คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter One ♡ it's all about FAME.
-
“ซีนสิบเอ็ด คัทหนึ่ง เทคหนึ่ง”
สิ้นเสียงของผู้กำกับทุกอย่างก็กลายมาเป็นหน้าที่ของเธอ ซีนนี้เป็นซีนอารมณ์ เธอต้องร้องไห้เพราะพระเอกในเรื่องกำลังจะไปต่างประเทศ ละครเรื่องนี้น้ำเน่าตั้งแต่พล็อตเรื่องยันคำพูด แต่น้ำเน่าๆเนี่ยแหละคนก็เลยชอบ
เจสสิก้าสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ แน่นอนล่ะ...เธอฝึกร้องไห้หน้ากระจกมาเป็นร้อยๆครั้งก่อนจะได้แสดงละครเรื่องแรก การร้องไห้ให้สวยและดูไม่ประดิษฐ์จนเกินไป ร่วมถึงมุมกล้องและการสื่ออารมณ์ทางสายตา เรื่องพวกนั้นเป็นสิ่งที่เจสสิก้าเชี่ยวชาญ
“ทำไม...ทำไม..คุณถึงฉันไว้คนเดียวแบบนี้”
ทีมงานนับสิบที่มองการแสดงของเธอผ่านทางมอนิเตอร์กำลังอยู่ในภาวะพอใจอย่างสูงสุด เจสสิก้า จอง เป็นนักแสดงเบอร์ต้นๆของวงการ ฝีมือการแสดงของเธอเข้าขั้นเทพ เพียงแค่รับเล่นละครเรื่องไหนก็เหมือนจะเป็นเครื่องประกันกลายๆว่าละครเรื่องนั้นจะต้องได้เรตติ้งและเป็นกระแสไปทั่วบ้านทั่วเมือง มันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าต่อให้ค่าตัวของเธอจะแพงกว่านักแสดงเบอร์รองลงมาถึงสามสี่เท่า
“คัท!” คนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดร้องได้เร็วเหมือนกับมีสวิตซ์ปิดเปิด การที่อยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็กๆคงทำให้เธอมีชั่วบินสูงมาก เธอปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะเดินไปทางผู้กำกับและทีมงาน
“อา...ซีนเมื่อกี้ออกมาเป็นยังไงบ้างคะ ใช้ได้หรือเปล่า”
“สุดยอดไปเลยสิก้า พี่ว่าตอนที่ฉากนี้ฉายนะจะต้องเป็นกระแสแน่ๆ” ผู้กำกับคิมผู้กล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตบบ่าเธอเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับก่อนนะคะ ขอบคุณที่ทำงานหนักค่ะ” เจสสิก้าพูดก่อนจะโค้งเก้าสิบองศาให้ทุกคนในกองถ่าย ไม่เว้นแม้แต่ช่างไฟหรือแม่บ้าน
คนตัวเล็กคว้ากระเป๋าใบหรูของตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังลานจอดรถ มือก็ขวานหารีโมทรถยนต์ของตัวเองแล้วกดปลดล็อครถ เธอเข้ามานั่งในรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสามกว่า แต่นั่นไม่สามารถทำให้เธอสนใจได้มากกว่า 13 missed calls จากเบอร์ที่คุ้นเคย เธอกดโทรกลับไป เพียงไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นชวนหลงไหลของเขา
“ฉันเสร็จงานแล้ว ...อื้ม เดี๋ยวไปหาที่คอนโดนะ”
-
“มากันครบแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
ณ เวลานี้บรรยากาศในห้องประชุมของตึก SM Entertainment เต็มไปด้วยความเครียดและความเงียบ หลังจากที่โบอา นักร้องหญิงที่เป็นตัวสร้างรายได้ให้ค่ายอย่างล้นลามพึ่งจะออกมาแถลงข่าวฟ้องร้องค่ายด้วยเหตุผลความไม่เป็นธรรมในสัญญา กระแสส่วนใหญ่เห็นใจเธอกันมาก ก็เธออยู่ในค่ายมาเป็นสิบๆปี หากว่าจะมีเรื่องให้ต้องทำแบบนี้ก็คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู
ปกติแล้วเอสเอ็มก็เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ในการดูแลศิลปินที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ชอบมีข่าวลือออกมาบ่อยๆว่าพวกเขาเห็นไอดอลเป็นเพียงสินค้าเท่านั้น ถึงจะมีส่วนจริงบ้าง แต่มันก็ไม่ทั้งหมดหรอก...ปีสองปีที่ผ่านมาเอสเอ็มให้อิสระให้กับไอดอลมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นค่ายที่ฉลาดทางด้านการตลาด จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ใครได้เป็นไอดอลในค่ายนี้แล้วไม่มีทางจะเหนื่อยฟรี
แต่ในขนาดนี้ทั้งภาพลักษณ์และหุ้นของค่ายกำลังตกชนิดที่ว่าดิ่งลงเหวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รอจนทุกคนพร้อมแล้วคิมยองมิน ซีอีโอของค่ายก็เริ่มพูด “ ผมจะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ทุกคนคงรู้นะว่าโบอาออกมาฟ้องร้องค่าย ยังไงพวกเราก็ต้องดำเนินการทางกฏหมายต่อไปแน่ๆ แต่ว่าภาพลักษณ์ของค่ายเรามันกำลังแย่มาก หลังจากข่าวเดทของชางมินเมื่อต้นปี ค่ายเราก็ไม่มีอะไรน่าปลื้มสักอย่าง รายได้ก็เริ่มน้อยลง ทั้งที่ค่ายใช้จ่ายมีแต่จะมากขึ้นๆ...”
“....”
“คิมจงอิน โอเซฮุน พร้อมจะเดบิวต์หรือยัง” ทั้งสองเงยหน้ามองซีอีโอของบริษัทพร้อมด้วยอาการตกใจ ทั้งคู่เป็นเด็กฝึกของค่ายมาได้ห้าปีกว่าแล้ว ณ ตอนนี้อายุก็ครบสิบแปดปีพอดี พวกเขาถูกบ่มมาจนดีมากพอแล้วล่ะ
“พ..พร้อมครับ” ทั้งเซฮุนและจงอินตอบแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันคิดว่าฉันเองก็มองคนไม่ผิด เอาล่ะ...ผมขอนัดประชุดล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ วันจันทร์หน้าตอนแปดตรง ขอให้มาเจอกันที่นี่เพื่อตกลงคอนเซ็ปต์อีกที สองคนนี้จะเดบิวต์ในฐานะคู่ดูโอ้ นายสองคนออกไปได้แล้ว ส่วนที่เหลือผมขอคุยเรื่องโบอาต่อ”
จงอินและเซฮุนโค้งให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในห้องประชุมก่อนจะเดินออกมา ความรู้สึกดีใจจนเหมือนพูดไม่ออก ไม่สามารถแม้แต่จะอธิบายได้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกแบบนี้ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็กอดกันกลม นี่คงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตของเด็กอายุสิบแปดปีก็ได้
“เหลือเชื่อเลยว่ะไอฮุน กูคิดว่าจะไม่ได้เดแล้วซะอีก”
“นั่นดิ เป็นไปได้ไงว่ะ”
เป็นเพราะว่าเป็นฝึกด้วยกันมานานเลยทำให้สถานะของสองคนนี้เลื่อนเข้ามาใกล้กันจนกลายเป็นเพื่อน(โคตร)สนิท ไม่ว่าจะสกิลการเต้นที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น แต่นิสัยของทั้งคู่ยังคล้ายกันจนเกือบจะเหมือน ติดเพียงแต่ว่าเซฮุนจะถือตัวกว่าหน่อย
จริงๆการถูกเรียกให้เข้าร่วมประชุมด้วยก็สร้างความแปลกใจให้กับเซฮุนอยู่ไม่น้อย แต่เขาคิดว่าคงจะเป็นเรื่องอื่น เช่นปลดเขาออกจากการเป็นเด็กฝึกหรืออะไรที่ไม่ค่อยจะสร้างสรรค์ซักเท่าไหร่ ...บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าหายนะของคนอื่นก็สามารถนำพาโอกาสมาให้ตัวเองได้เหมือนกัน
-
ภายในล็อบบี้ของคอนโดเงียบกริบ หากไม่ติดว่ามีเสียงรองเท้าของผู้คนและเสียงโทรศัพท์เข้าที่ประชาสัมพันธ์แล้ว ที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่เลย
หลังจากผ่านการถ่ายทำมาครึ่งวัน เจสสิก้าเลือกจะขับรถมาที่คอนโดสุดหรูแห่งนี้ ที่นี่ติดท็อปไฟว์คอนโดที่มีราคาแพงที่สุดของเกาหลี ไม่เพียงแค่เพราะการตกแต่งสไตล์ยุโรปเท่านั้น แต่มันยังอยู่ติดแม่น้ำฮัน ซึ่งบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกอีกด้วย
และแม้ว่าเจสสิก้าจะไม่ได้เป็นเจ้าของห้องใดๆในคอนโดนี้เธอก็สามารถเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย เพราะเจ้าของห้องเพนส์เฮ้าส์ชั้นสูงสุดของที่นี่ใส่ชื่อเธอเป็นแขกวีไอพี คิดดูซิ...เจ้าของห้องที่รวยและรสนิยมดีขนาดนี้จะเป็นคนแบบไหนกันนะ?
‘5001’
ร่างบอบบางในเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำกำลังยืนรอเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้หลังจากกดออดไปแล้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆประตูก็เปิดออกพร้อมกับมือของใครคนหนึ่งที่ดึงเธอเข้าไปข้างในแล้วใช้มืออีกข้างปิดประตู
คนตัวสูงประกบริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว มือไม้อยู่ไม่สุขจนต้องลูบไล้ไปทั่วร่างของเธอก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อกล้ามตัวบาง สัมผัสของเขาร้อนแรงและเร่งรีบไม่อ่อนโยนเช่นทุกครั้ง
ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนกันย่ะ?!
“พ..พอก่อน” เจสสิก้าถอนริมฝีปากออกจากคนใจร้อน พร้อมกับจับมือของเขาออกห่างจากร่างกายเธอ “ขอฉันอาบน้ำก่อนไม่ได้เหรอ”
“สิก้า ตั้งแต่เธอถ่ายละครเราก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยนะ ฉันจะคลั่งตายอยู่แล้วเนี่ย!”
ตลกชะมัด...ผู้ชายตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบแต่ดันมาทำท่าโมโหเหมือนเด็กๆ มือเล็กทั้งสองเอื้อมไปลูบใบหน้าเขาเบาๆก่อนจะเขย่งไปกระซิบข้างหู “ถ้างั้น....เราไปอาบน้ำด้วยกันมั๊ยคะ”
-
เจสสิก้านอนชำระร่างกายอยู่ในอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่พอที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายๆ ทั้งสองคนเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ข้างๆคือเธอคือคริสหรืออู๋อี้ฝาน ลูกชายประธานบริษัท Wu Entertainment ต้นสังกัดของเธอ เจสสิก้าและคริสเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว จนตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อายุยี่สิบสามปีถ้วน
มันคงจะกระดากปากถ้าจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าเกิดจากความรักทั้ง 100% เพราะเธอเองก็หวังจากเขามากกว่าความรัก คริสเองก็รู้ดี แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่ ในเมื่อตอนนี้เจสสิก้าก็รักเขาแล้ว จริงๆแล้วคริสเองก็หวังความสุขจากตัวเธอเหมือนกัน
ผลประโยชน์มันมีอยู่ทุกที่นั่นล่ะ...แต่ถ้าไม่ใช่คริส เธอเองก็คงไม่ยอมทำกับใครแบบนี้เพื่อแลกกับชื่อเสียงหรอก ในขณะที่เขาก็ยอมถอดร่างเพลย์บอยตัวพ่อออก มีได้ก็ต้องมีเสียกันทั้งนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอและเขาก็ยังรัก แม้ว่ามันจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็ตาม แต่เธอเองก็ไม่คิดว่าแปลก มีความรักไหนที่บริสุทธิ์ขนาดนั้นในโลกตอนนี้ด้วยเหรอ?
กฎข้อเดียวในการอยู่ด้วยกันคือ...ต้องซื่อสัตย์ ไม่นอกใจ
“คริส..”
“หืม?”
“รักนะ” คริสมองหน้าเจสสิก้าอย่างประหลาดใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นแฟนกันมานาน แต่ว่าเจสสิก้าบอกรักเขาแทบจะนับครั้งได้เลย เขาเดาว่าต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นแน่ๆ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ก็แค่อยากบอก”
เจสสิก้าไม่ได้โกหกก็แค่ไม่ได้พูดเรื่องทั้งหมด จริงๆแล้วมันมีคนเข้ามาจีบเธอบ่อยๆ แม้ว่าบางครั้งก็จะถูกใจอยากเล่นด้วย แต่เธอมีแฟนแล้ว เธอก็ต้องรักเดียวใจเดียว และที่บอกรักก็เพื่อจะทำให้ตัวเองเชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่ทั้งรักและก็ยอมเธอขนาดนี้
“ฉันก็รักเธอ” มือใหญ่เอื้อมไปขยี้หัวคนตัวเล็กข้างๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ลุกกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
ความคิดเห็น