ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You're boyfriend ซ่าท้าใจเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : ความแตกต่างของครอบครัว

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 58


    ในยุคที่มีแต่ความสงบเงียบ และเทคโนโลยียังไม่พัฒนาเท่าไรนั้น กลับมีสองครอบครัวที่ต่างเป็นคู่แข่งกันมานาน และเปิดศึกกันมาตั้งแต่

    บรรพบุรุษจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน


    ครอบครัวหนึ่งมีฐานะร่ำรวยและเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง  กับอีกครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยเหมือนกันแต่ไม่ได้เป็นตระกูลใหญ่เหมือนกับอีกครอบครัว 



    ทั้งสองครอบครัวนี้ต่างเป็นคู่แข่งกันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาของบุตรหลาน หรือด้านธุรกิจ หรือไม่ว่าด้านไหนๆ ต่างฝ่ายต่างต้องแข่งกัน


    เพื่อไม่ให้มีใครล้ำหน้ากว่าใคร  คนอื่นๆอาจมองว่าทะเลาะกันไปทำไม หันหน้ามาร่วมมือกันยังดีซะกว่า  แต่ว่าสองครอบครัวนี้ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย 



    ยิ่งแข่งกันมากเท่าไร ต่างฝ่ายต่างต้องพยายามให้เก่งกว่าอีกฝ่ายให้ได้



    และเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงรุ่นลูกของสองครอบครัว   วันธรรมดาที่อาจมองว่าน่าจะเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจในสวน หรือไปเที่ยว


    สถานที่ต่างๆที่เหมาะกับการไปเป็นคู่ หรือครอบครัว  แต่ว่ามันกลับเป็นวันที่วุ่นวายเมื่อทั้งสองครอบครัวต่างหาเรื่องแข่งกันอีกครั้ง นั้นก็คือ




    การจัดงานเลี้ยงฉลองครบรอบประจำปีของแต่ละครอบครัว ซึ่งเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปนั้นเอง

     

    “มาซาโกะ เตรียมของเสร็จยัง เร็วๆเข้านะ เดี๋ยวจะไม่ทันงาน”เสียงตะโกนถามคนในครัวที่มีฐานะเป็นลูกสะใภ้ของบ้านซึ่งลงมือทำของเตรียมไว้แต่เช้า


    “เกือบจะเสร็จแล้วค่ะ เหลือขนมไดฟูกุเท่านั้นเอง  แม่คะ อาหารตรงโต๊ะที่หนูวางไว้ไปไหนคะ หรือว่ามีคนยกไปแล้ว”

     

    “อ้อ ตรงโต๊ะนั้นแม่ให้คนใช้ยกไปแล้วจ๊ะ  อ้อ มาโกโตะ อย่าลืมแต่งกิโมโนด้วยน่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญต้องเป็นพิธีการหน่อย”ผู้เป็นแม่ตอบ ก่อนจะหันไปเห็นลูกสาวอีกคนเพิ่งจะเดินมาทางสวนหน้าบ้าน

     

    “ทราบแล้วค่ะแม่”มาโกโตะกล่าวตอบ ก่อนจะรีบเดินไปบ้านใหญ่ เพื่อทวงถามบางอย่างจากคนในบ้านใหญ่


    ปัง   เสียงเลื่อนประตูออกอย่างรีบร้อนทำให้คนในห้องต้องหันมามองอย่างงงๆกับการมาของน้องสาวที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

     

    “มีอะไรเหรอ มาโกโตะ ทำไม?ทำหน้าเครียดอย่างนั้น แล้วงานด้านนอกเสร็จแล้วเหรอไง”

     


    “ยังค่ะ แต่หนูจะมาถามพี่เท่านั้นเอง พิธีการใหญ่ที่บ้านใหญ่จัดนะเตรียมการเสร็จยังคะ บ้านเล็กเตรียมอาหารต่างๆเสร็จแล้วค่ะ”หญิงสาวถามชายหนุ่มในห้องที่นั่งฟังอย่างสบายใจ




    “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อกี้ก่อนที่เธอจะมาพี่ก็ไปตรวจดูมาแล้วด้วย ฉะนั้นหายห่วงได้ เอาเป็นว่าเธอไปแต่งตัวดีกว่านะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว เดี๋ยวพี่เองก็ต้องไปเหมือนกัน”



    ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจกับความพร้อมที่มี ก่อนจะบอกให้น้องสาวนั้นกลับไปแต่งตัว  เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็เดินกลับห้องไปทันทีและรีบไปแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพราะเวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว


    สองสามชั่วโมงที่เหลือนั้นคนในบ้านทั้งหมดต่างพากันจัดเตรียมสถานที่ให้พอรับแขกที่จะมากันมากมาย ถือได้ว่างานนี้เป็นงานหนักเลยทีเดียวนอกจากจะเป็นงานประจำปีของบ้านแล้ว 


    ยังเป็นวันสำคัญที่จะประกาศให้ทุกคนรู้ถึงทั่วกันในเรื่องของการสืบทอดตระกูลของคนรุ่นต่อไป
      ทางฝั่งอีกด้านของกำแพงที่ติดกันยังมีบ้านขนาดใหญ่ทรงญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นหลายห้อง

    มีสวนที่สวยงามมีน้ำไหลผ่านตรงกลางสวนและบึงน้ำที่มีปลาคาร์พหลายตัวว่ายวนอยู่  ต้นไม้ที่ร่มรื่นและแผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ให้ความสงบและเย็นสบายต่อคนในบ้าน แม้จะเป็นอย่างนั้น หากจะมีคนที่มานั่งพักตรงสวนตอนนี้ก็คงไม่ได้เพราะตอนนี้ภายในบ้านก็มีงานที่วุ่นวายพอๆกับอีกบ้านหนึ่งเหมือนกัน


    “นี้ๆ ตรงนั้นนะ จัดเสร็จหรือยัง ดอกไม้ในแจกันบอกแล้วใช่มั้ย ให้ใช้ดอกฟูจิกับดอกซึซึเมะนะ แล้วก็ดอกซากุระที่ไว้ประดับสวนตรงนั้นล่ะ หายไปไหน “เสียงโหวกเหวกโวยวายมากมายที่เร่งรีบจัดงาน


    ทำให้บรรดาคนงานต่างวิ่งวุ่นในการหยิบของตามที่สั่งไว้อย่างเร่งรีบจนเป็นระวิง ขณะเดียวกันในบ้านก็วุ่นวายไม่แพ้กันเลย


    นอกจากจะหาชุดใส่งานแล้วยังมีเรื่องของพิธีการที่ต้องเตรียมไว้ ทำให้ทุกคนนั้นวิ่งเข้าออกห้องของตัวเองจนเกือบจะชนกัน



    “ยูกิ เครื่องทรงชุดใหญ่เอาไปให้คุณตาหรือยังลูก แล้วอากิโตะไปไหนล่ะ ยังไม่มานี้อีกหรอ”เสียงถามอย่างเร่งรีบของคุณยายที่เดินมาหาหลาน


    ชายคนกลางที่ตอนนี้กำลังจัดดอกไม้ในแจกันให้สวยงาม



    “ให้ป้ามาจิกะเอาไปแล้วครับ ตอนนี้ก็คงอยู่ที่คุณตานั้นแหละครับ ส่วนอากิโตะนั้นอยู่ในสวนใหญ่ครับเห็นว่ากำลังสั่งงานอยู่

      คุณยายลองไปดูสิครับ อาจอยู่ที่นั้น”ชายหนุ่มตอบกลับไปขณะที่จัดดอกไม้ไปด้วย


    เมื่อคุณยายรับรู้แล้วก็เดินออกไปที่สวนก็พบว่าหลานอีกคนที่กำลังตามหานั้นอยู่สวนตามที่ชายหนุ่มบอกมา


    ระหว่างที่การดำเนินงานใกล้เสร็จทั้งสองบ้านนั้นก็เกิดเรื่องเมื่อคนใช้ทั้งสองบ้านนั้นต่างกำลังถกเถียงเรื่องต้นไม้ที่ยื่นมาในเขตบ้านของเจ้านายตน  ทำให้คนที่จัดงานอยู่ต้องเดินเข้ามาอย่างสงสัย


    “เกิดอะไรขึ้นเหรอไง/เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นเหรอ”เสียงประสานที่พูดขึ้นจากทั้งสองฝ่ายที่เดินมาดูว่ามีเรื่องขึ้นจากด้านข้างกำแพงบ้านที่อยู่ติดกัน และนั้นก็เป็นการเจอกันครั้งแรกของทายาททั้งสองบ้าน


    “นาย/เธอ!!!


    “คุณหนู/คุณชาย”คนรับใช้ทั้งสองต่างเรียกเจ้านายของตนอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องจบลงแน่นอน

     

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ งานข้างในยังไม่เสร็จนี้ “หญิงสาวและชายหนุ่มหันไปถามคนรับใช้ของตนที่ยืนก้มหน้าอยู่



    “คือว่าเรื่องมันเกิดขึ้นจากต้นไม้ของบ้านโน้นนะครับ/ค่ะ ยื่นล้ำเข้ามาในเขตบ้านเรา ผม/ดิฉันเลยบอกให้ทางนั้นตัดกิ่งไม้ออก แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมตัดออกก็เลยเถียงกันอย่างที่เห็นแหละครับ/ค่ะ”

     

    “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ปล่อยไปก่อนนะ ตอนนี้งานในบ้านสำคัญกว่า ไว้เสร็จงานเมื่อไรค่อยมาเคลียร์แล้วกันนะ เข้าใจมั้ย?”ทั้งสองฝ่ายต่างตัดปัญหาด้วยการสงบศึกชั่วคราว



    เพราะตอนนี้มีงานสำคัญกว่าจะต้องทำ ดังนั้นคนรับใช้ทั้งสองจึงต้องเดินตามนายเข้าบ้านไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่วายหันมาทำหน้าไม่พอใจใส่กัน  เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเดินเข้ามาในสวนของบ้านเพื่อดูความเรียบร้อยนั้น ก็มีคนเดินออกมาถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที



    “เกิดอะไรขึ้นหรือไง หรือฝ่ายโน้นเข้ามาหาเรื่อง?”



    “เปล่าค่ะ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะคะ ว่าแต่ว่างานเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ แล้วการเตรียมการก็เรียบร้อยด้วยใช่มั้ย”หญิงสาวถามอย่างคาดคะเนถึงการดำเนินงานที่วุ่นวายมาหลายชั่วโมง แม้ว่าจะมีการเตรียมการมาหลายวันแล้วก็ตาม แต่บางอย่างนั้นกลับต้องเตรียมเฉพาะวันงานเท่านั้น เลยทำให้ในช่วงเช้าทุกคนนั้นวุ่นวายกันไปหมด

     
    "อ้าว เกิดอะไรขึ้นเหรอไงล่ะ เสียงดังวุ่นวายเชียว  มีเรื่องกันงั้นเหรอ?"


    "เปล่าครับ เกิดการเข้าใจผิดกันนะครับ ไม่มีอะไร ว่าแต่ว่าผมยกเอาของพวกนี้ไปประดับต่อนะครับ"ชายหนุ่มยกของข้างๆโต๊ะออกไปอย่างไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนัก ทำให้คนถามต้องส่ายหน้าอย่างเข้าใจ



    หลังจากเสร็จสิ้นการเปิดงานและจัดการรับแขกเรียบร้อยแล้ว ทุกๆคนก็พากันเข้าไปในบ้านใหญ่เพื่อทำพิธีไหว้บรรพบุรุษที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งระหว่างที่รอทำพิธีนั้น ต่างฝ่ายต่างก็หันมาเจอกันอย่างช่วยไม่ได้  

    ด้วยความที่กำแพงของบ้านติดกันและห้องโถงใหญ่ที่ใช้ประกอบพิธีนั้นอยู่ในแนวเดียวกันพอดี ทำให้เวลามีเรื่องที่ต้องปรึกษากันทีไร ทั้งสองฝ่ายก็มักจะได้ยินกันเป็นประจำ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×