คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบพาน
เป็นเวลาตอนบ่ายกว่าๆ แสงแดดช่างร้อนระอุจนสาวน้อยที่มาจากแดนไกลต้องยกแขนขึ้นเพื่อ
ปาดเหงื่อในขณะที่กำลังเดินไปตามถนนหนทางที่ไม่คุ้นเคย สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงและผู้คน
ที่มาจับจ่ายซื้อของและบ้านเรือนที่ต่างจากที่ๆเด็กหญิงเคยอยู่นัก
"เฮ้อ อินเดียมันก็ดีอยู่หรอก แต่คงจะดีกว่าถ้ามันไม่ร้อนขนาดนี้"เดินไปบ่นพึมพำไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
เด็กหญิงได้ยินเสียงใครบางคนตวาดลั่นจึงเฝ้ามองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
"ไอ้เด็กจัณฑาลสกปรก ออกไปให้พ้นบริเวณบ้านข้าเลยนะ!"หญิงเจ้าของบ้านรีบนำน้ำนมมาราด
หน้าบ้านตัวเองเพื่อล้างเสนียดตามความเชื่อของศาสนาเก่าแก่ที่ผู้คนแถวนี้นับถือ และคนที่ถูก
หญิงผู้นั้นตวาดใส่เป็นเด็กชายตัวน้อยอายุราวๆหกเจ็ดขวบ ผมสีบลอนด์ทอง เนื้อตัวสกปรก
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นเป็นสีเทาขะมุกขะมอมและเก่าขาด เขาเดินออกมาอย่างช้าๆสองมือยื่นออกมา
เพื่อให้รับรู้ถึงสิ่งกีดขวาง แต่ระหว่างทางมีเส้นเชือกเส้นหนึ่งที่ขึงตึงอยู่ในระดับต่ำซึ่งคนทั่วไปสามารถ
ก้าวข้ามได้สบาย แต่สำหรับเด็กชายตัวน้อยนั้นด้วยความที่ดวงตาทั้งสองมืดบอดสนิทจึงไม่รู้ว่า
มีเชือกขึงอยู่ และสะดุดจนล้มฟาดพื้นอย่างรุนแรง
"ฮ่าๆๆ มันติดกับแล้ว"เด็กร่างใหญ่ที่ดูท่าทางจะเป็นหัวโจกนั้นหัวเราะเสียงดังลั่น จากนั้นจึงเรียก
พรรคพวกซึ่งหยิบท่อนไม้มาด้วยและเริ่มทุบตีเด็กชายผมทองอย่างรุนแรง
"เจ็บ เราเจ็บ"ผู้ถูกทุบตีพึมพำออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ แต่กลุ่มเด็กเกเรนั้นไม่สนใจ กลับทุบตีเขา
อย่างรุนแรงขึ้นจนเด็กชายแน่นิ่ง เลือดสีแดงฉานไหลซึมลงมาตามบาดแผล ในที่สุดเด็กหญิงซึ่งเฝ้า
มองเหตุการณ์มาสักพักก็ทนดูเหตุการณ์ต่อไปเฉยๆไม่ได้ เธอใช้พลังควบคุมสภาพอากาศทำให้เกิด
ฝนตกห่าใหญ่
"อะไรเนี่ย ฝนตกซะแล้ว ทิ้งไอ้โสโครกนี่ไว้ตรงนี้แหละ เจ็บขนาดนี้มันคงลุกไม่ขึ้นหรอก"หัวโจกสั่ง
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทิ้งร่างที่ถูกทุบตีจนสะบักสะบอมไว้เบื้องหลัง
เมื่อเห็นว่าเด็กเกเรจากไปแล้วเด็กหญิงจึงค่อยเบาใจขึ้นบ้างและลดพลังลงให้เหลือเพียงฝนปรอยๆ
เพื่อป้องกันพวกเกเรกลับมา เธอค่อยๆเดินไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ช้าๆ เนื้อตัวของเด็กชายผู้นั้น
มีกลิ่นสาบสางและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เธอไม่มีเวลาสนใจกลิ่นนั่น และต้องรีบช่วยชีวิตคนตรงหน้า
ที่สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดถึงขีดสุด เด็กหญิงใช้ดวงตาสีม่วงกวาดมองบริเวณรอบๆก็พบว่าทุกบ้าน
ปิดประตูหน้าต่างทุกบานมิดชิด ไม่ไกลนักมีโรงนาหลังน้อยสภาพเหมือนถูกทิ้งร้าง เมื่อเธอกวาดตามอง
อีกรอบก็พบว่าไม่มีผู้คนอยู่เลย จึงใช้พลังทำให้เด็กชายลอยสูงขึ้นแล้วไปทางโรงนานั้น จากนั้น
สาวน้อย
ก็เดินตามไป ปิดบานประตูไม้ผุๆหลังจากทั้งสองเข้ามา จากนั้นจัดการรวบรวมเศษฟางที่กระจัดกระจาย
อยู่ทั่วโรงนามาปูซ้อนกันให้หนาแล้วค่อยๆคลายพลังให้เด็กชายนอนลงบนเตียงฟางชั่วคราว
ร่างเล็กค่อยๆสำรวจบาดแผลก่อนที่จะจัดการหยิบสมุนไพรมาบดและตำให้ละเอียดแล้ว
ทาลงบนแผล จากนั้นก็ฉีกผ้าที่มีในกระเป๋าเพื่อนำมาพันให้กับเด็กชาย แล้วก็นั่งเฝ้าเด็กชายอยู่ไม่ห่าง
ด้วยกลัวว่าเด็กเกเรจะตามมาทำร้าย จนกระทั่ง.......
"ฟื้นแล้วเหรอ"เสียงเล็กๆของเด็กหญิงเอ่ยขึ้นเมื่อร่างบนเตียงฟางเริ่มขยับตัว ร่างนั้นลืมตาแล้วลุกขึ้น
นั่งนิ่งๆสักพักเพื่อฟังเสียงรอบตัวก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
"ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตเราใช่หรือไม่" คิ้วของเด็กหญิงเลิกขึ้นไปสูงจนแทบจะหายไปใต้เรือนผมสีม่วง
"ท่าน?"เสียงเล็กเอ่ยด้วยความงุนงง ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยถูกเรียกด้วยคำยกย่องเช่นนี้มาก่อนเลย
"ใช่แล้ว ท่านคงจะมาจากวรรณะพราหมณ์สินะ" คำพูดของเขาทำให้สาวน้อยประหลาดใจขึ้นไปอีก
"ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ"
"เพราะว่ามีกลิ่นหอมอ่อนๆมาจากร่างกายของท่าน ไม่เหมือนกับกลิ่นสาบสางจัณฑาลอย่างเรา
และเส้นผมของท่านที่มาโดนตัวเราขณะทำแผลให้นั้นนุ่มละเอียดราวเส้นไหม"
เด็กหญิงลึกลับคลี่ยิ้มบางๆออกมาด้วยความประทับใจที่มีให้กับคำตอบของคนตรงหน้า
"ไม่ใช่หรอกนะ ฉันไม่ได้มาจากวรรณะไหนทั้งนั้น อันที่จริงไม่ได้เกิดที่ประเทศนี้ด้วยซ้ำไป ดูจาก
ชุดของฉันก็น่าจะรู้แล้วนี่นา นี่กำลังแกล้งลองเชิงอยู่หรือเปล่าเนี่ย"เธอจบประโยคด้วยน้ำเสียงขุ่นลง
เล็กน้อยเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะโดนแกล้ง
"มิใช่หรอก เราตาบอดแต่กำเนิด"ตอบไปตามจริง เพราะถึงแม้จะโกหกไปยังไงก็จะโดนจับได้เพราะ
ท่าทางที่คงไม่เหมือนคนปกติเป็นแน่แท้ เธอนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเขยิบเข้ามาใกล้เด็กชาย
ก่อนที่จะเพ่งมองใบหน้านั้นอย่างพิจารณา ถึงแม้จะดูสกปรกมอมแมมและซูบซีดไปบ้าง แต่ก็ยัง
คงเค้าลางของความหน้าตาดีเอาไว้ได้ และเมื่อดูดีๆแล้วนัยน์ตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นกลับมองเหม่ออย่าง
ไร้จุดหมาย พอลองเอามือโบกไปมาตรงหน้าก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง
'มิน่าล่ะ ถึงได้ดูท่าทางแปลกๆ' เมื่อเห็นดังนี้แล้วเธอก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ถึงเหตุผลที่เด็กชาย
ยื่นมือออกมาข้างหน้าเวลาเดิน แถมเดินสะดุดเชือกที่ขึงไว้ต่ำๆ และยังไม่มองหน้าเธอตอนคุยด้วยอีก
"เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่ดูให้ดีซะก่อน"เด็กหญิงใช้น้ำเสียงแสดงความสำนึกผิด
อย่างจริงใจก่อนที่จะพูดต่อ"จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย เธอชื่ออะไรล่ะ"
"อัศมิตา แล้ว...เจ้า"คำสุดท้ายหลุดออกมาอย่างค่อนข้างแผ่วเบาเพราะเขาลังเลว่าควรจะพูดดีหรือไม่
แต่ก็เผลอหลุดปากไปเสียแล้ว
"แพทริเซีย"เธอตอบกลับมาสั้นๆ เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายว่าอะไรอัศมิตาก็ถอนหายใจโล่งอก
"แล้วทำไมเธอถึงได้โดนพวกนั้นทำร้ายล่ะ"แพทริเซียถามเพราะสงสัยว่าเด็กตาบอดที่ท่าทาง
ไม่มีพิษภัยอย่างเขาไปทำอะไรให้พวกเด็กเกเรไม่พอใจ เด็กชายค่อยๆเอ่ยขึ้นช้าๆ
"เราอยู่ในวรรณะจัณฑาลซึ่งต่ำกว่าวรรณะของคนกลุ่มนั้น และเป็นวรรณะที่ต่ำต้อยที่สุด การโดนทำร้าย
หรือถูกรังเกียจจึงมิใช่เรื่องแปลกเลย"
"นี่ ขอทีเถอะ"เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเอาเสียเลย"ช่วยเลิกทำตัวเป็นเหมือนกองขยะ
ที่ใครจะทำอะไรก็ได้ซะที เธอก็เป็นมนุษย์ เพราะงั้นเธอก็มีค่าเหมือนกับฉันและทุกๆคนบนโลกใบนี้
อ้อ รวมถึงเด็กเกเรพวกนั้นด้วย"
"แต่ว่า...เรามันสกปรก น่ารังเกียจ ต่ำต้อย อีกทั้งหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ไม่น่ามองมิใช่หรือ" แพทริเซีย
ถึงกับกุมขมับกับทัศนคติสุดติดลบที่มีต่อตัวเองของอัศมิตา
"อย่าบ้าไปเชื่อคำพูดคนที่เกลียดเธอสิ ในเมื่อยังไม่เคยเห็นหน้าตาตัวเอง แถมถ้ารู้จักดูแลตัวเอง
เธอจะสะอาดแล้วก็ดูดีได้ไม่แพ้คนอื่นหรอกนะ แค่เธอเกิดมาในไอ้ระบบวรรณะอะไรนั่น ไม่ได้แปลว่า
เธอต้องยอมแพ้ให้มันหรอกนะ ดูอย่างฉันสิ ถ้าฉันยอมรับกฎเกณฑ์งี่เง่านั่นก็คงจะ..คงจะ.."แล้วเด็กหญิง
ก็หยุดพูด ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดในอดีตได้วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเธออีกครั้งทำให้ไม่อยาก
จะเอ่ยถึงมันอีก เด็กน้อยผมสีม่วงส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดออกไปให้พ้นแล้วเบี่ยงประเด็น
"ช่างเถอะ นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว เธอควรกลับบ้านได้แล้ว บ้านของเธออยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปส่ง"
แต่แล้วเด็กชายตาบอดกลับส่ายหน้า
"เราไม่มีบ้านหรอก"
"แล้วครอบครัวเธอล่ะ"
"มารดาของเราเสียชีวิตไปราวปีสองปีก่อน"
"ไม่มีญาติคนอื่นเลยงั้นเหรอ"
"เราได้ยินมาว่าตั้งแต่มารดาของเราไปแต่งงานกับชายต่างชาติต่างศาสนา ญาติๆก็พากันทอดทิ้ง
มารดาของเราไปหมด"อัศมิตาตอบซื่อๆ แต่กลับสะเทือนใจผู้ฟัง อะไรกัน ทอดทิ้งเด็กตาบอดซื่อๆ
ไร้ความผิด แค่เพราะแม่เขาไปแต่งงานกับคนต่างชาติเท่านั้นเอง แพทริเซียนิ่งเงียบใช้ความคิดซักพัก
เพื่อตัดสินใจ กำหนดการเดิมของเธอคือจะเที่ยวไปเรื่อยๆอีกนานกว่าจะกลับไป'ที่นั่น' แต่จะให้
ทิ้งเด็กตาบอดที่ไม่มีคนดูแลแถมเขาอาจถูกทำร้ายจนตายเมื่อไหร่ก็ได้เอาไว้น่ะ เธอทำไม่ลงหรอก
จะทำยังไงดี....
ความคิดเห็น