ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    。SILVER LINING 。 chanbaek | exo

    ลำดับตอนที่ #1 : 00

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 57








     “ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตหรอก

    ก็แค่ผลพวงจากเหตุการณ์นึงไปสู่เหตุการณ์นึงเท่านั้นเอง

     

     

     

     

     
     

    เหตุการณ์แรกคือเรื่องที่เราได้เจอกัน มันเกิดที่กลางกรุงลอนดอน ..

     

     

    สายฝนที่ซัดกระหน่ำราวกับฟ้ารั่วทำให้ผู้คนต่างรีบพากันหาที่หลบกันอย่างจ้าละหวั่น ดวงตาคู่เล็กทอดมองความวุ่นวายที่ต่างวิ่งหนีสายฝนเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยภายในตรอกเล็กๆข้างตึกแห่งหนึ่งที่เริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลาและเจ้าของก็ไม่คิดที่จะบูรณะซ่อมแซมมัน

     

     

    ไม่มีใครคิดสนใจเหมือนกับร่างเล็กๆที่นั่งขดตัวหลบสายฝนอยู่ในตรอกแคบๆแห่งนี้

     

     

    มีเพียงกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆที่นำมาใช้คลุมหัวตนเองไว้ ทว่าจะเอาอะไรกับกระดาษที่เมื่อโดนน้ำนานๆเข้าก็เปื่อยลุ่ยจนในที่สุดกระหม่อมบางก็ชุ่มไปด้วยฝนเหตุเพราะไร้ที่กำบัง

     

     

    ถึงตอนนี้ทั้งตัวจะเปียกไปด้วยหยาดน้ำฝนแต่เด็กชายก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่คิดจะลุกไปหาที่หลบฝนแห่งใหม่ ในหัวมีแต่คำของคนที่บอกว่าตนเป็นพี่ชายวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาราวกับเขียนโปรแกรมให้คำพูดนั้นวนลูปอย่างไม่รู้จบ

     

     

     

    รอพี่อยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะกลับมาห้ามไปไหนเด็ดขาด เข้าใจมั๊ยบี

     

     

     

    คำพูดที่วนเวียนอยู่ในหัวมาราวๆเกือบหนึ่งอาทิตย์ นั่งรออยู่ที่เดิมตามคำสั่งแต่ผ่านมาวันแล้ววันเล่าคนที่พูดประโยคนั้นกลับหายไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย

     

     

    “เวรเอ๊ย!  เสียงสบถดังลั่นอยู่หน้าตรอกเรียกให้ดวงตาคู่เล็กที่กำลังเหม่อละสายตาจับจุดโฟกัสที่เบื้องหน้าของตน วัตถุอะไรบางอย่างที่ลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกระเด็นเข้ามาแน่นิ่งห่างจากเท้าของเขาราวสองไม้บรรทัด คนตัวเล็กกระถดขาตัวเองให้ชิดกับลำตัวมากขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงที่สบถออกมาเมื่อครู่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆเพื่อจะมาเก็บทรัพทย์สินของตนที่โดนคนวิ่งชนจนกระเด็นเข้ามาในตรอกนี่

     
     

    ใบหน้าเล็กก้มลงจนแนบชิดกับเข่า ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาใกล้ เกร็งไปทั้งร่างไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจ เพราะมัวแต่ก้มหน้าจึงไม่รู้ว่าอีกคนที่หยุดอยู่ตรงหน้าใช้สายตาแบบไหนทอดมองมาที่ร่างของตน เด็กน้อยรู้สึกว่าถูกสายตาเบื้องบนจ้องมาราวครึ่งนาที ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อมือใหญ่ก้มลงเก็บเครื่องมือสื่อสารของตนขึ้นมาและหันหลังเดินกลับไปเงียบๆ

     
     

    และในตอนนั้นเองที่เด็กน้อยรวบรวมความกล้าของตนช้อนตาขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่เพิ่งเดินจากไป...

     

     

     

     


     

    ....

     

     

     

     

     

    อากาศยามบ่ายของกรุงลอนดอนร้อนระอุทั้งๆที่เมื่อวานฝนเพิ่งจะตกหนักไปแท้ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้คือช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนที่สุด ในตรอกแคบๆข้างตึกทรุดโทรมก็ยังมีร่างเล็กของเด็กชายนั่งขุดคู้อยู่ที่เดิม หากแต่วันนี้เด็กน้อยกลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาเหม่อมองความวุ่นวายของประชาชนที่เดินผ่านไปมาหน้าตรอก แต่แม้เปลือกตาจะปิดลงทว่าหูก็ยังได้ยินและรับรู้ถึงความวุ่นวายของโลกภายนอกนั่นได้

     

     

    เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นเต็มใบหน้าเมื่ออุณหภูมิพุ่งขึ้นไปเกือบสี่สิบองศา ถึงแม้ในตรอกแคบนี่จะมีเงาของตัวตึกเป็นกำบังให้เด็กชายสามารถหลบแดดนั่นได้ แต่สภาพร่างกายที่เปียกชุ่มจากฝนเมื่อวานแล้วต้องมาเจออากาศร้อนมากในเวลาบ่ายแบบนี้ความอ่อนแอก็เข้ากัดกิดทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบคร่าลมหายใจของเขาไปได้ อกบางเริ่มกระเพื่อมเข้าออกช้าลงราวกับต่อสู้กับโลกอันโหดร้ายใบนี้ไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนที่สติจะตัดเข้าสู่ความเหวิ้งว้างอันกว้างไกล สัมผัสแผ่วเบาที่ช่วยซับเหงื่อบนใบหน้าของเขาออกให้กลับเป็นแรงกระตุ้นให้เปลือกตาอันหนักอึ้งนั้นเปิดขึ้นอีกครั้ง

     

     

    “ทำไมถึงยังอยู่ที่เดิม”

     

    “........”

     

    “ทำไมไม่ออกไปขโมยหาของกินเหมือนเด็กจรจัดคนอื่น”

     

     

    ช่างเป็นคนถามที่จี้ใจดำเสียจริง.. ร่างเล็กคิดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะปล่อยให้ความมืดเข้าครอบงำ ปล่อยให้หน้าตาของชายหนุ่มหน้าหล่อแต่คำพูดกลับร้ายไม่เหมือนหน้าตานั่นค่อยๆแทรกซึมเข้าไปภายในความทรงจำ

     

     

    “นายน้อยชาร์ลครับ”

     

    “เดี๋ยวผมคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อเอง”

     

     

                    ร่างของคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าโค้งรับคำของนายน้อยผู้เป็นเจ้านายของตน ก่อนจะเดินนำไปเปิดประตูรถที่จอดบังหน้าตรอกแคบๆนี่อยู่ เมื่อคนเป็นนายอุ้มคนที่ไม่ได้สติขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว มือหยาบกร้านจึงปิดประตูลงและรีบวิ่งไปยังฝั่งคนขับเพื่อที่จะกลับไปยังคฤหาสถ์ตระกูลชาร์ล

     

     

     

     

     

     



     

     
    .
    .



     

     








     

     

    เอเดน ชาร์ล ชานยอล

    นั่นคือชื่อของเขา

    คนที่ช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากความมืดเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

     
     

    จากคำบอกเล่าของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน บอกว่าตัวเขาเองนั้นหลับใหลไปถึงสองอาทิตย์เนื่องจากร่างกายอ่อนแอมาก ไม่ได้รับสารอาหารหรือแม้กระทั่งน้ำเข้าสู่ร่างกายเลยจึงทำให้ฟื้นตัวช้า

     
     

    ชายที่ชื่อชานยอลบอกตนเองอายุ 17 คุณพ่อเป็นคนอังกฤษส่วนคุณแม่เป็นคนเกาหลี หลังจากแนะนำตัวคร่าวๆเสร็จก็เปิดโอกาสให้ร่างเล็กบนเตียงได้มีโอกาสแนะนำตัวเองบ้าง แต่สิ่งที่ริมฝีปากแห้งผากตอบกลับมาคือจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากบอกว่ามีคนบอกว่าตนเองเป็นพี่ของเขาและเรียกเขาว่าบี

     
     

    “นายคงจะอายุราวๆ 13 ได้ ”

     
     

    นายน้อยของคฤหาสถ์เอ่ยกับร่างที่ยังคงอ่อนระโหยโรยแรงบนเตียงแค่นั้น ก่อนจะกระซิบเบาๆข้างหูว่า พักผ่อนซะนะ คืนนี้ฉันจะนอนเป็นเพื่อน

     

     

     

    เด็กชายตัวน้อยไม่ได้คาดคิดเลยว่าความใจดีของนายน้อยชาร์ลจะเกิดผลพวงทำให้ชีวิตของตนค่อยๆก้าวเข้าไปสู่อีกเรื่องหนึ่งอย่างช้าๆ

     

     
     

    นายน้อยชาร์ลที่ใจดีมานอนเป็นเพื่อนเด็กน้อยบีทุกค่ำคืน...

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

    TBC

     

      เอเดน เป็นภาษาไอริช แปลว่า เร่าร้อน,คะนอง นะคะ  

    ในเรื่องนี้พี่ชานจะเร่าร้อนเหมือนนามสกุลมั๊ยต้องรอดูนะ


    .
     

    ขอลงดูเรตติ้งก่อน มีคนเม้นมีคนอ่านก็จะแต่งต่อ ;w;

     แท็กยังไม่มีเพราะยังคิดไม่ออกค่ะ ฮ่าๆ 



     

      

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×