คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำสู่การตัดสินใจ
บทนำสู่การตัดสินใจ
ภายในเมืองฮิลตันทาวน์แล้ว แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักครอบครัวเบลฟอร์ด ครอบครัวที่สืบสายเลือดมาจาก มัลค์ เวนเดล
เบลฟอร์ด
ชายผู้ซึ่งปกป้องชาวเมืองจากแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่เมื่อ 20 ปีก่อน โดยแลกด้วยชีวิตของตัวเอง ในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ตำนานแผ่นดินถล่มจึงทำให้ผู้คนเรียกขานชายผู้นี้ว่า
“นักปกป้อง”
ครอบครัวเบลฟอร์ดในปัจจุบันนั้นมีสมาชิกด้วยกัน
3 คน คือ แฮริสัน เบลฟอร์ด ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว อารีส เบลฟอร์ด ภรรยา และ
บุตรคนเดียวของครอบครัวนี้ ยูริ เบลฟอร์ด ยูริเป็นเด็กหนุ่ม ผมสีน้ำตาลอายุ 13ผิวของยูรินั้นค่อนข้างขาว
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงสว่างสดใส รับกับใบหน้าคมของเขาได้เป็นอย่างดี ดวงตาคู่นี้เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ว่า
ยูริ สืบสายเลือดมาจากปู่มัลค์ของเขา
ทุกอย่างในชีวิตของยูรินั้นกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่แล้วบางสิ่งก็ทำให้มันเปลี่ยนไป
ยูริกำลังนั่งผ่อนคลายอยู่ในสวนริมลำธาร
ลมเย็นๆพัดแผ่ว พากลิ่นดอกไม้โชยมาปะทะจมูก ท้องฟ้าสดใส
ก้อนเมฆลอยผ่านไปช้าๆ
เสียงลำธารไหลผ่าน
ชวนให้เคลิ้มหลับ แต่แล้วเขาก็ต้องตื่นจากภวังค์เนื่องจากโสตสำเหนียกรับได้กับเสียงก้าวท้าวเข้ามาหา อา...แม่ของเขานั่นเอง
“ยูริ แม่กับพ่อจะไปเยี่ยมคุณย่าซักหน่อย ลูกจะไปด้วยกันมั๊ย”
“ไปฮะๆ
รอผมเดี๋ยวนะ ขอผมไปเปลี่ยนชุดซักหน่อย”
“ได้จ้ะ แต่เร็วหน่อยนะ
เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
“ฮะ แม่”
ทั้ง 3 นั่งอยู่ในรถแวนสีน้ำตาล
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นเมเปิลที่กำลังเปลี่ยนสีรับกับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเข้ามา
พื้นหลังก็เป็นทิวเขาซึ่งยังพอมองเห็นหิมะปกคลุมอยู่บ้าง
ยูริมองวิวข้างรถอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ไงลูก ดูลูกจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ”
นางเบลฟอร์ดทักยูริอย่างแจ่มใส
“แหม ก็ผมไม่ค่อยได้ออกไปนอกเมืองซักเท่าไหร่นี่ครับ แล้วทุกทีที่จาไปบ้านคุณย่าก็ไม่ได้ผ่านทางนี้ด้วย”
ยูริตอบแก้เขิน
“เออนี่ คุณคะ ได้ข่าวว่า ช่วงที่หิมะละลาย
ทำให้ถนนเส้นนี้ลื่นไม่ใช่หรอคะ
คุณขับช้าหน่อยก็ดีนะ”
นางเบลฟอร์ดบอกอย่างเป็นห่วง
“นี่ก็เริ่มจามืดแล้ว ผมกลัวว่าขับช้าแล้ว มันจะไม่ทันค่ำนะสิคุณ เอาน่า
ยังไงผมจะระวังแล้วกันนะ”
นายเบลฟอร์ดตอบ
หลังจากที่จบการสนทนาแล้ว
บรรยากาศก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
หูทั้งสองข้างได้ยินเสียงเครื่องยนต์ชัดเจน ความมืดเริ่มปกคลุม
วิสัยทัศน์เริ่มแคบลง พื้นถนนเต็มไปด้วยแอ่งน้ำซึ่งเกิดจากหิมะละลาย ในบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ นายเบลฟอร์ดต้องใช้สมาธิอย่างมากในการควบคุมรถ
สายตาของเขาเพ่งออกไปในความมืด
ไม่ทันตั้งตัว
เงาสีดำขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาจากริมทางด้านขวามืออย่างรวดเร็ว
ไฟหน้ารถสาดจับเจ้าวัตถุเคลื่อนที่ขนาดมหึมานั้น ขนแผงคอสีน้ำตาลเข้ม เขาเรียวแหลม
โหนกคอกว้างดูแข็งแรง ผิวดำสนิท
ตาของมันสะท้อนแสงไฟวาววามดูน่ากลัว พระเจ้า!!!
นั่นมันไบซัน มือทั้งสองของนายเบลฟอร์ดกำแน่นอยู่ที่พวงมาลับรถ
ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ขึ้นมาที่สันหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง ไม่รอช้า
เขาหักซ้ายหลบเต็มที่
หากแต่ช่วงจังหวะนั้นเองไบซันชะงักด้วยความตกใจ มันยกขาหน้าทั้งสองขึ้น
สีข้างรถจึงเฉียดลำตัวของมันไปเพียงคืบเดียว
รถแวนพุ่งผ่านแอ่งน้ำที่ขังอยู่อย่างรวดเร็วทำให้เกิดการเสียสมดุล
ล้อเริ่มไถลไปกับพื้นอย่างไร้การควบคุม
นายเบลฟอร์ดเริ่มรู้สึกว่าล้อซ้ายทั้ง 2 ข้างเริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ เขาพยายามหมุนพวงมาลัยกลับ หากทว่ามันสายไปเสียแล้ว ตัวของเขาติดอยู่กับผนังด้านข้างของรถ
หัวของเขากระแทกอย่างแรงกับกระจก น้ำอุ่นๆไหลออกมาจากศีรษะ สายตาเริ่มพร่ามัว แขนซ้ายไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ จากนั้นสติสัมปชัญญะก็พลันดับวูบไป…
“ยูริ ยูริ ได้ยินมั๊ยลูก”
เสียงเรียกแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากเพรียวบาง
ฝ่ามืออุ่นๆลูบอยู่บนใบหน้าของเด็กชาย ยูริค่อยๆลืมตาขึ้น
“แม่...”
“ฟังนะจ๊ะยูริ...ลูกเห็นรูกระจกที่แตกนั่นไหม?
แม่อยากให้ลูกออกไปทางนั้นให้เร็วที่สุด ลูกทำได้มั๊ย”
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอกจ้ะ”
“เราไปพร้อมกันสิครับ”
พร้อมกับที่พูด ยูริพยายามดันตัวเองขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือของเขาไปจับแขนผู้เป็นแม่ เขาออกแรงดึง
หวังให้ร่างของเธอหลุดออกมา แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ร่างกายของคุณนายเบลฟอร์ดก็ไม่ขยับเลย
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ”
“ถ้างั้นผมจะไปตามคนมาช่วยนะครับ
รอผมเดี๋ยว”
ยูริพยายามตะเกียกตะกายออกไปทางที่นางเบลฟอร์ดบอก
แต่ก่อนที่ตัวของเด็กน้อยจะพ้นไปนั้น
“ยูริ”
ยูริหันหลังกลับมาอีกครั้ง เขาเห็นน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาของนางเบลฟอร์ด
“แม่รักลูกนะจ๊ะ ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน แม่กับพ่อจะอยู่กับลูกเสมอ
ขอให้ลูกจงกล้าหาญและเข้มแข็ง แล้วลูกจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงได้
แม่จะคอยปกป้องลูกตลอดไปนะ”
“ครับ แต่แม่อย่าร้องไห้สิครับ
ผมจะพาพ่อกับแม่ออกไปเอง รอผมเดี๋ยวเดียวนะ”
ยูริคลานลอดออกมาทางช่องนั้น
เขาเดินโซซัดโซเซไปตามถนน แต่แล้วร่างกายก็ไม่สามารถจะประคองตัวของเด็กน้อยได้อีกต่อไป ยูริล้มลง
สติของเขาเริ่มเลือนราง ภายในหัวขาวโพลน...
“คุณหมอคะ
เด็กเป็นยังไงมั่งคะ”
หูของยูริแว่วเสียงผู้หญิงห่างออกไปไม่กี่เมตร เขาพยายามที่จะลืมตาขึ้น
“ตอนนี้เด็กอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้วครับ
กระดูกหักไม่กี่ซี่ แล้วก็มีแผลเป็นรอยกรีดที่หน้าอก หมอเย็บให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“แล้ว พ่อกับแม่ของเด็กล่ะคะ”
“หมอเสียใจด้วยนะครับ
แต่ทั้งสองถูกส่งมาที่โรงพยาบาลช้าไป ทั้งคู่เสียชีวิตแล้วครับ”
ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นขึ้นในจิตใจของยูริ
บางอย่างที่เด็กอายุ 13 ไม่สามารถรับไหว ตอนนี้เขารู้สึกอ้างว้าง
แล้วโดยที่ไม่สามารถฝืนทนต่อไป น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเด็กน้อย จังหวะเดียวกับที่ผู้หญิงอ้วนหันมาพอดี
เธอมีดวงตาสีแดงสดใสแต่ก็มีแววแห่งความเศร้าอยู่ภายใน ริมฝีปากบางๆนั้นยิ้มให้ยูริอย่างอ่อนโยน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด มือป้อมๆของเธอยื่นมากุมมือยูริเอาไว้แน่น
“อย่าร้องไห้นะจ๊ะ”
“ถ...ถ้าผมพยายามซักหน่อย
พ่อกับแม่ก็่คงจะไม่ตาย”
ยูริพูดอย่างขมขื่น
“อย่าโทษตัวเองสิจ๊ะ
ป้ารู้ว่าหลานทำดีที่สุดแล้ว ต่อจากนี้ไปป้าจะดูแลเธอเอง เอาล่ะ หลานควรจะนอนพักแล้วพยายามลืมสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น
แล้วเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส อนาคตของเธอยังอีกไกลนะจ๊ะ
อย่าให้มันหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพียงเพราะเธอไม่สามารถลืมอดีตที่เลวร้ายได้เลยนะ”
ยูรินิ่ง
เขาพยายามนึกถึงสมัยที่พ่อกับแม่ยังอยู่
ทุกๆเรื่องราวที่ผุดขึ้นในหัวนั้น
เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
‘อา...เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อความทรงจำเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก’
น้ำตาเริ่มคลอรอบดวงตาของเด็กน้อยอีกครั้ง
“ป้าคิดว่ามันคงจะเร็วไปที่หลานจะลืมมันได้ภายในทันที
หลานคงจะต้องใช้เวลาซักพักที่จะลืมมัน เอาล่ะ ป้าควรจะปล่อยให้หลานนอนพักได้ซะทีนะ”
พร้อมกันนั้น
เธอก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกับหมอที่รักษาเขา
เหลือเพียงเด็กน้อยนอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียวภายในหัวของยูริยังคงยุ่งเหยิง ความคิดต่างๆประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน เขาพยายามสะบัดหัวเพื่อปัดความคิดพวกนั้นออกไป
‘พ่อครับ...แม่ครับ...ต่อจากนี้ไปผมจะเข้มแข็ง ผมจะไม่ยอมให้ใครตายต่อหน้าอีก
ผมจะช่วยเหลือพวกเค้า แม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตผมก็ตาม ผมจะเป็นนักปกป้องที่ยิ่งใหญ่
ผมขอสัญญา...’
ความคิดเห็น