คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ระบบย่อยอาหาร-กลไกชีวิต(100%)
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง..แต่ถ้าพี่ชอบน้องต้องทำยังไง 555 (เสี่ยววันละนิด อย่าว่ากันน้า)
ระบบย่อยอาหาร
การย่อยอาหาร คือ กระบวนการทำให้อาหารมีขนาดอนุภาคเล็กลง
ทางเดินของอาหาร หลังจากที่เราเอาอาหารเข้าปากแล้ว อาหารจะเคลื่อนที่จาก
ปาก –> คอหอย -> หลอดอาหาร -> กระเพาะอาหาร -> ลำไส้เล็ก -> ลำไส้ใหญ่ –> ทวารหนัก (และขับออกมาเป็นอุนจิ)
ในปาก มีอะไรบ้างเอ่ย ????
ปาก ประกอบด้วย
1. ลิ้น เป็นอวัยวะที่ช่วยในการคลุกเคล้าอาหาร
2. ต่อมน้ำลาย มีอยู่ 3 ที่ด้วยกัน ก็คือ ใต้ลิ้น ใต้ขากรรไกร และ ข้างกกหู(ใหญ่ที่สุด ถ้าติดไวรัสจะเป็นคางทูม)
3. ฟัน ฟันของคนเรามีทั้งหมด 2 ชุด คือ ฟันน้ำนม 20 ซี่ เมื่อฟันน้ำนมหลุด ฟันแท้ก็จะงอกขึ้นมา 32 ซี่
การย่อยในปาก ( จำ !!! )
1. การย่อยเชิงกล : ตอนเคี้ยว
2. การย่อยเชิงเคมี : ใช้น้ำย่อยช่วยย่อย สร้างโดย น้ำลาย ซึ่งชื่อว่า เอนไซม์ อะไมเลส,ไทยาลิน ชื่อมันช่างจำยากซะนี่กระไร – - “
เอนไซม์อะไมเลส จะช่วยย่อย แป้ง -> คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลสั้น (maltose, dextrin)
คอหอย จะเป็นอวัยวะในการกลืนอาหาร จากปาก -> หลอดอาหาร (ไม่อยากพูดถึงเวลาสำลักอาหารเลย ToT )
เมื่อผ่านด่าน ปาก และ คอหอยแล้ว อาหารก็จะตกลงมาที่ หลอดอาหาร จ้า
-หลอดอาหารของเรายาวเกือบหนึ่งไม้บรรทัดเลยน้า มันมีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร O.O
การย่อยในหลอดอาหาร
1. การย่อยเชิงกล : เรียกว่า Peristalsis (การหดตัวเป็นช่วงๆของกล้ามเนื้อ)
2. ไม่มีการย่อยเชิงเคมีในหลอดอาหารนะจ้ะ ^^
อวัยวะถัดไปก็คือ กระเพาะอาหาร มาได้ครึ่งทางแล้ว เย้ๆๆ
-กระเพาะอาหารของคนเราแบ่งเป็น 3 ตอน คือ
ตอนต้น ( Cardius ) ตอนกลาง ( Fundus ) และ ตอนปลาย ( Pylorus )
-มีหูรูด อยู่ 2 แห่ง (เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารออกมานอกกระเพาะอาหาร)
การย่อยในกระเพาะอาหาร
1. การย่อยเชิงกล : เช่นเดียวกับหลอดอาหาร ก็คือ กระบวนการ Peristalsis นั่นเอง
2. การย่อยเชิงเคมี : ใช้เอนไซม์ช่วยย่อย + กรดเกลือ(HCL)
Pepsinogen + HCL -> Pepsin : สำหรับย่อย โปรตีน
Prorenin + HCL -> Renin : ก็ย่อย โปรตีนเหมือนกันค่ะ แต่เป็น โปรตีนใน น้ำนม
ดังนั้นจำไว้เลยว่า กระเพาะอาหารมีการย่อย โปรตีน จำไว้ว่า กระเพาะอาหาร ได้รับพร ที่ ทำให้กวนตีน (สาวๆชอบผู้ชายกวนตีนน้า>///<) พรก็คือ เพปซิน และ เรนนิน และ กวนตีน ก็คือ โปรตีนนั่นเอง
-กระเพาะอาหารมีทหารเอกชื่อว่า นาย ด่าง ทำให้มันไม่ถูกกรดเกลือ (HCL) และน้ำย่อยเพปซินทำลาย
ลำไส้เล็ก (เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร)
-ลำไส้เล็กแบ่งออกเป็น 3 ตอน (เหมือนกระเพาะอาหารเลย) คือ Duodenum (ย่อยมากที่สุด) Jejunum (ดูดซึมมากที่สุด) และ Ileum (ดูดซึมเล็กน้อย แต่ ยาวที่สุด)
การย่อยอาหารในลำไส้เล็ก (ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของ Duodenum)
1. ในลำไส้เล็กไม่มีการย่อยเชิงกล
2. การย่อยเชิงเคมี จะมีอวัยวะที่ช่วยย่อย สองชนิดด้วยกัน ก็คือ ตับ และ ตับอ่อน
ตับ เนื่องจากเค้ามอุส่ามาช่วย ลำไส้เล็ก ย่อย ก็ขอเอ่ยถึงสรรพคุณหน่อยแล้วกัน
-ใหญ่ที่สุดในร่างกาย
-ทำลายสารพิษ
-สะสมกลูโคส ไกลโคเจน และวิตามิน A B D
-สร้างน้ำดี
กลไกการย่อยของตับ
น้ำดี มีองค์ประกอบคือ เกลือน้ำดี สำหรับ ช่วยให้ไขมัน -> แตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆ
นอกจากน้ำดีจะมีเกลือน้ำดีแล้ว มันยังมี รงตวัตถุน้ำดี ซึ่งเกิดจาก การสลายตัวของฮีโมโกลบินโดยตับ และ คอเลสเตอรอล(ถ้ามีมากเกินอาจจะเกิดการอุดตันในท่อน้ำดีแล้วอาจจะเป็นดีซ่านได้)
ตับอ่อน ความสามารถพิเศษของมันคือย่อยสารอาหารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น ไขมัน โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต
กลไกการย่อยของตับอ่อน
1. น้ำย่อยไลเปส -> ย่อยไขมันที่แตกตัวแล้ว(จากตับ) -> กรดไขมัน + กลีเซอรอล
2. น้ำย่อยทริปซิน และ คาร์บอกซิเพปทิเดส -> โปรตีน -> กรดอะมิโน
3. น้ำย่อยอะไมเลส -> แป้ง -> น้ำตาลมอลโทส
ลำไส้เล็ก ก็มีน้ำย่อยเหมือนกัน
1. ย่อยคาร์โบไฮเดรต
มอลโทส -> กลูโคส + กลูโคส โดยน้ำย่อย มอลเทส
ซูโครส -> กาแล็กโทส + กลูโคส โดยน้ำย่อย ซูเครส
แลกโทส-> ฟรุกโทส(ฟรักโทส) + กลูโคส โดยน้ำย่อย แลกเทส
ในกรณีนี้ จำง่ายๆว่า น้ำย่อยจะมีเสียง เอส ส่วน สิ่งที่ถูกย่อย จะมีเสียง โอส
หลังจากย่อยแล้วทั้งหมดนี้จะกลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
2. ย่อยโปรตีน
โปรตีนสายสั้น -> กรดอะมิโน โดยน้ำย่อย อะมิโนเพปทิเดส
-สิ้นสุดการย่อยอาหาร มาต่อกันที่ การดูดซึมอาหารเลยจ้า-
การดูดซึมอาหาร (เป็นหน้าที่ของ Jejunum โดยส่วนใหญ่ และ Ileum เล็กน้อย)
-ผนังด้านในของลำไส้เล็กมีลักษณยื่นออกมาเป็นปุ่มเล็กๆ ช่วยเพิ่มพื้นผิวในการ ดูดซึมอาหาร เรียก วิลลัส
ที่จริงแล้วทุกที่ก็มีการดูดซึมอาหาร แต่ว่า ลำไส้เล็กดูดซึมมากที่สุด
โดย ปาก คอหอย หลอดอาหาร : ดูดซึมอาหารน้อย
กระเพาะอาหาร : ดูดซึมแอลกอฮอร์ได้ดี
ลำไส้เล็ก : มีการดูดซึมอาหารมากที่สุด
ลำไส้ใหญ่ อาหารที่เหลือจากการย่อยและดูดซึมแล้วจะมาที่ลำไส้ใหญ่ เป็นอวัยวะที่อาหารกากที่สุดเพราะมีกากอาหาร (มุขหรือเปลือกหอยนะนั่น)
-เซลล์บุผนังลำไส้ใหญ่ ดูด แร่ธาตุ วิตามิน และกลูโคสจากกากอาหาร เข้าสู่กระแสเลือด
-ลำไส้ใหญ่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1. ซีกัม: มีไส้ติ่ง (ในคนไม่มีประโยชน์ และอาจจะเป็นโทษ ถ้าไส้ติ่งอักเสบ หรือ แตก)
2. โคลอน: เป็นส่วนที่ยาวที่สุด (นึกถึงขนมโคลอน มันจะเป็นแท่งยาวๆ)
3.ไส้ตรง: เป็นส่วนปลายลำไส้ใหญ่ ติดกับทวารหนัก มีกล้ามเนื้อหูรูด 2 อัน ควบคุมการ เปิด และ ปิด ของทวารหนัก
สรุปว่า *อวัยวะที่มีการย่อยเชิงเคมี (สร้างน้ำย่อยในการย่อย) มีทั้งหมด 3 ที่ คือ
1.ปาก (ย่อยได้ดีในสภาพเป็น เบสอ่อน)
2.กระเพาะอาหาร (ย่อยได้ดีในสภาพเป็น กรด)
3.ลำไส้เล็ก (ย่อยได้ดีในสภาพเป็น เบส)
**อวัยวะที่ไม่มีการย่อยเชิงเคมี อาจมีการย่อยเชิงกลบ้าง (หลอดอาหาร) หรือเป็นทางเดินอาหารเฉยๆ (หลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก)
***อวัยวะที่ย่อยอาหารแต่ไม่ใช่ทางเดินอาหาร ได้แก่ ตับ และ ตับอ่อน (ช่วยลำไส้เล็กย่อย)
อ้างอิง หนังสือคู่มือวิทยาศาสตร์ ป6 สอบเข้า ม.1 หัวใจวิทยาศาสตร์ ม.1-2-3 แล้วก็คลิปจากยูทูปที่สอนหลักการจำบางส่วน
ขอขอบคุณ คุณครูทุกท่าน และ คุณพ่อคุณแม่ น้ะคร้าบบบ
จบละจ้า บทแรก ... เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย
//อย่าลืมมาคอมเม้นท์นะจ้า ขอบคุณมากค้า
ความคิดเห็น