คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1
บ้านที่ไม่ใช่บ้าน ครอบครัวที่เหมือนไม่ใช่ครอบครัว “ยูริ” คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่จำความได้ ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก ยูริมักจะมีความรู้สึกเสมอ ว่าจะเป็นไปได้ไหม ที่คนอย่างเขาจะเกิดมา มีคนที่ได้ชื่อว่า “ครอบครัว” จริงๆสักคน ฐานะทางสังคมของยูริ คือทายาทตระกูลยากูซ่าเก่าแก่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น จนถึงตอนนี้ครอบครัวของเธอก็ยังคงมีความน่าเกรงขามในสังคมอยู่มากโข และเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ทายาทคนเดียวอย่างยูริ เกิดมามีพรสวรรค์ติดตัวที่คนธรรมดายากจะพบ ยูริสามารถได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนแม้จะเบาสักแค่ไหน กระทั่งเสียงน้ำหยดลงบนพื้น ยูริก็ยังสามารถแยกออกได้ว่าเสียงนั้น อยู่ตรงไหน
“ให้คนไปตามยูริมา” และนี่ก็เช่นกัน ยูริที่นั่งอยู่บริเวณหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูล สามารถได้ยินเสียงของผู้เป็นอาแท้ๆ ที่รับดูแลพร้อมกันนั้นก็ยังเป็นผู้รักษาการของแก๊งเพราะเมื่อยูริอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์เมื่อไร ถึงจะสามารถขึ้นเป็นประมุขของแก๊งได้ หลังจากพ่อและแม่ตาย ยูริก็ไม่มีครอบครัวที่ไหนอีก ร่างสูงอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในชีวิตที่พอจะไว้ใจได้ก็มีแต่พ่อบ้านจง ที่คอยเป็นคนดูแล เพราะร่างสูงรู้ดีว่าไม่เคยมีใครหวังดีกับตัวเองเลยสักคน รวมทั้งอาแท้ๆของตัวเองด้วย
“คุณหนูครับ คุณท่าน........” ร่างสูงที่นั่งอยู่ยกมือขึ้นห้ามก่อนที่ลูกน้องของผู้เป็นอาจะเอ่ย ยูรินั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อพิจารณาความคิด เขารู้ว่าถ้าเข้าไปพบผู้เป็นอาตอนนี้จะต้องเจอกับอะไร พ่อบ้านจงชายแก่ที่ยืนอยู่หันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคุณหนูอย่างรู้ทัน เพราะในบรรดาคนทั้งหมด มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความสามารถอีกอย่างของยูริ แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่คุณหนูไว้ใจ บอกความลับนี้ให้รู้
“คุณหนูครับ” เอ่ยเรียกเบาๆ ยูริทำได้แค่หันมามองชายแก่ที่เรียก แล้วยิ้มให้
“ยูลรู้ค่ะ ว่าเขาคิดจะทำอะไร” ยูริพูดอย่างรู้ทันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงเดินนำชายแก่อย่างพ่อบ้านจงเข้ามาในตัวคฤหาสน์ เดินผ่านลูกน้องมากมายที่ยืนก้มหัวคำนับยูริเป็นแถว ยูริรู้ทั้งหมดว่าในที่นี้ใครที่คิดดีและไม่ดีกับตัวเอง ร่างสูงทำได้แต่เดินไปเงียบๆเท่านั้น
“ว่าไงยูล? มาแล้วเหรอ” ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐาน นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ รอบข้างมีลูกน้องมากว่าห้าคน ยืนอยู่ใกล้ๆ คนๆนี้ยิ้มให้ยูริอย่างเปิดเผย แต่ใครจะรู้ว่าเขาคือคนที่...........คิดจะฆ่ายูริ
“คุณอามีอะไรหรือเปล่าคะ?” เอ่ยถามโดยที่ยังคงไม่นั่งลง ยูริมองหน้าผู้เป็นอาให้ชัด ก่อนจะใช้ความสามารถที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพื่ออ่านความคิดของชายผู้นี้ พ่อบ้านจงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็มองไปรอบๆ คนทั่วไปจะรู้แค่ว่า ทายาทของแก๊งมีความสามารถในการได้ยินที่เป็นเลิศ แต่มีเพียงพ่อบ้านจงเท่านั้นที่รู้ว่าคุณหนูของตัวเอง อ่านความคิดคนอื่นได้
“ปล่าวหรอก อาเห็นยูลดูเบื่อๆ อยากไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนไหม?” รอยยิ้มจอมปลอมนั่น ยูริเพียงเหยียดยิ้มบางๆเท่านั้น ความคิดของผู้เป็นอาที่เขารับรู้ ช่างต่างจากคำพูดนัก
“เอาสิคะ ยูลอยากไปเกาหลี วานคุณอาจัดการให้ที” พูดจบก็หันหลังเดินกลับออกมาจากห้องโดยไม่กล่าวอะไรอีก พ่อบ้านจงเดินตามออกมาเงียบๆ เขาแทบไม่ต้องถามเรื่องผลลัพธ์ที่คุณหนูเห็น เพราะดูจากสีหน้ายูริ ตอนนี้คงต้องกำลังหาวิธีจัดการอยู่
“คุณอาคิดจะรวบรวมพรรคพวก แล้วเขาจะฆ่ายูลทิ้ง” ยูริพูดด้วยสายตาที่นิ่งสงบ พ่อบ้านจงทำได้แต่เดินตามเงียบๆเท่านั้น
“แล้วคุณหนูยังจะไปเกาหลีอีกเหรอครับ?”
“ค่ะ ยูลแค่รู้สึกว่าที่เกาหลีมีอะไรบางอย่าง แต่มันยังไม่ชัดเจนแค่นั้นเอง” ยูริเดินออกมาด้านนอก ก่อนจะเป็นพ่อบ้านจงที่เปิดประตูรถให้
“แล้วคุณหนูอยากจะไปวันไหนครับ?” ยูริสวมแว่นกันแดดราคาแพงก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ร่างสูงนิ่งพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันมายิ้มกับพ่อบ้านจงที่ยืนรอคำตอบ
“พรุ่งนี้.........ยูลจะไปเกาหลีพรุ่งนี้”
.
.
.
.
.
“ทำไมต้องมีโรงเรียนด้วยว่ะ เฮ้อ” ร่างสูงของยุนอาเดินบ่นมาตลอดทาง เท้าทั้งสองข้างเดินไปโรงเรียนอย่างเบื่อหน่าย ยุนอาเป็นพวกไม่ชอบไปโรงเรียนเท่าไร เพราะเนื้อหาวิชา บทเรียนต่างๆ ร่างสูงสามารถเข้าใจมันได้ด้วยระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนๆ ยุนอาก็มักจะเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ เป็นสาเหตุให้ร่างสูงเบื่อโรงเรียนขนาดนี้
“ทำเป็นขี้บ่นนะยุนอา พี่ไม่เห็นว่าโรงเรียนจะแย่ขนาดนั้นเลย” ยุนอาหันมามองตามเสียง ก็พบกับทิฟฟานี่ พี่สาวแท้ๆของตัวเอง ยุนอามองพี่สาวของตัวเองก็อมยิ้มออกมา เพราะว่าตอนนี้ยุนอาได้มองเห็นความคิดทั้งหมดของทิฟฟานี่แล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องตลกที่คนอย่างยุนอา ที่เกิดมาในครอบครัวเล็กๆ พ่อเป็นครูมหาลัย แม่เป็นแม่บ้านธรรมดาๆ แต่ยุนอากลับมีพรสวรรค์ที่สามารถอ่านใจคนอื่นได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทิฟฟานี่ทำหน้างอ นี่โดนยุนอาอ่านใจอีกแล้วสินะตัวฉัน!
“พี่ฟานี่ พี่เองก็ไม่อยากมาโรงเรียนนี่นา ลืมแล้วเหรอว่าพี่โกหกยุนไม่ได้ ฮ่าๆๆ” เอ่ยออกมาขำๆทำเอาคนเป็นพี่โมโห มันเป็นเรื่องจริงที่คนในครอบครัวทราบ ยุนอามีความสามารถนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ในครอบครัวก็ไม่คิดจะป่าวประกาศให้ใครรู้ จึงเก็บเป็นความลับตลอดมา
“ฮวัง ยุนอา คิดว่าแค่อ่านใจคนอื่นได้แล้วจะรอดเหรอ” ทิฟฟานี่มองน้องตัวเองอย่างกินเลือดกินเนื้อ ยุนอาเองเห็นแบบนั้นก็น้ำลายฝืดคอทันที เพราะถ้าไม่รีบหนีล่ะก็ ตัวเองได้เละคาหน้าโรงเรียนได้
“ยุนจำได้ว่านัดกับหยองกี้ไว้ เดี๋ยวรีบไปหามันก่อนนะ แล้วเจอกันพี่ฟานี่” แล้วก็รีบวิ่งหนีไปทันที ทิฟฟานี่ที่เห็นก็หัวเราะออกมา ไม่ว่าอย่างไรน้องก็คือน้อง ถึงแม้เพื่อนบ้านหลายๆคนจะชอบพูดว่า ยุนอาหน้าไม่เหมือนพ่อหรือแม่เลย แต่เธอไม่สนใจ เพราะยังไงไอ้ตัวสูงจอมกวนประสาทก็คือน้องสาวที่รักของเธอ และเธอสัญญากับพ่อและแม่มาตลอดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะปกป้องยุนอาเอง
ร่างสูงของซูยองกำลังเดินย่องๆไปทางห้องเรียน ในมือมีกล่องเค้กน่ารักๆอยู่ ทำได้แต่มองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนจะมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว จึงเดินเอาไปวางไว้บนโต๊ะของใครคนหนึ่ง เป็นจังหวะที่ยุนอาเดินมาพอดี
“หยองกี้!! ทำไรอ่ะ?”
“ปะ..เปล่าๆ ยุนแกมาทำไมที่ห้องพี่ปีสามล่ะห๊ะ?”
“ฉันมาเนี่ยไม่แปลกหรอกเพราะพี่สาวฉันเรียนห้องนี้ แต่แกสิแปลก มานี่ทำไม?” ยุนอายังคงจับผิด ก่อนจะเลื่อนสายตาออกไปดูด้านหลังของเพื่อน ก็พบเข้ากับกล่องเค้กวางอยู่ ไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ ยุนอาก็รู้ว่ากล่องเค้กเป็นของเพื่อนตัวเองแน่นอน ซูยองทำได้แต่ยิ้มก่อนจะรีบฉุดมือไอ้เพื่อนตัวแสบออกมา เพราะได้ยินเสียงรองเท้านักเรียนดังมาทางห้องเรียน เสียงพูดคุยกันทำให้ยุนอารู้ว่าเป็นกลุ่มเพื่อนของพี่สาวตัวเอง หันมามองเพื่อนสนิทตัวเอง ก็พยักหน้าเข้าใจช้าๆ เอามาให้พี่ซันนี่ล่ะสิไอ้หยองกี้ คิดว่าไม่รู้หรือไง ทุกวันนี้แกล้งไม่รู้เฉยๆหรอกเว้ย
“ฟานี่ เมื่อวานฉันไปเจอเสื้อคลุมตัวนึง น่ารักมากๆ เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนเราไปดูกัน”
“ได้สิ ฉันก็อยากได้เสื้อคลุมใหม่เหมือนกัน” สองสาวคุยกันสนุกสนานเข้ามาในห้องเรียน ก็ประจวบเหมาะกับสองแสบที่ค่อยๆย่องออกทางประตูหลังห้อง
“เอ๊ะ! มาอีกแล้ว?” ทิฟฟานี่ชี้ไปที่กล่องเค้กที่อยู่บนโต๊ะเรียนของซันนี่ ร่างเล็กหยิบขึ้นมาดูก่อนจะอมยิ้ม นี่มันเค้กที่ตัวเองบ่นเมื่อวานว่าอยากกินนี่นา ใครเอามานะ
“ใครกันน้า ที่เอามาให้ เป็นคนน่ารักดีจัง” ทิฟฟานี่ยิ้มตาปิดไปที่ซันนี่ทันที ทำเอาเพื่อนสาวหน้าแดงได้ไม่ยาก
“ไม่รู้หรอก แต่ก็ขอบคุณเขาเหมือนกัน” พูดจบก็นั่งลงที่โต๊ะเรียน ทิฟฟานี่ส่ายหน้าไปมา เพราะตัวเองพอจะรู้แหล่ะว่าเป็นฝีมือใคร
“ไปกันเถอะยุน ใกล้ได้เวลาเรียนแล้วนะ”
“เหรอ ทำเป็นเอาเวลามาอ้าง เขินก็บอกเขินสิ”
“ไอ้บ้า ปล่าวเขินเว้ย ไปดีกว่า” ซูยองเดินออกหน้าไป ยุนอาก็ได้แต่วิ่งตามไปล้อเพื่อนต่อทันที ชีวิตที่แสนสงบสุขในวัยเรียน มีทั้งเพื่อน หรือความรักหวานๆเบาๆแบบซูยอง ยุนอาอยากให้ทุกวันของตัวเองสงบสุขแบบนี้ตลอดไปจัง
‘ขอให้ทุกวันของฉันมีแต่ความสุขสงบแบบนี้ตลอดไปเถอะ’
.
.
.
.
ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินออกมาจากสนามบินอินชอน สนามบินของประเทศเกาหลี ยูริหยิบแว่นกันแดดออกมาก่อนจะสวมมันเพื่อปกปิดดวงตาที่แสนนิ่งของตัวเอง ยูริไม่ชอบยิ้มให้ใคร เท่าที่เขาจำได้ ในชีวิต ยิ้มที่จริงใจที่สุดของเขา คือรอยยิ้มที่ให้กับพ่อบ้านจงคนเดียวเท่านั้น
“เราจะไปไหนกันต่อครับคุณหนู”
“ไปที่พักก่อน และบอกคนของคุณอาว่าไม่ต้องตามมา ยูลอยากอยู่ที่เกาหลีแบบคนปกติ”
“ครับ คุณหนู” พ่อบ้านจงรับคำก่อนจะหันไปสั่งกับบรรดาผู้ติดตามที่คนเป็นอาแท้ๆสั่งให้มาเพื่อคุ้มกันยูริ แต่ที่จริงแล้วคนเหล่านี้ถูกส่งมาเพื่อเฝ้าดูยูริมากกว่า ยูริเข้าไปนั่งประจำเบาะหลังของรถ โดยมีพ่อบ้านจงเดินเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ทั้งสองออกจากหน้าสนามบินไปได้ไม่นาน เครื่องมือสื่อสารของคนที่ติดตามยูริมาก็ดังขึ้น
“ครับท่าน คุณหนูออกไปแล้วครับ”
“งั้นพวกแกตามไปอย่าให้สองคนนั้นรู้”
“ครับท่าน” หลังจากวางสาย ‘ควอน ซังฮยอก’ ผู้เป็นอาแท้ๆของยูริก็ระบายยิ้มออกมา เขาคิดแผนการนี้มานานนับเดือน ล่อให้ยูริออกไปนอกประเทศ แล้วรวบรวมแก๊งพันธมิตรต่างๆ ก่อนจะใส่ร้ายหลานสาวแท้ๆของตัวเองว่าไม่สามารถดูแลแก๊งได้เพราะยังเด็ก แล้วถ้าแผนการของเขาสำเร็จ ยูริจะต้องตายที่เกาหลี แล้วแก๊งพันธมิตรจะยอมให้เขาเป็นประมุขของแก๊งอย่างไม่มีเงื่อนไข
“สั่งให้ ดีนกับเทม ไปเกาหลี รอคำสั่งก่อน ฉันจัดการทางนี้ได้เมื่อไรก็ฆ่ายูริทิ้งได้ทันที อ้อ! ไอ้แก่จงด้วย”
“ครับท่าน” ซังฮยอกยิ้มอย่างสบายใจอีกครั้ง ดีนและเทมเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ถึงแม้ยูริจะรู้ศิลปะป้องกันตัว แต่ก็ไม่น่าจะสู้กับสองคนนั้นได้
“อาจำเป็นจริงๆนะยูล เพื่อความอยู่รอดของแก๊งเรา” คำพูดที่พูดออกมานั้นช่างขัดกับใบหน้าของตัวเองยิ่งนัก ซังฮยอกยิ้มอย่างพอใจกับแผนการของตัวเองที่ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
ยุนอานั่งเท้าคางเรียนวิชาคณิตศาสตร์อย่างเบื่อหน่าย เพราะตัวเองเข้าใจมันตั้งแต่ครูอธิบายรอบแรกแล้ว แต่เพื่อนบางคนในห้องกลับสงสัยและถามกันไม่หยุด ทำให้ร่างสูงเบื่อได้ไม่ยาก ที่เห็นจะมีอะไรแก้เบื่อได้ก็มีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ยุนอานั่งเพ่งไปยังด้านหลังของเพื่อน
‘โอ๊ยเมื่อไรจะเลิกซะทีว่ะเนี่ย วิชาบ้านี่’ แล้วก็เห็นความคิดของเพื่อนที่ทำหน้าตั้งใจเรียนสุดๆ แต่ความคิดช่างขัดกับการกระทำจริงๆ ยุนอานึกขำออกมา ก่อนจะมองไปหาเพื่อนอีกคน แล้วก็ขำอีก เพราะแต่ละคนก็มีความคิดที่ฮาๆทั้งนั้น บางคนอยากเล่นน้ำทะเลทั้งๆที่ตอนนี้เรียนคณิตศาสตร์ บางคนกำลังคิดถึงเรื่องอาหารกลางวัน บางคนกำลังนึกถึงแฟน ยุนอารู้หมดทุกอย่างจึงได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง จะมีไหมใครที่เขาไม่สามารถอ่านใจออกได้
“เฮ้ยยุน วันนี้แกจะไปเดินห้างหลังเลิกเรียนกับพี่ฟานี่ไหม?” เสียงเรียกของเพื่อนสนิททำให้ยุนอาหันมามอง ยุนอานึกครึ้มจึงเพ่งมองซูยองทันที
‘ได้โปรดเถอะยุน ไปนะๆๆ ฉันจะได้เนียนบอกว่าจะไปซื้อของ แล้วทีนี้ฉันจะได้เห็นพี่ซันนี่ใกล้ๆ’
“ไม่ไป ขี้เกียจอ่ะ”
“เหรอ! เออฉันก็ถามดูเฉยๆนะ” ซูยองทำหน้าเลิกลั่ก ก่อนจะหันไปมองกระดานต่อ ยุนอาแทบหลุดขำ กับเพื่อนตัวเอง
“แต่ถ้าแกอยากจะไปซื้อของก็ ไปพร้อมพวกพี่ฟานี่ก็ได้อยู่นะ”
“เหรอ ฉันก็มีของที่อยากซื้อเหมือนกัน งั้นตามนั้นละกัน” แกนี่มันแหลสุดๆไอ้หยองกี้
.
.
.
.
ร่างสูงของยูริค่อยๆก้าวลงจากรถ ตอนนี้ยืนอยู่หน้าโรงแรมที่ผู้เป็นอาจัดหาไว้ให้ มันเป็นโรงแรมระดับต้นๆของเกาหลี ประเทศที่พ่อและแม่ของเขาเองเสียชีวิต ยูริมองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าเรียกพ่อบ้านจง
“ยูลอยากได้ที่พักอีกที่นึง”
“แล้วโรงแรมที่คุณท่านจองไว้ล่ะครับ” พ่อบ้านจงถามอย่างสงสัย
“ก็ให้เปิดไว้แบบนั้นแหล่ะ เอาของที่เราเอามาด้วยทั้งหมดไปเช็คอินเข้าโรงแรม”
“คุณหนูหมายความว่า.......”
“ถ้าเขาอยากให้เราอยู่ เราก็จะอยู่ แต่อยู่แค่ในนามเท่านั้นนะ” ยูริยิ้มออกมา เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ติดตามของอายังคงตามมาอยู่ แต่มีหรือที่ยูริจะยอมให้ถูกจับตามองง่ายๆ
“ครับคุณหนู เดี๋ยวผมจะจัดการให้” พ่อบ้านจงเรียกบริกรหน้าโรงแรมมารับกระเป๋า ก่อนที่ยูริจะเดินตามบริกรเข้าไปในโรงแรม ตามด้วยพ่อบ้านจง ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ เพื่อทำเรื่องการเช็คอิน
“คุณ ควอนยูริใช่ไหมคะ? ห้อง1A ชั้น9ค่ะ” พนักงานยื่นคีย์การ์ดมาให้ร่างสูง ยูริทำได้แต่หยิบมาแล้วเดินออกไปเท่านั้น
“คุณหนูจะออกเลยไหมครับ ผมให้คนรู้จักเอารถมาให้แล้ว ตอนนี้จอดอยู่ด้านหลังโรงแรม ไร้เงาคนของคุณท่านครับ”
“อืม” ตอบรับในลำคอเบาๆก่อนจะจัดการยื่นคีย์การ์ดให้บริกรเพื่อนำของไปไว้ในห้อง แล้วยูริก็เปลี่ยนเส้นทางเดินทันที จากที่จะตรงขึ้นไปยังชั้น9 แต่ร่างสูงกลับเดินไปด้านหลังของโรงแรมแทน
“ช่วยเงียบด้วย” พ่อบ้านจงยัดเงินให้บริกรก่อนจะเดินตามคุณหนูออกมา ยูริเข้าไปนั่งรอในรถแล้ว พ่อบ้านจงจึงรีบมานั่งประจำคนขับ
“ไปไหนดีครับคุณหนู?”
“ไปที่ที่พ่อกับแม่ตาย” พ่อบ้านจงมองคุณหนูผ่านทางกระจกหลัง ก็เห็นใบหน้าที่เศร้าลงถนัดตาของยูริ ถึงแม้จะทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าคนอื่นๆ แต่ยังไงยูริก็ยังเป็นแค่เด็กอยู่ดี
“ครับ”
.
.
.
.
“เฮ้ยยุน เสร็จหรือยัง เร็วๆสิ” ตอนนี้ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ยุนอากำลังเก็บของต่างๆลงกระเป๋าเป้ แต่ไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังเร่งอยู่นั่นแหล่ะ เข้าใจว่าอยากเจอใครบางคนเร็วๆ แต่มันลำบากเพื่อนไหมเนี่ย
“เออๆเสร็จแล้วๆ” รับไปส่งๆก่อนจะเดินออกไป สถานที่ที่จะไปคือห้องเรียนของพี่ปีสาม ยุนอากับซูยองเดินมาเรื่อยๆ ก็เจอเข้ากับ คิมแทยอน ปีสามห้องA เพื่อนของทิฟฟานี่ ยุนอามองหน้าเพื่อนพี่สาวอย่างกวนประสาทนิดๆเพราะแทยอนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ คิม อินซอง ผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดของเกาหลี พูดง่ายๆก็ลูกคุณหนูดีๆนี่แหล่ะ ยุนอาไม่ชอบพวกลูกคุณหนูที่ทำตัวดูถูกคนอื่นเท่าไร เลยชอบกวนประสาทแทยอนเล่นๆ
“ว่าไงคุณแทยอน จะกลับแล้วเหรอ”
“ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่ามาหาเรื่อง” แทยอนตอบออกมา เธอล่ะเบื่อกับไอ้สูงกวนประสาทน้องสาวของเพื่อนจริงๆ เธอไม่ใช่พวกลูกคุณหนูแบบนั้นสักหน่อย แต่ไอ้บ้านี่ก็หาเรื่องกันได้ทุกวัน
“เหรอ ยุนกวนประสาทพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ยิ้มตอบออกมา เพราะความคิดของแทยอน ยุนอารู้มันหมดแล้ว
“ไอ้บ้า ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี”
“โอ๋ๆๆ คุณหนูแทยอนโกรธแล้วเว้ย”
“ย๊า!! ฮวัง ยุนอา” แทยอนไม่พูดปล่าว แต่กลับคาราเต้ หลังมือฟาดไปที่ท้องของยุนอาอย่างแรง จนร่างสูงตัวงอไปเลย ซูยองก็ทำได้แต่หัวเราะสมน้ำหน้าเพื่อนตัวเองที่หาเรื่องใครไม่หา ดันหาเรื่องลูกนายตำรวจ
“โอ๊ย พี่แทยอนทำยุนทำไมเนี่ย?”
“ยังน้อยไป ถึงฉันจะดูเหมือนคุณหนู แต่ฉันเป็นคาราเต้นะยะ” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกัน ทิฟฟานี่กับซันนี่ก็เดินเข้ามาพอดี ซูยองเมื่อเห็นซันนี่มาก็รีบเก๊กทันที เพราะไม่อยากให้ซันนี่เห็นด้านรั่วๆของตัวเอง
“เถียงอะไรกันอยู่เนี่ย ยุนแท?”
“ก็น้องเธอน่ะสิ!!/เพื่อนพี่น่ะสิ!!”
“เอาล่ะๆ รีบไปกันเถอะไป” ทิฟฟานี่รีบห้ามทัพ ก่อนจะดันเพื่อนและน้องสาวให้เดินไปข้างหน้า
“พี่ไม่เห็นบอกนี่ว่าพี่แทยอนจะไปด้วย”
“ใช่ ไม่เห็นเธอพูดว่าไอ้บ้าน้องเธอจะไปด้วย” ทั้งสองยังคงกัดกันไม่เลิก ทำให้ทิฟฟานี่ของขึ้นได้ไม่ยาก
“โอ้ยยยย ก็รู้กันแล้วนี่ ไปเถอะซันนี่ ซูยอง ปล่อยสองคนนี้ดีกว่า” ทิฟฟานี่เดินไปลากซันนี่และซูยองออกมา ทำให้สองคนที่ทะเลาะกันส่งสายตาอาฆาตให้กันเบาๆ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“รีบมาเอาคืนละกัน ไอ้เด็กบ้า”
ตอนนี้รถเก๋งสีดำมาจอดตรงบริเวณข้างสถานีรถไฟที่ถูกทิ้งไว้ให้ร้างมานาน ครั้งหนึ่ง เคยมีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น ยูริลงมาจากรถ พลางถอดแว่นกันแดดออก เขารู้ทุกอย่าง ทุกความคิดเบื้องลึกของจิตใจของคนอื่น แต่มีเรื่องเดียวที่ยูริไม่อยากรับรู้นั่นคือ เรื่องการตายของพ่อและแม่รวมทั้งตัวยูริเองที่รอดมาจากเหตุการณ์นั้น
“คุณหนูครับ” พ่อบ้านจงเอ่ยเรียกร่างสูงเบาๆ ยูริหันมามองก่อนจะหันกลับไปยังสถานที่เดิม
“พ่อบ้านจงบอกกับยูลเองว่าพ่อและแม่ตายที่นี่เพราะอุบัติเหตุ”
“ครับ”
“แล้วยูลรอดมาทำไม ทำไมยูลไม่ตายไปกับพ่อและแม่นะ” ยูริพูดก่อนจะยิ้มสมเพศตัวเอง เขาน่าจะตายไปกับพ่อและแม่ จะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวและไม่ต้องมาทนกับการคิดแผนที่จะทำร้ายอยู่ทุกวันของผู้เป็นอา
“คุณท่านทั้งสองคงอยากให้คุณหนูอยู่และใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งนะครับ” พ่อบ้านจงบอกกับผู้เป็นนาย เขายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี เพราะเมื่อได้รับข่าวเขาก็รีบมาที่เกาหลี และพบว่าทั้งพ่อและแม่ของยูริ ทั้งคู่ตายหมด
“ยูลจะเข้มแข็งได้ยังไงคะ ในเมื่อยูลไม่มีจุดมุ่งหมาย ยูลจะอยู่อย่างเข้มแข็งไปทำไมกัน?”
“คุณหนู” พ่อบ้านจงมองคุณหนูของตัวเองด้วยความเศร้า เขารู้ว่าคุณหนูของตัวเองโหยหาคำว่าครอบครัวมาตลอด ยูริที่เห็นภายนอกเหมือนกับคนเย็นชา แต่ใจจริงแล้วใครจะรู้ว่าร่างสูงโหยหาในสิ่งที่คิดว่าไม่มีวันได้ขนาดไหน
“พ่อบ้านจง เงียบก่อน!!! ยูลได้ยิน มีคนกำลังมาตรงนี้” พ่อบ้านจงพยักหน้า มือขวาขยับไปจับด้ามปืนโดยอัตโนมัติ ยูริทำได้แค่หลบมาซ่อนตัวตรงมุมหนึ่งเท่านั้น
“เนี่ยนะทางลัดของยุน พี่ว่ามันน่ากลัวแปลกๆนะ” ทิฟฟานี่พูดพร้อมกับมองไปรอบๆ ตอนที่ยุนอาบอกว่าจะพาเดินไปทางลัดที่ใกล้กว่าก็เผลอเชื่อ โดยลืมไปเลยว่ายุนอาขี้แกล้งขนาดไหน
“นี่ไง เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ยุนอายิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เพราะแทยอนที่ทำเป็นไม่กลัวแต่จริงๆแล้วในใจกลับกลัวมาก ทำให้ยุนอายิ่งนึกสนุกที่จะเล่าเรื่องเล่าที่เขาเล่าต่อๆกันมา
“แต่ความจริงที่นี่มีเรื่องราวนะ เขาบอกว่าเมื่อหลายปีก่อน มีครอบครัวหนึ่งที่มาเที่ยวแล้วก็มารถคว่ำตายยกครอบครัวที่นี่ วิญญาณก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้” ยุนอายังคงเล่าต่อเรื่อยๆอย่างสนุกปาก แต่กลับเป็นยูริที่รู้สึกโมโห ที่ใครก็ไม่รู้เอาเรื่องของครอบครัวตัวเองมาเล่าสนุกปากแบบนี้ ร่างสูงพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ออกไปฆ่าไอ้เด็กคนที่พูด
“บางวันนะ เขาก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากที่นี่ หูยยย พูดแล้วขนลุก” ยุนอาพูดประกอบท่าทาง ตอนนี้ทั้งทิฟฟานี่ ซันนี่ หรือแม้แต่แทยอนเองที่ทำเป็นไม่กลัวในตอนแรก กลับมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น
“ยุน พอเถอะน่า พวกพี่ๆเขากลัวแล้วเห็นไหม” ซูยองที่เห็นเพื่อนตัวเองสนุกเกินไปแล้ว ก็เลยพยายามจะปกป้องร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างหน้าเท่านั้น
“แล้วบางวันก็มีคนเห็นวิญญาณครอบครัวนี้ออกมานั่งร้องไห้..ตรง..... เก้าอี้ตัว วว วว นี้!!!!!!”
“กรี้ดดดดด” เสียงสามสาวผสานกันลั่นสถานีรถไฟ สำหรับยุนอาเป็นเรื่องตลก แต่สำหรับยูริมันไม่ใช่เรื่องตลก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ!” ร่างสูงของยูริเดินออกมาจากมุมที่หลบเมื่อสักครู่ก่อนจะมาประจันหน้ากับยุนอา แต่แล้วก็ต้องอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะมีคนที่หน้าคล้ายๆกันกับตัวเอง ยุนอาเองก็อึ้ง เพราะไอ้บ้าที่มาโวยวายตรงหน้า หน้าตาดันคล้ายกับตัวเองมากกว่าทิฟฟานี่ที่เป็นพี่สาวแท้ๆซะอีก
“คุณหนูครับ ใจเย็นนะครับ” พ่อบ้านจงที่เดินตามออกมารีบเข้ามาห้ามทัพ ก่อนจะมองไปยังร่างสูงที่ยืนตรงข้ามกับคุณหนูของตัวเอง แต่ก็ต้องตกใจค้าง ไม่คิดว่าเขาคนนี้ จะยืนอยู่ตรงนี้
“เธอเป็นใคร/เธอเป็นใคร” ทั้งสองต่างพูดออกมาพร้อมกัน ทั้งยูริและยุนอารู้สึกเหมือนกันแล้วในตอนนี้ สงสัยและไม่เข้าใจ เพราะต่างฝ่ายต่างอ่านใจกันและกันไม่ได้
“คุณหนูครับ” พ่อบ้านจงรีบดึงมือยูริออกจากตรงนั้นเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนมีเรื่องกัน
“โอเค แต่จำไว้อย่างนะ ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องของครอบครัวนั้นเป็นเรื่องตลกอีก ถ้าฉันรู้ฉันจะฆ่าเธอ” ยูริพูดคาดโทษไปใจก็นึกอยากอ่านความคิดยุนอา แต่กลับไม่พบอะไรเลย
“เฮ้ย เป็นใคร? ใหญ่มาจากไหนห๊ะ?” ยุนอาเองก็เช่นกัน พยายามอย่างมากที่จะอ่านความคิดไอ้บ้าตรงหน้านี้ แต่ก็ทำไม่ได้
“ยุน พอได้แล้ว ขอโทษแทนน้องสาวด้วยนะคะ” ทิฟฟานี่รีบเข้ามาดูก่อนที่น้องสาวของตัวเองจะก่อเรื่อง ยูริพยักหน้าไม่ถือสา ก่อนจะเดินตามแรงดึงของพ่อบ้านจงไป
“คนเมื่อกี๊ หน้าเหมือนแกเลยว่ะยุน” ซูยองที่เดินเข้ามาสมทบทีหลังพูดขึ้นทำเอา ยุนอาเองกลับมาฉุกคิดไม่ได้ ทำไมนะ? เป็นใครกันนะคนเมื่อกี๊
“แต่ดูดีกว่ายุนอาเยอะ” เป็นแทยอนที่พูดขัดขึ้นมา ทำเอาร่างสูงหันไปมองตาม หาเรื่องได้ตลอดนะ
“พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะ แล้วก็ยุน อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าเขาทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง” ทิฟฟานี่กล่าวคาดโทษน้องตัวเอง ยุนอาทำได้แต่ก้มหน้ารับผิดเท่านั้น
“เข้าใจแล้วค่ะ” ตอบได้แค่นั้นก่อนจะเดินตามทิฟฟานี่ไป แต่ใจกลับคิดหนัก คนๆนั้นเป็นใคร ทำไมเราถึงอ่านใจไม่ได้นะ
ทางด้านยูริที่เดินตามพ่อบ้านจงมายังรถของตัวเองก็ยังไม่หายสงสัย คนเมื่อกี้เป็นใครกันและทำไมถึงอ่านใจเขาไม่ได้ แล้วหน้าตายังจะมาคล้ายกันอีก ยูริทำได้แต่สงสัยเท่านั้น และดูเหมือนว่าพ่อบ้านจงจะรู้เรื่องดีซะด้วย แต่เพราะความไว้ใจ ยูริเลยไม่เคยเลยสักครั้งที่จะอ่านใจพ่อบ้านจง
“พ่อบ้านจง” ยูริไม่ต้องการที่จะอ่านใจคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุดในชีวิตนี้ แต่เพราะยังคงสงสัย จึงใช้วิธีถามเอาตรงๆจะดีกว่า
“ผมทราบครับว่าคุณหนูสงสัย แต่เชื่อเถอะครับ คุณหนูไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นหรอกครับ”
“ยูลจะเชื่อพ่อบ้านจง” ยูริพูดได้แค่นั้นก่อนจะหันหน้าออกไปมองด้านนอกกระจกรถ เขาพูดไปอย่างนั้นแหล่ะ ว่าเชื่อพ่อบ้านจง เขามั่นใจมากว่า คนๆนั้น ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ พ่อบ้านจงก็ทำได้แต่ขับรถไปเท่านั้น คุณหนูจะรู้เรื่องตอนนี้ไม่ได้ จนกว่าจะถึงเวลา เขาจะต้องเก็บเงียบไว้ต่อไป
หลังจากแยกกับเพื่อนๆ สองพี่น้องก็เดินกลับบ้านมา ทิฟฟานี่สังเกตมาตลอดว่ามีอะไรคาใจยุนอาอยู่ เพราะหลังจากเจอคนนั้น ยุนอาก็เงียบ ไม่พูดคุยเหมือนเดิม
“ยุน กลุ้มใจอะไรบอกพี่ได้นะ?”
“ปล่าวหรอก ยุนแค่คิดไรเพลินๆเองพี่ฟานี่”
“ก็ตามใจเรา แต่ถ้ามีปัญหาบอกพี่นะ”
“จ้า คุณแม่” สองพี่น้องเดินเข้าบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข ยุนอาเองก็เลยลืมเรื่องของคนแปลกหน้าวันนี้ไป เขาคงจะไม่ได้เจอกับคนนั้นอีกแล้วล่ะ ก็แค่คนประหลาดที่ตัวเองอ่านใจไม่ได้เข้ามาในชีวิต เดี๋ยวก็ผ่านไป
_______________________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น