คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความฝัน
ความฝัน
“พี่เคน หนูมีความฝันนะ”
เด็กสาวตัวเล็ก วัยไม่เกินเจ็ดขวบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส ผู้เป็นพี่จึงหันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าแปลกใจระคนเอ็นดู
“แล้วคีตาฝันว่าอะไรล่ะ”
“ไม่ใช่ฝันอย่างนั้นสักหน่อย” เด็กสาวทำแก้มป่องคล้ายจะงอนหน่อยๆที่พี่ชายแซวเธอเข้าให้แล้ว
“หนูหมายถึงสิ่งที่หนูอยากจะเป็นในอนาคตต่างหาก”
“หืม? ตัวแค่นี้มีความฝันกะเขาด้วยหรอเราน่ะ” เคนยิ้มบางๆให้น้องสาวเพียงคนเดียวของเขาที่ทั้งน่ารักและฉลาดเฉลียวเกินใคร
“อะไรนะ คีมีความฝัน “
“ไม่อยากจะเชื่อ”
สองเสียงที่แทรกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ทั้งคีตาทั้งเคนหยุดชะงักก่อนที่เด็กหญิงจะมีสีหน้าเอือมระอาสุดๆ
“คิล ไคลน์ พวกนายมาได้ถูกเวลามาก” เคนประชดเข้าให้หนึ่งดอกแต่สองแสบยังไม่สำนึกในสิ่งที่กระทำ
“พวกผมผิดตรงไหนอะพี่” เด็กชายที่ตัวโตกว่าพูดขึ้นอย่างกวนๆทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองมาผิดเวลา
“ทั้งผมและไคลน์ก็เป็นพี่ชายของคีนะครับ แน่นอนว่าพวกผมย่อมอยากรู้ว่าคีมีความฝันอะไร “ เด็กชายผมสีทองสว่างอีกคนเอ่ยขึ้นบ้างอย่างพอมีเหตุผลทำเอาเคนสะอึก
มันก็จริงอย่างที่คิลว่า พวกเขาสี่คนเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่คีตากลับสนิทชิดเชื้อกับเขาเพียงคนเดียว เพราะทั้งคิลและไคลน์ชอบแกล้งเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะน้องสาวของพวกเขาเนี่ยโดนแกล้งตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกทำให้คีตาหมั่นเขี้ยวพี่ชายจอมแสบทั้งสองคนเอามากๆ แต่ก็หาทางเอาคืนไม่ได้ซักที
“ถ้าพี่คิลกะพี่ไคลน์รู้จะต้องหัวเราะเยาะหนูแน่ๆค่ะ พี่เคน” คีตาพูดขึ้นมาพร้อมค้อนพี่ชายทั้งสองคนที่ดูจะไม่สำนึกเลยสักนิด
“ครั้งนี้สัญญาว่าจะไม่หัวเราะเด็ดขาด ใช่มั๊ยคิล” ไคลน์เอ่ย นัยน์ตาพราวระยับอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
“แน่นอน พวกเราเป็นคนรักษาสัญญาจะตาย”คิลตอบอย่างรู้งาน แต่ยังไงซะคีตาก็ไม่เชื่อ สายตาทั้งคู่มันฟ้องซะขนาดนั้น
“เฮ้อ” เป็นเคนที่ถอนหายใจออกมาเพราะเหนื่อยหน่ายกับความไม่ลงรอยกันระหว่างน้องชายและน้องสาว หวังว่าถ้าโตขึ้นจะดีกันให้มากกว่านี้นะ
“หนูจะบอกพี่เคนคนเดียว เพราะฉะนั้นพวกพี่สองคนออกไปให้พ้นนะ ไปไกลๆเลยยิ่งดี เชอะ” คีตาทนไม่ไหวจนเผลอตะโกนออกมา เล่นเอาพี่ๆหูชากันไปเป็นแถบ
“โอ่ย ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้” ไคลน์ชักหน้าแหยแกเมื่อน้องสาวเริ่มออกฤทธิ์ อาวุธที่น่ากลัวที่สุดของคีตาก็คือเสียงนี่แหละ มันทั้งแหลมทั้งสูงทั้งดังจนคนฟังหูอื้อได้เลยทีเดียว
“เอาเป็นว่าพวกเราจะไม่หัวเราะคีอย่างแน่นอน” เคน ในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยขึ้นด้วยความเหนื่อยใจ เขาอยากให้พี่น้องสามัคคีกันเข้าไว้เพราะพวกเราก็มีกันแค่สี่คนจริงๆ เนื่องจากพ่อกับแม่พึ่งจะเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่คีตาอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น ในตอนนั้นเขาอายุแค่เจ็ดขวบ ไคลน์สี่ขวบและคิลสามขวบ ซึ่งทั้งหมดยังเด็กมาก ทำให้ทางโบสถ์รับไปเลี้ยงดูด้วยความสงสารที่ต้องกำพร้าตั้งแต่ยังไร้เดียงสา
“หนูอยากเป็นนักดาบที่เก่งกาจที่สุด” ในที่สุดคีตาก็กลั้นใจพูดออกมาจนได้ แต่ทุกคนกลับชะงัก แม้แต่เคนก็ตามที
“น้องเป็นเด็กผู้หญิงนะคี เด็ก-ผู้-หญิง” เคนย้ำแต่ละคำเพื่อบ่งบอกสถานะของน้องสาวแต่กระนั้นคีตาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่ดี
“มีที่ไหนเค้าให้เด็กผู้หญิงไปฝึกดาบ” คิลเอ่ยบ้างอย่างเห็นด้วยกับพี่ชายคนโต
“แต่ฉันว่าเข้าท่านะ” กลับเป็นไคลน์เสียเองที่พูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“ผู้หญิงที่ใช้ดาบเป็น มันเท่จะตาย”
“แต่ว่า…” คิลตั้งท่าจะแย้งแต่เคนกลับพูดแทรกขึ้น
“พี่ไม่เห็นด้วย อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคีตา อย่างอื่นเช่นการเรียนเวทมนตร์ก็มี น้องไม่จำเป็นต้องไปหยิบจับอาวุธอันตรายอย่างนั้น”
“ทำไมคะ ทำไมถึงไม่อยากให้หนูฝึกดาบ” คีตาถามอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“นั่นสิ พี่เคน ผมก็ไม่เห็นว่ามันเสียหายตรงไหนถ้าผู้หญิงจะใช้ดาบเป็น เอาไว้ป้องกันตัวได้ ดีจะตายไป”
ไคลน์ลองใช้เหตุผลโต้กลับไปบ้างหลังจากไร้เหตุผลมานาน คิลที่ตอนแรกไม่เห็นด้วยแบบเคนชักเริ่มลังเลใจ เขามักเป็นพวกคล้อยตามคนอื่นเสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจซะแล้วว่าควรเข้าข้างใครดี
“….” เคนนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบอะไรกลับมา นานๆทีจะเห็นพี่ชายคนโตผู้ซึ่งทั้งใจเย็นและแก้ไขปัญหาได้ทุกสถานการณ์จนตรอกเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้จนตรอก แต่มีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกใครได้
“พี่เกลียดมัน มันที่พรากเอาความสุขของพวกเราไป”
…….
ความคิดเห็น