาผ่านไปร่วม 4 เดือนขณะนี้ปริตาสามารถหายตัวไปยังที่ต่างๆ ได้แล้วแต่ก็ได้แค่ในประเทศเท่านั้น...

                เมืองไทยทำไมมันร้อนอย่างนี้เนี้ย....โอย....ร้อนๆๆๆ อยากไปเที่ยวขั้วโลกเหนือจัง ว่าแล้วรมตีก็หายตัวไปจากห้องพักที่เธออยู่เมื่อซักครู่นี้ทันที

     

                บรึ๋ย~ ทำไมมันหนาวจังแต่ก็ดีแฮะดีกว่าอยู่ในที่ร้อนๆ อิอิ แต่เอ๊ะ! ขั้วโลกเหนือมันมืดถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ซักพักก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นตรงหน้าหญิงสาวพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างตกใจ

                เฮ้ย!!! คุณเข้ามาได้ไงอะชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งปรากฏตัวต่อหน้ารมตี ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงอาการตกใจจนเก็บไว้ไม่อยู่

                อะไรอ่ะ นี่คุณเห็นฉันหรอ??? เห็นฉันหรอ??? เห็นจริงๆ ใช่มั้ย??? O_O” รมตีตะโกนถามชายหนุ่มอย่างดีใจ

                ก็เห็นไง แล้วคุณเข้ามาทำอะไรในนี้อ่ะ

                ก็นี้มันขั้วโลกเหนือไม่ใช่หรอคะ?

                ขั้วโลกเหนือ??? เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มใบหน้าของชายหนุ่มทันที

                ก็ใช่ไงคะหนาวออกอย่างนี้อ่ะ

                ผมว่าคุณต้องบ้าแน่ๆ เลยนี่มันในตู้เย็นนะ

                หนาวออกอย่างนี้คุณอย่ามาอำเลยค่ะ รมตียังคงยืนยันว่าหล่อนอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ

                นี่คุณครับ ออกมานอกตู้เย็นก่อนดีมั้ยอยู่ในนั้นเดี๋ยวก็แข็งตายหรอก

                ฉันยังไม่เห็นเลย ตู้เย็นที่คุณบอกอ่ะ....อ้าว? รมตีหันหลับไปมองด้านหลัง เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็อายแทบแทรกแผนดินหนี

                -///- เอ่อ....ขอโทษนะคะ

                ครับ ว่าแต่คุณเข้ามาอยู่ในตู้เย็นบ้านผมได้ไงอ่ะ

                ก็คือ....จะพูดยังไงดีละรมตีว่าพลางทำสีหน้าครุ่นคิด

                ก็พูดมาซิครับ แล้วการที่คุณมาโผล่อยู่ในตู้เย็นบ้านผมเนี่ย มันก็อธิบายได้แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละครับ ชายหนุ่มพูดพลางทำหน้าตารำคาญ

                แล้วเหตุผลเดียวของคุณเนี่ยมันคืออะไรละคะ?

                ก็คือว่าคุณ บ้า ไงครับถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะสติไม่ดีแอบหนีเข้ามาในบ้านผมตอนที่ผมไม่อยู่บ้านไง คนที่ถูกเรียกว่า บ้า โกรธจัดจนหน้าแดง

                ฉันไม่ได้บ้านะคะ - -^ แล้วฉันก็ไม่ได้แอบเข้ามาในบ้านตอนที่คุณไม่อยู่ด้วย

                ถ้าอย่างนั้นคุณเข้ามาได้ยังไงละครับ คุณผู้หญิง

                ก็....หายตัวมาไงคะ

                ....เหอะ! คุณจะมาบอกว่าคุณเข้ามาอยู่ในตู้เย็นบ้านผมเนี่ยคุณหายตัวมารึไงครับ

                คุณไม่เชื่อ??”

                เชื่อก็บ้าแล้วครับ ชายหนุ่มยังคงตอบด้วยสีหน้ากวนประสาทรมตีเช่นเดิม

                ถ้าอย่างนั้นคุณดูให้ดีนะ...ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องครัวบ้านคุณแต่อีกซักพักฉันจะไปอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก โอเค๊? ว่าแต่....ห้องรับแขกคุณอยู่ทางไหนละ? หญิงสาวถามพลางชะเง้อมองไปทั่วเพียงครู่เดียวหล่อนก็เห็นห้องรับแขกได้องโดยที่ชายหนุ่มยังไม่ทันปริปากพูดเลยซักคำ

               

                เพียงแค่หญิงสาวมองไปทางห้องรับแขกรอเพียงซักครู่หล่อนก็หายวับไปอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกได้อย่างง่ายดายส่งผลให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก นึกว่าตัวเองตาฝาดจนถึงกับต้องเอามือขยี้ตาตัวเองหลายครั้ง

                ...O_O…คุณ.....ทำ....ได้....ไง ไม่น่าเชื่อ          

                ที่นี้ก็เชื่อรึยังละคะ

                ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นผีนะซิ ให้ตายเถอะนี่ผมโดนผีหลอกตั้งแต่กลางวันแสกๆ เลยหรอเนี่ย ชายหนุ่มยังคงเก็บอาการตกใจไว้ไม่อยู่ตลอดทั้งชีวิตของเขา เขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่

                คุณนี่ปากเสียจัง ฉันเป็นแค่วิญญาณเท่านั้นแหละฉันยังไม่ได้ตายเลยนะคะ

                ผมว่าคุณอำผมแน่ๆ เลยคุณบ้ารึเปล่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านยังคงยืนกร้านความคิดเดิมของเขา

                เอาเถอะๆ คุณจะคิดว่าฉันเป็นอะไรก็ช่างเถอะว่าแต่เราคุยกันมาตั้งนาน....คุณชื่ออะไรคะ

                ผมน่ะหรอ? ชายหนุ่มถามเอานิ้วชี้ไปที่ตนเอง

                อื้ม....ชื่ออะไรคะ

                กิตตน์ครับ

                กิตตน์เฉยๆ น่ะหรอคะ

                ครับแล้วคุณละครับชื่ออะไร

                โฟร์ทค่ะ ^ ^”

                ครับ...แต่ผมยังสงสัยอยู่นะครับว่าคุณอำผมรึเปล่า? กิตตน์ยังคงถามรมตีอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

                โกหกได้โล่หรอคะ?

                งะ.....งั้นๆ คุณก็เป็นผีน่ะซิ O_O”

                คุณคะ ฉันเป็นแค่วิญญาณนะ รมตีว่าพลางลอยตัวเข้าไปหาชายหนุ่ม เห็นดังนั้นหน้าของเขาก็ถึงกับซีดเหมือนคนไม่มีเลือดขึ้นมาทันที โอ้...ชีวิตเกิดมาเพิ่งเคยเห็นผีแล้วทำไมต้องมาเห็นเอาตอนกลางวันแสกๆ ด้วยละเนี่ย.....!!

     

                เมื่อตั้งสติได้แล้วกิตตน์ก็รวบรวมความกล้าเชื้อเชิญวิญญาณสาวสวยที่เพิ่งพบกันเมื่อซักครู่นี้นั่งแล้วถามคำถามที่คาใจอยู่ทันที

                เอ่อ.....คุณ....โฟร์ทนั่งก่อนดีมั้ยครับ?

                อ๊ะ! จะว่าไปฉันนั่งกับไม่นั่งมันก็ไม่ต่างกันหรอกคะแต่...เอาเถอะคะ รมตีว่าพลางนั่งลงบนโซฟา

                คุณ...นั่งได้ด้วยหรอครับ ยังไม่วายที่ชาสยหนุ่มจะถามวิญญาณสาวด้วยความตกตะลึง

                เอ๊ะ!~ คุณนี่ยังไงกันคะ ก็คุณเชิญให้ฉันนั่งไม่ใช่หรอว่าแต่.....คุณเห็นฉันได้ยังไงคะ?

                ผมคงจะทราบหรอกนะครับ....คุณเคยได้ยินมั้ยละครับคำว่าสัมผัสที่ 6 น่ะ

                อ้อ....จริงด้วยฉันลืมไปได้ไงเนี่ย….ถ้างั้นคุณก็เป็นพวกมีสัมผัสที่ 6 น่ะซิคะ

                บอกตามตรงนะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเชื่อเลยว่าในโลกนี้จะมีวิญญาณ แล้วคุณ...ก็เป็นคนทำให้ผมต้องเชื่ออย่างนั้น

                อื้มนะ งั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้ฉันน่ะซิ อิอิ

                ....อย่าหาว่าผมเซ้าซี้เลยนะ

                คะ???

                ทำไมคุณถึง...เอ่อ.....

                อ๋อ.....ที่ฉันต้องมาเป็นวิญญาณน่ะหรอคะ คืออย่างนี้นะ เรื่องมันมีอยู่ว่า…..” รมตีเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×