คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ※.ya! boy - (chanbaek) 50%
YA! BOY
หงุดหงิด ฮื้ม หงุดหงิดเป็นบ้าเลย!
สิ่งที่บยอนแบคฮยอนคนนี้เกลียดคือใบหน้าหล่อๆกับรอยยิ้มดั่งแสงพระอาทิตย์ที่อบอุ่นในหน้าหนาวที่เย็นยะเยือกและสดใสในหน้าร้อนระอุนั่นแหละ เกลียด...เกลียดมันที่สุด!
“เฮ้ย ลูกเพ่! อรุณ์ดิ์สวัสครับ” เสียงทักทายดังกังวานยามเช้าของวันที่แสนขี้เกียจช่วงเจ็ดโมง ท่ามกลางครอบครัวบยอนสี่ชีวิต มนุษย์เซฮุนตะโกนก้องพร้อมลุกจากเก้าอี้โค้งศีรษะมากกว่าเก้าสิบองศาให้ เห็นแล้วชวนหงุดหงิดจนอยากเอาเท้าพาดบ่ามันเหลือเกิน
“ลูกพี่พ่องดิ เรียกฉันพี่ดีๆไม่ได้ไง” คนอารมณ์บูดตั้งแต่ตื่นนอนแถมความดันต่ำตีหน้ายักษ์ใส่พร้อมส่งนิ้วกลางฟัxยูให้น้องชายแท้ๆที่ชอบทำตัวเป็นยากูซ่า แต่ซ่าไม่ออก มีอย่างที่ไหนเรียกเขาลูกพี่ๆใครผ่านไปผ่านมาจะคิดยังไง ให้ตายสิ
“โหย พ่อลูกเพ่ก็พ่อผมอะครับ เรียกแบบนั้นไม่แนวเลยอะ จริงด้วยสิ วันนี้โรงเรียนที่เปิดเทอมแล้วนี่นา หวายยย ความดันต่ำเลย”
“ไปตายซะ”
“นี่ ทำไมพวกเราสองคนทะเลาะกันแต่เช้าล่ะเนี่ย คุณก็ช่วยห้ามลูกหน่อยสิคะ” คุณพ่อที่ถูกทักยกแก้วกาแฟร้อนๆขึ้นซดทำสีหน้าชาชิน เพราะรู้ว่าขืนเข้าไปยุ่งคงโดนรุมคนเดียวแน่ๆ ทั้งคนพี่คนน้องน่ากลัวจะตาย พ่อจะไม่ยุ่ง
“แบคฮยอนเราก็เหมือนกัน รู้ว่าเปิดเทอมทำไมเมื่อคืนนอนดึกนักล่ะ แม่ลุกมาเข้าห้องน้ำยังเห็นไฟในห้องเปิดอยู่เลย” คุณแม่เทนมเต็มแก้มใสทรงสูงส่งให้ลูกคนโตที่หน้าตาบอกบุญไม่รับ ถึงจะพยายามกลบเกลื่อนทางใบหน้าแค่ไหนมันกลับยิ่งเผยออกมาเด่นชัดมากเท่านั้น
แบคฮยอนเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เป็นคนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ไม่ใช่คนโผงผางอะไร แม้ตัวเขาพยายามอดกลั้นมันไว้ก็ไม่ช่วยให้ใบหน้าเก็บงำได้
“พี่ฝันถึงใครคนนั้นใช่มั้ยล่ะ” เซฮุนเอ่ยแซว
“หุบปาก อย่าเอ่ยชื่อไอ้บ้านั่นมานะ”
“โห ยังไม่ทันบอกเลยว่าใคร โอ๊ย!” ลูบหัวปอยๆเมื่อมะเหงกแหลมๆของพี่เขกเข้ากลางศีรษะ “เจ็บนะ ทำไมต้องรุนแรงด้วยอ่ะ”
“นี่ ใครเหรอ ทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนั้น” มารดาหันไปถามผู้เป็นน้องที่ยิ้มกริ่มมองพี่ชายกระฟัดกระเฟียดหัวเสียกับเรื่องของเขาคนนั้น
“ผมไปแล้วนะครับ” แบคฮยอนหมดความอดทนกับไอ้น้องตัวแสบแล้ว กลัวว่าขืนนั่งต่อไปได้หักคอมันจิ้มน้ำพริกแน่ๆ เดี๋ยวมันก็เที่ยวโพทะนาไปทั่วอีก
เขาอยากจะย้ำอีกครั้ง ว่าเกลียด เกลียดไอ้หมอนั่น ไอ้บ้าปาร์คชานยอล!
“ไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกครับ” เซฮุนเว้นระยะลอบมองสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของพ่อกับแม่แล้วหัวเราะรวน แขนยาวเรียวยกขึ้นเท้าคางแหลม มือข้างที่ว่างจิ้มไข่ดาวเข้าปากก่อนเอ่ย “ก็แค่...คนที่อยู่ดีๆ ทำเรื่องดีๆ พี่เขาก็หมั่นไส้...อ่า...นี่เกลียดหรืออะไรกันน้า”
“พูดเรื่องอะไรของลูกเนี่ย กินเสร็จแล้วเก็บไปล้างด้วย เอาของพี่เราไปด้วย”
วันนี้คงเป็นวันเปิดเทอมที่สนุกสุดๆแน่นอน เชื่อเขา
※
ผมอยากจะบ้าตาย เพราะอารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่นไม่เข้าเรื่อง ต้องมาถึงโรงเรียนเช้าครึ่งกว่าชั่วโมง เร็วกว่าทุกๆวัน
เช้าเปิดเทอมวันแรกท้องฟ้าปลอดโปร่งดี ไร้เมฆฝนหรือบรรยากาศอึมครึม มันเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับก้าวแรกในรั้วตลอดช่วงเวลาชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งของเขา สองขาหยุดกึกหน้าประตูโรงเรียนทอดมองสายตายาวไกลเข้าไปตรงเส้นทางเดินแสนคุ้นตาตั้งแต่ประถม ตึกเรียนใหม่เพื่อนเรียนใหม่เป็นสิ่งที่เขากังวลใจ หากได้เพื่อนเก่าๆหรือรู้จักบ้างคงดี เลยสูดลมหายใจเข้าออกเรียกขวัญ
เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าบอร์ดประกาศรายชื่อชั้นเรียนและห้องตรงอาคารเรียนมัธยมปลาย ผู้คนฝูงชนราวยี่สิบกว่าชีวิตยืนเบียดเสียดกันครื้นเครงหลากหลายอารมณ์ แบคฮยอนตัดสินใจจะมุดเข้าไปดูแต่ตั้งท่าอยู่นานแล้วไม่เห็นช่องทางเลยสักนิด
ทำไมดูแล้วไม่หลบวะ ยืนทำอะไร
สีหน้าบ่งบอกว่าหงุดหงิดอีกแล้ว...ทำไมอะไรมันดูวุ่นวายไปเสียหมด
เนี่ยแหละแบคฮยอน
“โอ๊ะ ขอโทษครับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางคนมากมาย แต่แบคฮยอนกลับจำเสียงน่าหมั่นไส้นั่นได้หนึ่งเดียวเป็นอย่างดี
เอาอีกแล้ว หมอนั่นจะยิ้มรับอะไรนักหนา คนรู้จักก็ไม่ใช่แต่กลับยิ้มให้เขาพลางก้มหัวขอโทษกับความเซ่อซ่าหน้าโง่ของตัวเองที่เผลอเหยียบเท้าแม่สาวชุดกระโปรงสีหวานนั่นเข้า ส่วนสูงของหนุ่มร่างโปร่งไม่ได้ช่วยในเรื่องการมองแม้แต่น้อย
ยิ้มอยู่ได้ มีอะไรดีนักหนา
ดวงตาเรียวขวางจ้องมองเขม็งไปยังร่างสูงคู่อริแต่ชาติปางก่อน กำลังล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาถือ
ชิ เอามาเก๊กเพราะเมื่อกี้เผลอติ๊งต๊องใส่สาวล่ะสิ
ร้อนก็ร้อนนอนก็ไม่ค่อยได้นอน! หงุดหงิด
นิ้วเรียวสวยจรดปรายลงบนแผ่นกระดาษเอสี่ที่แปะบอร์ดเอาไว้แน่น ไล่หาชื่อบยอนแบคฮยอนของตัวเองจากห้องสุดท้ายจนใกล้จะขึ้นหน้า
เอ๋ หะ ห้องหนึ่ง!
บยอนแบคฮยอนเลขที่สามสิบ เลขที่บ๊วยอยู่ห้องหนึ่ง
※
ระบบการเรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป แบ่งห้องตามความฉลาดแล้วเรียงเลขที่จากความฉลาดเช่นเดียวกัน สำหรับแบคฮยอนไม่ว่าห้องไหนๆมันก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเร่งฉลาดด้วยการเรียนพิเศษอะไร สิ่งสำคัญของการเรียนคือความเข้าใจไม่ใช่ตัวเกรด อีกทั้งพ่อแม่ไม่ได้ซีเรียสเครียดอะไรด้วย กะสบายๆให้จบมาไม่แย่จนหน้ามุดดินหนีก็พอ
สองมือเดินล้วงกระเป๋ากางเกงหาห้องเรียนในอาคารกว้างสูงแปดชั้นด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะเข้าเรียน ตั้งสิบนาที...
เดินทอดน่องจนพบห้องหนึ่งม.ปลายปีหนึ่ง อยู่ห้องท้ายสุดแสนเงียบสงบกับหน้าต่างรอบด้านที่เขาเล็งไว้แล้วว่าจะนั่งมุมใดมุมหนึ่ง ทว่าพอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ปิดประตูแทบไม่ทัน ถอยหลังออกห่างจากธรณีประตู เงยหน้าขึ้นมองป้ายแขวนด้านบนซ้ำหลายๆรอบจนคิ้วขมวดกันเป็นปมก้อน
ทำไมเขาเข้าห้องเรียนกันเร็วจัง
ครืดดด
เสียงเลื่อนประตูเปิดออกอีกครั้งทำให้ทุกสายตาจ้องมองเป้าหมายผู้มาใหม่ ร่างเล็กของเด็กหนุ่มร้อยเจ็ดสิบเซ็นเดินเข้ามาด้านในห้อง ใบหน้าบอกบุญไม่รับแลไม่เป็นมิตร แผ่รังสีความสับสนกระจายทั่วห้องตั้งแต่วันแรก
“นักเรียนเข้าไปนั่งที่สิ”
“ทำไมอาจารย์เข้าห้องเร็วจังครับ” แบคฮยอนถามคำถามที่ค้างคา แล้วก็พบว่าเขาไม่น่าปล่อยไก่เลยจริงๆ
“อาจารย์ว่าคุณควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาในวันเปิดเรียนนะ”
เพราะมันตายยังไงล่ะ
อ๊ากกกก
“ที่ของเธอคือสุดหลังห้องริมหน้าต่างนั่นแหละ เราจัดที่นั่งตามลำดับเลขที่แล้วเธอก็คนสุดท้าย” จะพูดบ๊วยอาจารย์คงเกรงใจ เพื่อนๆพากันหัวเราะกระซุบกระซิบกันราวกับตัวเอกในบทสนทนาคือแบคฮยอนผู้นี้
หงุดหงิดชะมัด อะไรก็แย่ๆไปหมดเลยเพราะไอ้บ้านั่นแท้ๆ
ขาวเล็กสั้นป้อมเดินเอื่อยลากไหล่มายังท้ายห้อง ถึงเป็นริมหน้าต่างแต่มันดูแบ่งชนชั้นแล้วเขาโหล่สุด ถึงจะได้นั่งริมหน้าต่างแต่มันไม่มีลมพัดผ่านเลยสักแอะ มันดันปิดงับกระจกไว้ แถมแปะทับด้วยกระดาษสมุดว่าชำรุด
ร้อน!
คนตัวเล็กลากเก้าอี้ออกจากโต๊ะเสียงครูดดังยาว ตกเป็นเป้าสายตาอีกละลอกชวนน่าหงุดหงิด ก้นหนักๆทิ้งตัวลง ขัดแจกระเป๋าแขวนห้อนไว้ตามที่เขามีให้ข้างโต๊ะ เมื่อกี้หวาดตามองรอบๆไม่เจอเพื่อนสนิทเลยสักคนเดียว ถูกจับแยกเอาไว้เลยต้อหาเพ่อนใหม่จนได้
“สวัสดีแบคฮยอน”
ขวับ!
อิตานั่นนั่งอยู่โต๊ะข้างกัน กำลังฉีกยิ้มแฉ่งกว้างน่าโมโหไม่ยอมหุบ ทักทายเขาอีกรอบเพราะเห็นว่าไม่สนใจ คราวนี้เอื้อมมือมาสะกิดพลางกระซิบ
“ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะครับ”
“ปล่อยนะ” กระซิบกลับไป
ไม่คิดเลยว่าที่หนึ่งในห้องอย่างหมอนี่ตอนอยู่มัธยมต้นจะมานั่งรั้งท้ายเขาแบบนี้ แถมไม่รู้สึกร้อนบ้างรึไงใส่เสื้อสเวตเตอร์ตัวโครงมา ไหนจะคำพูดครับๆชวนน่าหงุดหงิด
“ขอโทษครับ ว่าแต่ดีใจจังที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ได้นั่งข้างกันอีก”
“เหอะ นั่งท้ายๆดีตรงไหนบ๊วยเหมือนกันนั้นแหละ”
“เอ๋”
คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงถาม ไม่เข้าใจว่าเพื่อนตัวเล็กพูดเรื่องอะไรกันแน่
“ก็เลขที่รั้งท้ายแบบนี้น่าดีใจตรงไหนกันฮะ”
“อ๋อ ไม่ใช่นะครับ ผมเลขที่ยี่สิบห้า”
หงุดหงิดอีกแล้ว!
“หันไปไม่ต้องมาคุยกับฉัน”
ฮึ่ย แพ้ย้อยยับ ไอ้บ้าคู่อริเบอร์หนึ่งหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มันครอบครองไป แอนตี้ล้วนๆ แค่เห็นหน้าก็อยากจับทุ่มด้วยท่าเทคควันโดงูๆปลาๆ เบื่อชะมัดต้องมานั่งข้างคนที่เกลียดขี้หน้า ไม่รู้จะยิ้มจนวันโลกแตกเลยรึไง
“หยุดยิ้มด้วย!”
“ครับ?”
เกลียดที่สุดเลยคนแบบนี้ อ๊ากกก หงุดหงิด
คาบแรกจบไปด้วยความว่างเปล่า มีแต่กำหนดการตลอดหนึ่งเทอมเต็มไปด้วยกิจกรรม เอกสารชมรมตลอดหกเดือนนี้
“ส่งหัวหน้าห้องก่อนเลิกเรียนนะ” อาจารย์สั่งประโยคสุดท้ายก่อนเดินออกไป
ตามที่คาดวันแรกคือวันเล่น จะจริงจังเข้าที่ก็คงเป็นพรุ่งนี้
แบคฮยอนยัดเอกสารทั้งหมดใส่ใต้โต๊ะโดยไม่เปิดมันอ่านทวนหรือกรอกอะไรทั้งสิ้น เขาทิ้งร่างอ่อนปวกเปียกลงแนบโต๊ะ หยิบเครื่องเล่นเอ็มพีสามกับหูฟังยัดใส่หูแล้วเปิดเพลง แต่ทันใดนั้น
“แบคฮยอนจะเข้าชมรมอะไรเหรอครับ” เสียงทุ้มๆปลุกคนความดันต่ำขึ้นมา ใบหน้าซื่อๆไร้พิษสงนั้นแหละน่ากลัว! ไม่ทันแบคฮยอนหันมาต่อว่าก็มีเสียงเล็กๆของกลุ่มหญิงสาวหน้าห้องเข้ามาถามไถพ่อพระหน้าหล่อข้างโต๊ะ
“คือ...ชานยอลจะเข้าชมรมอะไรหรอจ้ะ” เธอเอ่ยถามพร้อมเพื่อนสมุนเงี่ยหูฟัง...
รวมถึงแบคฮยอนด้วย
ชานยอลส่งยิ้มพิมพ์ใจแจกจ่ายไปทั่วอีกครั้ง จนคนได้รับคิดไปถึงไหนต่อไหนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญ คนตัวสูงหลังห้องกลับตอบรับอย่างสุภาพไม่เสแสร้ง
“ผมอยากเข้าชมรมดนตรีครับ”
ดนตรี? อมก คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกช่องสามรึไงถึงได้แสนดีเพอร์เฟ็ค แค่ฉีกยิ้มก็กินใจสาวๆไปกว่าครึ่ง ยังจะมาเล่นดนตรีอีก! หมั้นไส้
“ว๊าว ดีจังเลย” หลายเสียงเริ่มประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนมากถามว่าเล่นอะไร อยากให้เล่นให้ฟังหน่อยวันหลังบลาๆ
ใบหูบางกระดิกยิกๆคอยฟังบทสนทนาของกลุ่มเกาหลีมุง มากกว่าครึ่งห้องตอนนี้พากันระดมพลแก่งแย่งคุยกันกับชานยอล แค่ขวัญใจสาวๆไม่พ่อยังมีหนุ่มๆมาขอเป็นเพื่อนด้วยอีกต่างหาก เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า
“คือถ้าหลักๆก็ชอบกีตาร์กับกลองครับ” ตอบแสนสุภาพส่งให้ สาวๆก็เกรี๊ดกันอีกระลอก
โอ๊ย เล่นจีบสาวล่ะสิไม่ว่า อาจจะแค่พาดบ่าเดินเก๋ๆในโรงเรียน ใครจะรู้
“เก่งจัง แสดงว่ามีเล่นได้มากกว่าสองอย่างล่ะสิ ชานยอลเล่นอะไรได้บ้างเหรอ”
“พอดีพ่อกับแม่ผมเป็นนักดนตรีมาก่อนครับ ส่วนใหญ่เป็นดนตรีทั่วไป ผมเล่นเปียโนก่อนกีตาร์แต่กลับรักไม่เท่ากันเสียได้”
“อ๊ายย เท่จัง! ฉันอยากฟังชานยอลเล่นแล้วสิ”
“เฮ้ย งั้นมารวมวงกันดีมั้ยวะ”
โห...มารยาสาไถได้โล่จริงๆ! มีเพื่อนเร็วไม่พอยังได้โคฟวงอีก
“ได้ อยากหาวงใหม่พอดี พวกตอนม.ต้นเขาแยกยายกันไปหมดแล้ว”
“เยส!”
อมก...พวกผู้ชายก็บ้ายอไปกับอิตานี่ด้วย เก่งไม่เท่าไรหรอก วงเก่าอะไรกัน อยู่ด้วยกันมาสามปีไม่เห็นไอ้หมอนี่พกเครื่องดนตรีหรือออกงานโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ ปากดีขี้โม้
“ชานยอลนี่..เท่สุดๆไปเลย”
“ใช่!”
เชี่ย ตะโกนดังหาอะไรนัก
“ไม่หรอกครับ แหะๆ”
“ใช่!ไม่เห็นจะเท่เลย”
...
มือเรียวยกตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน ไหนจะเผลอทุบโต๊ะแล้วลุกพรวดพราดขึ้นมาอีก
แย่ล่ะ หูฟังมัน...ไม่ได้เสียบ! แบบนี้เขาก็รู้น่ะสิว่าแอบฟังอยู่
“คือ...แบคฮยอน”
“นายน่ะหุบไปปากไปเลยไป๊!!” ระเบิดอารมณ์โทสะใส่คนไม่รู้เรื่องรู้ราวชั่ววูบ ก่อนวิ่งออกจากห้องหลบหนีความอับอาย
“แบคฮยอน!”
※
50%
ความคิดเห็น