ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Attack On Titan Fan fic: Libido

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 57


     

     

     

     

                โรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ที่พรั่งพร้อมด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีชื่อเสียงมากมายมาให้ความรู้แก่นักเรียนที่เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงในแวดวงสังคม เหล่าผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ยอมเสียเงินบริจาครวมทั้งจ่ายค่าเทอมมหาศาลเพื่อให้ลูกหลานของตนได้รับการศึกษาที่สถาบันแห่งนี้

     

                เสียงคุยกันของเหล่านักเรียนในช่วงพักก่อนเข้าเรียนต่างสนทนากันอย่างออกรส ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนในเรื่องของความสนใจต่างๆ ความคิดเห็น หรือข่าวลืมที่น่าค้นหามากมาย

     

    “เห็นร้านขายของเก่าที่เปิดใหม่ตรงหัวมุมของย่านการค้าในเมืองรึเปล่า?”

     

                “ที่เจ้าของร้านเป็นผู้ชายหน้าดุไม่รับแขกหน่อยรึเปล่า?”

     

                “ถึงจะหน้าไม่รับแขกแต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำเอารู้สึกเหมือนวิญาณจะหลุดลอยไปเลยนะ”

     

                “เอ๊ะ เจ้าของร้านน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

                “ใครบอกล่ะ! หน้าตาดีจนฉันรู้สึกถูกดึงดูดไปกับนัยน์ตาสีเงินคู่นั้นเลยต่างหากล่ะ”

     

                หัวข้อสนทนาที่เป็นที่สนใจของเหล่านักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนหญิงในช่วงนี้ยังคงเป็นเรื่องของร้านขายของเก่าที่เพิ่งมาเปิดใหม่ได้ไม่นานในตัวเมือง ที่จริงการเปิดตัวของร้านค้าใหม่ๆโดยเฉพาะร้านขายของเก่าด้วยแล้วไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าสนใจหรือตื่นเต้นสำหรับวัยหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจไม่ใช่เพราะเป็นร้านขายของเก่าแต่เป็นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้าน

     

                ปุบ!

     

                สันแฟ้มเอกสารเคาะลงบนหัวของหนึ่งในกลุ่มนักเรียนหญิงที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส เด็กสาวหันหลังมองเจ้าของแฟ้มที่กล้าดีมาทำร้ายตนเองอย่างหาเรื่อง แต่เมื่อหันหลังกลับไปสบตากับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ผ่านกรอบแว่นตาหนาแล้วใบหน้าขี้เล่นที่คุ้นเคยอยู่บ้างส่งกลับมาให้ คำพูดที่ตั้งใจจะต่อว่าจึงต้องกลืนหายลงคอไป

     

                “พวกเธอใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วนะอย่ามัวแต่มานั่งจับกลุ่มเมาท์เรื่องผู้ชายอยู่เลย” หญิงสาวผมสีน้ำตาลมัดผมส่งยิ้มให้กับเหล่านักเรียนสาวที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมเข้าชั้นเรียนโดยง่ายเสียที

     

                “แหมอาจารย์คะยังสาวยังวัยรุ่นอย่างพวกหนูก็ต้องคุยเรื่องเพศตรงข้ามเพื่อเป็นรสชาติให้สมวัยนี้สิคะ” เด็กสาวหันมายิ้มร่าให้กับบุคคลที่เธอเรียกว่าอาจารย์

     

                “จ้า จ้า ถ้าฮอร์โมนพวกเธอพลุ่งพล่านมากนักล่ะก็ไว้มาให้ครูตรวจที่ห้องพยาบาลดีไหม?” ใบหน้าขี้เล่นหรี่มองอย่างรู้สึกหน่ายกับบรรดาสาวน้อยแก่นแก้วทั้งหลายตรงหน้า

     

                “พวกหนูก็แค่ทำตัวสมวัยเองค่ะ แหมใครจะไปเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีที่ใครๆต่างก็เรียกว่าเจ้าหญิงอย่าง โซเฟีย ล่ะคะ” เด็กสาวอีกคนแกล้งพูดขำขันพลางพาดพิงถึงนักเรียนสาวคนดังของโรงเรียนที่ใครๆต่างก็รู้จัก

     

                “อ๊ะ พอพูดถึงโซเฟียก็มาพอดีเลย”

     

                หญิงสาวผมสีดำขลับยาวเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ นัยน์ตานิ่งสงบและใบหน้าอ่อนหวานที่มีรอยยิ้มบางอยู่เสมอโค้งทักทายอาจารย์ห้องพยาบาลและส่งยิ้มให้กับเหล่าบรรดากลุ่มนักเรียนสาวก่อนจะเดินจากไป

     

                นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเด็กสาวที่สง่างามและอ่อนโยนจนลับสายตาอย่างสนใจ ก่อนจะหันมาไล่เหล่ากลุ่มสาวน้อยให้กลับเข้าห้องเรียนเสียที

     

               

     

                เสียงระฆังดังไปทั่วโรงเรียนเป็นสัญญาณบอกว่าการเรียนของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่านักเรียนต่างเก็บอุปกรณ์การเรียนของตนทั้งสมุด หนังสือ และเครื่องเขียนต่างๆลงกระเป๋านักเรียนของตน กลุ่มนักเรียนบางส่วนที่มีนัดกับกิจกรรมชมรมก็ได้เตรียมตัวเพื่อไปมุ่งสู่ห้องชมรมทำกิจกรรมที่ตนสนใจหลังเลิกเรียน บ้างก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อนหรือเรียนพิเศษ จะมีก็แต่เวรทำความสะอาดที่ยังคงต้องอยู่เพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของตนให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะไปทำกิจกรรมอย่างอื่น

     

     

     

                “ขอร้องนะโซเฟียแลกเวรทำความสะอาดกันสักครั้งนะวันนี้ฉันอยากรีบไปซื้อซีดีเพลงใหม่จริงๆ” เด็กสาวคนหนึ่งก้มหัวข้อร้องให้อีกคนแลกเปลี่ยนเวรทำความสะอาดเพื่อที่เธอจะได้ไปซื้ออัลบั๊มออกใหม่ของศิลปินคนโปรดได้ทัน

     

                ใบหน้าอ่อนหวานคลี่ยิ้มบางอย่างเห็นใจ “ได้สิ แต่แค่คราวนี้เท่านั้นนะ”

     

                เด็กสาวยิ้มร่าก่อนกระโจนเข้ากอดเพื่อนร่วมห้องที่เธอขอร้อง “ขอบคุณมากเลยนะโซเฟีย สมที่เป็นเจ้าหญิงของโรงเรียนจริงๆทั้งน่ารักและใจดี เธอเป็นคนดีจริงๆเลย”

     

                โซเฟียกอดตอบเด็กสาวเพื่อนร่วมห้องก่อนยิ้มบางให้เช่นเดิม วันนี้เธอยังคงต้องกลับบ้านเย็นอีกวันเพราะต้องอยู่เวรทำความสะอาดแทน แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่นะเพราะโดนขอร้องมาแล้ว ในฐานะเจ้าหญิงของทุกคนเธอก็ต้องทำให้เรียบร้อย

     

     

     

                กว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว โซเฟียจึงรีบหยิบกระเป๋านักเรียนของตนเพื่อตรงกลับบ้านก่อนที่จะเย็นไปกว่านั้น เนื่องจากที่พักของเธออยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก เธอจึงเดินกลับเอง แตกต่างจากคุณหนูคนอื่นๆที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่มักมีรถยนต์คันหรูจอดรอรับ

     

                “อย่าเหยียบนะ!” เสียงตะโกนห้ามทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก ใบหน้าอ่อนหวานก้มลงมองที่พื้นจึงเห็นส้มลูกหนึ่งที่กลิ้งมาอยู่ใต้เท้าของเธอพอดี

     

                “ขอโทษด้วยนะครับ ถุงกระดาษมันขาดของเลยกระจายหกหมดเลย” เด็กผู้ชายร่างโปร่งวิ่งเข้ามาโค้งเป็นการขอโทษก่อนก้มลงเก็บผลส้มที่พื้น

     

                เมื่อลองสังเกตดูไม่ใช่มีเพียงแค่ส้มที่เธอกำลังจะเหยียบเท่านั้นแต่ทั้งแปเปิ้ล มะนาว หรือแม้แต่ห่อขนมปังก็กระจายเกลื่อนกลาดอยู่บริเวณนั้นเช่นกัน

     

                “ของเยอะขนาดนี้คุณคนเดียวเก็บไม่หมดหรอกค่ะฉันช่วยนะคะ” เด็กสาวก้มลงช่วยเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น

     

                “อ๊ะ ขอบคุณนะครับ คุณใจดีจัง” เด็กหนุ่มยิ้มขอบคุณให้กับเด็กสาวยตรงหน้า

     

                “ว่าแต่คุณต้องนำไปที่ไหนเหรอคะให้ฉันไปส่งละกันค่ะ”

     

                “แต่มันจะเป็นการรบกวน”

     

                “ไม่หรอกค่ะ อีกอย่างคุณคงขนทั้งหมดนี่ไปคนเดียวไม่ไหวแน่”

     

                เด็กหนุ่มมองบรรดาผลไม้ที่ทั้งเด็กสาวตรงหน้าและตนเองหอบหิ้วเต็มอ้อมแขนพลางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้จะเกรงใจแต่ก็คงต้องขอรบกวนตามที่เด็กสาวเสนอ

     

                “บ้านของผมอยู่หัวมุมถัดไป ถ้ายังไงขอรบกวนด้วยนะครับ”

     

                เด็กหนุ่มเดินพาเด็กสาวข้ามถนนไปยังบล็อกที่อยู่ถัดไป เมื่อเลี้ยวผ่านหัวมุมปรากฏร้านค้าที่ตั้งอยู่มุมตึกของถนน ร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์อังกฤษยุคเก่าและมีของโบราณรวมทั้งสินค้าหน้าตาแปลกๆมากมายวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ป้ายร้านขนาดใหญ่ติดอยู่เหนือประตูมีสัญลักษณ์ของร้านเป็นรูปปีกสีดำและขาวที่ไขว้กันทำให้เด็กสาวรู้สึกสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะชื่อของร้านขายของเก่าแห่งนี้ ‘Libido’

     

                เมื่อเดินเข้ามาเด็กสาวต้องรู้สึกแปลกใจกับความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่หาได้ยากในร้านขายของเก่า เพราะของเก่าหลายชิ้นบางครั้งเจ้าของร้านไม่ได้ใส่ใจทำความสะอาดมากนักทำให้ส่วนใหญ่ร้านขายของเก่ามักมีฝุ่นเกาะติดกับสิ่งของ แต่ร้านลิบิโดที่เธอบังเอิญได้เข้ามาสะอาดเสียจนแม้แต่พื้นกระเบื้องยังสะท้อนเห็นเงาเธอชัดเจน

     

                “นี่เป็นร้านขายของที่เพิ่งมาเปิดใหม่สินะคะ คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอ?” โซเฟียมองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายอย่างสงสัยเพราะกิตติศัพท์ที่เธอได้ยินมาจากเหล่านักเรียนหญิงที่โรงเรียนของเธอนั่นเล่าไว้ว่าเจ้าของร้านขายของเก่าที่เปิดใหม่ที่แห่งนี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาแต่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วบอกว่าที่นี้คือบ้านกลัวเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าห่างจากเธอเท่าไร อีกทั้งรอยยิ้มที่สดใสและนัยน์ตาสีมรกตกลมโตช่างห่างไกลกับคำว่าเย็นชาและดุดัน

     

                “ไม่ใช่หรอก ผมเป็นแค่คนอาศัยเขาอยู่นะครับ” เด็กหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้กับโซเฟีย ก่อนจะหันไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ก่อนหันมาหาเด็กสาวอีกครั้งพลางแนะนำชายหนุ่มที่เดินออกมาจากหลังม่านสีแดงหลังร้าน “นั่นครับเจ้าของร้าน”

     

                ชายหนุ่มหน้าคมในชุดการแต่งกายสไตล์อังกฤษยุคโบราณในชุดของเสื้อเชิ้ตสีขาวปิดทับด้วยผ้าพันคอสีขาวตามสไตล์ผู้ดีสมัยเก่าและเสื้อสูทสีดำที่คลุมทับอีกชั้น แม้จะดูแปลกตาไปจากเสื้อผ้าสมัยปัจจุบันอยู่มาก แต่กลับดูเข้ากันกับชายหนุ่มตรงหน้ารวมทั้งบรรยากาศของร้านขายของเก่า เส้นผมดำดุจรัตติกาลอีกทั้งนัยน์ตาเงินที่ราวกับแสงของพระจันทร์ยามค่ำคืนชวนให้น่าหลงใหลและเกรงขามอย่างน่าประหลาด แม้ส่วนสูงของชายหนุ่มตรงหน้าเรียกได้ว่าต่ำกว่ามาตรฐานชายหนุ่มทั่วไปแต่ท่าทางที่และบุคลิกที่โดดเด่นกลับทำให้ปมด้อยเรื่องส่วนสูงนั่นแทบไร้ค่า

     

                “ลูกค้างั้นเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อมองเห็นคนแปลกหน้าอยู่ภายในร้าน

     

                “ไม่ใช่หรอกครับท่านรีไวพอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยคุณคนนี้เขาเลยช่วยผมถือของมาที่ร้านน่ะครับ”

     

                นัยน์ตาสีหมอกเหลือบมองบรรดาผลไม้ที่อยู่ในอ้อมแขนทั้งสองคนตรงหน้าทำให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เจ้าเด็กนี่คงซุ่มซ่ามเผลอทำถุงกระดาษใส่ของขาดสินะ

     

                “เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยซะเจ้าหนู”

     

                เด็กหนุ่มรับคำสั่งของเจ้าของร้านโดยรีบเอาผลไม้ที่กอดเต็มแขนเข้าไปเก็บหลังร้านก่อนจะวิ่งออกมารับส่วนที่เหลือจากเด็กสาวไปเก็บอีกครั้ง

     

                “ขอบคุณเธออีกครั้งนะ เออ... เธอชื่ออะไรนะ ฉันเอเลน” เด็กหนุ่มส่งยิ้มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปทักทายเด็กสาวที่ช่วยเหลือตนอย่างเป็นทางการวันนี้

     

                “โซเฟียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” มือเรียวจับกลับทักทายมืออีกคนที่ยื่นมาให้

     

                “ส่วนคนนั้นเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าครับ....ท่านรีไว” เอเลนแนะนำชายหนุ่มที่กำลังให้ความสนใจกับสินค้าในตู้กระจกภายในร้านของตนเอง

     

                “พอได้ยินเรื่องของคุณรีไวมาบ้างค่ะ สาวๆที่โรงเรียนของฉันปลื้มคุณเจ้าของร้านกันมากเลย” เสียงข่าวลือของเจ้าของร้านขายของเก่าที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่กลับเป็นที่กล่าวขวัญเพราะเสน่ห์ของชายหนุ่ม เธอจึงได้ยินหัวข้อสนทนานี้ในโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะโชคดีได้พบกับคนที่ถูกกล่าวขวัญถึงโดยบังเอิญ

     

               

     

                “ซินเดอเรลล่า”

     

                คำกล่าวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของชายหนุ่มทำให้ทั้งสองหันไปให้ความสนใจ

     

                “นิทานของพี่น้องกริมม์ที่เด็กสาวถูกแม่เลี้ยงใจร้ายทารุณจนผลสุดท้ายก็ได้แต่งงานกับเจ้าชายสินะ เห็นช่วงนี้เหมือนจะมีนำมาสร้างใหม่อยู่เยอะพอดู” ชายหนุ่มหยิบรองเท้าแก้วออกมาจากตู้กระจกพลางหยิบผ้าสีขาวเช็ดฝุ่นที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยออกก่อนจะยื่นมอบให้กับเด็กสาว

     

                “ถือว่าตอบแทนที่ช่วยเจ้าหนูนั่น”

     

                “แต่ว่ามันแค่เรื่องเล็กน้อย รับของแบบนี้คงไม่ดีหรอกค่ะ” ถึงแม้รองเท้าแก้วตรงหน้าของเธอจะสวยงามมากจนเธอรู้สึกสนใจ แต่สิ่งที่เธอช่วยเหลือเด็กหนุ่มเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

     

                “เธอน่ะอยากเป็นเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าเฉยชายังคงมองเด็กสาวนิ่ง นัยน์ตาสีเงินยวงจ้องมองมาที่ใบหน้าหวานของเด็กสาวอย่างไม่อาจรู้ได้ว่าต้องการจะสื่อสิ่งใด

     

                “เด็กสาวทุกคนก็หวังจะเป็นเจ้าหญิงทั้งนั้นแหละค่ะ” ไม่ว่าใครก็ฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าหญิงที่งามสง่าและเพรียบพร้อมกันทั้งนั้นรวมทั้งเธอด้วย

     

                “งั้นเหรอ.....แต่มีไม่กี่คนที่สามารถเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงได้”

     

                คำพูดของชายหนุ่มทำให้โซเฟียสนใจ นัยน์ตาสีอ่อนจึงขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเงินที่จ้องมองมาด้วยความใคร่รู้

     

                “เจ้าหญิงในอุดมคติต้องเพียบพร้อมทั้งกาย วาจา และใจ ถ้าเธอพร้อมทั้งสามอย่างรองเท้าแก้วคู่นี้จะทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงตัวจริงได้แน่”

     

                รีไวยื่นรองเท้าแก้วให้กับเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้ง

     

                “เธอจะสามารถเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงได้รึเปล่า....”

     

                โซเฟียมองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจในคำถาม เจ้าหญิงที่แท้จริงงั้นเหรอ.........หมายความว่ายังไงกัน  เธอที่ทั้งโรงเรียนต่างเรียกว่าเจ้าหญิงนั่นก็เพราะว่าเธอเหมาะสมที่สุดแล้ว

     

                “รับไว้เถอะ ถ้าเธอคิดว่ามันมีค่ามากเกินไปไว้เธอค่อยมาให้ค่าตอบแทนฉันทีหลังก็ได้............ถ้าความปรารถนาของเธอเป็นจริงแล้ว”

     

                “ความปรารถนา....?” เด็กสาวมองรองเท้าแก้วคู่งามที่อยู่ในมือของตน สิ่งนี้จะทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงได้อย่างนั้นเหรอ?.....

     

                “ซินเดอเรลล่าในนิทานขอพรกับต้นฮาเซล เธอเองก็จะได้รับพรแบบนั่นเช่นกันแต่จำไว้เพียงอย่างเดียว........จงขอพรด้วยใจที่บริสุทธิ์ เด็กสาวอ่อนโยนอย่างเธอคงทำได้อยู่แล้วสินะ.....” นัยน์ตาสีเงินจ้องมองเด็กสาวตรงหน้านิ่ง

     

     

     

    มันคงไม่ได้เสียหายอะไรที่เธอจะรับของจากคนที่เรียกได้ว่าแปลกคนนั้น ในเมื่อเขาว่าเป็นของตอบแทนคงไม่เป็นไร เรื่องขอพรฟังดูช่างไร้สาระราวกับนิทานหลอกเด็กแต่พอเจ้าของร้านคนนั้นพูดราวกลับเป็นเรื่องที่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้

     

     

     

                ความรู้สึกที่ราวถูกสะกด ความรู้สึกเชื่อมั่น และพรที่จะสมปรารถนาทำให้โซเฟียยอมรับรองเท้าแก้วคู่งามกลับไป แม้จะยังรู้สึกไม่อยากเชื่อว่ารองเท้าแก้วที่เธอได้รับมาจะให้เธอสมปรารถนาได้อย่างไรแต่ความสวยงามของมันก็ทำให้เธอรู้สึกหลงใหล

     

               

     

                “กลับช้าจริงนะโซเฟีย” หญิงสาววัยกลางคนสง่าและงดงามยืนกอดอกหน้าประตูทางเข้า เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเด็กสาวเพิ่งกลับมาถึง

     

                “คือว่าหนูทำงานที่โรงเรียนแล้วเลิกเย็นกว่าทุกวัน ขออภัยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าค่ะคุณแม่” เด็กสาวโค้งคำนับขอโทษผู้มีศักดิ์เป็นมารดาของตน

     

                “คุณแม่คะพี่โซเฟียเขาเป็นเจ้าหญิงของโรงเรียนใครๆก็เรียกหา ทำให้พี่เขายุ่งอยู่ตลอดเวลา” เด็กสาวอีกคนที่อยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันเดินเข้ามากอดแขนคุณแม่พลางยิ้มให้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาว

     

                “ช่างเถอะ อย่างน้อยการมีชื่อเสียงของเธอก็ทำให้ทั้งฉันและพ่อของเธอได้รับคำชื่นชมไปด้วย”

     

                “ถ้าคุณแม่และเรอาไม่ว่าอะไรหนูขอตัวก่อนนะคะ”

     

                โซเฟียเดินขึ้นบันไดเข้าไปยังห้องของตนเอง ใบหน้าหวานมองรูปถ่ายครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพลางกำมือแน่น หญิงสาวที่หน้าละม้ายคล้ายตนเองแตกต่างกับคนที่เธอเรียกว่าแม่คนปัจจุบันคือแม่ที่แท้จริงซึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากเหตุการณ์เรือล่มตั้งแต่เธอยังเด็ก

     

                เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตได้ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มาปรากฏตัวภายในบ้านของเธอ อีกทั้งน้องสาวต่างสายเลือดที่เข้ามาร่วมอยู่บ้านเดียวกัน ทั้งที่อยากคัดค้านมากมายแต่คำพูดของผู้ซึ่งเป็นพ่อทำให้เธอได้แต่ยอมรับชะตากรรมนิ่ง

     

                โซเฟียลูกเป็นคนที่อ่อนโยน ลูกคงจะเข้าใจ........เจ้าหญิงน้อยของพ่อ

     

                คำพูดของบิดาวันที่พาสองแม่ลูกนั่นเข้ามาที่บ้านเธอยังคงจำได้ดี เธอเองก็คงเหมือนกับซินเดอเรลล่าในนิทานปรัมปรานั่นสินะ ถึงแม้แม่เลี้ยงของเธอจะไม่ได้โหดร้ายหรือทารุณแต่มักจะเฉยชากับเธอ บิดาผู้เป็นที่พึ่งเดียวก็ราวกับจะทอดทิ้งเธอไว้เบื้องหลัง ยิ่งเรอาที่เป็นน้องสาวราวกับเป็นผู้ที่เข้ามาแทนที่และช่วงชิงทุกอย่างไปแต่เพราะคำของบิดาเธอจึงเป็นพี่สาวที่อ่อนโยนและแสนดีของน้องสาวเสมอมา เรอาจึงรักและเคารพเธอราวกับพี่สาวแท้ๆ เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรการมีน้องสาวอย่างเรอาก็ทำให้เธอรู้สึกดีเช่นกัน แต่หลายครั้งที่ราวกับว่ามีช่องว่างเกิดขึ้น

     

                ใบหน้าหวานมองรองเท้าแก้วที่อยู่ในถุงพลาสติก

     

                เจ้าหญิงงั้นเหรอ........

     

     

     

               

     

                ก่อนเข้าชั่วโมงเรียนเหล่านักเรียนยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างออกอรรถรส โดยเฉพาะเมื่อจะมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเยียน

     

                “ที่ว่าอาทิตย์หน้าเจ้าชายเอเดรียนจะเสด็จมาเยียมโรงเรียนของเราใช่ไหม?”

     

                “ใช่เลยที่โรงเรียนเลยจะจัดเตรียมงานต้อนรับให้วุ่นวายอยู่นี่ไงล่ะ อีกอย่างเจ้าชายเอเดรียนยังโสดอยู่ด้วยนะ ถ้าเข้าตาเจ้าชายจะทำยังดีเนี่ย!!

     

                เหล่าเด็กสาวต่างตื่นเต้นกับการได้ต้อนรับเชื้อพระวงศ์ที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนโรงเรียนของตน หัวข้อสนทนานี้จึงเป็นที่ฮือฮาอย่างมากในหมู่ของเด็กสาวที่มีความใฝ่ฝันให้ต่างพากันฝันหวานไปตามๆกัน โดยเฉพาะฝันที่จะได้เป็นเจ้าหญิงตัวจรองเดินเคียงข้างคู่กับเจ้าชายที่เหล่าหญิงสาวต่างปรารถนา

     

                “แต่ว่าเช้าชายเอเดรียนถ้าได้มาเจอคุณโซเฟียเจ้าหญฺงของโรงเรียนเราไม่แน่คุณโซเฟียคงได้เป็นเจ้าหญิงตัวจริงแน่ๆเลยค่ะ”

     

                “เอ๊ะ ฉันหรอ ไม่หรอกจ้ะ” โซเฟียยิ้มบางพลางปฏิเสธอย่างสุภาพกับเพื่อนร่วมห้องที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันอย่างสนุก

     

                “ไม่นะคะ เพราะคุณโซเฟียทั้งสวย อ่อนโยน ถ้าไม่เข้าตาเลยสิจะน่าแปลก” เด็กสาวอีกคนในกลุ่มยืนยัน

     

                เจ้าหญิงที่แท้จริงงั้นเหรอ นั่นน่ะสินะ....ฉันที่เพียบพร้อมขนาดนี้บางที.....อาจจะ....... ไม่หรอกยังไงเรื่องแบบนั่นคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้

     

                เด็กสาวสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับการเตรียมบทเรียนในชั่วโมงที่ใกล้จะถึง ถึงกระนั่นเรื่องของเจ้าชายเอเดรียนก็ยังยากที่จะสลัดให้หลุดออกจากห้วงความคิด

     

     

     

                วันที่แขกผู้ทรงเกียรติได้มาเยือนมาถึงในที่สุด ด้วยความไว้วางใจจากอาจารย์และเหล่านักเรียนคนอื่นๆทำให้โซเฟียได้เป็นตัวแทนนักเรียนฝ่ายหญิงในการต้อนรับแขกผู้มาเยือน

     

                เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นกับขบวนรถลีมูซีนสีดำเงางามที่เคลื่อนตัวเข้ามาคันแล้วคันเล่า ก่อนจะตามมาด้วยลีมูซีนสีขาวที่มีตราราชนิกูลประดับ ประตูรถสีขาวเปิดออกพร้อมชายหนุ่มร่างสูงสง่าก้าวลงมาจากรถโดยมีเหล่าชายหนุ่มชุดดำรายล้อมให้ความปลอดภัยกับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ

     

                “ขอต้อนรับเสด็จเจ้าชายเอเดรียนพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มผู้เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนโค้งคำนับต้อนรับ

     

                “ไม่ต้องมากพิธีหรอกครับ เราแค่มาศึกษาเพราะสนใจระบบการเรียนของที่นี้เท่านั้น” เจ้าชายเอเดรียนตอบกลับอย่างสุภาพ

     

                “กระหม่อมขอแนะนำนักเรียนตัวแทนที่พอจะช่วยตอบคำถามของพระองค์ได้ ตัวแทนนักเรียนชายคือวิลเฮลม์ และ ตัวแทนนักเรียนหญิงโซเฟียพะย่ะค่ะ”

     

                ทันทีที่ได้รับการแนะนำโซเฟียจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อโค้งทักทายแต่ด้วยความตื่นเต้นและประหม่าจึงทำให้เธอก้าวพลาดจนเซไปข้างหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว วงแขนแกร่งของชายหนุ่มจึงคว้าประคองร่างบอบบางของหญิงสาวที่ถลาเข้ามา

     

                “ข....ขออภัย” เด็กสาวลุกลี้ลุกลนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

     

                ใบหน้าหวานขึ้นมองสบตาคนตรงหน้าที่เข้ามาใกล้ก็ราวกับอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างน่าประหลาด เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าที่สบประสานมองมายิ่งทำให้อกซ้ายเต้นระรัวจนผิดจังหวะ

     

                “ไม่เป็นไร เธอนี่น่ารักดีนะเหมือนเจ้าหญิงเลย”

     

                คำชมที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับยิ่งทำให้โซเฟียหน้าร้อนผ่าว ความรู้สึกบางอย่างสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยพบเจอ ถูกเจ้าชายตัวจริงเรียกว่าเจ้าหญิงความรู้สึกที่ราวกับถูกดึงดูดให้หลุดลอยในห้วงฝันนี่คืออะไร.....

     

                บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เธอปรารถนาการได้เป็นเจ้าหญิงตัวจริงสินะ........ ใช่แล้วนี่ล่ะคือสิ่งที่สมกับตัวฉันที่ใครๆต่างเรียกว่าเจ้าหญิง การที่จะได้เป็นเจ้าหญิงตัวจริงคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะตัวฉันที่เพียบพร้อมถ้าจะได้รับเลือกก็ไม่แปลกสินะ  ไม่สิ ตัวฉันนี่ล่ะคือเจ้าหญิงตัวจริงต่างหาก

     

               

     

                การแนะนำและพาชมสถานที่รวมถึงการตอบคำตามข้อสงสัยต่างๆโซเฟียสามารถทำได้อย่างไม่มีที่ติและราบรื่น

     

                บางทีนี่คงเป็นโชคชะตาที่สวรรค์ประทานให้ฉันผู้ซึ่งเป็นคนอ่อนโยนเสมอมาสินะ การได้ใกล้ชิดกับเจ้าชายอังเดรียนนี่คงทำให้ฉันได้พบกับที่ของตัวเองแท้จริงเสียที

     

                เวลาการสำรวจโรงเรียนที่ใกล้สิ้นสุดเข้ามาทุกขณะ ถ้าโชคดีหลังจากสิ้นสุดวันนี้ฉันอาจได้เป็นคนที่ไปออกเดตกับเจ้าชาย ไม่สิฉันนี่ล่ะที่จะเป็นคนที่ได้อยู่เคียงข้างเจ้าชายต่างหาก

     

                “ขอโทษนะคะเจ้าชายเอเดรียนถ้าไม่รังเกียจ....”

     

                “ว๊าย!!!

     

                เสียงร้องอย่างตกใจของเด็กสาวพร้อมทั้งแรงกระโจนที่กระโดดเข้าหาชายหนุ่มอย่างไม่ตั้งใจทำให้ทั้งคู่ล้มลงไปนั่งที่พื้น

     

                “เจ็บจัง!!” เด็กสาวลูบหัวสีบลอนซ์ของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เธอกระโจนเข้าหาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

    “ขอโทษนะคะพอดีฉันกำลังจับ อ๊ะ อยู่นั่น!!” นัยน์ตาสีอ่อนมองเจ้ากบตัวอ้วนที่ขึ้นไปนั่งอยุ่บนผมสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มอย่างสบายใจ

     

    มือหนาจึงรวบจับเจ้ากบตัวดีนั่นออกจากหัวก่อนยื่นส่งให้เด็กสาวพลางหัวเราะขำ

     

    “เธอนี่ร่าเริงดีนะ”

     

    “ขอโทษนะคะฉันเผลอทำตู้ใส่กบทดลองแตกแล้วเจ้าตัวนี้ก็กระโดดมาเสียไกล” นัยน์ตากลมโตมองเจ้ากบที่อยู่ในมืออย่างคาดโทษ

     

    “เรอาเธอทำอะไรของเธอน่ะ” โซเฟียรีบเข้ามาช่วยพยุงชายหนุ่มให้ลุกขึ้น “เสียมารยาทมากไปแล้วนะเรอา” นัยน์ตาสีอ่อนมองน้องสาวต่างมารดาของตนเองอย่างเหนื่อยใจ

     

    “ขอโทษค่ะพี่โซเฟีย” เด็กสาวอายุอ่อนกว่าก้มหน้าสำนึกผิด ไม่ว่าเมื่อไรเหมือนกับว่าเธอจะทำให้พี่สาวคนนี้ของเธอรำคาญอยู่เสมอ

     

    “เธอชื่อเรอางั้นเหรอ น่าสนใจดีนะ” ชายหนุ่มยื่นมือไปหาเด็กสาวตรงหน้าพลางยกยิ้มบาง “ถ้าไม่รังเกียจเธอไปดินเนอร์กับฉันสักมื้อได้ไหมสาวน้อย”

     

    คำขอของชายหนุ่มถึงกับทำให้โซเฟียตัวเย็นวาบ เมื่อสักครู่เธอหูฝาดไปใช่ไหม?

     

    “อ...เอ๊ะ ไม่เหมาะสมหรอกมั่งคะ” เรอารีบปฏิเสธคนตรงหน้า เธอแค่ออกมาจับกบทำไมถึงได้ถูกเจ้าชายพาไปดินเนอร์ล่ะ?

     

    “ไม่เหมาะสมยังไงล่ะ เราว่าเธอน่าสนใจดี เราอยากรู้จักกับเธอมากกว่านี้จะได้ไหม?”

     

    “อ.....เออ.....ค่ะ”

     

     

     

    ราวกับภาพตรงหน้ามืดลงในทันที สองมือของเด็กสาวกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ

     

    ทำไมล่ะ ทำไม!! คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวของโซเฟียไปมา

     

    ทำไมถึงเป็นเรอา ทำไมถึงเป็นยัยนั่น

     

    ฉันสิ ฉันคือคนที่ควรจะถูกเลือก มันต้องเป็นฉันสิ!!!

     

    ฉันที่ดีพร้อม ฉันต่างหากล่ะที่คู่ควร!!!

     

    ร่างอรชรวิ่งกลับเข้าห้องของตนเอง ประตูบานหนากระแทกปิดอย่างเจ็บใจ นิ้วเรียวจิกลงบนหมอนหนาก่อนจะปาทิ้งอย่างขุ่นเคือง หมอนใบใหญ่กระแทกกับถุงพลาสติกที่เธอวางไว้มุมห้อง รองเท้าแก้วคู่งามกระเด็นออกมาจากถุงพลาสติก

     

    โซฟีหยิบรองเท้าแก้วคู่งามขึ้นมา คำบอกของเจ้าของร้านผู้มอบรองเท้าให้กับเธอราวกับดังก้องในหู

     

    ความปรารถนางั้นสินะ จะช่วยให้ฉันสมปรารถนาใช่ไหม......

     

    ใบหน้าหวานยกยิ้มขึ้น มือเรียวลูบไล้รองเท้าแก้วคู่งามไปมา

     

    “ช่วยให้ฉันสมปรารถนาทีนะ.............ขอให้ยัยนั่น เรอาน้องสาวที่น่าชังที่ขโมยความสุขและทุกอย่างไปจากฉันขอให้ยัยนั่นอย่าได้มาขโมยความสุขของฉันไปอีก....ตลอดกาล”

     

    รองเท้าแก้วทอประกายแสงราวกับตอบรับคำขอของเด็กสาว

     

     

     

    โซเฟียมองรองเท้าแก้วในมือพลางหัวเราะอย่างนึกสมเพช

     

    ตลกน่าเรานี่ รองเท้าแก้วจากร้านขายของเก่าจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้ไง บ้าสิ้นดี.......

     

    หลังจากใจเย็นลงบ้างแล้วเด็กสาวจึงเดินลงชั้นล่างเพื่อเตรียมตัวทานข้าวเย็นเช่นทุกวัน โซเฟียเดินผ่านห้องรับแขกที่แม่เลี้ยงกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางไม่สู้ดีนัก ใบหน้าที่ซีดเซ๊ยวราวกับไม่มีสีเลือดและมือที่กำลังสั่นระริกบอกได้ว่าเรื่องที่กำลังสนทนาคงไม่ใช่เรื่องดีนัก

     

    “โซเฟียทำใจดีๆไว้นะ” เมื่อเห็นเงาของคนที่เดินเข้ามาหญิงสาวจึงหันไปแจ้งข่าว “รถของเจ้าชายเอเดรียนประสบอุบัติเหตุทุกคนปลอดภัยเว้นแต่.......” เสียงของผู้เป็นมารดาเงียบหายไปกลายเป็นเสียงสะอื้นร่ำไห้

     

    คนที่ติดรถไปกับเจ้าชายแล้วต้องติดต่อเหตุการณ์มายังที่บ้านของเธออย่างเร่งด่วนขนาดนี้ ถึงไม่ต้องเดาก็เข้าใจได้ดีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวคือน้องสาวของเธอเอง......

     

    นัยน์ตาสีอ่อนมองมารดาอย่างตกตะลึง ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดแต่เธอกลับรู้สึกยินดีจนตัวสั่นสะท้าน หญิงสาวเมื่อวางโทรศัพท์จึงเข้ามาโอบกอดลูกสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ไหล่บอบบางที่กำลังสั่นไหวราวกับร่ำไห้ทำให้เธอเข้าใจว่าเด็กสาวผู้อ่อนโยนคงเสียใจไม่ต่างกัน โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าใบหน้าหวานที่อ่อนโยนนั่นกำลังยิ้มมีความสุขอย่างไม่อาจหุบได้

     

    รองเท้าแก้วนั่นทำให้ฉันสมหวังจริงๆด้วยสินะ อย่างที่เจ้าของร้านคนนั่นว่าเลยเพราะฉันคือเจ้าหญิงตัวจริงยังไงล่ะ...

     

     

     

    งานศพของเรอาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตเพราะมีราชนิกูลเกี่ยวข้องในอุบัติเหตุร่วมอยู่ด้วย ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มตาสีฟ้าอ่อนมองโลงศพที่บรรจุร่างไร้วิญญาณด้วยความหม่นหมอง

     

    เด็กสาวร่างอรชรเข้าไปยืนใกล้กับชายหนุ่ม มือเรียววางทับที่มือหนาซึ่งกำลังกำแน่นอย่างสั่นระริกเพื่อหวังให้กำลังใจ

     

    “ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกนะคะอย่าโทษตัวเองเลย” โซเฟียยิ้มอ่อนโยนให้กับชายหนุ่ม

     

    “ขอบคุณนะโซเฟียคุณเป็นคนที่อ่อนโยนมาก” เอเดรียนพยายามฝืนยิ้มให้กับเด็กสาว

     

    “คุณต้องเข้มแข็งไว้นะคะ เรอาคงกำลังเฝ้ามองอยู่ ฉันอยากเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ” โซเฟียกอบกุมมือชายหนุ่มขึ้นมาบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

     

    นัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าที่กำลังสั่นไหว ใบหน้าอ่อนหวานแสร้งแสดงอารมณ์ขุ่นมัวและเศร้าสลดออกมาไม่ต่างกัน

     

    “คุณอ่อนโยนจริงๆ ถ้ามีคนอย่างคุณอยู่เคียงข้างผมคงจะแสนวิเศษ”

     

    “ได้สิคะเอเดรียน ฉันจะอยู่ข้างๆคุณเอง” สองแขนเพรียวโอบรอบไหล่พนาที่กำลังสั่นไหวอย่างอ่อนแรง ใบหน้าหวานยกยิ้มอย่างผู้มีชัยเช่นเดียวกับสายตาที่เหลือบมองไปยังโลงศพสีดำที่กำลังถูกหย่อนลงหลุมขนาดใหญ่เพื่อเตรียมฝังก่อนจะเหลือบมองไปยังแม่เลี้ยงของตนที่กำลังร่ำไห้ซุกกับไหล่บิดาอย่างทุรณทุราย

     

    ใช่แล้ว เพราะฉันนี่ล่ะคือเจ้าหญิงที่แท้จริง จึงได้รับพรและจะมีความสุขกับเจ้าชาย ส่วนเธอก็เป็นน้องสาวและแม่เลี้ยงใจร้ายที่กำลังพ่ายแพ้ฉัน

     

     

     

    จากคำขอและความเห็นชอบของบิดาและแม่เลี้ยงของเธอทำให้โซเฟียได้รับอนุญาติเป็นกรณีพิเศษให้ไปอยู่เฝ้าใกล้ชิดเจ้าชายเอเดรียนจากเหตุสลดที่เกิดขึ้น

     

    เด็กสาวฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ขณะที่กำลังเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเดินทาง โซเฟียหยิบรองเท้าแก้วคู่งามขึ้นมาเฉยชมแล้วลูบไล้อย่างรักใคร่ ความปรารถนาของฉันเป็นจริงในที่สุด

     

    “ยังไงคนที่ถูกเลือกก็ต้องเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงอยู่แล้ว”

     

    เด็กสาวรำพันอย่างมีความสุขกับความสมหวังที่เกิดขึ้น

     

    “แต่เจ้าหญิงตัวจริงไม่ใช่เธอน่ะสิ”

     

    โซเฟียหันไปตามต้นเสียง เด็กหนุ่มร่างโปร่งนั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอพลางส่งยิ้มมาให้

     

    “อะไรกันคุณเข้ามาที่นี้ได้ยังไง!?” โซเฟียมองเด็กหนุ่มที่บุกรุกเข้าห้องของเธอยามวิกาลอย่างสงสัย

     

    “ขอโทษนะที่แอบเข้ามา ท่านรีไวสั่งไว้ว่าถึงเวลาแล้วฉันเลยต้องมาทำงานน่ะ” เด็กหนุ่มเกาหัวสีน้ำตาลของตนเองพลางขอโทษที่เข้ามาอย่างถือวิสาสะ

     

    “งานอะไรของคุณฉันไม่รู้หรอกนะคะ แต่นี่ดึกมากแล้วการเข้ามาให้ห้องเด็กสาวไม่สิการเข้ามาให้ห้องเจ้าหญิงแบบนี้มีโทษมากนะคะ”

     

    นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองไปยังนาฬิกาที่อยู่เบื้องหลังของเด็กสาวซึ่งใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว

     

    “ในนิทานเรื่องนั่นเขาบอกว่ามนต์จะคลายตอนเที่ยงคืนสินะ” เอเลนยกยิ้มอย่างนึกสนุกกับสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของเด็กสาว

     

    “แต่ถึงมนต์จะคลายก็อาจได้เป็นเจ้าหญิงถ้าเธอเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงน่ะนะ” นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างนึกเสียดาย

     

    “ฉันยังไงล่ะเจ้าหญิงน่ะ!!” ใช่ฉันนี่ล่ะคือผู้ที่ถูกเลือก และถ้าได้แต่งงานกับเจ้าชายฉันก็คือเจ้าหญิงยังไงล่ะ ฉันนี่แหละ!

     

    แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง

     

    เสียงนาฬิกาลูกตุ้มดังตรงตามเวลาทันทีที่เข็มยาวและเข็มสั้นชี้เวลาเที่ยงคืนตรง

     

    ใบหน้ามนหันมามองที่หญิงสาวพลางยกยิ้มร่าอย่างสนุก

     

    “เอาล่ะได้เวลาเวทมนต์คลายแล้ว”

     

    ทันทีที่พูดจบรองเท้าแก้วในมือของเด็กสาวพลันเปลี่ยนเป็นหอกแก้วทิ่มแทงเข้าที่นัยน์ตาสีอ่อนก่อนจะตวัดคมที่คอจนศีรษะของเด็กสาวหลุดกระเด็นกลิ้งลงกับพื้น ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียวจนไร้ซึ่งเสียงร้องมีเพียงโลหิตสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นจากร่างที่ไร้ซึ่งหัวของใบหน้าหวาน เลือดสีแดงพุ่งไหลหนองย้อมห้องสีหวานของเด็กสาวเป็นสีเลือด หยาดเลือดที่ไหลกระเซ็นตกกระทบลงบนใบหน้ามนของเด็กหนุ่ม

     

    เอเลนตวัดเลียคราบเลือดที่ไหลใกล้ริมฝีปากของตน

     

    “อ่า........เป็นรสสนิมเหมือนเคย”

     

    มือเรียวหยิบขวดโหลขึ้นมาก่อนที่ลูกไฟสำอำพันจะถูกกักเก็บเข้าไปในขวดแก้ว ลูกไฟดวงวิญญาณของผู้ผิดบาป......

     

     

     

     

     

    “จะว่าไปตอนจบนิทานเรื่องนั้นก่อนเอามาเขียนบทใหม่ให้สวยงามเป็นยังไงเหรอครับท่านรีไว” ทันทีที่ทำหน้าที่ของตนเสร็จเด็กหนุ่มก็กลับมาสู่ร้านขายของเก่าทันที

     

    “แม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสองถูกนกพิราบควักตาออกมา อีกทั้งด้วยความพยายามฝืนที่จะใส่รองเท้าแก้วนั่นเข้าไปพี่สาวทั้งสองจึงตัดส้นเท้าและนิ้วเท้าของตัวเองน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางยกชาขึ้นดื่ม

     

    “แต่สุดท้ายซินเดอเรลล่าก็ได้กลายเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงแต่งงานกับเจ้าชายอย่างมีความสุขงั้นเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอียงคอถามอย่างสงสัย

     

    “นายคิดว่านกพวกนั่นทำตามคำขอของใครกันล่ะ?” นัยน์ตาสีเงินเย็นสบมองใบหน้ามนเพื่อรอฟังคำตอบ

     

    “อย่าบอกนะครับว่าซินเดอเรลล่าน่ะ เอ๊ะแต่ผลสุดท้ายเธอก็มีความสุขดีนี่นา”

     

    “งั้นฉันจะเล่าให้ฟังต่อจากนั่น พอเธอแต่งงานกับเจ้าชายไปทุกอย่างเหมือนจะเป็นความสุขชั่วกาลนาน เพียงแต่เจ้าชายกลับเป็นพวกวิปริตที่ชอบทรมานสาวงามและเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคือสิ่งที่กระตุ้นกำหนัดของเจ้าชาย นายว่าชีวิตของเด็กสาวที่แต่งงานกับชายคนนั้นไปจะเป็นอย่างไรล่ะเอเลน”

     

    “เพราะเธอไม่ใช่เจ้าหญิงที่แท้จริงสินะครับท่านรีไว” ใบหน้ามนคลี่ยิ้มบางให้กับชายหนุ่ม

     

    “นั่นเป็นสิ่งตอบแทนที่สาสมแล้วจริงไหม.......”

     

     

     

    “ถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดิน ผู้ที่ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ”

     

    หญิงสาวใส่แว่นหนาผมสีน้ำตาลมักอย่างยุ่งเหยิงเอ่ยแทรกทักทายจนทำให้ชายหนุ่มถึงขั้นสำลักน้ำชา

     

    “แค่ก แค่ก บุกเข้าบ้านคนอื่นตามใจชอบนี่สมเป็นเธอจริงๆยัยวิปริต” รีไวหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดคราบน้ำชาที่เลอะปากของตนพลางมองหญิงสาวผู้บุกรุกอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “อย่างนายที่ชอบขายของแปลกแล้วไปบุกเก็บดวงวิญญาณที่ผิดพลาดเหล่านั่นไม่มีสิทธิว่าฉันหรอกนะ ที่มาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีของที่อยากจะได้น่ะ” หญิงสาวว่าพลางโยนแท่งแก้วที่บรรจุโลหิตสีแดงให้กับชายหนุ่ม

     

    “เลือดของสาวพรหมจรรย์ ของหายากในสมัยนี้เลยนะเนี่ย ขนาดไปเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลโรงเรียนมัธยมยังแทบไม่เจอเด็กสาววัยใสเลย”

     

    “ที่ช่วงนี้ลูกค้าฉันมีแต่นักเรียนเข้ามาส่วนใหญ่เป็นเพราะเธอสินะยัยแว่นวิปริต” นัยน์ตาสีหมอกมองหญิงสาวอย่างหงุดหงิด

     

    “ไม่เกี่ยวสักหน่อยข่าวลือว่าเจ้าของร้านผู้เย็นชาแต่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจเป็นตัวกระตุ้นต่างหาก” นัยน์ตาสีเปลือกไม้หรี่มองชายหนุ่มตรงหน้าพลางยิ้มมุมปาก “ก็อย่างว่ามนุษย์ธรรมดาจะหลงใหลคนอย่างท่านก็ไม่น่าแปลกจริงไหมลูซิเฟอร์ ไม่สิ ตอนนี้เป็นท่านรีไวสินะ......”

     

    “นายเองก็ยังทะเยอทยานไม่เปลี่ยนเลยนะ ดร.เฟาส์ ตอนนี้ต้องเป็นฮันซี่สินะ”

     

    “เรามันคนคุ้นเคยกันอย่ารื้อเรื่องอดีตให้มากความเลยน่าเอาเป็นว่าฉันเอาเลือดสาวพรหมจรรย์มาแลกอย่างเคยละกันนะรีไว” ใบหน้าขี้เล่นถอนหายใจพลางเบี้ยงกลับสู่ประเด็นหลักของการมาเยือน

     

    “นายจะเขายูนิคอร์น มือลิม หรือศลานักปราชญ์ก็ไปหยิบเองซะ แต่ได้แค่หนึ่งชิ้นเท่านั้นนะคราวนี้เลือดที่นายได้มามันน้อยเกินไป” รีไวแกว่งแท่งแก้วที่บรรจุเลือดสาวพรหมจรรย์ในมือไปมา

     

    “งกชะมัดขนาดกับเพื่อนเก่าแก่” นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองไปทางเด็กหนุ่มใบหน้ามนที่กำลังนั่งทานคุกกี้ดูทั้งสองคนลับฝีปากกันอย่างเป็นเรื่องปกติ “ถ้าเป็นหล่อนต่อให้เกิดสงครามขึ้นอีกนายคงทำ”

     

    ฉึก!!

     

    มีดปอกผลไม้ปักไปยังวอลเปเปอร์ผนังด้านหลังของหญิงสาว คมมีดเฉือดเฉือนผ่านแก้มได้ฝากรอยถากพร้อมโลหิตที่เริ่มไหลซึม

     

    “ทำธุระของนายเสร็จแล้วก็ไสหัวไปซะ” นัยน์ตาสีเงินคมวาวโรจน์อย่างดุดัน แต่คนถูกขู่ยังคงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ถึงกระนั่นการสงบปากสงบคำไว้ก็คงจะดีกว่า

     

    “ขอโทษด้วยละกัน งั้นฉันขอมือลิงแล้วกันนะ” ฮันซี่รีบคว้ามือลิงในชั้นวางของก่อนจะเดินออกจากร้านไป

     

    ใบหน้าคมเฉยชามองประตูสีไม้โอ๊คที่ปิดลงอย่างหงุดหงิด เด็กหนุ่มจึงเดินเข้ามาใกล้เพิ่มรินชาเพิ่มลงไปในถ้วนของชายหนุ่ม

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับท่านรีไว?” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

     

    มือหนาเอื้อมไปลูบไล้ผมสีน้ำตาลอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาตาเฉยชาสบกับนัยน์ตาสีมรกตนิ่งงันก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    “ไม่เป็นไร นายไปพักได้แล้วเอเลน”

     

    “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มโค้งให้กับชายหนุ่มเป็นการขอตัวก่อนที่ร่างโปร่งบางจะเดินลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องพักของเขา

     

     

     

    ใบหน้าคมยังคงมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มร่างโปร่งไปจนลับสายตา

     

     

     

     

     

    Libido ความปรารถนาและความใคร่ที่เหล่ามนุษย์ต่างถูกล่อหลอกได้อย่างง่ายดาย บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ยังพ่ายแพ้............


    TBC.
    ....................................................................................................................................................

    Talk : เปิดเรื่องใหม่ค่ะเย่ (ทั้งที่ควรไปเขียนตอนพิเศษ Last Memory ให้เสร็จสักทีเอาน่าอย่างน้อยหลักๆก็จบแล้วเนอะ//ทำสายตาปิ๊งๆ)

    เรื่อง ลิบิโด ที่จริงเป็นเรื่องออริจินัลที่เคยร่างๆไว้แต่ไม่ได้เขียนสักทีค่ะ ประจวบกับตอนนี้กำลังฮึดเขียนเลยเอามาแปลงจากออริจินัลเป็นฟิคไปเลย ก็แบบรีไวซังกับลูซิเฟอร์มันเข้ากันอย่างหาใดเปรียบ *///////////////*(เคลิ้มมม)

    เรื่องนี้จะพยายามเป็นจบในตอนค่ะ เรื่องจะดำเนินเป็นตอนๆและช่วงๆไปค่ะ ส่วนสโคปเวลาของเรื่องนี้กราบขออภัยล่วงหน้าค่ะ ด้วยความที่มันแนวแฟนตาซีปีศาจซึ่งอายุอานามหลายร้อยแน่นอน อิชุ่นเลยแบบไม่อยากกำหนดเวลาตายตัวเพราะบางทีก็อยากเขียนบุคกลาง บางทีก็อยากเขียนยุคปัจจุบัน หรือบางทีก็อยากไปเขียนยุคสร้างโลกเลยไรงี้อ่ะแหะๆ เพราะงั้นช่วงเวลานี่ขออภับล่วงหน้าเป็นอย่างยิ่ง//กราบนักอ่านงามๆสามที

    ถ้ายังไงก็ขอฝากอีกเรื่องด้วยนะคะ มีอะไรสามารถเข้ามาพูดคุยทักทายกันได้เช่นเคยนะรักนักอ่านทุกท่านค่ะ

    ฝากเพจเช่นเคยค่ะ https://www.facebook.com/beru89club

    ฝากบล็อกค่ะ http://trendyblood.blogspot.com/

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×