คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ห้อง333 และเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต่างมีนักเรียนมากมายจับกลุ่มกันคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอม ร่วมทั้งเพื่อนของฉันที่นั่งเม้าท์แตกกันที่โต๊ะหินอ่อน ฉันรีบเดินไปหาเพื่อนๆของฉันทันที
“หวัดดีพวกเรา”ฉันเอ่ยทักเพื่อนๆของเธอ
“ดีจ๊ะ แม้ยิ้มน่าระรื่นมาเลย มีอะไรยะยัยฟาง หรือว่าหาแฟนได้แล้วยะ”ต่ายพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ไม่ใช่สักนิด นิจำได้ไหมที่เราไปเที่ยวทะเลกันอะ แล้วที่เราไปถ่ายรูปกัน ฉันลองเอาไปให้ที่ร้านเขาอัดมาเรียบร้อยแล้วละ มีรูปสวยๆเพียบเลยละ นี้ไง”ฉันว่าแล้วยิ้มพลางส่งอัลบั้มรูปส่งให้เพื่อนดู มีทั้งหมดสามอัลบั้ม
“รูปนี้ฉันสวยเนอะยัยฟาง”ปลาบอกแล้วส่งยิ้มหวานให้ฉัน
“โธ่ ฉันสวยกว่ายะ”ต่ายว่าก็ทำสีหน้าหยิ่งๆ
“ไหนๆ โธ่ดูรูปนี้สิ ฉันสวยยังกับนางฟ้าเลย”ยัยฟ้าชมตัวเองบางแล้วก็ยิ้มอย่างสดใส
“โธ่ เว่อนะพวกแก”ฉันว่าแล้วก็ดูรูปต่อไป
“เออ... แล้วรูปที่ถ่ายกับไอน่าหล่อคนนั้นอะ ใช้กล้องใครถ่ายนะ” ปลาถามขึ้นพร้อมกับฝันถึงไอ้หน้าหล่อที่พวกเขาเจอตอนไปเที่ยว
“เออ... ลองโทรไปถามไอต้นดูดิ มันเป็นคนถ่ายให้ มันน่าจะรู้นะ ไม่รู้ว่ากล้องไอ้สนหรือว่าไอชาติกันแน่”ต่าย ออกความเห็น
“อือ ก็ดีเหมือนกัน แต่จะโทรไปทำไมละก็มันน่าจะอยู่ที่ห้องเรียนแล้วนิ”ฟ้าบอกแล้วมองหน้าเพื่อนๆ
“งั้นรีบไปกันเหอะ ฉันอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”ปลาบอก แล้วทุกคนก็รีบเก็บของจากโต๊ะม้าหินอ่อน แล้วก็วิ่งไปที่ห้องเรียน
“พวกเราไม่ได้เรียนห้อง233หรอ”ฉันพูด “แล้วเราวิ่งไปตึกสามทำไม เราเรียนตึกสองไม่ใช่หรอ???”
“โธ่ยัยฟาง ไหนแกบอกว่ารู้เรื่องในโรงเรียนนี้ดี แค่ม.4เรียนห้องไหนตึกไหนแกยังไม่รู้เลย”ปลาว่า
“แล้วเราเรียนตึกไหนละ ห้องไหนด้วย”ฉันถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“พวกเราเรียนห้อง333นะ ตึก3ชั้น3ห้อง3 เข้าใจไหม”ต่ายบอก
“ว่าไงนะ 333เออ มันใช้งานได้แล้วหรอ”ฉันถามทั้งๆที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดอยู่
“ใช้งานได้แล้ว เมื่อก่อนมันใช้ไม่ได้หรอ”ฟ้าถามเพราะไม่เข้าใจใน
“เออ พวกแกคงไม่รู้สินะ นี้เป็นข่าวดังในโรงเรียนข่าวหนึ่งเลยละ”ฉันบอกแล้วทุกคนก็หยุดวิ่งทั้งๆที่เราวิ่งมาถึงหน้าห้อง331แล้ว
“คือว่างี้นะ เมื่อปีที่แล้วห้องเรียนห้องนี้มันยังปิดตายอยู่เลยนิ”ฉันรีบบอก
“หือ... หรอ ทำไมพวกเราไม่รู้เลยละ”ปลาบอกอย่างงงๆ
“ก็ปีที่แล้วชั้นสามเป็นห้องพักครูทั้งหมดเลยละ แต่ห้อง333มันกลับถูกปิดตาย พวกแกคงจะไม่รู้เพราะเพิ่งย้ายมา แต่บ้านฉันอยู่แถวนี้ แล้วพี่ฉันก็เคยเรียนที่นี้ ฉันก็เลยรู้มาอะนะ เขาเล่ามากันว่าที่ตึกนี้มักจะมีเรื่องแปลกๆ เวลาอ.อยู่เย็นหรือตอนเช้า ก็มักจะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ บางทีก็เห็นเด็กวิ่งเล่นเสียงเด็กหัวเราะแต่พอตั้งใจฟังตั้งใจดูดีๆกลับไม่มีอะไรเลย”ฉันเล่าต่อ
“เออ แล้วทำไมปีนี้มันถึงเปิดใช้กลายเป็นห้องเรียนละ”ปลาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันคิดว่าบางทีเขาคงทำบุญปัดรังควาญแล้วมั้ง ถึงได้เปิดให้เรียนได้นะ”ต่ายพูดแล้วยิ้มอย่างไม่ค่อยแน่ใจในความคิดตัวเอง
“คงงั้นมั่ง แต่ฉันว่าถึงยังไงผีที่นี้ก็ต้องเฮี้ยนเหมือนเดิมแน่ๆ เชื่อฉันดิ เขาทำพิธีแบบนี้มาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล แล้วฉันว่าครั้งนี้มันก็ต้องไม่ได้ผลเหมือนเดิมแน่ๆ ผีที่เนี่ยแรงอาฆาตพยาบาทเยอะจะตาย ไม่มีวันไปผุดไปเกิดได้หรอก” ฉันเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้คิด
ปัง!!!
ว้าย!!
ปัง!!!
ช่วยด้วย!!!
ปัง!!!
โวย!!
ปัง!!!
เกิดอะไรขึ้นหรอ!!!
ปัง!!!
โอย โอย !!! “แขนฉัน แขนฉัน ช่วยด้วย โอย!!!”นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่กำลังจะออกจากประตูพอดี กลับโดนประตูหนีบแขนของเธอจนเละ
ปัง!!!
ว้าย!!
“แขนฉัน แขนฉัน แขนของฉัน ใครก็ได้ช่วยที ช่วยด้วย โอย!!! ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้ โอย!!”นักเรียนหญิงที่โดนประตูหนีบโอดครวญ อย่างน่าเวทนา
เสียงกรี๊ดกร๊าดของนักเรียนหญิง และเสียงตกใจของนักเรียนชาย ผสมกันดังไปทั่วทั้งโรงเรียน
อ.รีบวิ่งขึ้นมาดู “ว้าย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ใครทำเนี่ย”อ.รีบวิ่งเข้ามาดูเด็กนักเรียนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บ
พวกเราทั้งสี่คน ฉัน ปลา ต่าย ฟ้า กำลังยืนอึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น
ประตูเริ่มปิดตั้งแต่บานแรกของห้อง331มันเป็นบานที่พวกเรายินอยู่พอดีแล้วก็ไปบานที่2 และปิดต่อไปเรื่อยผ่านห้อง332 และยังปิดต่อไปจนถึงบานสุดท้ายของห้อง333และมันก็หยุดอยู่แค่นั้น ตอนที่มันปิดมันทำให้ฉันตกใจมากขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดออกไป ฉันก็รู้สึกได้แล้วว่าที่ฉันพูดออกไปมันเป็นจริง พวกมันยังอยู่ ไม่มีใครเคยไล่มันไปได้
อ.รีบพานักเรียนที่บาดเจ็บไปโรงพยาบาล และในบรรดานักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนก็มารวมกันที่อาคารสาม บางคนก็ขึ้นมาชั้นสามไม่ได้ เพราะอ.ห้ามไม่ให้ขึ้นเนื่องจากแค่เด็กที่อยู่ชั้น5กับชั้น4วิ่งลงมาดูกับเด็กที่อยู่ชั้น3อยู่แล้วมันก็เยอะมากพอแล้วละ
“เกิดอะไรขึ้นนะพวกเธอรู้ไหม”อ.สุเทพถามพวกเรา คงเพราะเราเป็นเด็กกลุ่มเดียวที่ยืนอึ้งและดูเหมือนจะอยู่ใกล้ประตูมาที่สุดด้วย
“พวกเราไม่ทราบค่ะ”ฉันรีบตอบอ.ทันที แม้เพื่อนจะหันมามองหน้าฉันอย่างแปลกใจ
“อือ ไม่ทราบก็แล้วไป แต่ถ้ามีอะไรที่พวกเธอรู้แต่ไม่บอกฉันละก็ หึ หึ หึ...”อ.สุเทพยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วก็เดินจากไป
“ฉันว่าแล้วไงละอ.ดา บอกแล้วว่าอย่าเปิดห้อง333ใช้ พอเปิดใช้แล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ”อ.กมลว่าอย่างกระซิบกระซาบพร้อมกับสายตาวอกแวกไปมา
“ฉันก็คิดเหมือนกันคะ อ.กมล ฉันว่าเราน่าจะทำเรื่องปิดห้องนั้นไว้เหมือนเดิม แล้วก็ปิดชั้นสามนี้เลยดีกว่า”อ.นิดาบอกแล้วมองไปที่ห้อง333
“ได้ยินที่อ.พูดไหม”ฟ้าพูดแล้วกวักมือให้มาร่วมหัวกันเป็นเหมือนการประชุมย่อยๆ
“อือใช่ ฉันก็ได้ยิน แล้วพวกแกเชื่อฉันรึยังละ”ฉันว่า แล้วมองอย่างเจ้าเล่ห์
“เออๆ เชื่อแล้วๆ”ปลาบอกแล้วพยักหน้ากันงึกงัก
“แล้วเราควรทำไงอะ”ต่ายถามแล้วทุกคนก็หันไปจ้องหน้าฉัน
“หืม... ฉันหรอ ไม่รู้สิ เราก็คงต้องหาทางพิสูจน์ละมั้ง”ฉันบอก แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“พิสูจน์ พิสูจน์ไปทำไมอะ ฉันไม่เห็นอยากจะเข้าไปยุ่งสักนิด”ปลาบอกอย่างงงๆ
“โธ่ ก็พิสูจน์ให้เขาเห็นนะสิว่ามันน่ากลัวจริงๆจะได้ปิดตึกนี้ไปเลยไง”ฟ้าพูดตามความคิดของเธอ
“ช่ายๆ ฉันก็คิดว่ายังงั้นแหละ”ฉันรีบพยักหน้าทั้งๆที่ ที่จริงแล้วฉันแค่คิดอยากเล่นอะไรสนุกๆ อย่างจะลองดีก็เท่านั้นเอง
“แล้วเราควรจะทำยังไงดีละ”ฟ้าหันมาถามฉัน
“ตอนนี้ฉันว่าเราเอากระเป๋าไปเก็บในห้องก่อนเถอะ”เพราะฉันรู้สึกหนักๆกับการแบกกระเป๋าอยู่แบบนี้อะนะ
“แต่ว่าฉันไม่อยากเข้าห้องนั่นนิ ดูดิมีเลือดหยดอยู่ด้วย”ปลาหันไปมองอย่างกลัวๆกลับประตูที่ตอนแรกถูกปิดอย่างแรกและด้วยแรงกระแทกมันก็เด้งกลับออกมาเปิดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่หยดเลือดและเศษขนเศษเนื้อชิ้นเล็กๆที่ติดอยู่ทำให้เธอไม่อยากเดินผ่าน
“มันก็จริงของไอปลามันนะ”ต่ายว่าแล้วก็มองไปที่ประตู
“งั้นเราเขาประตูหน้าก็ได้”ฉันเสนอความเห็นแล้วก็เดินไปทางห้อง333
“พวกเธอจะไปไหนกันนะ”อ.วินัยถามขณะที่เรากำลังจะเดินผ่านห้อง233
“พวกเราจะเข้าห้องของเราอะค่ะ”ฉันบอกแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้อ.ด้วย
“อ.ว่าพวกเธออย่าเพิ่งเข้าห้องของพวกเธอเลย เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพักครูก็แล้วกัน”อ.พูดออกมา มันทำให้พวกเรางง อ.รู้ได้ยังไงว่าเรากำลังจะไปเก็บกระเป๋า แม้ฉันจะนึกสงสัยแต่ก็คิดในแง่ดีว่า อ.คงจะได้ยินที่พวกเราพูดกัน แล้วอ.ก็เดินนำหน้าเราไปที่ห้องพักครู อ.ให้เราเอากระเป๋าวางบนโต๊ะของอ.ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฉันถึงรู้สึกแปลกๆกับอ.คนนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะอ.หล่อหรือว่าดูสุภาพแต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ความรู้สึกฉันบอกว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับอ.คนนี้ แต่ฉันกลับรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆและรู้สึกหวั่นกับสายตาเฉียบคมภายใต้แว่นคู่นั่น
อ๊อดดดดด
แล้วเสียงออดก็ดังขึ้นพวกเราจึงขอตัวออกจากห้องพักครูลงไปเข้าแถวข้างล่าง ระหว่างเดินลงบันได พวกเราก็ได้พบกับหยดเลือดที่ยังเปียกๆอยู่ ไม่มีแม้แต่รอยถูกเหยียบคงเป็นเพราะทุกคนกลัวที่จะเหยียบมัน พวกเราก็เช่นกันพยายามไม่เข้าใกล้หยดเลือดพวกนั้นเลย ขณะที่เดินไปเข้าแถวพวกเราก็ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องที่อ.รู้ว่าเราจะเข้าห้องเรียนไปทำอะไร แต่พอฉันคิดว่าจะถามเพื่อนๆดูก็ไม่ทันซะแล้วเพราะได้เดินมาถึงแถวแล้ว
หลังจากเข้าแถวเสร็จ เด็กห้องอื่นๆก็เดินขึ้นห้องเรียนกัน แต่ห้องของพวกเรากลับยังยืนกันที่สนามเหมือนกับว่าอ.วินัยที่ปรึกษาของเรากำลังจะประชุมอะไรอย่างงั้นแหละ
“อ.เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีเช้าคงทำให้นักเรียนหลายๆคนขวัญเสีย แก้วกาญจน์ที่ประสบอุบัติเหตุตอนนี้รู้สึกว่าแขนข้างซ้ายของเธอเละจนต้องตัดทิ้ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เราก็ยังคงต้องใช้ห้องเรียน333ต่อไป พวกเธอคงไม่มีปัญหากันใช่ไหม”อ.วินัยเดินจ้องหน้าพวกเราทั้งห้องไปมาขณะที่พูดและมาหยุดตรงหน้าฉัน
“อ.ไม่อยากให้เธอหาเรื่องใส่ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำก็ตาม ในห้องที่พวกเธอต้องเรียนมันมีอะไรมากกว่าที่พวกเธอคิด ถ้าไม่อยากให้ห้องเรียนต้องเลอะเลือดไปมากกว่านี้อย่าหาเรื่องใส่ตัว คราวนี้เป็นแก้วกาญจน์ แต่คราวหน้าอาจจะเป็นเธอก็ได้”อ.จ้องหน้าฉันยิ่งกว่าเดิมจนทำให้ขนของฉันลุกซู่
“เมื่อขึ้นไปถึงที่ห้องเราจะทำความสะอาดกัน”อ.ว่าแล้วก็สั่งขวาหันและพาพวกเราขึ้นห้องเรียน
เมื่อไปถึงก็พบกับแมลงวันที่กำลังรุมตอมเลือดที่เกาะติดอยู่ที่ประตูและกำแพง ตลอดทางเดินมีรอยหยดเลือด มันไม่ได้ต่างกับตอนที่พวกเราเดินลงไปสักเท่าไร บางหยดมีรอยโดนเหยียบไปบางคงเป็นเพราะการเดินเบียดกันตอนขึ้นบันได แต่หยดเลือดพวกนั้นตอนนี้กลับแห้งแล้ว อ.พาเราเดินเข้าประตูบ้านแรกของห้องเรียน
“พวกเธอนะ ไปเอากระเป๋าที่ห้องอ.ไป”อ.หันมามองหน้าพวกเรา
แล้วฉัน ต่าย ฟ้า และปลาก็เดินไปเอากระเป๋าที่ห้องพักครู
“ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่นะ”ฉันบอกขณะที่หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“อะไรที่แกว่ามันหมายถึงอะไร”ปลาคงจะไม่เข้าใจที่ฉันพูด และก็ดูเหมือนคนอื่นๆก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
“ก็ฉันรู้สึกว่าอ.วินัยไม่น่าไว้ใจนะสิ ไม่รู้สิมันรู้สึกแปลกๆเวลาเข้าใกล้อะ”ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร
“เพราะความหล่อของอ.อะดิทั้งผิวขาวๆตาโตๆจมูกก็โด่งแม้จะใส่แว่นแต่ก็ยังดูหล่อ”ต่ายทำเสียงแซวฉัน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยสักนิด
“มันไม่ใช่อย่างนั้นยะ ฉันไม่อยากคุยกับแกแล้ว พูดไปพวกแกก็ไม่เข้าใจหรอก”ฉันว่าแล้วก็รีบเดินไปที่ห้องเรียน พวกเพื่อนๆฉันก็เดินตามฉันมา แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่ามีคนเดินตามฉันมาเป็นกองทัพเลยยังงั้นแหละ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะหันไปมอง
“ไปไรไปยัยฟาง ล้อเล่นแค่เนี่ยทำเป็นงอน”ต่ายรีบวิ่งมาข้างๆฉันและทำเป็นจะมาง้อ ฉันเหลือบไปมองหน้าของต่ายแต่กลับเห็นหน้าเธอเป็นผู้หญิงหน้าตาเละๆ ตาที่ทะลักออกมา น้ำหนองที่ผสมกับเลือดและไหลเยิ้ม จมูกที่แหว่งจนเห็นกระดูกอ่อนข้างใน พร้อมกับกะโหลกที่บุบเข้าไปด้านในจนเห็นสมองสีชมพูเต้นตุ๊บ ตุ๊บ แค่เห็นแค่สภาพหน้าฉันก็ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจแล้วก็กระโดดตัวลอยไปชนกับอ.วินัยที่กำลังเดินออกมาจากห้องพอดี ฉันจึงชนเข้ากับอ.เข้าอย่างจัง อ.ล้มไปอยู่ที่พื้นส่วนฉันก็นอนหงายทับอ.อีกที
“มีอะไรงั้นหรอ”อ.ถามเสียงลมหายใจของอ.และเสียงพูดมันอยู่ใกล้กับหูฉันแต่ตอนนั้นฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลยฉันกลับตาโตจ้องมองไปที่ภาพของศพหรือว่าผีที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นหน้าต่ายเหมือนเดิมแล้ว เมื่อฉันรู้สึกตัวอีกทีอ.วินัยก็ประคองฉันอยู่ในอ้อมกอด เพื่อนต่างเข้ามารุมล้อมและถามว่าฉันเป็นอะไร
อ.วินัยสั่งให้ต่าย ฟ้า และปลาเอากระเป๋าของฉันและของพวกเขาเข้าไปเก็บในห้อง แล้วก็ให้ช่วยเพื่อนๆในห้องทำความสะอาด ส่วนฉันอ.บอกจะดูแลเอง ตอนนั่นฉันยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อกี้ฉันเห็นผีจริงๆหรือว่าฉันคิดไปเอง ไม่รู้ว่าฉันเดินมาถึงห้องพักครูแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ได้อย่างไร แต่อ.วินัยกำลังจ้องหน้าฉันอยู่
“เธอเป็นอะไรรึวิภา เธอเห็นอะไร”อ.วินัยถามและยังจ้องหน้าฉันอยู่ ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดออกไปหรือไม่ และฉันคิดว่าฉันไม่ควรจะพูด ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าฉันเป็นคนบ้าประสาทหลอน หรือว่าสติไม่ดี
“ไม่ค่ะ ไม่มี หนูไม่ได้เห็นอะไรเลยคะ ไม่เห็นเลยจริงๆ”ฉันปฏิเสธเสียงแข็งและส่ายหน้าไปมา
“ไม่มี งั้นก็ดี เธอมั่นใจนะว่าไม่มีอะไรจะบอกอ.”อ.ถามซ้ำอีกครั้ง อ.ไม่เชื่อจริงๆ เพราะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าแค่ถามไปตามหน้าที่เท่านั้น แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกให้ใครรู้ ต้องรอให้ฉันมั่นใจก่อนสิว่ามันเป็นผี ฉันถึงจะบอก
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรจะบอกค่ะ”ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
“แล้วเรื่องที่เธอกรี๊ดละ”อ.ถามฉันและจ้องมองฉันยังกับจะกลืนฉันเข้าไปซะอย่างนั่นแหละ
“คือว่าหนูแค่อยากแกล้งเพื่อนเล่นอะค่ะ อยากให้พวกมันตกใจนะค่ะ”ฉันคิดเหตุผลหรือข้ออ้างอื่นๆไม่ออก เพราะสมองตอนนี้มันไม่แล่นเลยสักนิด
“ถ้างั้นครูจะลองเชื่อเธอสักครั้ง แต่ครั้งหน้าอย่าเล่นอย่างนี้อีก งั้นเธอก็ไปช่วยเพื่อนทำความสะอาดห้องเถอะ”
อ.ไม่มองฉันแล้วแต่อ.กำลังมองออกไปนอกห้องพักครูเหมือนจ้องอะไรบางอย่าง ฉันเองก็อย่างรู้เหมือนกันว่าอ.กำลังมองอะไร ถ้าฉันบอกว่าฉันเห็นอะไร อ.เองก็อาจจะเห็นเหมือนกับฉัน และตอนนี้บาทีอ.อาจจะกำลังเห็นเธอคนที่ฉันเห็นก็ได้ เธออาจจะกำลังยืนอยู่ข้างหลังฉันก็ได้ “เออ... อ.ค่ะ คือว่า/อ้ายยยยยยยยยยยยย!!!”ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามก็มีเสียงกรีดร้องของใครบางคนดังออกมาจากห้อง 333
“เกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย”อ.วินัยตะโกนเสียงดัง ในความรู้สึกของฉันอ.ตะโกนเสียงดังยินกว่าเสียงกรี๊ดซะอีก
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามายุ่งกับเด็กนักเรียนของฉัน”อ.ตวาดใส่ฉัน ฉันนี้งงเป็นไก่ตาแตก อ.ตวาดใส่ใคร ตวาดใส่ฉันอย่างนั้นหรอ นี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กนักเรียนห้องอื่นก็วิ่งผ่านห้องพักครูไปที่ห้อง333พร้อมกับอ.ที่ปรึกษาของพวกเธอ แต่กลับไม่มีใครหันมาสนใจ ฉันกับอ.วินัยในห้องพักครูเลย เหมือนทุกคนมองไม่เห็นอย่างนั้นแหละ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ สิ่งที่อ.คุยด้วยต่างหากที่สำคัญที่สุด
“มาอยู่ข้างๆอ.มาวิภา” อ.เรียกชื่อฉันทั้งๆที่อ.ยังจ้องมองใครบางคนที่อยู่ข้างหลังฉันโดยที่ไม่ได้มองมาที่ฉันเลยฉันรีบไปยืนหลบอยู่หลังอ. และพยายามจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกับที่อ.มอง แต่ก็เห็นแต่ความว่าเปล่า
“ฉันไม่รู้นะว่าเธอต้องการอะไร แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำร้ายลูกศิษย์ของฉันเป็นอันขาด”อ.ประกาศเสียงกร้าว
ฉันเองยังคงยืนบื้อโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าอ.กำลังคุยกับใคร
“แกไม่มีวันทำอะไรฉันได้หรอก ไม่มีวัน ฮะ ฮา ฮา ฮ่า”ฉันไม่รู้ว่าใครพูด แต่เสียงนั่นมันเป็นเสียงผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน มันน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงของแม่ฉันเวลาตวาดหลายเท่า และมันทำให้ฉันหนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
“แต่ฉันจะไม่มีวันให้มันเป็นอย่างที่แกฝันไว้เด็ดขาด”อ.ตวาดกลับเสียงดังแล้วทันใดนั้นก็มีลมพัดแรงวูบใหญ่ทำให้ข้าวของบนโต๊ะกระจาย และมันก็พัดไปยังห้อง333
“รีบไปที่ห้องกันเถอะ”อ.วินัยพูดแล้วก็รีบวิ่งไปที่ห้อง ฉันเองก็วิ่งตามอ.ไป เพราะฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าในห้องมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อเราวิ่งไปถึงหน้าห้องก็เห็นนักเรียนและอ.หลายๆคนยืนกันอยู่หน้าห้องแต่ไม่มีใครเดินเข้าไปในห้องเลย
“ว้าย!!!”ฉันตกใจกับสิ่งที่เห็นในห้อง เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังลอยอยู่บนอากาศ เพื่อนๆในห้องและนอกห้องยังคงตะลึงและไร้ซึ่งเสียงใดๆนอกจากเสียงพัดลมที่กำลังหมุนอย่างแรง ร่างของเพื่อนร่วมชั้นของฉันกำลังลอยเข้าไปใกล้ๆรัศมีของพัดลม อีกไม่ถึง1เมตร
“อ.ค่ะ เขาจะโดนพัดลมตัดหัวขาดจะค่ะ”ฉันรีบบอกกับอ.คามที่ฉันคิด
รอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นมันช่างน่ากลัว แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะนั่นฉันก็รู้ทันทีว่าผีหรือวิญญาณที่อยู่ในร่างเพื่อนฉันคนนี้คือคนเดียวเอ...หรือฉันใช้สรรพนามผิด เออ...มันเป็นตนเดียวกับที่ฉันได้ยินเสียงในห้องพักครูไม่ผิดแน่ๆ
อ.รีบวิ่งไปดึงขาของเด็กผู้ชายคนนั้นลงมา
“เร็วเข้าสิมาช่วยกันเร็วเข้า”แรงอ.คนเดียวไม่เพียงพอจะดึงเด็กผู้ชายตัวเล็กๆลงมาได้แม้มันอาจจะดูไม่น่าเชื่อว่าอ.ดึงเด็กผู้ชายคนเดียวไม่ไหว แต่จากการที่ดูแล้วอ.ไม่ได้แกล้งแน่นอน อ.ออกแรงเต็มที่แรงแน่ๆ เด็กผู้ชายคนอื่นๆในห้องและเด็กผู้หญิงที่ใจกล้า รวมทั้งฉันก็เข้าไปช่วยดึงขาของเด็กผู้ชายคนนั้นด้วย เด็กคนนั้นมีชื่อว่าบอล ฉันรู้จักเขามาหลายปีแล้วเพราะบ้านเขาอยู่ใกล้ๆบ้านฉัน เราเคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันนัก ยิ่งพอโตแล้วก็ห่างเหินกันไปเลยจนได้มาเจอกันอีกที่ก็ในโรงเรียนนี้แล้ว ฉันเองก็คงไม่รู้สึกอะไรมากถ้าเขาจะตาย แต่ว่าฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะเกิดจากปากของฉันเอง ซึ่งมันคงจะกลายเป็นตราบาปของฉันไปชั่วชีวิต
“ปล่อยกู ปล่อยกูเดียวนี้”นายบอลตวาดลั่นแต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงผู้หญิงที่ทำให้ฉันหนาวไปทั่วทั้งไขสันหลังคนนั้น พวกผู้ชายในห้องที่ช่วยกันจับตัวบอลไว้ก็ตกใจบางคนก็ผละนี้และปล่อยมือ
“จับบอลกดไว้ให้แน่นๆสิ อย่าปล่อย”ต้นเพื่อนร่วมห้องของฉันที่ยังพอมีสติอยู่ รีบๆบอกให้เพื่อนมาช่วยกันกดตัวของนายบอลต่อ
“วิภาถอดสร้อยพระของเธอออกมาแล้วคล้องคอเพื่อนเธอซะ”อ.ตะโกนสั่งเสียงดัง ฉันจึงรีบถอดสร้อยพระหลวงปู่ทวดที่คล้องคออยู่เพื่อจะไปคล้องคอให้นายบอล แต่เมื่อสร้อยพระหลุดพ้นจากหัวฉันหน้านายบอลก็เปลี่ยนไป มันเป็นหน้าผู้หญิงที่ฉันเห็น ผู้หญิงที่กะโหลกศีรษะบุบ สมองที่ที่ยังเต้น ตุ๊บๆอยู่นั้นมันทำให้ฉันไม่กล้าเข้าใกล้แทนที่ฉันจะเอาสร้อยพระไปคล้องคอบอล ฉันกลับถอยห่างออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ ยัยผีกะโหลกบุบคนนั้นก็หันมายิ้มเยาะใส่ฉัน พร้อมกับคำพูดที่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง เมื่อเธอขยับปากจะพูดก็มีทั้งเลือดและน้ำเหลืองไหลทะลักออกมาจนเลอะไปถึงหน้าอก และแล้วมือของอ.วินัยก็กระชากสร้อยพระไปจากมือฉันและไปคล้องคอบอลได้สำเร็จ แล้วฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย
“เอาพระไปคล้องคอสิวิภา”อ.ตะโกนใส่หน้าวิภา
“ฟางเร็วๆสิ เป็นอะไรไป”ฟ้าจ้องหน้ามาที่ฟางที่ยังคงถอยหนีออกไปไกลๆเหมือนกับว่าฟางกำลังกลัวอะไรอยู่ และเมื่ออ.หมดความอดทนกับการที่วิภาไม่ยอมเอาสร้อยพระไปคล้องคอบอลสักที่ อ.จึงกระชากสร้อยพระไปจากมือฟางและไปคล้องคอบอลได้สำเร็จ แต่เมื่อหันกลับมาจะว่าวิภาที่ไม่ยอมทำตามที่สั่ง วิภาก็ลอยออกไปนอกห้องแล้ว นักเรียนห้องอื่นๆที่ยืนออกันที่หน้าห้องกลับไม่มีใครขัดขวางที่วิภาลอยออกไป กลับเปิดทางให้เธอลอยออกไปเต็มที่ แล้วยืนกันนิ่งๆไม่มีใครคิดจะตามไปช่วยวิภาเลย
“ตามวิภาไปเร็วๆ”อ.วินัยบอก นักเรียนในห้องที่ยังตกตะลึงกับเรื่องของนายบอลไม่หายก็เลยยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามวิภาไป แต่บางคนยังงงไม่หายก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ในห้อง
“แกไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอก วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั่นมันดังมาจากปากวิภา ตอนนี้วิภาลอยออกไปนอกระเบียงแล้ว
“หยุดสักทีเถอะ พอสักทีเถอะ หยุดได้แล้ว”ปลาที่ไม่ได้พูดอะไรมานานก็ปริปากออกมาเพราะความกลัวที่มีมาก และความอดทนที่หมดลงแล้ว เธอพูดด้วยเสียงอันเบาและค่อยๆดังขึ้น ดังขึ้นจนกลายเป็นเสียงตะโกน
“หยุดได้แล้ว อย่ามาทำร้ายเพื่อนฉัน”ปลาตะโกนลั่นดวงตาของเธอสั่นเทิ้ม แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนของเธออย่างแน่นอน
“ฮะ ฮา ฮา ฮ่า” วิญญาณที่อยู่ในร่างของวิภายังคงหัวเราะลั่นแล้วจ้องมองมาทางเธอ
“ไม่ให้ฉันทำร้ายเพื่อนมึงแต่ทำลายมึงได้ใช่ไหม”แล้ววิภาก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอจ้องไปยังปลาแล้วก็ยกแขนขวาขึ้นและเกร็งข้อมือเหมือนกำลังบีบอะไรอยู่ ตอนนี้ตัวปลากำลังลอยสูงขึ้นสูงขึ้นเธอเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก “ชะ ช่วยด้วย เหอะ แค่ก แค่กๆ อะ ชะ อะ อะ เหอ...”ปลาพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่แรงที่กดลงบนคอเธอทำให้เธอหายใจไม่ออก ยิ่งเธอพยายามพูดเสียงที่ออกก็กลับกลายเป็นเสียงไอ แทน
ตอนนี้ปลากลัวจนน้ำตามันเอ่อล้นขึ้น ‘ฉันต้องตายแล้วจริงๆหรอ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันก็มีความสุขดีอยู่หรอก แต่ความฝันของฉัน ฉันยังไม่ได้ทำเลย ฉันอยากเป็นนางแบบนะ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังไม่อยากตาย แม่จ๋า พ่อจ๋าช่วยปลาด้วย ปูน้องพี่ พี่ยังไม่ได้ขอโทษแกเลย พี่แกล้งปูไว้ตั้งเยอะ พี่อยากจะ อยากจะ...’
อ.วินัยพยายามจะเข้ามาช่วยปลา แต่กลับโดนพลังอะไรบางอย่างผลักออกทำให้อ.ไม่สามารถเข้าใกล้ปลาได้ ปลาเองก็ลอยออกไปนอกระเบียงจนลอยไปอยู่ข้างร่างของวิภา วิภาที่ลอยอยู่ตรงนั้นหันมายิ้มให้เธอ ปลาพยายามดิ้นและใช้มือพร้อมกับเรี่ยวแรงเฮือกสุกท้ายกับการแกะมือที่มองไม่เห็นที่กำลังบีบคอเธออยู่
“ลาก่อนนะปลา”คำพูดที่แสนเลือดเย็นนั้นออกจากปากของวิภา แล้วมือที่มองไม่เห็นก็ปล่อยออกจากคอของปลา เธอตกลงจากตึกชั้น3ด้วยความสูงเพียงแค่นี้ไม่น่าจะถึงตายแต่ตกลงไปโดนเข้ากับรูปปั้นนักรบที่มีดาบเล่มยาว แม้มันอาจจะไม่คม แต่ด้วยน้ำหนักของปลาที่ตกลงมาก็ทำให้ร่างของเธอโดนดาบเล่มนั้นเสียบเข้าที่ท้อง
“ม่ายยยยยยยย”อ.วินัยตะโกนเสียงดังนักเรียนห้องอื่นๆที่ได้ยินเสียงและเห็นพวกนักเรียนห้อง333และห้องอื่นๆก็วิ่งออกมาดูด้วย
อ.วินัยรีบปีนข้ามระเบียงออกมาเพื่อจะลากร่างของวิภากลับเข้าไปในตัวตึกแต่สายไปซะแล้ว
“อ.ค่ะช่วยหนูด้วย”ฉันบอกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองลอยได้ แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่มันกำลังพยุงฉันเอาไว้ไม่ให้ตกลงไป ฉันกลัวจนไม่กล้าหันไปมอง แต่เมื่อฉันมองไปเบื้องล่างก็ได้พบกับปลาเธอพยายามจะพูดแต่กลับมีเลือดไหลออกมาจากปาก เลือดเป็นลิ่มๆผสมกับเลือดจากแผลที่ท้องของเธอ มันน่ากลัวเหลือเกิน ฉันเป็นคนฆ่าเธองั้นหรอปลา
“หมดเวลาของเธอแล้วละวิภา”ลมหายใจเย็นมันรดลงมาที่ต้นคอของฉัน
อ.วินัยพยายามเอื้อมแขนมาดึงขาฉันเข้าไปในตัวตึกแต่มันคงจะถึงเวลาของฉันแล้วละ ‘ฉันเป็นคนไม่ดี ถ้าฉันไม่พูดพร้อย ๆออกไปเรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่เกิด’แล้วฉันก็ตกลงไป ภาพที่ฉันเห็นคือภาพอ.พยายามจะช่วยฉันและทุกอย่างก็ดับวูบ
ความคิดเห็น