ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo / sf ] teelanid 。 ทีละนิด { chanbaek }

    ลำดับตอนที่ #1 : ※.ya! boy - (chanbaek) 50%

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 58


    CR.SQW


    YA! BOY




     




    หงุดหงิด ฮื้ม หงุดหงิดเป็นบ้าเลย!

     

    สิ่งที่บยอนแบคฮยอนคนนี้เกลียดคือใบหน้าหล่อๆกับรอยยิ้มดั่งแสงพระอาทิตย์ที่อบอุ่นในหน้าหนาวที่เย็นยะเยือกและสดใสในหน้าร้อนระอุนั่นแหละ เกลียด...เกลียดมันที่สุด!




     

     

    “เฮ้ย ลูกเพ่! อรุณ์ดิ์สวัสครับ” เสียงทักทายดังกังวานยามเช้าของวันที่แสนขี้เกียจช่วงเจ็ดโมง ท่ามกลางครอบครัวบยอนสี่ชีวิต มนุษย์เซฮุนตะโกนก้องพร้อมลุกจากเก้าอี้โค้งศีรษะมากกว่าเก้าสิบองศาให้ เห็นแล้วชวนหงุดหงิดจนอยากเอาเท้าพาดบ่ามันเหลือเกิน

     

    “ลูกพี่พ่องดิ เรียกฉันพี่ดีๆไม่ได้ไง” คนอารมณ์บูดตั้งแต่ตื่นนอนแถมความดันต่ำตีหน้ายักษ์ใส่พร้อมส่งนิ้วกลางฟัxยูให้น้องชายแท้ๆที่ชอบทำตัวเป็นยากูซ่า แต่ซ่าไม่ออก มีอย่างที่ไหนเรียกเขาลูกพี่ๆใครผ่านไปผ่านมาจะคิดยังไง ให้ตายสิ

     

    “โหย พ่อลูกเพ่ก็พ่อผมอะครับ เรียกแบบนั้นไม่แนวเลยอะ จริงด้วยสิ วันนี้โรงเรียนที่เปิดเทอมแล้วนี่นา หวายยย ความดันต่ำเลย”

     

    “ไปตายซะ”

     

    “นี่ ทำไมพวกเราสองคนทะเลาะกันแต่เช้าล่ะเนี่ย คุณก็ช่วยห้ามลูกหน่อยสิคะ”  คุณพ่อที่ถูกทักยกแก้วกาแฟร้อนๆขึ้นซดทำสีหน้าชาชิน  เพราะรู้ว่าขืนเข้าไปยุ่งคงโดนรุมคนเดียวแน่ๆ ทั้งคนพี่คนน้องน่ากลัวจะตาย พ่อจะไม่ยุ่ง

     

    “แบคฮยอนเราก็เหมือนกัน รู้ว่าเปิดเทอมทำไมเมื่อคืนนอนดึกนักล่ะ แม่ลุกมาเข้าห้องน้ำยังเห็นไฟในห้องเปิดอยู่เลย” คุณแม่เทนมเต็มแก้มใสทรงสูงส่งให้ลูกคนโตที่หน้าตาบอกบุญไม่รับ ถึงจะพยายามกลบเกลื่อนทางใบหน้าแค่ไหนมันกลับยิ่งเผยออกมาเด่นชัดมากเท่านั้น

     

    แบคฮยอนเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เป็นคนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ไม่ใช่คนโผงผางอะไร แม้ตัวเขาพยายามอดกลั้นมันไว้ก็ไม่ช่วยให้ใบหน้าเก็บงำได้

     

    “พี่ฝันถึงใครคนนั้นใช่มั้ยล่ะ” เซฮุนเอ่ยแซว

     

    “หุบปาก อย่าเอ่ยชื่อไอ้บ้านั่นมานะ”

     

    “โห ยังไม่ทันบอกเลยว่าใคร  โอ๊ย!” ลูบหัวปอยๆเมื่อมะเหงกแหลมๆของพี่เขกเข้ากลางศีรษะ “เจ็บนะ ทำไมต้องรุนแรงด้วยอ่ะ”

     

    “นี่ ใครเหรอ ทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนั้น” มารดาหันไปถามผู้เป็นน้องที่ยิ้มกริ่มมองพี่ชายกระฟัดกระเฟียดหัวเสียกับเรื่องของเขาคนนั้น

     

    “ผมไปแล้วนะครับ” แบคฮยอนหมดความอดทนกับไอ้น้องตัวแสบแล้ว กลัวว่าขืนนั่งต่อไปได้หักคอมันจิ้มน้ำพริกแน่ๆ เดี๋ยวมันก็เที่ยวโพทะนาไปทั่วอีก

     

    เขาอยากจะย้ำอีกครั้ง ว่าเกลียด เกลียดไอ้หมอนั่น ไอ้บ้าปาร์คชานยอล!

     

    “ไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกครับ” เซฮุนเว้นระยะลอบมองสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของพ่อกับแม่แล้วหัวเราะรวน  แขนยาวเรียวยกขึ้นเท้าคางแหลม มือข้างที่ว่างจิ้มไข่ดาวเข้าปากก่อนเอ่ย “ก็แค่...คนที่อยู่ดีๆ ทำเรื่องดีๆ พี่เขาก็หมั่นไส้...อ่า...นี่เกลียดหรืออะไรกันน้า”

     

    “พูดเรื่องอะไรของลูกเนี่ย กินเสร็จแล้วเก็บไปล้างด้วย เอาของพี่เราไปด้วย”

     

    วันนี้คงเป็นวันเปิดเทอมที่สนุกสุดๆแน่นอน เชื่อเขา





     






     

     

    ผมอยากจะบ้าตาย เพราะอารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่นไม่เข้าเรื่อง ต้องมาถึงโรงเรียนเช้าครึ่งกว่าชั่วโมง เร็วกว่าทุกๆวัน

     

    เช้าเปิดเทอมวันแรกท้องฟ้าปลอดโปร่งดี ไร้เมฆฝนหรือบรรยากาศอึมครึม มันเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับก้าวแรกในรั้วตลอดช่วงเวลาชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งของเขา  สองขาหยุดกึกหน้าประตูโรงเรียนทอดมองสายตายาวไกลเข้าไปตรงเส้นทางเดินแสนคุ้นตาตั้งแต่ประถม ตึกเรียนใหม่เพื่อนเรียนใหม่เป็นสิ่งที่เขากังวลใจ หากได้เพื่อนเก่าๆหรือรู้จักบ้างคงดี เลยสูดลมหายใจเข้าออกเรียกขวัญ

     

    เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าบอร์ดประกาศรายชื่อชั้นเรียนและห้องตรงอาคารเรียนมัธยมปลาย ผู้คนฝูงชนราวยี่สิบกว่าชีวิตยืนเบียดเสียดกันครื้นเครงหลากหลายอารมณ์  แบคฮยอนตัดสินใจจะมุดเข้าไปดูแต่ตั้งท่าอยู่นานแล้วไม่เห็นช่องทางเลยสักนิด

     

    ทำไมดูแล้วไม่หลบวะ ยืนทำอะไร

     

    สีหน้าบ่งบอกว่าหงุดหงิดอีกแล้ว...ทำไมอะไรมันดูวุ่นวายไปเสียหมด

     

     

    เนี่ยแหละแบคฮยอน

     

    “โอ๊ะ ขอโทษครับ”

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางคนมากมาย แต่แบคฮยอนกลับจำเสียงน่าหมั่นไส้นั่นได้หนึ่งเดียวเป็นอย่างดี

     

    เอาอีกแล้ว หมอนั่นจะยิ้มรับอะไรนักหนา คนรู้จักก็ไม่ใช่แต่กลับยิ้มให้เขาพลางก้มหัวขอโทษกับความเซ่อซ่าหน้าโง่ของตัวเองที่เผลอเหยียบเท้าแม่สาวชุดกระโปรงสีหวานนั่นเข้า ส่วนสูงของหนุ่มร่างโปร่งไม่ได้ช่วยในเรื่องการมองแม้แต่น้อย

     

    ยิ้มอยู่ได้ มีอะไรดีนักหนา

     

    ดวงตาเรียวขวางจ้องมองเขม็งไปยังร่างสูงคู่อริแต่ชาติปางก่อน กำลังล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาถือ

     

    ชิ เอามาเก๊กเพราะเมื่อกี้เผลอติ๊งต๊องใส่สาวล่ะสิ

     

    ร้อนก็ร้อนนอนก็ไม่ค่อยได้นอน! หงุดหงิด

     

    นิ้วเรียวสวยจรดปรายลงบนแผ่นกระดาษเอสี่ที่แปะบอร์ดเอาไว้แน่น  ไล่หาชื่อบยอนแบคฮยอนของตัวเองจากห้องสุดท้ายจนใกล้จะขึ้นหน้า

     

    เอ๋ หะ ห้องหนึ่ง!

     

    บยอนแบคฮยอนเลขที่สามสิบ เลขที่บ๊วยอยู่ห้องหนึ่ง


     





     

     

    ระบบการเรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป แบ่งห้องตามความฉลาดแล้วเรียงเลขที่จากความฉลาดเช่นเดียวกัน  สำหรับแบคฮยอนไม่ว่าห้องไหนๆมันก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเร่งฉลาดด้วยการเรียนพิเศษอะไร สิ่งสำคัญของการเรียนคือความเข้าใจไม่ใช่ตัวเกรด อีกทั้งพ่อแม่ไม่ได้ซีเรียสเครียดอะไรด้วย กะสบายๆให้จบมาไม่แย่จนหน้ามุดดินหนีก็พอ

     

    สองมือเดินล้วงกระเป๋ากางเกงหาห้องเรียนในอาคารกว้างสูงแปดชั้นด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะเข้าเรียน ตั้งสิบนาที...

     

    เดินทอดน่องจนพบห้องหนึ่งม.ปลายปีหนึ่ง อยู่ห้องท้ายสุดแสนเงียบสงบกับหน้าต่างรอบด้านที่เขาเล็งไว้แล้วว่าจะนั่งมุมใดมุมหนึ่ง ทว่าพอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ปิดประตูแทบไม่ทัน ถอยหลังออกห่างจากธรณีประตู เงยหน้าขึ้นมองป้ายแขวนด้านบนซ้ำหลายๆรอบจนคิ้วขมวดกันเป็นปมก้อน

     

    ทำไมเขาเข้าห้องเรียนกันเร็วจัง

     

    ครืดดด

     

    เสียงเลื่อนประตูเปิดออกอีกครั้งทำให้ทุกสายตาจ้องมองเป้าหมายผู้มาใหม่ ร่างเล็กของเด็กหนุ่มร้อยเจ็ดสิบเซ็นเดินเข้ามาด้านในห้อง ใบหน้าบอกบุญไม่รับแลไม่เป็นมิตร แผ่รังสีความสับสนกระจายทั่วห้องตั้งแต่วันแรก  

     

    “นักเรียนเข้าไปนั่งที่สิ”

     

    “ทำไมอาจารย์เข้าห้องเร็วจังครับ” แบคฮยอนถามคำถามที่ค้างคา แล้วก็พบว่าเขาไม่น่าปล่อยไก่เลยจริงๆ

     

    “อาจารย์ว่าคุณควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาในวันเปิดเรียนนะ”

     

    เพราะมันตายยังไงล่ะ

     

    อ๊ากกกก

     

    “ที่ของเธอคือสุดหลังห้องริมหน้าต่างนั่นแหละ เราจัดที่นั่งตามลำดับเลขที่แล้วเธอก็คนสุดท้าย” จะพูดบ๊วยอาจารย์คงเกรงใจ เพื่อนๆพากันหัวเราะกระซุบกระซิบกันราวกับตัวเอกในบทสนทนาคือแบคฮยอนผู้นี้

     

    หงุดหงิดชะมัด อะไรก็แย่ๆไปหมดเลยเพราะไอ้บ้านั่นแท้ๆ

     

    ขาวเล็กสั้นป้อมเดินเอื่อยลากไหล่มายังท้ายห้อง ถึงเป็นริมหน้าต่างแต่มันดูแบ่งชนชั้นแล้วเขาโหล่สุด ถึงจะได้นั่งริมหน้าต่างแต่มันไม่มีลมพัดผ่านเลยสักแอะ มันดันปิดงับกระจกไว้ แถมแปะทับด้วยกระดาษสมุดว่าชำรุด

     

    ร้อน!

     

    คนตัวเล็กลากเก้าอี้ออกจากโต๊ะเสียงครูดดังยาว ตกเป็นเป้าสายตาอีกละลอกชวนน่าหงุดหงิด ก้นหนักๆทิ้งตัวลง ขัดแจกระเป๋าแขวนห้อนไว้ตามที่เขามีให้ข้างโต๊ะ เมื่อกี้หวาดตามองรอบๆไม่เจอเพื่อนสนิทเลยสักคนเดียว ถูกจับแยกเอาไว้เลยต้อหาเพ่อนใหม่จนได้

     

    “สวัสดีแบคฮยอน”

     

    ขวับ!

     

    อิตานั่นนั่งอยู่โต๊ะข้างกัน กำลังฉีกยิ้มแฉ่งกว้างน่าโมโหไม่ยอมหุบ ทักทายเขาอีกรอบเพราะเห็นว่าไม่สนใจ คราวนี้เอื้อมมือมาสะกิดพลางกระซิบ

     

    “ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะครับ”

     

    “ปล่อยนะ” กระซิบกลับไป

     

    ไม่คิดเลยว่าที่หนึ่งในห้องอย่างหมอนี่ตอนอยู่มัธยมต้นจะมานั่งรั้งท้ายเขาแบบนี้ แถมไม่รู้สึกร้อนบ้างรึไงใส่เสื้อสเวตเตอร์ตัวโครงมา ไหนจะคำพูดครับๆชวนน่าหงุดหงิด

     

    “ขอโทษครับ ว่าแต่ดีใจจังที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ได้นั่งข้างกันอีก”

     

    “เหอะ นั่งท้ายๆดีตรงไหนบ๊วยเหมือนกันนั้นแหละ”

     

    “เอ๋”

     

    คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงถาม ไม่เข้าใจว่าเพื่อนตัวเล็กพูดเรื่องอะไรกันแน่

     

    “ก็เลขที่รั้งท้ายแบบนี้น่าดีใจตรงไหนกันฮะ”

     

    “อ๋อ ไม่ใช่นะครับ ผมเลขที่ยี่สิบห้า”

     

    หงุดหงิดอีกแล้ว!

     

    “หันไปไม่ต้องมาคุยกับฉัน”

     

    ฮึ่ย แพ้ย้อยยับ ไอ้บ้าคู่อริเบอร์หนึ่งหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มันครอบครองไป แอนตี้ล้วนๆ แค่เห็นหน้าก็อยากจับทุ่มด้วยท่าเทคควันโดงูๆปลาๆ เบื่อชะมัดต้องมานั่งข้างคนที่เกลียดขี้หน้า ไม่รู้จะยิ้มจนวันโลกแตกเลยรึไง

     

    “หยุดยิ้มด้วย!

     

    “ครับ?”

     

    เกลียดที่สุดเลยคนแบบนี้ อ๊ากกก หงุดหงิด




     

     

    คาบแรกจบไปด้วยความว่างเปล่า มีแต่กำหนดการตลอดหนึ่งเทอมเต็มไปด้วยกิจกรรม เอกสารชมรมตลอดหกเดือนนี้

     

    “ส่งหัวหน้าห้องก่อนเลิกเรียนนะ” อาจารย์สั่งประโยคสุดท้ายก่อนเดินออกไป

     

    ตามที่คาดวันแรกคือวันเล่น จะจริงจังเข้าที่ก็คงเป็นพรุ่งนี้

     

    แบคฮยอนยัดเอกสารทั้งหมดใส่ใต้โต๊ะโดยไม่เปิดมันอ่านทวนหรือกรอกอะไรทั้งสิ้น เขาทิ้งร่างอ่อนปวกเปียกลงแนบโต๊ะ หยิบเครื่องเล่นเอ็มพีสามกับหูฟังยัดใส่หูแล้วเปิดเพลง แต่ทันใดนั้น

     

    “แบคฮยอนจะเข้าชมรมอะไรเหรอครับ” เสียงทุ้มๆปลุกคนความดันต่ำขึ้นมา ใบหน้าซื่อๆไร้พิษสงนั้นแหละน่ากลัว! ไม่ทันแบคฮยอนหันมาต่อว่าก็มีเสียงเล็กๆของกลุ่มหญิงสาวหน้าห้องเข้ามาถามไถพ่อพระหน้าหล่อข้างโต๊ะ

     

    “คือ...ชานยอลจะเข้าชมรมอะไรหรอจ้ะ” เธอเอ่ยถามพร้อมเพื่อนสมุนเงี่ยหูฟัง...

     

    รวมถึงแบคฮยอนด้วย

     

    ชานยอลส่งยิ้มพิมพ์ใจแจกจ่ายไปทั่วอีกครั้ง จนคนได้รับคิดไปถึงไหนต่อไหนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญ คนตัวสูงหลังห้องกลับตอบรับอย่างสุภาพไม่เสแสร้ง

     

    “ผมอยากเข้าชมรมดนตรีครับ”

     

    ดนตรี? อมก คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกช่องสามรึไงถึงได้แสนดีเพอร์เฟ็ค แค่ฉีกยิ้มก็กินใจสาวๆไปกว่าครึ่ง ยังจะมาเล่นดนตรีอีก! หมั้นไส้

     

    “ว๊าว ดีจังเลย” หลายเสียงเริ่มประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนมากถามว่าเล่นอะไร อยากให้เล่นให้ฟังหน่อยวันหลังบลาๆ

     

    ใบหูบางกระดิกยิกๆคอยฟังบทสนทนาของกลุ่มเกาหลีมุง มากกว่าครึ่งห้องตอนนี้พากันระดมพลแก่งแย่งคุยกันกับชานยอล แค่ขวัญใจสาวๆไม่พ่อยังมีหนุ่มๆมาขอเป็นเพื่อนด้วยอีกต่างหาก เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า

     

    “คือถ้าหลักๆก็ชอบกีตาร์กับกลองครับ” ตอบแสนสุภาพส่งให้ สาวๆก็เกรี๊ดกันอีกระลอก

     

    โอ๊ย เล่นจีบสาวล่ะสิไม่ว่า อาจจะแค่พาดบ่าเดินเก๋ๆในโรงเรียน ใครจะรู้

     

    “เก่งจัง แสดงว่ามีเล่นได้มากกว่าสองอย่างล่ะสิ ชานยอลเล่นอะไรได้บ้างเหรอ”

     

    “พอดีพ่อกับแม่ผมเป็นนักดนตรีมาก่อนครับ ส่วนใหญ่เป็นดนตรีทั่วไป ผมเล่นเปียโนก่อนกีตาร์แต่กลับรักไม่เท่ากันเสียได้”

     

    “อ๊ายย เท่จัง! ฉันอยากฟังชานยอลเล่นแล้วสิ”

     

    “เฮ้ย งั้นมารวมวงกันดีมั้ยวะ”

     

    โห...มารยาสาไถได้โล่จริงๆ! มีเพื่อนเร็วไม่พอยังได้โคฟวงอีก

     

    “ได้ อยากหาวงใหม่พอดี พวกตอนม.ต้นเขาแยกยายกันไปหมดแล้ว”

     

    “เยส!

     

    อมก...พวกผู้ชายก็บ้ายอไปกับอิตานี่ด้วย เก่งไม่เท่าไรหรอก วงเก่าอะไรกัน อยู่ด้วยกันมาสามปีไม่เห็นไอ้หมอนี่พกเครื่องดนตรีหรือออกงานโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ ปากดีขี้โม้

     

    “ชานยอลนี่..เท่สุดๆไปเลย”

     

    “ใช่!

     

    เชี่ย ตะโกนดังหาอะไรนัก

     

    “ไม่หรอกครับ แหะๆ”

     

    “ใช่!ไม่เห็นจะเท่เลย”

     

    ...

     

    มือเรียวยกตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน ไหนจะเผลอทุบโต๊ะแล้วลุกพรวดพราดขึ้นมาอีก

     

    แย่ล่ะ หูฟังมัน...ไม่ได้เสียบ! แบบนี้เขาก็รู้น่ะสิว่าแอบฟังอยู่

     

    “คือ...แบคฮยอน”

     

    “นายน่ะหุบไปปากไปเลยไป๊!!” ระเบิดอารมณ์โทสะใส่คนไม่รู้เรื่องรู้ราวชั่ววูบ ก่อนวิ่งออกจากห้องหลบหนีความอับอาย

     

    “แบคฮยอน!



     

    50%
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×