คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro
มินิคูเปอร์ที่ทะยานไปตามท้องถนนในยามวิกาล เส้นทางยาวไกลสุดลูกหูลูกตาไร้ซึ่งรถยนต์แม้แต่คันเดียว บ่งบอกได้ดีว่าเวลาดึกขนาดนี้ผู้คนคงกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความฝันของตนเอง
.
.
.
ประทุนรถเปิดออก ผมกะเทาะบุหรี่ออกจากซอง จุดขึ้นสูบพลางปล่อยควันให้ลอยไปตามลม ขับรถดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนนัก
ผมต้องแนะนำตัวมั้ย? ผม ‘คิมจงอิน’
RRRRRR~
เสียงริงโทนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 29 ผมไม่ได้สนใจที่จะกดรับเลยสักนิด แต่ด้วยความรำคาญ และเห็นความพยายามของคนที่โทรมา ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนเครื่องหรูที่แผดเสียงอยู่เบาะข้างๆมากดรับสาย
(ไอสัส!!! กว่าจะกดรับได้นะ แฮ่กๆ) ผมขมวดคิ้วมุ่น นี่กูคิดผิดหรือเปล่าที่กดรับ นอกจากจะโดนด่าแล้วมันยังทำเสียงแปลกๆอีก
“คราวหลังมึง ‘ทำ’ ให้เสร็จก่อนค่อยโทรหากูก็ได้นะ” ผมกรอกเสียงกลับไปอย่างเนือยๆถ้าไม่โลกสวยเกินไปคงเข้าใจความหมายได้ง่ายๆล่ะนะ
(ทำห่าไรล่ะ แฮ่ก.. มึง..มึงรีบมาหากูที่เดิมเลยนะ) ยังไม่ทันได้ถามอะไรกลับไปให้ได้ความ เสียงจากปลายสายไกลๆก็ดังขึ้นเสียก่อน (เห้ย!! แม่งอยู่นั่น ตามไปเร็ว)
“ไอ้เวรเอ๊ย!! หาเรื่องใส่ตัว หาตีนมาฝากเพื่อนอีกละแม่ง!!” ไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในสาย ผมสบถคำหยาบใส่เพื่อนอีกมากมาย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงไม่รับรู้เลย มีแต่เสียงเท้ากระทบพื้นจากการวิ่งเท่านั้นที่บอกได้ดีว่าผมควรรีบขับรถไปหาเพื่อนรักให้เร็วที่สุดแล้วโบกกะโหลกให้หน้ามันจิ้มขี้สักทีนึง
“เชี่ยลู่!!! ขึ้นมาเร็วๆ” ผมขับรถเทียบข้างทาง กวักมือเรียกเพื่อนรักให้รีบใส่เกียร์หมาวิ่งมาขึ้นรถ แต่ ‘ลู่หาน’ ที่โดนพวกกลุ่มวัยรุ่นสามสี่คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ทำให้มันหนีออกมาลำบาก “ห่าเอ๊ยยย!!”
ไม่รอเวลาไปมากกว่านี้ ผมก้าวลงจากรถอย่างไวแล้ววิ่งไปกระโดดถีบคนที่ยืนขวางทางอยู่ ก่อนจะเบิกตาโพรงเมื่อชายคนหนึ่งง้างมีดสปาต้ายาว 18 นิ้วเตรียมฟันเข้าที่แขนลู่หาน
ไวเท่าความคิดผมวิ่งไปกระชากคอเสื้อไอ้ลู่หานออกจากตรงนั้นอย่างแรง จนคอเสื้อรัดคอมันจนแทบหายใจไม่ออก ดูจากมือที่มันปัดป่ายไปทั่วน่ะนะ และผลจากแรงเหวี่ยงทำให้ไอ้เพื่อนยากลงไปกลิ้งกับพื้นไม่เหลือสภาพคนหล่อ แมน แอนด์แฮนซั่มสักนิด -__-
ฟึ่บ!! ตุบตับ!! พลั่ก!!
กลุ่มคนครึ่งสิบชุลมุน ตะลุมบอนกันอยู่หลายนาทีจนเริ่มอ่อนแรง ผมมองหาทางหนีทีไล่แล้วกระชากคอเพื่อนรักอีกครั้งให้หนีไปด้วยกัน
“มึงนี่แม่ง ขยันสร้างเรื่องชิบหาย แฮ่กๆ” ระหว่างที่กอดคอวิ่งก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า บ่นแม่งซะเลย
“เออหน่า.. แฮ่ก!! มึงเอาเวลาที่บ่น... ไปหารถมึงดีกว่า..แฮ่กๆ” ลู่หานก็เหนื่อยหอบจนพูดไม่เป็นศัพท์ ขาอ่อนล้าจากการวิ่งหนีพวกมันมานานจนแทบไปต่อไปไหว ไอ้เตี้ยสะกิดผมแล้วชี้ไปที่หลบในซอกหลืบระหว่างตึก ชั่วโมงนี้ไม่มีเวลามาคิดมาก พวกเราเลยรีบวิ่งเข้าไปหลบอย่างรวดเร็ว
“เหี้ย!! เหม็น หาที่หลบดีมากเลยนะมึง” ผมเบ้หน้าให้กับถุงขยะแห้งขยะเปียกที่เป็นที่กำบังให้พวกเราอยู่ในตอนนี้
“เบาๆดิวะ พลั่ก!!” เชี่ยลู่หานตะปบปากผมแถมยังโบกหัวผมแทบสั่น ผมได้แต่ขยับปากบ่นอุบแบบไร้เสียงอยู่อย่างนั้น ขืนเสียงดังเดี๋ยวพวกมันหาเจอแล้วงานจะงอกอีกรอบ
หลังจากหลบอยู่นานจนจมูกแทบพังประสาทรับกลิ่นเกือบเสีย ผมรีบออกมาจากกองขยะเมื่อแน่ใจว่าไม่มีพวกสะถุนไล่ตามมาแล้ว
พลั่ก!!!
“ไอ้เหี้ย!!” ไอ้เตี้ยก่นด่าผมเสียงดังลั่น หลังจากฝ่ามือที่หนักอย่างกับส้นตีนของผมกระแทกเข้าที่หัวกบาลของมันอย่างจัง
“มึงสิเหี้ย ไม่แกว่งหัวหาตีนสักวันจะเป็นไรปะวะ” ผมพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย อยากจะบ่นให้หนักกว่านี้แต่ร่างกายไม่อำนวย สมองเริ่มไม่รับรู้ที่ไอ้เตี้ยข้างๆกำลังสาธยายว่าจริงๆแล้วมันต้องเป็นแกว่งเท้าหาเสี้ยน แล้วอธิบายให้ฟังว่าพวกนั้นวิ่งตามมารุมกระทืบมันได้ยังไง ดวงตาเริ่มพร่ามัวอาจเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว และคนขี้ง่วงอย่างผมที่เคยหลับตาเดินมาแล้วก็อยากจะชัตดาวน์ตัวเองเสียเดี๋ยวนี้
“ไอ้จง มึงฟังอยู่ปะวะ” ลู่หานหันมาถามผมที่เดินช้าลงเรื่อยๆจนมันที่ขาสั้นกว่าเดินนำไปแล้ว “เป็นไรวะหน้าซีดๆ หรือว่า...มึงเห็นผี!!” คนที่พูดว่าตัวเองแมนนักแมนหนากระโดดไปหลบหลังผมพลางมองซ้ายมองขวาทุกที่ที่ปกคลุมไปด้วยความมืดอย่างระแวง
‘ถึงจะมีคนเคยบอกว่าจิตใจคนน่ากลัวกว่าผีอีก แต่กูก็กลัวอยู่ดีล่ะวะ’ มันเคยบอกผมแบบนั้น
“ผีพ่อมึงดิ” ผมเอ่ยเสียงออกมาเหมือนคนหมดแรง แล้วผมก็เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องคอยมาต่อล้อต่อเถียงกับคนพูดมากปากพาตีนอย่างลู่หาน
“มึงไหวนะ...” ผมปรือตามองเพื่อนรักที่อ้าปากเตรียมพ่นประโยคกวนตีนใส่ แต่อยู่ๆมันก็หุบปากฉับแล้วชี้มาที่แขนผม “...แขนมึง”
ผมก้มมองแขนซ้ายของตัวเองที่มันชา ไร้เรี่ยวแรงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้วด้วยซ้ำ แผลสดที่ต้นแขนเป็นวงกว้างและลึกพอสมควร เลือดสีแดงสดไหลจากบาดแผลลงมาถึงปลายนิ้วเป็นทางยาว
ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเลือดที่หยดจากปลายนิ้วลงสู่พื้นหยดแล้วหยดเล่า ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะเบลอและดับวูบไปพร้อมกับสติอันเลือนลางของผม
ความคิดเห็น