ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Summer volunteer ชุลมุนวุ่นค่ายรักนักอาสา

    ลำดับตอนที่ #1 : CH :: 01 :: คุณมนุษย์ภาพวาด

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 57







    01
     

    “คุณมนุษย์ภาพวาด






     

    20 เมษายน 25xx 

    หน้าคณะมนุษยศาสตร์ เวลา 12.05 น.

     

    'อาสาหฤหรรษ์ ปั้นฝันลงสนาม 

    Playground camp #13' 

     

    'มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสนามเด็กเล่นในฝันของเด็กๆให้เป็นสนามจริงกันเถอะ!!' 

    25 เมษายน - 4 พฤษภาคม 25xx 

    โรงเรียนบ้านปลาข่อน จังหวัดขอนแก่น 

    ติดต่อสอบถาม : น้อยนิด 089-0123xxx 

                                      : punsanam@manomak.com 

    ชมรมปั้นสนาม 




     

    หลังจากสอบวิชาสุดท้ายของภาคเรียนซัมเมอร์เสร็จเรียบร้อย ฉันก็รีบติดสปีดมาแถวๆฟุตบาทหน้าคณะพร้อมกับยืนมองป้ายขนาด 0.8 x 2 เมตร(จากการคาดเดาทางสายตา)มานานเกือบๆ 10 นาที ที่จริงก็เห็นป้ายนี้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนเข้าห้องสอบแล้วล่ะ เพียงแต่ว่าช่วงเวลานั้นฉันไม่ค่อยสะดวกที่จะอ่านแบบตั้งใจ...
     

    พูดตรงๆ ก็คือ...ฉันมาสอบสายนั่นแหละU-U
     

    และพออ่านอักษรที่เรียงร้อยกันเป็นประโยคทั้งหมดจบ ฉันรู้สึกได้เลยว่า...หัวใจมันวูบวาบเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยังกับตอนนั่งเรือไวกิ้งเป็นครั้งแรก นี่คงเป็นโอกาสของฉันแล้วสินะ! โอกาส...ที่จะได้ทำสิ่งดีๆ โอกาสที่จะได้แบ่งปันในสิ่งที่หลายคนไม่มี โอกาสที่จะส่งมอบความสุขให้คนอื่น และก็แน่นอนว่า...
     

    เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ไปสัมผัสชีวิตชนบทในถิ่นอีสานอย่างใกล้ชิด!
     

    อ๊ายยยย><~
     

    แค่คิดก็มีความสุขแล้วอ่ะ ช่างจัดขึ้นมาได้ถูกช่วงเวลาม๊าก...มากกกก หลังสอบคุณแม่ตัวเล็กก็ยังไม่ได้จัดทริปส่งฉันออกนอกประเทศซะด้วยสิ คราวนี้ล่ะ! ฉันจะหาวิธีไปค่ายอาสาครั้งนี้ให้ได้ อุวะฮ่าๆ \(^O^)/
     

    แบบนี้ต้องไลน์ไปของความช่วยเหลือจากยัยเพื่อนสนิทJ
     

    'เธอๆ เรามีอะไรจะบอกล่ะ>_<'
     

    'จะบอกอะไรลูกคลื่นสุด cute คนนี้มิทราบคะ-_-?'
     

    ฉันอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะถ่ายรูปป้ายและส่งตอบกลับไป
     

    'O_o! 

    แกไปเหรอ! OMG! 

    คุณหนูเรนนี่แสนซนคนสวยที่เปรียบดั่งไข่ในหินออกไปสูดอากาศหายใจในโลกภายนอกได้แล้วเหรอ!!'
     

    นี่แหละประเด็นที่ฉันไลน์ไปหายัยลูกคลื่น...
     

    เพราะฉันเป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวจากสมาชิกทั้งหมด 4 คนในครอบครัว คุณพ่อตัวใหญ่ คุณแม่ตัวเล็ก และก็พี่ซันชายน์(พี่ชายของฉัน)ก็เลยค่อนข้างหวงฉันมากกกก...ถึงมากที่สุด ฉะนั้นเวลาที่ต้องไปในสถานที่ลำบากๆ หรือมีความเจริญไม่มาก ทั้งสามคนเลยไม่เห็นด้วยและออกกฎสั่งห้าม(เฉพาะฉัน)ไม่ให้ไปในแถบชนบทที่ห่างไกลความเจริญ
     

    เป็นครอบครัวที่รักฉันมาก...ดีเนอะว่าไหมY__Y
     

    'ไปได้...ไปได้แน่ๆ ถ้าแก...ช่วยฉันT^T'
     

    'หมายความว่า...?'
     

    'แกไปกับฉันนะ นะๆๆ พลีส~ '
     

    'ทำไมฉันต้องหาเรื่องให้ตัวเองไปลำบากด้วยล่ะ แกก็ไปคนเดียวสิ-_-'
     

    เหอะๆ ถ้าฉันไปได้อย่างที่มันพูดนะ ฉันไม่ไลน์ไปอ้อนวอนขนาดนี้หรอก L!
     

    'แกก็รู้คุณแม่ตัวเล็กกับคุณพ่อตัวโตไว้ใจแก แค่แกไปกับฉันแล้วโกหกว่าไปเที่ยวที่ไหนก็ได้สักสิบวันพวกท่านก็อนุญาตแล้วอ่าาา'
     

    อาจจะดูเหมือนฉันเป็นลูกสาวที่เลว คิดจะหลอกพ่อกับแม่แล้วยังชักชวนให้เพื่อนเข้ามาร่วมขบวนการอีก...แต่ฉันอยากไปจริงๆนะ อยากลองไปเดินทุ่งนาจริงๆสักครั้ง อยากไปขี่ควายตัวเป็นๆดู อยากทดลองกินอาหารแปลกๆที่ไม่เคยกิน....
     

    ฉันอยากไปสัมผัสชีวิตติดดินในแถบชนบทอีสานจริงๆน้าาT^T~
     

    'แกชวนฉันทำบาปเหรอ...'
     

    'อยากไปจริงๆ ขอร้องT^T'
     

    ยัยลูกคลื่นเงียบไปเกือบนาทีก่อนจะตอบกลับมาพร้อมคำตอบที่ทำเอาฉันแทบอยากกรี๊ดหลายๆ ภาษา>_<
     

    'เออๆ ฉันช่วยแกก็ได้ อยากไปดูเหมือนกันว่าชีวิตแบบนั้นมันเป็นยังไง'
     

    'น่ารักที่สุดเพื่อนฉัน กอดดดดดดดดT/////T'
     

    ด้วยความดีใจจนไม่ทันระวังฉันกระโดดหมุนตัวสามตลบราวกลับนักบัลเล่ห์ และในจังหวะนั้นเองที่หมุนตัวไปชนกับใครบางคนเข้าจนเกือบจะล้ม แต่โชคดีที่บุคคลปริศนาคนนั้นคว้าเอวฉันเอาไว้ได้ทัน น้ำหอมกลิ่น Ck be ลอยมาแตะจมูกฉันเบาๆ
     

    "โอ๊ะ~! ขอโทษค่ะ>_<"
     

    ฉันรีบผละออกมาก่อนจะหลับหูหลับตาขอโทษ อายจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตา ดีนะที่แถวๆ นั้นไม่ค่อยมีคนอยู่เยอะ
     

    ...แต่แบบว่านะ โอย~ กลิ่นน้ำหอมยังหอมติดจมูกอยู่เลย*O*
     

    "ไม่เป็นไร"
     

    เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจ ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของน้ำเสียงที่อยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ก่อนจะ...ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น...
     

    ใบหน้าขาวเนียนใสออกไปทางลูกครึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล จมูกโด่งสวยได้รูปรับกับริมฝีปากหยักสีชมพู แถมยังความสูงระดับนายแบบในนิตยาสารบวกกับรูปร่างดีแบบคนออกกำลังกาย อื้อหือ~ นี่มัน...
     

    "ภาพวาดชัดๆ "
     

    ฉันพูดออกไปคล้ายกับคนกำลังละเมอ ผู้ชายคนนี้ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดจริงๆ นะ องค์ประกอบทุกอย่างบนตัวเขามันดููลงตัวเพอร์เฟ็กต์สุดๆ
     

    "อาฮะ ฉันคือภาพวาด"
     

    คนที่บอกว่าตัวเองคือภาพวาดเลิกคิ้วมองฉันอย่างสงสัย ให้ตายเถอะ! คนอะไรหล่อแล้วยังตลกอีก มีรับมุข(ที่ไม่ได้ตั้งใจของฉัน)ด้วย นี่ควรจะขำหรือเขินดี-///-
     

    "เธอ...มีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่า"
     

    ฉันคิดว่ามีหลายปัญหาเลยล่ะ อย่างเช่นอาการ ตาพร่ามัวจากออร่าความหล่อของเขา ร่างกายที่เริ่มจะทรงตัวไม่อยู่เพราะสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนานเกินไป และที่คิดว่าหนักที่สุดคงจะเป็นไอ้ก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายนี่แหละ เต้นตุบๆๆๆ เสียงดังยังกับว่ามันไม่เคยเต้นมาก่อนแน่ะU///U
     

    เฮ้อ~ ให้ตายสิ! ไอ้อาการแปลกๆ พวกนี้หมอจะรับรักษาไหมนะ
     

    "เธอ..."
     

    โอ๊ย~! ยิ่งเขาเรียกฉันแล้วมองด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น ใจฉันก็ยิ่งเต้นแรง
     

    "เธอ..."
     

    "....."
     

    "นี่ฟังอยู่ไหม-*-?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
     

    "....."
     

    "เธอ..."
     

    มือขาวๆ โบกไปมาผ่านหน้าฉันU_U เขาถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินกลับไป วินาทีนั้นเองที่ฉันคิดว่าต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อรั้งเขาไว้...
     

    "คุณมนุษย์ภาพวาด~!"
     

    เขาหยุดเดินกะทันหัน...
     

     

    "ไปค่ายอาสาด้วยกันมั้ยคะ?!"
     


     

     

    25 เมษายน 25xx

    ณ ลานจอดรถข้างๆ ศูนย์อาหาร 

    เวลา 23.40 น.
     


    ฉันแบกเป้ใบใหญ่เดินมาถึงสถานที่นัดหมายพร้อมกับยัยลูกคลื่น รอบๆ ตัวมีคนยืนรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากเพื่อรอรถสำหรับเดินทาง จากที่ฉันเข้าประชุมทางชมรมบอกว่าค่ายครั้งนี้มีคนอาสาไปทั้งหมดหกสิบคนรวมกับคนในชมรมด้วยยี่สิบคนก็เป็นแปดสิบคน จะใช้รถบัสในการเดินทางสองคัน เป็นรถบัสของทางมหาลัยและจะออกรถตอนประมาณเที่ยงคืนเพราะไปถึงจะเช้าพอดีซึ่งจะได้มีเวลาพักผ่อน
     

    จะว่าไปแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ แฮะ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มีวันนี้...วันที่ฉันจะได้ไปเยือนชนบทแถบภาค อีสานจริงๆ ความฝันนี้ฉันฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว... ตอนที่คุณปู่ยังไม่จากพวกเราไปท่านชอบมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าท่านเดินทางไปทำงานในแถบอีสานตลอด ได้เห็นธรรมชาติที่งดงาม อาหารแปลกๆ แต่รสชาติอร่อย แถมยังมีอากาศที่บริสุทธิ์ไม่มีมลพิษจากควันรถเหมือนอยู่ในเมือง และอีกหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ
     

    พอโตขึ้นเรื่องนี้มันเลยถูกฝังอยู่ในใจฉันมาตลอด แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ไปสักครั้งเพราะทางครอบครัวกลัวว่าฉันจะลำบาก จริงๆ ฉันเคยจะแอบหนีไปเองนะแต่พี่ซันชายน์ก็จับได้ซะก่อนและหลังจากนั้นคุณแม่ตัวเล็กก็เลยส่งฉันไปต่างประเทศทุกครั้งในช่วงปิดเทอม
     

    เมื่อวันก่อนกว่าจะหลอกให้ของคุณพ่อตัวใหญ่ คุณแม่ตัวเล็กและก็พี่ซันชายน์ เชื่อว่าฉันกับยัยลูกคลื่นจะไปเที่ยวเสม็ดสิบวันก็เล่นเอาเหงื่อตกเป็นแถบๆ เลือดตานี้แทบกระเด็นT_T โดยเฉพาะพี่ซันชายน์...เอาแต่จับผิดคำพูดของฉันกับยัยลูกคลื่นตลอดเวลาแถมยังบอกอีกด้วยว่าจะขับรถไปส่งที่สนามบิน แต่โชคดีที่คุณแม่ตัวเล็กช่วยพูดให้พี่ชายฉันถึงยอม ไม่งั้นมีหวังฉันไม่ได้มานั่งรอรถอยู่ที่นี่แน่ๆU_U
     
     

    แต่คราวนี้ล่ะ! ที่ฉันจะได้ไปสัมผัสชีวิตแถบชนบทอีสานจริงๆ ซะที!!
     

    (ถึงจะรู้สึกผิดที่โกหกครอบครัวก็เถอะนะT_T)
     

    "น้องๆ พี่ๆ ที่จะไปค่ายช่วยมารวมกลุ่มกันตรงนี้ด้วยนะคะ เราจะทำการแจกป้ายชื่อให้ทุกคนและก็แนะนำพี่ๆ บางคนที่ยังไม่แนะนำตัวระหว่างที่รอรถบัสกัน!"
     

    เสียงแหลมสูงของฟักทอง(รู้จักตอนเข้าประชุมเรื่องค่าย)ตะโกนผ่านโทรโข่งสีแดงขนาดเล็กเดินประกาศไปทั่วบริเวณลานกว้างข้างๆ ศูนย์อาหารของมหาลัย หลายคนเริ่มยกกระเป๋าตัวเองเดินไปนั่งรวมกลุ่มกันใกล้ๆ กับอุปกรณ์บางอย่างที่ทางชมรมต้องขนไปเอง เสียงคุยกันจอแจเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ไม่เคยเข้าประชุมชมเริ่มดังขึ้น
     

    "แกๆ ฉันได้ยินว่าพี่ภาพวาดจะขึ้นรถบัสคันเดียวกับเราล่ะ"
     
     

    "อ๊าย~ จริงเหรอแก! สาธุขอให้ฉันได้นั่งข้างๆพี่เค้าเถอะ>/\<"
     

    ฉันมองน้องปีหนึ่งที่กำลังบนบานศาลกล่าวกับลมฟ้าอากาศยามค่ำคืนอย่างสงสัย ได้ยินคนพูดถึงผู้ชายที่ชื่อภาพวาดบ่อยๆ ตั้งแต่เข้าประชุมแล้วล่ะ ก็ไม่ได้อยากฟังหรอกนะแต่โดนคนอื่นพูดกรอกหูซะจนฉันจะเอาข้อมูลของเขาไปท่องอาขยานได้แล้วมั้ง นี่ไม่ได้เว่อร์จริงๆ (* *)
     

    จากที่ได้ยินมา...เขาเป็นลูกครึ่งไทยอีสาน - อเมริกัน เป็นผู้ชายปากเสียนิดๆ ซึ่งผิดกับหน้าตาเลยได้ฉายาว่า หล่อJPEG* เพราะเวลาอยู่นิ่งๆ จะหล่อดูดีแต่ถ้าได้พูดหรือขยับจะตรงข้ามกันทุกอย่าง(เขาว่ามาอย่างนั้นนะ) และว่ากันอีกว่าเขาคือคนที่ประธานค่ายห้ามไม่ให้เข้าร่วมประชุมและก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าเขาจะไปค่ายด้วยมั้ยจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายก่อนการเดินทาง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเคยมีเรื่องทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงชายหนุ่มรูปงามคนนี้ตอนเข้าค่ายทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นประธานค่ายเลยอุ๊บอิ๊บเรื่องที่เขาจะไปหรือไม่ไปเอาไว้ เพื่อกันผู้หญิงที่จะแอบมาใกล้ชิดเขาแทนที่จะมาอาสาทำค่ายด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ
     

    ชักอยากจะเห็นหน้า พี่ภาพวาด ที่ว่าแล้วล่ะสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะหล่อขนาดไหน...หล่อสู้คุณมนุษย์ภาพวาด(ของฉัน)ได้หรือเปล่า
     

    เฮ้อ...พอพูดถึงคุณมนุษย์ภาพวาดแล้ว...ฉันล่ะอดเศร้าใจไม่ได้~ Y_Y 

     

    ย้อนกลับไปวันที่ 20 เมษายน 25xx หลังจากที่ฉันตะโกนเรียกเขาออกไป
     

    'คุณมนุษย์ภาพวาด~!'
     

    ใช่...ฉันเรียกเขาแบบนั้นและเขาก็หยุดขายาวๆ ที่กำลังจะเดินหนีฉันไป
     

    'ไปค่ายอาสาด้วยกันไหมคะ?!'
     

    เอาตรงๆ คือตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าควรจะสรรหาคำพูดอะไรมาฉุดรั้งเขาไว้เพื่อทำความรู้จัก ในหัวมันมีแต่เรื่องไปค่ายกับใบหน้าหล่อๆ ที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดอยู่เต็มไปหมด สุดท้ายคำพูดมันเลยออกมาในรูปแบบนี้U_U
     

    และแน่นอนว่าผลลัพธ์คือ...คุณมนุษย์ภาพวาดไม่แม้แต่จะหันกลับมามองแถมยังส่ายหน้าคล้ายๆ จะตอบปฏิเสธคำชักชวนอีกด้วย เฮ้อ~ ฉันมันบ้าเองแหละที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป แถมเจอกันได้ไม่ถึงชั่วโมง ฉันก็เอาแต่มองเขาตาหวานเยิ้มไม่ยอมพูดอะไร และพอพูดก็ดันชวนเขาไปค่ายอาสาด้วยกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออีก นี่คงจะคิดว่าฉันเป็นพวกชอบหลอกล่อผู้ชายหน้าตาดีๆ ไปแล้วแน่ๆ
     

    ฮือออ~ เรื่องมันเศร้าขอเลิกเล่าแล้วกันT_____T
     

    "ทำหน้าแบบนี้กำลังเพ้อถึงคุณมนุษย์ภาพวาดอะไรของแกนั่นอีกแล้วล่ะสิ"
     

    ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมเศรษฐีสร้างแลนด์มาร์คในไอโฟนของแกต่อไปก็ไม่มีใครว่าหรอกนะลูกคลื่น-_-^
     

    "ฉันบอกแกแล้วนี่ว่าเขาคือรักแรกพบ"
     

    นี่อาจจะเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งที่ฉันพูดเรื่องรักแรกพบ(ข้างเดียว)กับคุณมนุษย์ภาพวาดให้ลูกคลื่นฟัง และผลตอบรับที่ได้กลับมาจากยัยเพื่อนสนิทคนนี้ก็คือ...
     

    "แกมโนรู้ตัวบ้างป่ะ?"
     

    อืม...อย่างที่เห็นแหละ-_-;;
     

    "ใจร้ายยยย=[]="
     

    "ฉันอยากให้แกอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงต่างหาก!"


    "แต่ฉันรู้สึกใจเต้นแรงกับเขาจริงๆ นะ เนี่ย...ไม่เคยใจเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อนเลยU////U"
     

    "เพ้อเจ้อ! ไม่คุยด้วยล่ะสร้างแลนด์มาร์คดีกว่า"
     

    ยัยลูกคลื่นยื่นมือมาดีดหน้าผากฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสร้างแลนด์มาร์คในไอโฟนต่อ อะไรกัน...ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อหรือขี้มโนอะไรสักหน่อย ฉันใจเต้นแรงกับคุณมนุษย์ภาพวาดจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะรู้สึกอะไรด้วยหรอกเพราะเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่หลังจากผ่านไปสามวัน ใบหน้าหล่อคมเข้มก็ยังคงฝังอยู่ในใจฉันตลอดแถมพอคิดถึงเขาทีไรใจมันก็สั่นทุกที...
     

    ฉันว่าฉันคงหลงรักเขาไปแล้วแน่ๆเลยU_U
     

    "เงียบๆ กันแป๊บนึงนะคะแล้วก็ช่วยแยกกลุ่มออกตามฝ่ายงานที่ได้รับมอบหมายด้วย ตอนนี้พี่น้อยนิดกำลังจะแจกป้ายชื่อแล้วก็สลากคู่ พ่อฮักแม่ฮัก** ให้ทุกคน ใครที่ได้ตัวเลขตัวเดียวกันในสลากจะได้พ่อฮักแม่ฮักคนเดียวกันและก็ทั้งขาไปและขากลับจะได้นั่งที่นั่งรถบัสข้างๆ กันนะคะ"
     

    เสียงฟักทองประกาศผ่านโทรโข่งอีกครั้ง ฉันเดินลากยัยลูกคลื่นที่กำลังมัวเมากับการสร้างแลนด์มาร์คไปต่อแถวฝ่ายงานสันทนาการ ป้ายชื่อถูกส่งต่อมาเรื่อยๆ พร้อมกับแก้วที่ใส่สลากพอถึงคิว ฉันก็หยิบกระดาษแผ่นเล็กสีเขียวออกมาก่อนจะคลี่ออกดู
     

    ' ๑๓ รถคันที่ ๑ ที่นั่ง ๕เอ '
     

    อืม... สิบสาม เลขนำโชคสินะ แต่จะโชคดีหรือโชคร้ายนั่นก็อีกเรื่อง-*-
     

    "ลูกคลื่นแกได้เลขอะไร?"
     

    "สามสิบ"
     

    ง่า...กลับกันซะงั้น แล้วฉันได้นั่งกับใครล่ะเนี่ยT^T
     

    "โอ๋ๆ~ ไม่เป็นไรนะแก ถือว่าเป็นการทำความรู้จักเพื่อนใหม่^^"
     

    ยัยลูกคลื่นพูดปลอบใจฉันพร้อมกับลูบหัวเบาๆ นี่เพื่อนนะไม่ใช่หมาเวลาเศร้าจะได้ลูบหัวปลอบใจ-_-;;
     

    "ต่อไปจะเป็นการแนะนำพี่ๆ บางคนที่ยังไม่ได้แนะนำตัวหรือไม่เคยเข้าร่วมประชุมนะคะ"
     

    ฉันไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาติดป้ายชื่อเข้ากับเสื้อของตัวเองก่อนจะเก็บแผ่นสลากพ่อฮักแม่ฮักเข้ากระเป๋าสะพายใบจิ๋ว
     

    "สวัสดีครับ พี่ชื่อภาพวาด ปีสาม วิทย์ฟิสิกส์"
     

    "อื้อหือ หล่อสมชื่อจริงๆแฮะ"
     

    ลูกคลื่นพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับเสียงแอบกรี๊ดกร๊าดดังมาจากทั่วทุกมุม...หล่อจริงเหรอ! ไหนขอดูหน้าหน่อยเถอะ
     

    OoO!!
     

    นั่นมัน...!!
     

    "คุณมนุษย์ภาพวาด!!!"
     

    ฉันเผลออุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้คนตรงหน้าอย่างลืมตัว ส่วนเขาก็ทำหน้านิ่งๆ จ้องฉันกลับมาเหมือนคนไม่รู้จักกัน แต่...นั่นใช่คุณมนุษย์ภาพวาดจริงๆเหรอ ไม่ใช่ว่าฉันเพ้อถึงเขาจนออกมาเป็นภาพโฮโลแกรมหรอกนะ!
     

    "เรนนี่แกทำอะไร คนมองหมดแล้ว!"
     

    ลูกคลื่นขยับเข้ามากระซิบฉันก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน ก็มันตกใจนี่นา...นั่นเขานะ...เขา...คุณมนุษย์ภาพวาดU_U
     

    "เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันคงจำคนผิด"
     

    เพื่อความปลอดภัยจากสายตาสงสัย(ปนอาฆาต)จากมนุษย์รุ่นน้อง รุ่นเพื่อน และรุ่นพี่จากทั่วทุกสารทิศ ฉันเลยแก้ตัวออกไปแบบลวกๆ แล้วพอบอกว่าจำผิดทุกคนต่างทำท่าโล่งอกเหมือนดีใจที่ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ภาพวาด พี่ๆ คนต่อไปก็เริ่มแนะนำตัวกันจนครบ ฉันแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ เผื่อจะจำคนผิด แต่ไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้ง มองมุมไหน หรือองศาไหน ก็คนเดียวกันชัดๆ!
     

    แต่...ท่าทางนิ่งๆ เหมือนไม่เคยเจอกันนั่นคืออะไร? กระซิกๆ T^T
     

    "โอเค พี่ๆ ก็แนะนำตัวกันครบทุกคนแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราขึ้นรถเตรียมตัวเดินทางกันเลยนะคะ ไหนๆ รถก็มาแล้ว อ้อ! ฟักทองวานคุณผู้ชายทั้งหลายช่วยขนของกันด้วยน้า~ "
     

    พวกเราทั้งหมดแยกย้ายกันไปขึ้นรถตามที่ตัวเองจับได้ในสลากพ่อฮักแม่ฮัก ส่วนพวกผู้ชายบางคนก็ไปช่วยพี่ๆ ชมรมขนของขึ้นรถ ฉันเดินไปส่งลูกคลื่นที่รถคันที่สองพร้อมกับกอดลา
     

    "ลูกคลื่น...ฉันว่าคุณมนุษย์ภาพวาดต้องเป็นเนื้อคู่ฉันแน่ๆ"
     

    "ห๊ะ? อะไรของแกเนี่ยอย่าเพิ่งเพ้อตอนนี้ได้มั้ย ยิ่งไม่ได้นั่งรถคันเดียวกันอยู่ด้วย-_-^"
     

    "แกรู้ไหม...คุณมนุษย์ภาพวาดกับพี่ภาพวาดน่ะเป็นคนๆ เดียวกันนะ~"
     

    "หา!! พูดจริงเหรอฉันนึกว่าแกอำซะอีก O_o!"
     

    ลูกคลื่นทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ...อย่าว่าแต่แกเลย...ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าคุณมนุษย์ภาพวาดจะมาอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นคนเดียวกันกับพี่ภาพวาดอีก นี่มันบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิตเกินไปแล้วนะ
     

    แต่ว่าวันนั้นเขาส่ายหน้ากับฉันทำไมอ่ะ นี่ก็เข้าใจว่าเขาปฏิเสธอยู่ตั้งนานหรือเขาอยากมาเซอร์ไพรส์ฉัน อาจจะใช่สินะ แล้วไอ้ท่าทางนิ่งๆ ที่เหมือนจำฉันไม่ได้นั่นก็จะเซอร์ไพรส์เหมือนกันใช่ไหม? อืมๆ ฉันเข้าใจล่ะ (ขอมโนเข้าตัวเองแป๊บๆ )U^U
     

    "อื้อ~ แต่เหมือนเขาจะจำฉันไม่ได้T^T"
     

    "เออๆ เอาไว้ค่อยทำความรู้จักพี่เขาทีหลังก็ได้เพราะยังไงก็อยู่ค่ายด้วยกันตั้งสิบวัน ฉันขึ้นรถล่ะ ไว้คุยกันในไลน์นะ^^"


     

    พอกอดลากับยัยลูกคลื่นเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินขึ้นมานั่งประจำที่ของตัวเอง ความตื่นเต้นกลับมาอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้นั่งรถบัสในการเดินทางแถมยังเป็นการเดินทางไปยังชนบทแถบอีสานที่ฉันใฝ่ฝันที่จะไปอีกด้วย ฮื้อ~ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเลย>_<
     

    "กรี๊ด~ พี่ภาพวาดขึ้นรถคันเดียวกันกับเราล่ะแก!"
     

    ทันทีที่ได้ยินคำว่าภาพวาดหัวใจฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นมา โอยยย~ เขาทำให้ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าการนั่งรถบัสอีก>_<
     

    "แบบนี้ก็มีลุ้นที่พี่เค้าจะนั่งข้างฉันสิ><"
     

    "พี่เขาหล่อน่าลากมากอ่ะแก!"
     

    "ยังกับหลุดออกมาจากภาพวาดแน่ะ"
     

    "บางทีก็อยากจะถามเขาว่าตกลงมาจากสวรรค์เจ็บหรือเปล่า~"

    และก็มีอีกหลากหลายคำพูดคร่ำครวญดังมาจากน้องปีหนึ่ง

    ฉันแอบชะโงกหน้าออกไปมองหน้ารถก่อนจะเห็นร่างสูงของใครบางคนที่เดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ เขาหันมาสบตาฉันเล็กน้อยก่อนจะเลยไปเบาะด้านหลัง...

    ด้านหลังของฉัน...เขานั่งข้างหลังฉัน...นั่งเบาะข้างหลังฉัน! ให้ตายเถอะ! ใจฉันสั่นจะแย่อยู่แล้ว>////< 
     

    "อ้าว~! น้องเรนนี่คะ เรานั่งถูกที่แล้วใช่มั้ย? พี่ได้ที่นั่ง 4A นะหนู"
     

    พี่อ้วน(รู้จักตอนประชุมนั่นแหละ)ทำหน้าตกใจก่อนจะถามอย่างสงสัย เอ่อ...ฉันว่าฉันก็นั่งถูกแล้วนะ หมายเลขที่นั่ง 5A และตรงนี้มันก็...
     

    ' 4A '
     

    ชัดเจนเต็มตาเลย!
     

    ฉันนั่งผิดจริงๆด้วย รู้สึกอายยยยยย(_/////_)
     

    "เรนนี่ขอโทษค่ะ พอดีตามันมัวๆ ไปหน่อย แฮะๆ"
     

    ฉันลุกขึ้นให้พี่อ้วนได้เข้าไปนั่งแทนที่ก่อนจะหันไปเจอหมายเลข 5A อยู่เบาะด้านหลังข้างๆกับ....
     

    เดี๋ยวนะๆๆ ขอตั้งสติก่อน!  นับหนึ่งถึงสามพอฮึบ! แล้วสติจงกลับมานะเรนนี่เอ๋ย~

     

    หนึ่ง...

     

    สอง...

     

    สาม...!! ฮึบ!!!

     

    ร่างกายของฉันแข็งทื่อไปโดยอัตโนมัติแต่ทว่าหัวใจมันกลับเต้นแรงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนน่าหลงใหลนั่น

     

    บอกฉันทีว่าฉันตาฝาด....


     

    คนที่นั่งข้างๆฉัน...พี่ภาพวาด...!!

     






     



     

    JPEG* หรือ Joint Photographic Experts Group เป็นรูปแบบไฟล์ภาพ สำหรับภาพถ่ายซึ่งเป็นภาพนิ่ง เช่น ภาพถ่ายธรรมชาติ คน สัตว์ สิ่งของ ฯลฯ   

    พ่อฮักแม่ฮัก** คือคนที่จะคอยดูแลเราตลอดทั้งการเข้าค่าย จะคอยดูแลเราเหมือนเป็นลูกอีกคน ทั้งให้ที่พักและอาหาร ถ้าหากเราขาดหรือลืมเอาสิ่งของอะไรไปพ่อฮักแม่ฮักก็จะคอยหามาให้ 

    สถานที่ในเรื่องเป็นไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงสถานที่ที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น









    เฮลโลวววว กับตอนที่หนึ่งฮับ
    ฝากเม้น ด้วยน้า~
    #เดี๋ยวๆมีคนอ่านมั้ย 5555
    ปล.gifเราเองนะอย่ากลัว 555555
    23/12/2557




     

     

    。SYDNEY♔
     
    Free Lines Arrow
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×