ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซ่อน 'ใจ' รัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ความจริง // ความฝัน ?

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 57


    ร่างเพรียวระหง บอบบางในชุดนอนผ้ามันลื่นแนบเนื้อ กระชับอ้อมแขนตัวเองให้แน่นขึ้นเพื่อสร้างความ

    อบอุ่นให้ร่างกาย ไหล่บางไหวสั่นน้อยๆเมื่อลมพัดมากระทบกับผิวกายขาวจนเริ่มแดงระเรื่อ ใบหน้าสวย

    หวานค่อยๆกวาดมองไปรอบๆบริเวณข้างกายตัวเอง ให้ต้องเบิกตาโพลงพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่

    ในอกเมื่อพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ ก้มลงดูชุดที่ใส่ก็ยิ่งต้องตกใจจนต้อง

    รีบยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้เหมือนกลัวว่าใครจะได้ยินเสียงอุทานของตัวเอง  ชุดนอนบางพริ้วของเธอที่

    ชอบใส่เวลาเข้านอน แถมยังเป็นสายเดี่ยวแบบกระโปรงอีกต่างหาก 


    นี่มันอะไรกัน ! ที่นี่ที่ไหน แล้วเรามาอยู่นี่ได้ยังไง ดวงตาหวานสั่นระริกด้วยความกลัว เธอจำได้ว่าเธอ

    กลับมาจากที่ทำงานถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงเมษิยา กำลังช่วยแม่ครัวทำอาหารเย็นอยู่ ให้เธอได้แอบย่องเข้าไป

    กอดท่านพร้อมกับหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ จนโดนดุว่าเล่นอะไรเป็นเด็กอยู่เรื่อง จากนั้นเธอก็ขึ้นห้องอาบน้ำ

    เปลี่ยนชุดและลงมาทานข้าวเย็นกับครอบครัว ขึ้นห้องดูเอกสารนิดหน่อยและเข้านอน  มันแปลกๆ ตอนนี้

    สมองเธอกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็วถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขาเรียวก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆตามแสง

    ของดวงจันทร์ที่ส่องลงมาเบียดบังกับต้นไม้ และใบไม้ หญิงสาวรู้สึกเหมือนแต่ละก้าวมันช่างยาวนานและ

    แสนไกลเมื่อไม่มีทีท่าว่าเธอจะเห็นทางออกซักนิด ดวงตาหวานเริ่มแดงกล่ำ เหลือบมองซ้ายมองขวาไป

    ตลอดสองข้างทางอย่างหวาดระแวง




                แคว๊ก ก  กรับ บ  ! เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้หญิงสาวหยุดชะงักไปชั่วขณะพร้อมกับร่างที่สั่น

    น้อยๆ ใบหน้าหวานเริ่มซีดเซียวแต่ก็ยังใจสู้ กลั้นใจค่อยๆหันหน้ากลับไปมองดูที่ต้นเสียง ดวงตากลมโตที่

    หรี่จนเล็กค่อยๆเปิดขึ้นจนสุด ว่างเปล่า ไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้และความเงียบ หญิงสาวถอนหายใจออก

    มาอย่างโล่งอกพร้อมกับขาที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า



                ว๊าย ย  ช่วย  ย  อุ๊ บบ  !! ฝ่ามือยาวปิดปากหญิงสาวไว้จนมิดพร้อมกับล็อคตัวเธออย่างแน่นหนาแล้ว

    ค่อยๆดึงร่างบางเข้าไปแอบหลังต้นไม้ใหญ่  เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วมาอยู่นี่ได้ยังไง แต่คงไม่ใช่

    พวกนั้นแน่ๆเพราะดูจากสภาพตอนนี้ มันเหมือนคนหลงป่าหรือไม่ก็บ้ามากกว่า ถึงได้ใส่ชุดนอนซีทรู วาบ

    หวิว ขนาดนี้มาเดินอยู่กลางป่ากลางดง



    เงียบๆ อย่าส่งเสียง ถ้ายังไม่อยากตาย  ร่างบางที่ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนหยุดต่อต้านทันที เธอยังไม่อยากตายใน


    ป่านี่ ขณะที่ทั้งสอบแอบอยู่หลังต้นไม้ ร่างสูงก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองสามคนกำลังวิ่งมาทางที่พวกเธออยู่

    ให้เค้าได้กอดหญิงสาวในอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม จนเธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ



    บัดซบเอ้ย มันหนีไปจนได้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง แข็งแรงสบถขึ้นอย่างหัวเสียให้ลูกน้องอีกสองคนก้ม

    หน้าก้มตาด้วยกลัวว่าความผิดจะมาลงที่พวกตน



    นายครับ ผมว่ามันหนีไปได้ไม่ไกลแน่ ป่ามืดขนาดนี้ ชายชุดดำบึกบึนพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นนาย

    ที่กำลังมองไปรอบบริเวณ


    ก็เพราะมันมืดนี่แหละ มันเลยหนีไปได้ ไอ้โง่ ไปจับตัวมันมาให้ได้ ไม่ได้คนที่จะต้องตายคือพวกแกสอง

    คน
    สิ้นเสียงผู้เป็นนายลูกน้องทั้งสองก็ตาเหลือกตาลานวิ่งไปคนละทางเพื่อหาศัตรูหมายเลขหนึ่งของเจ้า

    นาย



    ฉันรู้นะว่าเธออยู่แถวนี้ ออกมาซะดีๆ อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง ไม่งั้นเธอได้ตายศพไม่สวยแน่ ชายหนุ่ม

    ตะโกนขึ้นอย่างเหลืออดให้คนที่แอบอยู่หลังต้นไม้ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างลำบาก ชายหนุ่ม

    เดินถือปืนวนไปรอบๆบริเวณที่มีแต่ความเงียบปกคลุม แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอคนที่ตามหาให้เค้าได้แต่กำ

    หมัดแน่น



    ถ้าแกไม่ออกมา ทุกคนในครอบครัวแก พ่อกับแม่ที่แกรัก ชั้นจะจัดการส่งพวกมันไปนรกให้หมด   ร่างสูง

    กัดฟันด้วยความโกรธ พร้อมกับบีบแขนหญิงสาวอีกคนอย่างแรงจนเธอต้องยกมือขึ้นมาดึงมือเค้าออกให้

    ร่างสูงรู้สึกตัวคลายมือออกจากแขนเธอ



    ถ้าฉันออกไปเมื่อไหร่ คุณรีบวิ่งไปทางขวามือไม่เกินสองชั่วโมงจะเจอถนนเล็กๆเดินไปตามถนน โชคดี

    คุณอาจเจอคนและอาจรอด 
    ร่างสูงค่อยๆปลดมือออกจากปากหญิงสาวให้เธอสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด

    จากนั้นค่อยๆเอี่ยวตัวมามองหน้าคนที่ลากเธอมาอยู่ตรงนี้ แต่เพราะความมืดทำให้เธอไม่เห็นหน้าเค้ารู้แต่ว่า

    เค้าสูงกว่าเธออยู่นิดหน่อย



    คุณเป็นใคร แล้วทำไมพวกนั้นถึงจะฆ่าคุณ หญิงสาวกระซิบเสียงแผ่วถามอีกคนแต่ก็ได้รับแค่ความเงียบ


    กลับมาให้เธอนึกฉุน เธอไม่ชอบเวลาคุยกับใครแล้วเค้าไม่สนใจเธอ ถ้าอยู่ที่บริษัทคนที่ทำแบบนี้กับเธอคง

    ได้เก็บของกับบ้านตั้งแต่วินาทีนั้น



    หนีไปซะ ถ้าคุณไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ร่างสูงกระซิบบอกพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกสุดจากนั้นก็ก้าวออกมา

    จาหลังต้นไม้ช้าๆให้หญิงสาวอีกคนมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างรู้สึกใจหาย



    แป๊ะ แป๊ะ !  ชายหนุ่มปรบมืออย่างถูกใจ  อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าคนที่ไม่กลัวอะไร จริงๆ



    แกจะเอายังไงก็ว่ามา หญิงสาวถามหน้าตาย ตอนนี้เธออยากจะฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ตายคามือแบบไม่มีความ

    เมตตาซักนิด



    ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างที่เป็นของแก มันจะเป็นของชั้น ถ้าแกตายไปจากโลกนี้ซะ ชายหนุ่มพูด

    เสียงเย็น เค้ารอวันนี้วันที่จะได้กำจัดหญิงสาวตรงหน้า ให้คนที่ทำให้คนที่เค้ารักที่สุดต้องตาย ความเจ็บปวด

    และความแค้นมันทำให้เค้าเหมือนตายทั้งเป็น ไม่เคยมีซักวันที่เค้าจะหลับตาลงอย่างเป็นสุข แต่นับจากนี้ไป

    เค้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เพราะทุกอย่างกำลังจะจบ



    แต่ ก่อนที่ฉันจะตาย บอกเหตุผลที่ทำให้ นาย เกลียดชั้นจนอยากจะฆ่าฉัน ได้รึเปล่า หญิงสาวถามออกไป

    อย่างหมดแรง เธอคงไม่มีโอกาสรอดในสถานการณ์แบบนี้ แต่หากต้องตายอย่างน้อยก็ขอให้เธอได้รู้เหตุผลที่

    ทำให้เธอต้องตายบ้าง จะได้ไม่ค้างคา


    ไม่จำเป็น เรื่องนี้มันจะตายและหายไปจากโลกพร้อมกับแก ชายหนุ่มเล็งปืนจ่อตรงมายังหน้าผากของ

    หญิงสาว



    ลาก่อนนะคะ พ่อ แม่ หญิงสาวหลับตาลงพร้อมกับหยดน้ำตาสุดท้าย ปัง ปัง !!



    ไม่ อย่ายิง ! ” ร่างระหงสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งหน้า หอบหายใจอย่างแรงกับสิ่งที่เธอ

    เห็นอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่เธอมองไม่เห็นหน้าเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่เธอไม่รู้จักและไม่เห็นหน้าเค้าเหมือน

    กัน กำลังโดนยิงอย่างเลือดเย็น ก้มลงมองดูตัวเองพร้อมกับมองไปทั่วห้อง ให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อพบ

    ว่าเธอนอนอยู่ในห้อง แต่ทำไมเธอถึงได้ฝันอะไรน่ากลัวแบบนี้ได้  แล้วคนพวกนั้นเป็นใครถึงได้น่ากลัว

    และจ้องจะฆ่ากันแบบนั้น ถ้าเป็นความจริงเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำยังไง แต่ลึกๆเธอกลับรู้สึก


    สงสารผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน  อาจเพราะไม่อยากให้ใครต้องตาย ก็แค่นั้น


    ให้ตายเถอะ เธอนึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในฉากละครบู้ที่ผู้ร้ายกำลังจะฆ่านางเอก ยังไงอย่างงั้น หญิงสาว

    ลุกจากที่นอนไปล้างหน้าในห้องน้ำ เดินออกมาก็พบว่าตอนนี้ ตีห้ากว่าแล้ว เธอจึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำ


    ไหนๆก็ตื่นแล้วจะได้ไปใส่บาตรด้วยเผื่อสิ่งที่เธอฝันมันจะได้เป็นแค่ความฝันจริงๆ



     

    ภายในอาคารผู้โดยสาร ขาออก หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวถูกเกล้าขึ้นมวยไว้บนศีรษะหลวมๆในชุด

    เสื้อกล้ามสีเทาคลุมทับด้วยเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีดำเข้มเข้ารูป รองเท้าหนังสีดำหุ้มข้อ ดูแล้วไม่รู้จะอธิบาย

    ยังไงทั้งสวยทั้งเท่ห์ในเวลาเดียวกัน กำลังมองไปรอบๆตัวอาคารที่ผู้คนกำลังเดินไปเดินมา จนน่าปวดหัว ยิ่ง

    บางคนมองมาทางเธอแล้วทำหน้าแปลกๆ เอ๋อๆใส่จนเธอเริ่มไม่มั่นใจก้มมองร่างกายตัวเองว่ามีอะไรไม่

    เหมือนคนอื่นรึเปล่า แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรแปลกซักนิด ชุดก็ธรรมดา ออกจะดูดีในความคิดเธอซะด้วยซ้ำ 

    คิดอะไรไร้สาระอยู่ซักพักหญิงสาวจึงหยิบแว่นกันแดดสุดโปรดขึ้นมาใส่พร้อมกับลากกระเป่าเดินทางใบ

    โตออกมาจากอาคารผู้โดยสารท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เธอให้ได้เชิดหน้าแสดงความมั่นใจไว้ก่อน

    ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจเพราะรูปร่างหน้าตาที่ค่อนไปทางสวย และชุดที่ใส่เพราะหลายครั้งเธอมัก

    จะโดนคนอื่นชมเสมอว่าใส่แนวนี้แล้วดูดีมากๆ ยิ่งเธอทำตัวเงียบๆออกแนวเย็นชาด้วยแล้ว ทั้งผู้ชายผู้หญิงมิ

    วายเข้ามาคุยมาทักจนเธอไม่ปลื้มเท่าไหร่เพราะมันรบกวนเวลาส่วนตัวของเธอ ที่รักความสงบมากกว่า  แต่

    เหตุการณ์แบบนี้เธอไม่คิดว่าจะเกิดที่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเพราะทุกคนไม่มีอะไรแตกต่างกันซักนิด

    ถ้าเป็นตอนอยู่ต่างประเทศก็ว่าไปอย่าง ผู้หญิงไทยท่ามกลางฝรั่งตัวโตๆผมสีทอง ถ้าเธอจะเด่นจนเป็นที่

    สะดุดตาคนอื่นนั่นมันไม่แปลกซักนิด



                ทันทีที่ก้าวพ้นขอบประตูอาคาร หญิงสาวก็หลับตาลงช้าๆสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด พร้อมกับรอย

    ยิ้มบางๆอย่างมีความสุข ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากจริงๆ



    ได้กลับมาอยู่ถาวรซักทีนะ เมืองไทยที่รัก หญิงสาวอมยิ้มกับความคิดตัวเองก่อนจะรีบเดินออกมารอรถ

    แท็กซี่เพื่อกลับไปหาคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต คนที่ไม่เคยทำให้เธอเสียใจและเสียน้ำตาเลยซักครั้ง จะมีก็

    ไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความสุขและตื้นตันมากกว่า


    เสียงแอร์ดังลอดออกมาจากเครื่องปรับอากาศในรถให้หญิงสาวยิ้มบางๆ มีแท็กซี่คันใหม่เอี่ยมมาจอดตรง

    หน้าเธอแถมคนขับก็ยังวัยรุ่นท่าทางเจ้าชู้ใช่เล่น ชายหนุ่มโปรยยิ้มที่เค้าคงคิดว่าดูดีที่สุดให้เธอและเธอก็ยิ้ม

    มุมปากบางๆกลับไปให้เค้า และเดินไปหาแท็กซี่อีกคันที่ค่อนข้างเก่าแต่ไม่ถึงขนาดว่ารุ่นคุณปู่ แต่คนขับนี่

    ไม่ใช่ก็คงใกล้เคียงกับคุณปู่ละมั้ง เธอว่า
    ! เธอชอบสนับสนุนคนที่ขยันไม่งอมืองอเท้า ตั้งใจทำมาหากินและ

    มีจิตสำนึกในอาชีพของตัวเอง ไม่ใช่ทำเพราะไม่รู้จะทำอะไรไม่ก็มีนัยแอบแฝง เหมือนคนขับแท็กซี่วัยรุ่น

    เมื่อกี้ ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าเค้าคิดอะไรอยู่ในตอนที่ลดกระจกลงมาเรียกเธอให้ขึ้นรถ ด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม

    นั่นละคนประเภทหนึ่งที่เธอจะไม่สนทนาด้วยถ้าไม่จำเป็น




                คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยรู้สึกตัวอีกทีสายตาก็คมก็เห็นถนนที่คุ้นตา ที่เธอเคยแอบหนีมาปั่นจักรยานเล่น

    เวลาพ่อกับแม่ไปทำงาน ให้พี่เลี้ยงต้องวิ่งกระหืดกระหอบออกมาตามให้เธอได้หัวเราะคิกคักอย่างพอใจ

    และวันนั้นเองเธอก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงอีกคน คนที่ทำให้เธอหัวเราะ และร้องให้ในเวลาเดียวกัน
    …..


    คุณครับ ถึงบ้านคุณแล้วครับ หญิงสาวสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบพยักหน้าเข้าใจและเปิดประตูลงมา

    จากรถพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต ประตูรั้วเหล็กสีทองขนาดใหญ่ มองลอดเข้าไปเห็นต้นไม้ประดับอยู่


    เต็มสองข้างทาง นั่นก็คงเป็นฝีมือของคุณพ่อสุดที่รักของเธอแน่นอน หญิงสาวยิ้มให้กับเรื่องราวในวันวาน


    เมื่อตอนวัยเยาว์ของตัวเอง



    คุณครับ คุณ คุณครับ !! ”



    คะ หญิงสาวรีบตอบรับเจ้าของเสียงเรียกเมื่อซักครู่ วันนี้เธอใจลอยบ่อยเหลือเกินตั้งแต่บนรถแท็กซี่จน

    กระทั้งตอนนี้



    ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ ? ” ร่างสูงขมวดคิ้วนิดๆพลางจ้องหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(เรียกสั้นๆก็

    รปภ แต่เรียกชื่อเต็มยศซะหน่อยเดี๋ยวเค้าจะน้อยใจ
    ? )  



    มาหาคุณภูวนารถ กับคุณหญิงอินสุดา ค่ะ


    ไม่ทราบว่าได้นัดไว้รึเปล่าครับ นี่บ้านนะไม่ใช่ทำเนียบขาว จะรักษาความปลอดภัยอะไรขนาดนี้


    ไม่ได้นัดค่ะ แต่ช่วยไปเรียนท่านทั้งสองให้หน่อยได้ไหม๊คะ ว่า มินธิรา มาขอพบค่ะ ชายหนุ่มยืนคิดอยู่ซัก

    พักก่อนจะมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง ดูไม่มีพิรุดอะไร แถมยังเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก คงไม่มีอะไร

    หรอกมั้ง ชายหนุ่มคิดในใจ




    รอซักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปเรียนท่านให้ หญิงสาวยิ้มบางๆให้เค้าก่อนที่จะมองตามแผ่นหลังกว้าง

    นั้นเข้าไปข้างในตัวบ้าน พลางก้มลงเช็คสำภาระของตัวเองอีกครั้งฆ่าเวลา



    มิน ! นั่นมินใช่ไหม๊ลูก ? ” เสียงนุ่ม หวานหู สั่นเครือๆหน่อยๆตะโกนเรียกให้เธอเงยหน้าขึ้นไปมองพลาง

    ยิ้มกว้างอย่างดีใจ



    คุณแม่ คุณพ่อ !  



    มิน ลูกแม่/มินลูกพ่อ ทั้งสามคนกอดกันแน่นด้วยความคิดถึง ท่ามกลางสายตาคนในบ้านที่กลั้นน้ำตาเอา

    ไว้อย่างดีใจ



    คิดถึงคุณป๊า คุณแม่ ที่สุดในโลกเลยค่ะ หญิงสาวยิ้มกว้างพลางหอมแก้มทั้งสองคนสลับไปมาอย่างคิดถึง

    ให้คุณภูวนารถกับคุณหญิงอินสุดา น้ำตาคลอที่ได้ลูกสาวสุดที่รักกลับบ้านซักที



    เข้าบ้านก่อนนะลูก กลับมาเหนื่อยๆ แถมไม่บอกพ่อกับแม่ซักคำ เดี๋ยวต้องลงโทษซักหน่อย คุณหญิงอิน

    สุดาพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆให้ลูกสาวตัวแสบ ยิ้มแหยๆอย่างสำนึกผิด



    อ๋อ นายเมือง นี่คุณมินธิรา ลูกสาวคนเดียวของฉัน ต่อไปอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนะ



    ครับๆคุณท่าน ท่าทางกลัวๆของนายเมืองทำให้มินธีราต้องรีบพาคุณหญิงผู้น่าเกรงขามเข้าบ้านไปก่อน

    จะมีการเทศน์ไปมากกว่านี้



    ป้าจันทร์ คิดถึงจังเลยค่ะ ร่างสูงเข้าไปกอดแม่นมที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเล็กจนตอนนี้เธอจะยี่สิบห้าแล้ว

    เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ

    คุณหนูของป้า คิดถึงจังเลยค่ะ ดูสิผอมลงตั้งเยอะ ไปอยู่นู้นคงลำบากแย่ใช่ไหม๊คะ มินธีรายิ้มหวานให้ป้า

    นมก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่ให้ทุกคนอมยิ้ม บรรยากาศตอนนี้อบอวลไปด้วยความสุข นานแค่ไหนแล้ว

    นะที่ไม่เห็นรอยยิ้มกว้างของทุกคนแบบนี้ คุณภูวนาถคิดในใจ พลางกระชับกอดเอวภรรยาเอาไว้หลวมๆให้

    คุณหญิงอินสุดาได้ยิ้มเขินไม่กล้าสบตาสามี



                คุยกันไปจนพอสมควร มินธีราจึงขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ให้คุณภูวนารถ

    และคุณหญิงอินสุดาเสียดายที่ไม่ได้คุยกับลุกสาวให้หายคิดถึงก่อน แต่คงไม่ดีแน่ถ้าจะรั้งลูกตัวเองไว้ทั้งๆที่

    ดูท่าทางมินธีราเหนื่อยขนาดนั้น



    วันศุกร์นี้ มีงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ของคุณวิษณุ คุณจะไปด้วยรึเปล่า ภูวนาถหันมาถามภรรยาคนสวยที่


    กำลังเหม่อลอยมองตามลูกสาวสุดที่รักไม่วางตา

    เหรอคะ? ไม่ยักรู้มาก่อนว่าเค้าสร้างเสร็จแล้ว



    ผมว่าเราชวนยัยมินไปด้วยดีไหม๊ ? จะได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจด้วย เพราะยังไงลูกสาวเราก็ต้อง

    รับตำแหน่งรองประธานบริษัทในอีกไม่ช้า จะเป็นผลดีกับยัยมินและบริษัทด้วยนะคุณ
    ภูวนารถอธิบายจน

    คุณหญิงอินสุดาเริ่มคล้อยตาม



    แต่ลูกเพิ่งกลับมานะคะ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะคุณ ลูกอาจยังไม่พร้อมก็ได้



    ผมไม่ได้บอกว่าจะให้ลูกเข้าไปทำงานในบริษัทวันนี้พรุ่งนี้ซะหน่อย คุณก็รู้ผมรักลูกแค่ไหน เรื่องอะไรที่

    ทำให้ลูกไม่มีความสุขผมไม่ทำแน่นอน



    ฉันรู้ค่ะ เอาไว้เดี่ยวฉันถามลูกก่อนนะคะ ว่าแกอยากไปรึเปล่า


    โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ ภูวนารถยิ้มให้กับภรรยาก่อนจะหอมแก้มไปหนึ่งทีให้คุณหญิงฟาด

    เข้าที่แขนเบาๆอย่างขวยเขิน



    รีบกลับมานะคะ ห้ามไปเถลไถลที่ไหน ไม่งั้นได้นอนนอกห้องแน่



    จร้า ! รักคุณนะ



    รักคุณเหมือนกันค่ะ นี่แหละสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเธออยู่มาได้ไม่สั่นคลอนเพราะคนนอกที่เหมือนจะ

    พยายามเข้ามาสร้างความร้าวฉานอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะกับสามีสุดหล่อของเธอ แต่ทุกครั้งทั้งเธอและสามี

    ก็ผ่านมันมาได้ เพราะ ความรัก และเชื่อใจ กันเสมอตั้งแต่วันแรกที่ตกลงแต่งงานกันจนถึงวันนี้
    ….



                 

     

    ก๊อก ก๊อก !     ขออนุญาตค่ะ ท่านรอง


    มีอะไรเหรอคะ คุณอรพรรณ ? ” หญิงสาวร่างบางเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมาถามพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ


    คือ ดิฉันเอารายงานกำหนดการจัดงานวันศุกร์นี้มาให้ท่านรองพิจารณาก่อนค่ะ เผื่อจะได้แก้ไขเพิ่มเติม

    แฟ้มเอกสารถูกวางไว้อย่างเบามือบนโต๊ะทำงานให้หญิงสาวยิ้มให้กับท่าทางนอบน้อมของเลขาส่วนตัวคน

    นี้เหลือเกิน



    ขอบคุณมากนะคะพี่อร แล้วบอกตั้งกี่ครั้งแล้วคะ ว่าเวลาอยู่สองคนไม่ต้องเรียก ท่านรอง ? ”



    เอ่อ คือ ดิฉัน อุ๊ย ! พี่ไม่ชินน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ อรวรรณหัวเราะน้อยๆกับท่าทางตลกของตัวเองที่

    แสดงออกต่อหน้าหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายตัวเองให้อีกคนได้อมยิ้มไปด้วย



    เอาเป็นว่าอันไหนสบายใจก็เรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ



    ค่ะ ท่านรอง /เอ่อท่านรองคะ เที่ยงนี้คุณภควัตรแจ้งว่าจะชวนท่านรองไปทานข้าว ไม่ทราบว่าจะให้บอกว่า

    อย่างไรดีคะ
    ? ร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเคยชินกับชายหนุ่มผู้นี้ที่เธอรู้สึกว่าเค้าว่างเหลือเกินถึง


    ได้มีเวลาแวะเวียนเข้ามาหาเธอได้ทุกเวลา

    ไม่เป็นไรค่ะ ให้เค้ามาเถอะ หญิงสาวตอบอย่างขอไปที ด้วยท่าทางนิ่งเฉยแต่ก็แฝงไปด้วยความเหนื่อย

    หน่ายและไม่พอใจหน่อยๆ



    ถ้าท่านรองไม่สะดวก ดิฉันโทรไปแจ้งคุณภควัตรให้ดีกว่าไหม๊คะ ? ”



    ขอบคุณนะคะ แต่เรย์ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ  เมื่อประตูห้องถูกปิดลงหญิงสาวในชุดสูทเข้ารูปสีครีมก็พาตัว

    เองไปยืนอยู่หน้าระเบียงห้อง ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆในใจก็คิดถึงเรื่องของคนที่แวะเวียนเข้ามาจีบเธอ มี

    ตั้งแต่ระดับพนักงานทั่วไปจนกระทั้งผู้บริหาร แต่ที่หนักสุดคงจะหนีไม่พ้น ภควัตร ผู้กองหนุ่มไฟแรงที่

    เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงาน ฐานะทางบ้างและหน้าตาในสังคม คนอื่นมักจะคอยเชียร์ให้เค้าและเธอตกลง

    คบกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แม้แต่พ่อแม่เธอเองก็ยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย มีแต่เธอละมั้งที่ไม่คิดแบบนั้น เธอ

    เห็นเค้าเป็นแค่เพื่อนคนนึงเท่านั้นไม่ได้คิดเกินเลยไปมากกว่านี้ซักนิด ขนาดเธอบอกเค้าไปแล้วว่าเธอคิด

    อย่างไรเค้าก็ยังยืนกรานจะรอและขออยู่แบบนี้ ซึ่งนั้นเธอก็ไม่ได้ท้วงติงหรือคัดค้านอะไรก็ในเมื่อเธอบอก

    เค้าไปแล้วกับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนเค้าจะยังไงมันก็อีกเรื่อง   เมื่อไหร่นะเธอจะเจอคนที่ทำให้เธอรู้สึก

    หวั่นไหว อยากอยู่ใกล้ๆอยากดูแลบ้าง หรือว่าเธอจะรักใครไม่เป็นจริงๆ
    ….

     

     

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×