คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 00
อีกคนนึงก็จะพยายามเดินตาม
จนกว่าทั้งคู่จะสามารถเดินไปด้วยกันได้. .
“มาสมัครเรียนครับ”
“ไม่รับ”
“แต่ผมอายุ18แล้วนะ ทำไมยังไม่รับผมอีก”
“ฉันเปลี่ยนกฎใหม่แล้ว ฉันรับแค่คนที่อายุถึง20”
“ได้ไงอะพี่ ก็ไหนตอนแรกบอกว่าอายุ18ก็เรียนได้แล้วไง”
“ก็ตอนนี้ไม่ได้แล้วอะ”
เด็กหนุ่มผมดำมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ มือข้างซ้ายเอื้อมไปหยิบใบสมัครเรียนบนเคาท์เตอร์ที่คนตรงหน้าไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจจะหยิบมันขึ้นมาอ่านเลยสักนิด เขาหยิบมันขึ้นมาถือไว้ หมุนตัวหันกลับไปที่ประตูทางเข้าอย่างช้าๆก่อนที่จะก้าวเท้าเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
เด็กหนุ่มร่างสูงเดินคอตกกลับเข้ามาที่รถของตัวเอง พร้อมกับนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“คุณโอ เซฮุนจะไปไหนต่อครับ”
เสียงเรียกจากคนขับรถทำให้เซฮุนหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
“กลับบ้าน. .”
“โอเคครับ แล้วตกลงเป็นยังไงบ้างครับ เขารับมั้ย”
เซฮุนส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ สายตาก็จดจ้องไปสถานที่ที่เขาเพิ่งโดนปฏิเสธมา ลุงคนขับรถมองเห็นสายตาผิดหวังของเซฮุนจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ทำไมคุณถึงเอาแต่มาสมัครเรียนดนตรีที่นี่หล่ะครับ ทั้งๆที่เขา. .”
“. .ปฏิเสธผม ใช่เขาปฏิเสธผมมาตลอด ”
คนขับรถรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่พูดตรงเกินไป บางทีเขาคำพูดของเขาอาจจะไปทำร้ายจิตใจคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายเขาเป็นอย่างมาก
“อ เอ่อขอโทษครับ” คนขับรถกล่าวคำขอโทษพร้อมกับหลุบตาลงต่ำ
“วันแรกที่ผมมาสมัครเรียนที่นี่ เขาบอกผมว่าเขาไม่สอนคนที่อายุยังไม่ถึง18 ผมก็เลยรอ. .จนวันนี้ผมอายุ18ปีแล้ว แต่เขากลับมาบอกผมว่าเขาจะไม่สอนคนที่อายุยังไม่ถึง20”
คนขับรถมองไปที่กระจกก็เห็นดวงตาอันเศร้าหมองของเซฮุนอย่างชัดเจน เขาเลือกที่จะเงียบและฟัง การที่เซฮุนพูดกับเขายาวๆแบบนี้มันแตกต่างจากทุกครั้ง ปกติเซฮุนมักจะนั่งเงียบๆ คนขับรถรู้สึกดีที่อย่างน้อยเซฮุนก็เลือกที่จะไว้ใจเขาและระบายสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมา
“นี่ผมต้องรอต่อไปอีกใช่มั้ย. .” ความรู้สึกของเซฮุนในตอนนี้เหมือนดวงจันทร์ที่แทบไม่เหลือความสว่างแล้วแต่ก็มีเมฆหมอกลอยมาบดบังมันให้มืดลงอีกมากกว่าเดิม
“. . ผมกลัวว่าผมจะรอไม่ไหว”
“ลู่หานชมรมเราเต็มยังวะ”
“ยังเลย ขาดอีก3คน”
เด็กหนุ่มผิวสีแทนเอ่ยถามเพื่อนของเขาที่กำลังนั่งคัดกรองใบรายชื่อของคนที่สมัครเข้าชมรมดนตรีของเขา จงอินเป็นหัวหน้าชมรม ส่วนลู่หานเป็นรองหัวหน้าชมรม เขาเก่งดนตรีในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ กลอง แต่ที่เห็นได้ชัดๆคงจะเป็นเปียโน เพราะลู่หานชอบการเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาเล่นมันได้ดีที่สุด
ในขณะที่ลู่หานและคิม จงอิน กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ก็มีบุคคลที่สามยื่นใบสมัครขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองทำให้ทั้งคู่หยุดการสนทนาลง
“มาสมัครเข้าชมรมนี้ครับ”
“อ้อ พอดีเลย ชมรมเราขาดอีก3 ค. .”
“ไม่รับ เต็มแล้ว”
คิม จงอินหันหน้าไปมองเพื่อนของเขาด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าลู่หานพูดแทรกเขาขึ้นมา มือก็กำลังเก็บรวบรวมใบรายชื่อเตรียมจะกลับแล้ว
“ลู่หานเป็นไรวะ ก็ไหนบอกว่าชมรมเรายังไม่เต็มไง”
“ฉันจำผิด ชมรมเราเต็มแล้ว”
“อะไรของแกเนี่ยลู่หาน แกเป็นอะไรวะ อย่าเดินหนีดิเห้ยย” จงอินตะโกนตามหลังลู่หานที่เร่งฝีเท้าเดินออกไปจากห้อง แต่ลู่หานก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมาตามเสียงเรียกของจงอินเลยสักนิด
“นายปีหนึ่งหรอ”จงอิน หันกลับมาถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ครับ ผมเข้าชมรมนี้ได้ใช่มั้ยครับ”
“ได้ๆ พี่รับนายเข้าขมรม ไม่ต้องไปสนใจเพื่อนพี่มันหรอก มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ อ้าว เฮ้ยเดินไปตั้งแต่เมื่อไรวะ โว้ยยยยยยยย ทำไมชอบเดินหนีกันอยู่เรื่อยเลย”
คิม จงอินที่หันกลับมาอีกทีก็เห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเดินออกห่างไปไกลแล้ว เขาจึงตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ไม่มีใครสนใจเขาเลย
ลู่หานเดินลิ่วๆออกมาเพราะไม่อยากร่วมสนทนากับเด็กหนุ่มคนนั้นมาก ตั้งแต่ที่ไปสมัครเรียนดนตรีกับเขาที่ร้านแล้วตอนแรกก็ว่าจะรับแต่พอรู้ว่าเป็นผู้ชายที่ชื่อโอ เซฮุน เขาจึงอ้างไปว่าโรงเรียนสอนดนตรีของเขาสอนแค่คนที่มีอายุ18ปีขึ้นไปทั้งๆที่จริงๆแล้ว อายุมันเกี่ยวกับการเรียนดนตรีซะที่ไหนกันหล่ะ
ลู่หานเปลี่ยนจากการเร่งฝีเท้าเป็นการเดินอย่างช้าๆแทนเมื่อพ้นออกมาจากมหา’ลัยแล้ว เขาเดินก้มมองพื้นถนนพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับใครบางคนที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขา. .
เขาคิดว่าเขาลืมคนๆนั้นไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วไม่เคยลืมเลยสักนิด. .
คนๆนั้นยังอยู่ในทรงจำของเขามาตลอด. .
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดไปเรื่อยลู่หานก็ร็สึกเหมือนกับว่ากำลังมีใครบางคนเดินตามเขามา เขาจึงเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง และเขาก็คิดไม่ผิด มีคนกำลังเดินตามเขามาจริงๆ และคนๆนั้นก็คือบุคคลที่ลู่หานไม่อยากจะเสวนาด้วย
“ก็บอกว่าไม่รับไง จะตามฉันมาทำไม”
“ผมไม่ได้ตาม”
“ก็เห็นๆอยู่ว่าตาม ไปให้พ้นเลยนะ”
ลู่หานตวาดออกไปด้วยความโมโหโดยไม่ได้เห็นสีหน้าผงะและตกใจของคนตรงหน้าเลยสักนิด
“นายต้องการอะไร เซฮุน”
เซฮุนมองจ้องไปที่ดวงตาของลู่หานอย่างสื่อความหมาย มีความรู้สึกหลายอย่างอัดอั้นอยู่ในหัวใจดวงน้อยของโอ เซฮุน เขากำกระเป๋ากางเกงแน่นก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“พี่จำชื่อผมได้แล้วหรอครับ ผมคิดว่าพี่ลืมมันไปแล้วซะอีก”
ลู่หานยืนนิ่งเงียบอยู่นานท่ามกลางผู้คนที่สัญจรบนท้องถนน ดวงอาทิตย์ที่ถูกเมฆหมอกบดบังจนมืดครึ้มค่อยๆเลือนหายไปเผยให้เห็นแสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องลงมาอีกครั้ง
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเซฮุน เท้ายาวก้าวตรงเข้ามาหาลู่หาน ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบร่มที่ลู่หานถืออยู่ขึ้นมากลางให้
“นาย . . ”
“ ไม่ต้องห่วง ผมก็มีร่มของผมเหมือนกัน ผมยังจำได้นะว่าพี่ไม่ชอบใช้ร่มคันเดียวกับผม ”
เซฮุนพูดจบก็ชูร่มของตัวเองให้ดูก่อนที่จะกางออกพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้คนตรงหน้า เขาขยับเข้ามาหาลู่หานอีกครั้งก่อนที่จะเอื้อมมือดันตัวลู่หานให้หันกลับไปอีกทาง
“พี่กลับบ้านเถอะ ผมไม่ตามพี่แล้ว”
ลู่หานที่ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอของเขา เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ จึงเลือกที่ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆตามบอกของเซฮุน ไม่ว่าจะเดินไปข้างหน้านานมากแค่ไหนแล้วแต่เขาก็ยังคงรู้สึกเหมือนเดิม เขารู้สึกว่าเซฮุนยังคงเดินตามเขามาอย่างเงียบๆเหมือนเดิม
ทางเดินเท้าที่มีคนมากมายเดินผ่านมา รถหลายคันที่สัญจรอยู่บนถนน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่กลับรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีเพียงแค่เขาสองคน
ความสมหวังบอกให้เราเชื่อมั่นในความฝัน
ความผิดหวังบอกให้เรายอมรับในความจริง. .
Cr.นิ้วกลม
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น