ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมโดนผ่า

    ลำดับตอนที่ #1 : นอนไม่หลับ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 49


    นอนไม่หลับ

     

     

                    มันเป็นคืนที่สองสำหรับ ผม ที่นอนไม่หลับ ถึงแม้ว่าจะเริ่มเอนกายให้ขนานกับเบาะเป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ใช้เวลาครึ่งแรกของยามวิกาลให้หมดไปกับการอ่านหนังสือ เพื่อหวังความเมื่อยล้าของสายตาและท่านั่งนอน ก็ยังไม่อาจใช้เวลาครึ่งคืนหลังเป็นช่วงของการหลับใหลได้ ผมนอนพลิกตัวไปมา เบิกตากว้างในแสงสลัวจิตใจจินตนาการไปอย่างไม่หยุดหย่อน ไหลไปดังสายน้ำและนาฬิกา ฟุ้งกระเจิงจนเกือบล้นหัวออกมา

                    พุทธ โธ  พุทธ โธ  พุทธ - โธ

                    ผมท่อง พุทธ โธ  พร้อมกับหายใจเข้าออกลึกๆเพราะมันมักจะได้ผลในตอนที่นอนไม่หลับ แต่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะท่องกี่ร้อยกี่พันจบ ผมก็ยังเบิกตากว้างอยู่อย่างนั้น มองฝ้าเพดานสีเทาขุ่นเนื่องจากแสงไฟอันน้อยนิด แต่ยังสามารถมองเห็นหลอดไฟ นีออน ได้ชัดทุกดวง ผมเริ่มนับจากซ้ายมือเบาๆ

                    หนึ่ง  สอง  สาม สี่

                    สี่ดวง นับทวนกลับจากขวามาซ้ายก็แล้ว ก็ยังไม่หลับถ้าเป็นวันธรรมดา ผมมักจะลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ ตัวเก่าบนเก้าอี้ญี่ปุ่นเล็กๆ แล้วเลือกเกมส์โปรดขึ้นมาเล่น ร่างกายทนไม่ไหวก็จะพล่อยหลับไปหน้าคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่คืนนี้ได้แค่นอนคิดถึงห้องนอน นึกถึงคอมพิวเตอร์ตัวนั้นหากตอนนี้ผมอยู่ที่นั่น คงไม่กังวลเรื่องนอนไม่หลับในคืนนี้

                    พลิกตัวช้าๆอีกครั้งมองดูผู้ป่วยเตียงใกล้ๆนอนหลับกันอย่างสบาย หลายคนนอนอยู่ท่านั้นมาตั้งแต่เมื่อกลางวันปัจจุบัน ตีสองก็ยังคงสภาพอยู่เช่นนั้น บางเตียงลุกขึ้นมานั่งเกาะขอบกั้นเตียงสายตามองออกไปนอกหน้าต่างในหัวรู้สึกเหมือนกับไม่ได้คิดอะไรเมื่อยแล้วก็ล้มตัวลงนอน บางคนนอนคุดคู้อย่างไม่รับรู้ว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่ยังไม่หลับแต่ด้วยความจำเจผมก็เริ่มอ่อนล้าและม่อยหลับลงไปแต่กว่า จะขับตาหลับได้ก็เกือบตีสองกว่าเข้าไปแล้ว

                    หลับลงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเหมือนมีมือนุ่มมาสะกิดเบาๆข้างแขน ผมเริ่มเปิดตาอย่างช้าๆ ปรากฏร่างหญิงสาวรูปร่างบอบบางใบหน้าซีดเซียวเข้ากับชุดสีขาวอย่างกับเป็นสีเดียวกัน ทำเอาถึงกับนิ่งทำอะไรไม่ถูก ร่างนั้นค่อยๆเผยิอริมฝีปากออกช้าๆเป็นรอยยิ้มให้และพูดว่า

                    คุณ อนุสรณ์ วัดไข้ค่ะ

                    ผมจึงยื่นมือไปรับปรอทวัดไข้ตามคำเชิญชวนจากพยาบาลสาวทันทีที่สิ้นสุดคำพูด พลันสายตาเริ่มปรับสภาพจากการเบลอเริ่มเห็นหน้าอันสดใสของพยาบาลสาวชัดเจนขึ้น เริ่มเปิดปากจะทักหน่อยแต่ก็ต้องยกเลิกไปเพราะว่าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มยังไงดีจนเธอ ก้าวย่างไปสะกิดเตียงข้างๆต่อไป

                    ยังไม่ทันที่ พยาบาลจะมารับปรอทคืนไป พยาบาลอีกคนก็เดินเข้ามาแต่คราวนี้เธอเดินเข้ามาด้วยรัสมีเจิดจ้า จนทำให้ รู้สึกแสบตาไปหมดเพราะว่าเธอเปิดไฟมาด้วย

    วัดความดันหน่อยค่ะ

                    เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสในขณะที่เป็นเวลาดึกมากแล้วทำให้ อดคิดไม่ได้ว่าพยาบาลเหล่านี้ไม่เพลียกันบ้างหรือ

                    อ้อ! ขอปรอทด้วย เธอหันกลับมาพูดในขณะที่กำลังจะจากไปอีกเตียงหนึ่ง

                    คนไข้ทุกคนตื่นเพราะการปลุกโดยไม่ตั้งใจของพยาบาลที่ทำตามหน้าที่ประจำและทุกคนยกเว้นตัวผม หลับลงไปอีกเมื่อไฟเริ่มดับลง

                    คงเป็นเพราะคนไข้เตียงอื่นๆได้รับทั้งยาแก้ปวด ยานอนหลับจึงทำให้หลับง่ายกว่าสภาพแวดล้อมก็ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยที่ผิวหนังเหี่ยวย่นกันแทบทั้งสิ้นจึงทำให้ไม่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าเป็นการนอนบนเตียงของโรงพยาบาลเป็นคืนที่สองแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้รับยาเลยแม้แต่เม็ดเดียว ประกอบกับห้องที่ นอนอยู่นั้นเป็นห้อง ศัลยกรรมชาย ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นของคนที่รับการผ่าตัดมา มันเป็นห้องที่ให้คนที่ยังไม่ผ่าตัดแต่ต้องผ่าตัดแน่นอนในสองสามวันนี้  มานอนปรับสภาพความเคยชินและสังเกตุการณ์เสียก่อน ด้วยเหตุนี้คนไข้คนอื่นจึงหลับกันง่ายเหลือเกินเพราะเมื่อปวดแผลก็ได้รับยาแก้ปวดด้วยฤทธิยาก็หลับไป  บางคนปวดแผลจนหลับไปก็มี และต่างคนต่างเคยชินกับเตียงเพราะการพักฟื้นการผ่าตัดของผู้ค่อนข้างสูงอายุนั้นต้องใช้เวลามาก  ดังนั้นคนไข้แต่ละคนต้องครอบครองเตียงของตัวเองไม่ต่ำกว่าคนละ 2 สัปดาห์ แต่สำหรับคนซึ่งยังปกติอยู่อย่าง ผมย่อมทำให้หลับยากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือคงเป็นเพราะว่าการนอนผิดที่ด้วยเช่นกัน

                    ผมต้องมานอนก่อนหน้าวันผ่าตัดถึงสามวัน ส่วนนี่วันที่สอง  ผมก็ได้เพียงนั่งเล่น นอนเล่น กินก็เล่น อ่านหนังสือจบเล่มแล้วเล่มเล่า ไล่ไปตั้งแต่นิตยสารไปจนถึงหนังสือธรรมมะที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ล้วนผ่านสายตามาหมดแล้วหากว่าจะจัดรายการแฟนพันธุ์แท้ เรื่องหนังสือบริการโรงพยาบาลที่หนึ่งคงไม่แคล้วคลาดแน่แท้

                    คืนนี้ก็เหมือนคืนก่อนหน้า ผมเริ่มล้มตัวลงนอนหลังอ่านหนังสือจบไปห้าทุ่มกว่าค่อนไปทางเที่ยงคืน เมื่อเอนกายพยาบาลก็เริ่มปิดไฟตามทางเดินและเตียงต่างๆที่ค้างอยู่เนื่องจากว่า ผมนั้นเป็นคนนอนทีหลังในสำหรับความคิดของผม ผมว่าก็ยังดีที่ไม่มีการมากำหนดเวลานอนของคนไข้ไม่งั้นคงเครียดเพราะการนอนไม่หลับมากกว่าเครียดเรื่องการผ่าตัดอย่างแน่นอน

               ได้เพียงแต่นอนถอนหายใจยาวๆหลายๆครั้ง ตีสาม ทุกอย่างเริ่มค่อยๆเงียบสงบลงอีกครั้ง แต่ทว่าในหัวยังคงวุ่นวายทั้งเสียงและเหตุการณ์ต่างๆขึ้นเรื่อยๆจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ อีก

                    แกะตัวที่หนึ่ง  แกะตัวที่สอง....แกะตัวที่สิบ ผมเริ่มใช้วิธีที่เคยได้ฟังมาตั้งแต่จำความได้

                    แต่ยิ่งนับก็เหมือนกับการไล่ต้อนฝูงแกะให้มันเข้าไปเลาะเล็มหญ้าในสมอง เริ่มรู้สึกว่าสมองค่อยๆขาด อ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเพราะว่าฝูงแกะจำนวนหลายสิบตัวที่เข้าไปเลาะเล็มหญ้าหรือขี้เลื่อยอะไรก็แล้วแต่นั้น มันมาแย่งอากาศกันหายใจจนทำให้ อ๊อกซิเจนในสมองน้อยลงหนำซ้ำมันยังถ่ายรดเรี่ยราดลงในหัว จนทำให้รู้สึกว่าก๊าซ มีเทนเริ่มแผ่ฝุ้ง

    กระจายทั่วรอยหยักของสมองหนักหัวยิ่งขึ้น ไม่ได้การละผมสะบัดหัวไล่ฝูงแกะนั้นทันที ฝูงแกะตกใจกระโดดหนีหายไปจนหมด  เริ่มปรอดโปร่งในสมอง หายใจสะดวก หัวใจเต้นเร็วเพราะความดีใจที่สามารถไล่ฝูงแกะไปได้ เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง ความสดชื่นกลับขึ้นมาอีกครั้งและหลับไม่ลงอีกครา

                    เริ่มคิดว่าบางทีหากใช้วิธีคิด ทำให้ใจคิดไปเองว่ากำลังหลับ นอนบนเตียงที่สบายอาจจะหลับไปเองก็ได้เช่นเดียวกัน เหมือนอย่างพระ ลามะ ของทิเบต สามารถนอนบนหิมะได้เป็นคืนๆโดยไม่สวมเครื่องกันหนาวใดๆเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าพระเหล่านั้นใช้วิธีฝึกจิตใจนั่นเอง ผมยิ้มในใจคราวนี้จะลองทำอย่างพระ ทิเบต บ้างถึงจะไม่รู้หลักเท่าใดแต่จากสาระคดีที่ดูมาอาจจจะช่วยได้บ้าง

                    ไม่รอช้าผมคิดว่าหลับพยายามไม่คิดสิ่งใดเลยนอกเหนือจากเตียงคิดเพียงอย่างเดียวว่า หลับ หลับ หลับ จนกลายเป็นท่องหลับ หลับ อยู่ในใจอย่างนั้นจนเพี้ยนออกมาเป็น  พุทธ โธ พุทธ โธ  อีกครั้งหนึ่งผมเบิกตาโพรน แล้วหลับตาลงอีกตามเดิม ภาวนาใหม่ หลับ หลับ หลับยานอนหลับต้องหลับแน่

                    เออ!” ผมอุทานเบาๆ

                    ทำยังไงถึงจะได้กินยานอนหลับผมพึมพำ

                    ตะแคงตัวไปทางเตียงของ ลุงเพิ่มผู้ปวดโรคหัวใจซึ่งขณะนี้กำลังนอนหลับสบาย มองดูแกหลับอย่างเงียบๆ ลุงเพิ่มมักจะขอยานอนหลับจากพยาบาลเสมอโดยอ้างว่าปวดแผลแล้วทำให้นอนไม่หลับอีกทั้งวัย หกสิบหกของแกก็เป็นอุปสรรคในการหลับเหลือเกิน และแกก็จะได้รับยามาทุกครั้งที่แกขอเช่นเดียวกัน คืนนี้ก็เหมือนคืนก่อนๆจนแกโดนพยาบาลบ่นประจำ ผมยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์เมื่อตกเย็นขณะที่ ลุงเพิ่ม ขอยานอนหลับกับพยาบาลสาวด้วยวาจาที่อ่อนหวานถึงจะโดนบ่นอย่างไรก็ยังทนขออยู่จนกว่าจะได้

                    หมอๆ(ไม่ว่าพยาบาลหรือผู้ช่วยหรือใครก็ตามที่ทำการดูแลคนไข้ถูกเหมาเป็นหมอทั้งสิ้น) คืนนี้ขอยานอนหลับด้วยนะเมื่อคืนไม่ได้ให้ นอนไม่ค่อยหลับเลย

                    ไม่หลับอะไรเห็นหลับปุ๋ยทุกคืน พยาบาลหยอก

                    ไม่หลับจริงๆ แค่หลับตาเฉยๆ แกยังพยายามต่อ

              กินยานอนหลับมากๆไม่ดีนะ พยาบาลเตือน

                    มันนอนไม่หลับจริงๆ แกอ้อน

                    อือๆ พยาบาลรับปาก

                    สักครู่ใหญ่ๆพยาบาลก็กลับมาใหม่พร้อมยานอนหลับสีฟ้าครึ่งเม็ดยื่นให้แก

                    อ้าว! ทำไมไม่ใช่สีขาวเปลี่ยนยาใหม่หรือแบบนี้จะหลับดีเหมือนยาก่อนๆไหมล่ะเนี่ยแบบเก่าหมดแล้วหรือหมอ

              อ๋อเอาแบบเดิมหรือ มีๆเดี๋ยวนะไปเปลี่ยนมาให้พยาบาลตามใจ

    พยาบาลหายไปอีกครั้งทีนี้ ลุงเพิ่มแกลุกไปเข้าห้องน้ำในขณะที่ พยาบาลสาวใจดีเดินย้อนกลับมาพร้อมยานอนหลับสีขาวในแก้วยาเล็กหนึ่งเม็ด แล้ววางไว้ที่เตียงของแก พร้อมกับถาม ผม ว่าแกไปไหน

    เมื่อได้รับคำตอบจากผม พยาบาลสาวคนนั้นเริ่มจะหันหลังก้าวกลับไปที่เดิมแต่บังเอิญเหลียวมองเห็น ผมกำลังทำหน้าสงสัยเหมือนจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างเธอก็ชะงักหยุดสักครู่แล้วยิ้มให้กับพร้อมถามว่า

                    เมื่อคืนนอนหลับไหมจ๊ะ

                    ผมยิ้มให้แล้วสั่นหัวเป็นคำตอบ

                    เอาด้วยไหม พยาบาลสาวถามอีกครั้ง

                    ไม่ทันได้ตอบอะไรพยาบาลสาวก็รีบพูดขึ้นมาอีกว่า

                    ยาแก้ปวดน่ะ แล้วเธอก็เดินยิ้มไป

    *****

                   

     

                   

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×