ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Giant Buster

    ลำดับตอนที่ #1 : [Full Love] แค่รักคนเพี้ยน

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 64


     

     

     

    คนแบบนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันนะ

     

     

    ___________________________________________

     

     

    แทบจะทุกโรงเรียนเลยมั้ง ที่มีกลุ่มแยกประเภทคน กลุ่มหนุ่มฮอตนักกีฬา-สาวฮอตเชียร์ลีดเดอร์ กลุ่มพวกจืดจางจืดชืดไม่ค่อยมีใครเห็นหัว พวกเนิร์ดที่ฉลาดแต่หลายทั้งที่โดน แกล้งเพราะเด่นเรื่องสมองมากเกินไป กลุ่มสุดท้ายของโรงเรียนนี้คือ พวกเพี้ยนหลุดโลกพวกนี้เป็นประเภทที่ทำอะไรไม่แคร์ใคร อย่างเช่นแต่งตัวคอสเพลย์ มาสคอตไปนั่งเรียน แต่งหน้าประหลาดๆใส่วิก ป่วนคนทั้งโรงเรียนชอบแกล้ง แต่พวกเขาไม่เคยทำรุนแรงเลยสักครั้ง ก็แค่แกล้งขำๆแต่พวกเขาก็ถูกรังเกียจ และโดนพวกอื่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง เวลาพวกเพี้ยนโดนแกล้งด้วยแผนโง่ๆพวกนั้น ไม่เคยทำอะไรพวกเขาได้เลย เหมือนรู้ทันตั้งแต่แรก 

     

     

    แต่จริงๆแล้วกลุ่มเพี้ยนหลุดโลกนั่น ไม่ได้มีอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่ต้น ความเพี้ยนนั่นมาพร้อมกับเด็กใหม่ที่เพิ่งถูกย้ายมา นาเดีย โอวาเกรซ เด็กใหม่แปลกประหลาด ที่ชอบใส่หน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้า แถมหน้ากากนั่นเป็นลายน่ากลัวอีกต่างหาก ตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนไม่มีใคร เคยเห็นหน้าจริงๆของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว และทั้งที่เธอเป็นผู้หญิงแต่ก็มักจะ ถูกมองว่าเป็นผู้ชายเสมอ ตั้งแต่เข้าเรียนนาเดียก็ออก-ลาย แกล้งชาวบ้านไปทั่วแหย่คนนู้นที คนนี้ทีบางครั้งก็ร้องเพลงด้วยเสียงเพี้ยนๆเสียงดัง เอาลูกโป่งที่ใส่แป้งไว้ไปเจาะใส่หัวคนอื่น ไม่ก็กดแตรลมกระป๋อง ตอนพวกเชียร์ลีดเดอร์กำลังซ้อม เขวี้ยงลูกบาสใส่พวกนักกีฬาแบบเฉียดๆ ไม่ก็แบบเบสิกกล่องตกใจตัวตลก แต่เป็นแบบตัวตลกสยองขวัญยักษ์เสมือนจริง การแกล้งจะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามใจของนาเดีย ทั้งหมดที่ว่ามาล้วนแต่เป็นฝีมือของนาเดียเพียงคนเดียว เพราะเธอไม่มีเพื่อนเลยสักคน

     

     

    แต่หลังจากที่นาเดียเข้ามาเรียน2เดือน ก็มีคนเพี้ยนเพิ่มมาสองคน หลังจากนั้นก็เพิ่มมาเรื่อยๆจน กลายเป็นกลุ่มเล็กๆประมาณหกคน พวกเขาคอยวางแผนแกล้งไม่ก็ทำตัวแปลกๆ จนไม่มีใครในโรงเรียนอยากเข้าใกล้ จนวันหนึ่งหนุ่มฮอตสายกีฬา จอมเจ้าชู้อย่าง รีด เซรเกย์ ซิมม่อนส์ โดนเพื่อนท้าให้เข้าไปคุยกับนาเดีย และทำให้เธอชอบเขาให้ได้ ด้วยความที่รีดไม่อยากเสียหน้า จึงยอมที่จะทำตามที่เพื่อนของเขาท้า 

     

     

    ครั้งแรกที่รีดเข้าไปทักนาเดีย เธอไม่พูดกับเขาสักคำ เอาแต่ทำท่าทางแปลกๆ ยื่นลูกโป่งให้รีดแล้วก็เดินหนีไป รีดพยายามอีกครั้งเพื่อคุยกับนาเดียแต่เธอก็แกล้งรีด โดยการเอาปืนฉีดน้ำผสมสีแบบเข้มข้นฉีดใส่เขา จนวันนั้นรีดต้องใส่เสื้อพละตลอดทั้งวัน

     

     

    รีดไม่ยอมแพ้ยังคงพยายามชวนนาเดียคุยทุกครั้งที่เจอ ทุกครั้งที่โดนทักนาเดียไม่เคยเอ่ยปาก พูดกับรีดเลยสักครั้งเดียว มีเพียงเสียงหัวเราะคิกคักฟังดูเหมือน นาเดียกำลังสนุกกับสิ่งที่เธอทำ ไม่ก็การเขียนในกระดาษ เย็นของวันหนึ่งรีดได้เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อหาที่สงบไร้ตัวนาเดียและเสียงหัวเราะของเธอ แต่สิ่งที่เขาหวังไม่เป็นดังหวัง พื้นที่ดาดฟ้ามีคนมานอนอยู่ก่อนแล้ว ด้านของคนที่มาก่อนมีวิกผมสีส้มแปร๊ดวางไว้ เมื่อรีดเดินไปใกล้ก็เห็นว่าคน คนนั้นคือนาเดียใบหน้าถูกแต้มด้วยสีสัน จนดูไม่ออกว่าหน้าตาจริงๆเป็นแบบไหนกันแน่ รีดค่อยๆนอนลงเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจน คนข้างกายตื่น-รีดนอนมองอยู่สักพักก่อนยื่นมือเอานิ้ว จิ้มที่ปลายจมูกของนาเดียเบาๆ นาเดียย่นจมูกด้วยความรำคาญ แล้วหันหนีเล็กน้อย รีดคลี่ยิ้มเมื่อเห็นแบบนั้น เป็นครั้งแรกที่รีดรู้สึกสงบเมื่อ-อยู่กับนาเดีย เพราะทุกครั้งที่รีดเจอมันมักจะ มาพร้อมกับความวุ่นวายจนปวดหัว เป็นครั้งแรกที่นาเดียดูเป็นผู้เป็นคน(ในขณะหลับ) ในสายตาของรีด รีดมองนาเดียจนเผลอหลับไป 

     

     

    พอรีดตื่นขึ้นก็ต้องสะดุ้งโหยง หัวใจเต้นตุบๆด้วยความตกใจ มิใช่การเหนื่อยหรือเขิน เมื่อสิ่งแรกที่เขาเห็นคือหน้าของนาเดีย ที่เต็มไปด้วยสีสันและวิกสีส้มแปร๊ดนั่น! นาเดียหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน เหมือนทุกครั้งนาเดียยื่นมือ ให้รีดจับเพื่อดึงเขาให้ลุกขึ้น รีดตัดสินใจจับมือของนาเดียแล้วลุก เป็นครั้งแรกอีกครั้งสำหรับรีด ในเรื่องของนาเดีย เป็นครั้งแรกที่รีดได้แตะเนื้อต้องตัวนาเดีย นาเดียปล่อยมือเมื่อรีดลุกแล้ว แต่รีดคว้ามือของนาเดียมาจับ เขาเดินจูงมือนาเดียจนลงไปถึงชั้นล่าง รีดยอมปล่อยมือเมื่อนาเดียกระตุกมือ เป็นการบอกให้ปล่อย 

     

     

    คืนของวันเดียวกันนั้น รีดได้มานอนคิดเรื่องของนาเดีย กับเหล่าเพื่อนๆของเธอ ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้น พวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ผ่านมาเป็นเดือนที่รีดพยายามเข้าหานาเดีย นาเดียไม่ได้นิสัยแย่อย่างที่ทุกคนคิด รวมถึงตัวรีดก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่านาเดียกำลังปิดบัง ความรู้สึกของตัวเอง เพราะมีหลายครั้งที่รีดเห็นแววตาของนาเดีย เธอดูเหนื่อยและเศร้า แต่นั่นเป็นเพียงแค่เสี้ยววิเท่านั้น 

     

     

    วันถัดมารีดได้ตัดสินใจ ไปคุยกับกลุ่มเพี้ยน กลุ่มเพื่อนของนาเดีย รีดได้ถามว่าทำไมถึงชอบทำตัวแปลกๆ และแกล้งคนในโรงเรียน หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายชื่อคริสเตียน เขาได้ถามรีดกลับ 

     

     

    “แล้วนายคิดว่าทำไมเราถึงทำแบบนั้น?” 

     

     

    “เอ่อ…เพื่อความสนุก..เหรอ” รีดตอบอย่างไม่แน่ใจ

     

     

    “ในความคิดนายและคนทั้งโรงเรียนพวกเราเป็นคนยังไง” ลิลลี่เป็นหนึ่งในกลุ่มได้ถามรีดอีกคน

     

     

    “….ประหลาด…เพี้ยน” รีดคิดอยู่พักนึงว่าจะพูดดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็พูด

     

     

    “ใช่ ทุกคนและนายคิดแบบนั้นทั้งที่ไม่เคยเข้ามาคุยกับเราเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่มาทำความรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ” เอ็ดดี้พูดขึ้น

     

     

    “พวกเขาและนายไม่เคยรู้จักพวกเรา แต่ก็เอาไปพูดว่าพวกเราเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ทั้งที่มันไม่ใช่” คริสตินแฝดสาวของคริสเตียนพูดต่อ

     

     

    “เอาแต่ว่านินทาเราแต่ไม่ได้ดูสิ่งที่ตัวเองทำว่ามันแย่กว่าสิ่งที่พวกเราทำมากขนาดไหน” เลียมเป็นคนพูด

     

     

    อย่าเอาแต่ตัดสินคนจากภายนอกโดยไม่ทำความรู้จักกันมาก่อน” นาเดียพูดพร้อมเดินมายืนใกล้เพื่อนของตน “เข้าใจมั้ยรีด” 

     

     

    “……….” รีดหลุบตาลงในสมองกำลังคิด

     

     

    นาเดียและเพื่อนเดินหายไป วันนั้นรีดไม่ได้คุยกับกลุ่มเพี้ยนเลยตลอดทั้งเช้า จนพักเที่ยงรีดได้เจอกับแอชรี่ย์ แฟนเก่าของรีดสมัยมัธยมต้น ที่เป็นคนทำให้ รีดเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ดูเหมือนเธอต้องการกลับมาคบกับรีด แต่รีดเข็ดแล้วกับสิ่งที่ แอชรี่ย์ได้ทำกับเขาไว้ รีดพยายามหนีแอชรี่ย์อยู่นาน รีดรู้สึกเป็นหนี้นาเดียครั้งใหญ่ เมื่อนาเดียเอาปืนฉีดน้ำผสมสี ฉีดใส่แอชรี่ย์จนเลอะเทอะไปหมด และทำให้รีดหนีจากแฟนเก่าได้ 

     

     

    ในตอนเย็นนั้นรีดได้เดินขึ้น ไปบนดาดฟ้าหวังว่าจะได้เจอ นาเดียเหมือนครั้งก่อน และรีดก็สมหวังตามที่เขาต้องการ นาเดียนั่งนิ่งข้างๆมีปืนฉีดน้ำคู่ใจ รีดเดินไปนั่งข้างนาเดีย เขามองเสี้ยวหน้าของนาเดีย ก่อนหลับตาและเงยหน้าเล็กน้อย สายลมพัดผ่านทำให้ทั้งสองรู้สึกสบาย นาเดียและรีดไม่ได้พูดคุยกันจน นาเดิยสะกิดรีดก่อนเอากระดาษให้เขา รีดรับกระดาษแผ่นนั้นมา ก่อนจะอ่าน

     

     

    [หนีจนเหนื่อยเลยสินะ]

     

     

    “ใช่ เหนื่อยสุดๆไปเลยล่ะ” รีดพูดพลางล้มตัวลงนอน เอามือไพล่หลังหัว “ขอบคุณที่ช่วยนะ” รีดเอียงมองยิ้มให้นาเดีย

     

     

    [ไม่ได้ช่วย แค่รับน้องใหม่]

     

     

    รีดทำเพียงหัวเราะในลำคอแล้วหลับตา นาเดียเอามือตบแปะๆที่หน้าผากของรีด แล้วเอากระดาษวางไว้ที่หน้าของเขา

     

     

    [มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้]

     

     

    “…ทำไมถึงจะช่วยฉัน” รีดถามอย่างสงสัย เมื่อเช้าเขาพูดคำแย่ๆแบบนั้นไป แต่ตอนนี้นาเดียกลับบอกว่า มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ นาเดียจะดูเป็นคนใจดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย

     

     

    นาเดียฉกกระดาษจากมือของรีด เธอพลิกกระดาษเขียนขยุกขยิกอีกด้านที่ว่าง แล้วส่งให้รีดอีกครั้ง

     

     

    [อยากเป็นเพื่อนกับฉันมั้ยล่าาา~]

     

     

    “ได้เหรอ!” รีด ดีดตัวขึ้นนั่งทันที ที่อ่านจบ

     

     

    นาเดียฉกกระดาษจากมือ รีดอีกครั้งแล้วนำมาเขียน

     

     

    [แล้วทำไมจะไม่ได้?] นาเดียเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าสงสัย แม้จะดูไม่ออกเพราะสีก็เถอะ

     

     

    “เมื่อเช้าที่ฉันพูด..แบบว่า-” 

     

     

    นาเดียเอานิ้วหนีบปากรีดเอาไว้ แล้วส่ายหน้า เธอเขียนลงในกระดาษอีกครั้ง แล้วแปะที่หน้าผากของรีด

     

     

    [วันหยุดนี้ว่างมั้ย]

     

     

    “ว่าง ทำไมเหรอ?”

     

     

    [เป็นเพื่อนกันแล้วก็ต้องทำความรู้จักไง ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้นายฟังเอง] นาเดียเขียนใส่กระดาษเป็นแนวนอน

     

     

    หลังจากนั้นนาเดียก็ได้นัดรีด สถานที่จะเจอกันนั่นคือหน้าโรงเรียน

     

     

    วันนั้นช่วงหัวค่ำ ไม่รู้อะไรดลใจให้รีดหาอัลบั้มสมัยเด็กมาดู รีดนั่งมองรูปภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม รูปของเขาในวัยเด็กที่ถ่ายกับพ่อแม่ รีดพลิกหน้าดูไปเรื่อยๆ จนสะดุดเข้ากับหน้าหนึ่ง เป็นรูปภาพของเขาในวัยเด็ก นั่งอยู่บนพื้นหญ้ากังลังจุ๊บหัวเด็กน้อยที่อยู่ใน อ้อมแขนของเด็กชายอายุประมาณ10ขวบดูโตกว่าเขาเยอะ มีเด็กผู้หญิงอยู่ถูกห่อครึ่งตัวด้วยผ้าขาว

     

     

    ภาพประกอบ

     

     

     อีกรูปหนึ่งเป็นภาพขาว-ดำ ของเขากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกฉีดน้ำใส่ หน้าตาของเด็กสาวดูคุ้นแต่ก็นึกไม่ออก

     

     

    ปลากรอบบบ

     

     

    รูปของเด็กชายที่ดูโตกว่าเขาและเด็กสาวตัวเล็ก มีอยู่เยอะในอัลบั้มบางภาพ เป็นภาพของเด็กทั้งสามเดินจับมือกัน โดยมีเด็กชายที่โตกว่าจับเอาไว้ บางภาพก็เด็กชาย-หญิงวิ่งเล่น โดยมีเด็กชายที่โตสุดยืนอยู่ไม่ห่าง แต่เขากับนึกไม่ออกเลยว่าทั้งสองคือใคร…

     

     

     

     

    พอถึงวันหยุดรีดก็รีบไป ก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง ผมสีน้ำตาลแดงธรรมชาติถูกเซ็ท แบบปัดขึ้นไปทางขวา ดวงตาสีฟ้าซีด จมูกโด่งเป็นสันคม ริมฝีปากหนาแดงระเรื่อ การแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำและแจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้ม กางยีนส์ขาดๆส่วนเข่า การแต่งตัวของเขาเสริมลุค ของเขาให้ดูแบดบอยมากขึ้น เวลานี้รีด-ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ รีดโยกตัวไปมาชะเง้อคอมองซ้ายขวา ในตอนนี้เขาคล้ายเด็กน้อย ยืนรอรถไอศกรีมขับผ่าน 

     

     

    “เฮ้!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง

     

     

    รีดหันไปมองเมื่อได้ยิน ร่างโปร่งปั่นจักรยานมาใกล้ๆ ผมสีเปลือกไม้สั้น เหมือนผู้ชายไม่ได้ถูกเซ็ท ดวงตาสีเขียว จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากเป็นกระจับแดงระเรื่อ เสื้อยืดขาวกางเกงยีนส์ ถุงมือครึ่งนิ้ว 

     

     

     

    “มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?” 

     

     

    “นาเดีย?” เมื่อได้ยินเสียงรีดก็รู้ทันที ว่าเป็นเสียงของนาเดีย แม้ก่อนหน้านี้เขาจะได้ยินเพียงครั้งเดียว ก็ตาม

     

     

    “อ่าฮะ มานานแค่ไหนแล้วล่ะ” นาเดียตอบรับและถามเหมือนเมื่อกี้

     

     

    “อ-เอ่อ ไม่นานหรอกเพิ่งมาก่อนเธอแป๊บเดียว” รีดโกหก

     

     

    “เชื่อก็บ้าแล้ว จริงๆนายไม่ต้องมาก่อนก็ได้นะช้าหน่อยฉันไม่ว่าหรอก” นาเดียพูด

     

     

    “ฉันมาก่อนเธอไม่กี่นาทีจริงๆนะ!” รีดพยายามยืนยันสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้นาเดียรู้สึกไม่ดี

     

     

    “ไม่เชื่อ เอาล่ะขับตามฉันมานะ” นาเดียปฏิเสธที่จะเชื่อ แล้วบอกให้รีดขับรถของเขาตามเธอไป

     

     

    “เราจะไปไหนกัน?” รีดถามอย่างสงสัย เขาไม่รู้เลยว่าที่นาเดีย นัดเขาในวันนี้เธอจะพาเขาไปไหน

     

     

    “เดี๋ยวก็รู้” นาเดียยิ้มและยักคิ้ว

     

     

    \"เธอนั่งไปกับฉันก็ได้นะ\" รีดพูดเพราะเห็นนาเดียปั่นจักรยานมา

     

     

    “ไม่อะ”  เธอรอให้รีดไปสตาร์ทรถก่อนปั่นนำไป

     

     

    นาเดียปั่นจักรยานเข้าไปในป่านิดนึง นาเดียจอดจักรยานตามด้วยรถของรีด ที่ขับมาจอดข้างๆ รีดลงจากรถแล้วเดินมาใกล้ๆนาเดีย ก่อนนาเดียจะเดินนำเข้าไปในป่า

     

     

    “นี่จะพาฉันมาฆ่าหมกป่าเหรอ” รีดถามแบบขำๆ

     

     

    นาเดียไม่ตอบอะไรนอกจาก หัวเราะในลำคอหนึ่งทีแล้วยกยิ้ม เมื่อรีดเห็นแบบนั้นก็หยุดเดิน ชั่งใจอยู่แป๊บ แล้วก็เลือกที่จะเดินตามต่อไป…นาเดียพารีดเดินลัดเลาะจนมาถึง แถวทะเลสาบเล็กๆ แถวนั้นเป็นที่โล่งกว้างสงบ ไร้ผู้คนเพราะทางมานั้น ค่อนข้างลำบากป่าหนาทึบ ทางค่อนข้างชัน ถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นชินทาง คงหลงทางตั้งแต่นาทีแรก ตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ นาเดียหลับตารับลม รีดสำรวจซ้ายขวาก่อนมองนาเดีย 

     

     

    “ฉันรู้สึกคุ้นๆที่นี่นะ” รีดพูดขึ้น

     

     

    นาเดียยังคงหลับตา ไม่พูดอะไรออกมาเพียงยิ้มเท่านั้น เมื่อรีดไม่ได้คำตอบ เขาก็เลือกที่จะเงียบ และนั่งรับลมเงียบๆ

     

     

    “เวลาที่เธอไม่เอาสีระบายหน้าเธอหน้าตาดีมากเลยนะ” รีดพูดขึ้นหลังเงียบไปสักพัก

     

     

    “ใคร ใครเขาก็พูดแบบนั้นเวลาเห็นหน้าฉันจริงๆ” นาเดียตอบ เธอลืมตาแล้วหันมองรีด

     

     

    ทั้งคู่จ้องตากันรีดรู้สึกถึงแรงดึงดูดซึ่ง รีดและนาเดียเริ่มขยับหน้าเข้าใกล้กันมากขึ้น จน…

     

     

    “ฉันรู้เรื่องที่เพื่อนนายท้านายเอาไว้นะ” นาเดียพูดขึ้น สายตายังคงจับจ้องที่ดวงตา ของรีดเอาไว้

     

     

    รีดหลุดออกจากภวังค์ เมื่อได้ยินสิ่งที่นาเดียพูด ตาของเขาหลุกหลิก เริ่มมีอาการร้อนรน รีดพยายามประมวลผลความคิดคำเพื่อ อธิบายให้นาเดียเข้าใจเขา พอรีดจะอ้าปากพูดก็โดนนาเดียพูดตัดก่อน

     

     

    “ฉันไม่โกรธหรอก สบายใจได้” นาเดียพูดออกมาอย่างสบายๆ เธอขยับหน้าออกมานั่งปกติ

     

     

    “ทำไม?…” รีดถามอย่างสับสน ในสมองของเขากำลังคิด ‘ทำไมเธอไม่โกรธ เธอควรโกรธสิเขามาหลอกเธอ เพื่อความสนุกของเพื่อน มาทำร้ายเธอ…ไม่ใช่ที่ร่างกายแต่เป็นจิตใจมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรทำ แต่เขาก็รับปากมันเพราะแค่ไม่อยากเสียหน้า\'

     

     

    “ก็..ก่อนหน้านี้ไม่ใช่นายคนแรกที่ทำ” นาเดียตอบและหันมายิ้มให้รีด

     

     

    รีดคิดว่ารอยยิ้มที่ไร้สี เต็มใบหน้าของนาเดียมันน่าดู กว่าตอนที่เธอแต่งตัวแต่งหน้าแปลกๆในโรงเรียน ทุกวันที่เขาเห็น

     

     

    “ฉันขอโทษ…ฉันไม่ควรทำแบบนี้เลย ฉันขอโทษจริงๆ” รีดพูดก่อนลุกออกจากโขดหิน เขาหันหลังจะเดินกลับทางเดิม ที่เดินมาพร้อมนาเดียก่อนหน้านี้

     

     

    “เฮ้! ก็บอกแล้วไงว่าไม่โกรธ” นาเดียลุกตามรีดไป เธอคว้าไหล่ของรีดบังคับให้เขาหันกลับมา

     

     

    “มานั่งคุยกันก่อน นายอยากรู้รึเปล่าว่าทำไมฉันถึงทำตัวบ้าๆบอๆอย่างที่นายเห็น” นาเดียจับไหล่ของรีดไว้ทั้งสองข้าง และจ้องตาของเขาอย่างแน่วแน่ 

     

     

    “เธอยังจะบอกฉันอีกเหรอ?ทั้งที่ฉัน-” รีดถูกตัดบทอีกครั้ง

     

     

    “หน้าฉันสะอาดขนาดนี้แล้วฉันจะกั๊กไว้ทำไมอีก” นาเดียลากให้รีดตามเธอมานั่ง ที่โขดหินอีกครั้ง เธอขึ้นไปนั่งก่อนตบๆที่ว่างให้รีดกลับขึ้นมานั่ง

     

     

    รีดยอมปีนขึ้นไปนั่งอีกครั้ง เขาทำหน้ารู้สึกผิด นาเดียเงียบไปสักพักก่อน หายใจเข้าและออกหนักๆหนึ่งทีนาเดียเริ่มพูด

     

     

    “…6ปีก่อนตอนฉัน8ขวบฉันกลับบ้านหลังเลิกเรียน เห็นแม่นั่งกุมขมับทำหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาฉันถามแม่ว่าเป็นอะไรแต่ก็นะเวลาลูกถามว่าเป็นอะไรพ่อแม่ก็จะตอบว่าไม่เป็นอยู่แล้ว” นาเดียพูดยิ้มๆ แต่มันแฝงไปด้วยความเศร้า รีดตั้งใจฟัง เธอเริ่มเล่าต่อ

     

     

    “ปกติแล้วพี่ชายฉันจะไปรับฉันที่โรงเรียน แต่วันนั้นเขาไม่ไปฉันเลยกลับเองฉันถามแม่พี่ชายยังไม่กลับอีกเหรอ แม่บอกให้ฉันเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้วค่อยไปที่รถ แม่พาฉันไปที่โรงพยาบาลห้องICUพ่อยืนอยู่ข้างเตียงส่วนพี่ชายฉัน…นอนนิ่งใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่เตียง ฉันมารู้ทีหลังว่าพี่ชายฉันโดนเพื่อนที่โรงเรียนทำร้ายเพื่อนที่ว่านี่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิท ฉันเคยเจอจำหน้าได้รู้ชื่อด้วย หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นพวกเวรนั่นโดนแค่พักการเรียน” นาเดียเล่าด้วยน้ำเสียงดุดัน ตาแดงก่ำไม่ใช่เพราะจะร้องไห้ แต่เป็นความโกรธ สองมือกำแน่นเล็บจิกเข้าเนื้อ 

     

     

    รีดเห็นแบบนั้น ก็ยื่นมือจะไปจับแต่ชะงัก เขาค่อยๆแตะจนกุมมือของนาเดียไว้ รีดใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหลังมือของนาเดีย นาเดียหลุบตามองมือก่อนเงยมองรีด เธอค่อยๆคลายมือออก รีดสอดมือประสานมือของนาเดีย เขากุมมือไว้เบาๆ

     

    “พี่ชายฉันอาการสาหัสปางตาย แต่พวกนั้นโดนแค่พักเรียนผ่านมา6ปีแล้วพี่ชายฉันยังไม่ฟื้นเลย” นาเดียพูดด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นและเศร้า เมื่อนึกถึงพี่ชาย

     

     

    “โทษมันน้อยจริงๆเขาน่าจะไล่พวกนั้นออก ทำไมเขาถึงยังเก็บเด็กที่เป็นตัวอันตรายไว้นะ” รีดออกความคิดเห็นของตน

     

     

    “เพื่อไม่ให้เสียชื่อไง” นาเดียตอบ

     

     

    “ที่ครอบครัวฉันย้ายมาที่เมืองนี้ก็เพราะเรื่องนี้เนี่ยแหละ” เธอพูดต่อ

     

     

    “เรื่องมันผ่านมา6ปีแล้วหนิทำไมเพิ่งย้าย?” รีดถามอย่างสงสัย

     

     

    “จริงๆหลังจากตอนเกิดเรื่องพ่อกับแม่ก็ทำเรื่องฟ้องอะนะไม่ได้คิดจะย้ายแต่แรกหรอกเป็นเพราะฉันไปซัดไอ้สามตัวที่ทำร้ายพี่ฉันจนเข้าICU 6ปีก่อนยังเด็กเลยทำอะไรไม่ได้ก็เลยพยายามฝึกซัดกระสอบทรายมาตลอด ซัดแตกไปหลายอันล่ะ” นาเดียพูดอย่างสะใจมากกว่ารู้สึกผิด เธอยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้รีด

     

     

    การบำเพ็ญตนเรื่องซัดกระสอบทราย(เผื่อคนนึกภาพไม่ออก)ตูดแห่งอเมริกา??‘?

     

     

    ตอนนี้รีดหน้าซีดลง เขากำลังคิดว่าถ้า เขาทำให้เธอโกรธกระดูกและ เครื่องในเขาจะยังอยู่ดีมั้ยนะ

     

     

    “เธอไม่กลัวพ่อแม่พวกนั้นจะแจ้งตำรวจรึไง” 

     

     

    “พวกนั้นมีคดีติดตัวอยู่ไม่กล้ามาฟ้องฉันหรอก” นาเดียพูดอย่างสบายๆ

     

     

    “เหตุผลที่ฉันทำตัวบ้าๆบอๆแบบเนี้ย ก็แค่อยากลองใจคนดูเพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายน่ะหายากถึงเราจะบ้าแค่ไหนแต่ถ้าเขาอยากรู้จักเราจริงๆเขาก็จะลองพยายามเข้าหาเราเอง”

     

     

    “อืม…ก็จริง” 

     

     

    “เออ นายรู้มั้ย” นาเดียหันถามรีด

     

     

    “?” รีดขมวดคิ้วเอียงคอเล็กน้อย ตอนนี้เขาดูน่ารักมากขัดกับลุคของเขาสุดๆ

     

     

    “คนขี้เผือกชอบพูดคำว่าอะไร” นาเดียยกยิ้ม 

     

     

    “…อะไร?” รีดคิดสักพัก แต่ก็นึกไม่ออกเลยถามนาเดีย

     

     

    นาเดียไม่พูออะไร เธอลงจากโขดหินถอดรองเท้าออก แล้วโดดลงทะเลสาบไป รีดนั่งนิ่งคิดสิ่งที่นาเดียพูด สมองประมวลผลอย่างหนักจนได้ รู้ความหมายในสิ่งที่นาเดียพูด เขาโดนหลอกด่า! 

     

     

    “หลอกด่าฉันเหรอ!!” รีดโดดลงจากโขดหิน แล้วตะโกนเสียงดัง

     

     

    นาเดียหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยิน ว่ายน้ำออกห่างเพราะ รีดเริ่มถอดเสื้อและรองเท้าออก เขาโดดลงน้ำพยายามว่ายตามนาเดีย นาเดียเห็นแบบนั้นก็ดำน้ำหนี รีดกวาดสายตามองไปทั่วแต่ ก็ไม่เห็นนาเดีย จนตัวเขาถูกดึงลงใต้น้ำเห็นนาเดีย ยิ้มยกอย่างสนุกสนานแต่ ไม่ใช่อย่างที่เห็นประจำ ทั้งคู่ว่ายขึ้นโผล่ผิวน้ำ มองหน้ากันแล้วยิ้มรีดล็อกคอ เบาๆอย่างหยอกล้อทั้งคู่ว่ายน้ำเล่น กันเกือบชั่วโมงก่อนขึ้นมานอนแผ่กันบนหาด 

     

     

    “เสื้อเธอเปียก เอาเสื้อฉันไปใส่สิ” รีดชี้ไปที่เสื้อของเขา ที่วางพาดไว้ตรงโขดหิน

     

     

    “ไม่เอา เดี๋ยวคัน” นาเดียปฏิเสธแบบขำๆ

     

     

    “โหยยย” รีดผลักหัวนาเดียเบาๆอย่างหมั่นไส้

     

     

    “ฮึๆ ขอถามหน่อยดิ” นาเดียพูดขึ้น

     

     

    “ได้” รีดตอบเสียงแผ่วปนหอบ

     

     

    “ไอ้นิสัยเจ้าประตูดินเนี่ยเป็นเองหรือมีอะไรทำให้นายเป็น” 

     

     

    “โห…ถามจี้ใจดำว่ะ” รีดย่นจมูกทำหน้ายู่ 

     

     

    “เท่าที่ฉันได้ยินกิตติศักดิ์นายมา นายเป็นคนเจ้าชู้ฟันผู้หญิงเกือบทั้งโรงเรียนขนาดครูยังไม่เว้น” 

     

     

    “โห รู้ดีสุดๆแค่ได้ยินจริงดิ” รีดพูดแขวะอย่างหมั่นไส้ ถามว่าเขาภูมิใจมั้ยกับเรื่องแบบนั้น ขอบอกเลยว่าไม่

     

     

    “สืบต่ออีกนิดหน่อย” นาเดียตอบหัวเราะคิกคัก

     

     

    “ชอบฉันล่ะซิ๊” รีดหันมองนาเดียและพูดอย่างล้อเลียน

     

     

    “อาจจะ” นาเดียเอียงมองรีดยกยิ้มมุมปาก

     

     

    “…อ-อาจจะเหรอ?” รีดเงียบหน้าเริ่มเห่อร้อน แก้มแดงลามไปหูลงที่คอ

     

     

    “ที่ฉันรู้และเห็นมาคือนายเป็นคนเจ้าชู้ แต่นายทำตัวเจ้าชู้ใส่ฉันแค่ครั้งเดียวคือครั้งแรกที่นายเข้ามาทักฉัน ฉันน่ะเป็นพวกชอบดูคนก่อนจะตัดสินใจ ฉันเห็นว่านายไม่ได้ทำนิสัยแบบนั้นคนเป็นสันดานเพราะงั้นฉันถึงได้ถามไง” นาเดียพูดร่ายยาว

     

     

    “……” รีดเงียบ

     

     

    “ใช่เพราะคนที่ชื่อแอชรี่ย์รึเปล่า” 

     

     

    รีดกำมือแน่น ดวงตามีน้ำตาปริ่มๆเหมือนจะไหล่ นาเดียเอื้อมมือใช้นิ้วโป้ง แตะใต้ตารีด-เขาเอียงหน้ามองน้ำไหลออกจากดวงตา นาเดียใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออก

     

     

    \"อย่าร้องน่ะไอ้น้องไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร\"นาเดียตบแปะๆตรงหน้าผากรีด

     

     

    “ฟืดด~ได้ข่าว ว่าฉันแก่กว่า3ปีนะ” รีดสูดน้ำมูก ก่อนพูดและทำหน้ายู่เบะปากเล็กน้อย

     

     

    “อายุไม่เกี่ยวใส่เดี่ยวได้หมดหนึ่งซัดหมู่ก็ได้” 

     

     

    “ห้าวจริงแม่คุณ” รีดหลุดยิ้ม

     

     

    “ยิ้มแล้ว” นาเดียเอานิ้วจิ้มๆที่มุมปากรีด

     

     

    รีดทำปากจะงับนิ้ว แต่นาเดียก็ชักออกทัน นาเดียชวนรีดคุยเรื่อยเปื่อย เพื่อให้เขาลืมเรื่องที่ เธอถามไปก่อนหน้านี้ ทั้งคู่คุยกันจนเกือบเย็น รีดลุกไปใส่เสื้อผ้าและรองเท้า นาเดียหยิบรองเท้ามาใส่ เธอเดินนำเพื่อจะกลับไปที่รถ อยู่ๆรีดก็ถอนหายใจหนักๆ เหมือนผีเข้ายอมเล่าเรื่องของ เขาและแอชรี่ย์ให้นาเดียฟัง

     

     

    เขาเล่าว่าเคยคบกับแอชรี่ย์สมัยมัธยมต้น คบกันได้เกือบ2ปีเขาค่อนข้างจริงจัง กับความสัมพันธ์ครั้งนั้นมาก แต่หลังๆมันก็เริ่มแย่ตามธรรมชาติ แอชรี่ย์เป็นคนทะเยอทะยานอยากได้อะไรก็ต้องได้ นั่นเลยเป็นปัญหา นิสัยเอาแต่ใจเธอเป็นลูกคุณหนูถูก ตามใจเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว ในหมู่พี่น้องผู้ชาย แอชรี่ย์ทำเป็นหวงรีดไม่ให้เข้าใกล้ ผู้หญิงคนอื่นแม้แต่เพื่อนในกลุ่ม

     

     

    ปแต่ตัวของแอชรี่ย์เองกับยุ่งกับผู้ชายคนอื่นอย่างหน้าตาเฉย เหตุผลที่รีดเลิกขาดกับแอชรี่ย์คือ วันนั้นรีดตั้งใจไปหาแอชรี่ย์ที่บ้าน และบังเอิญเจอแม่ของแอชรี่ย์ที่เพิ่งกลับมาบ้านพอดี คุณแม่ก็ได้อนุญาตให้เขาขึ้นไปหาได้ เมื่อเข้าเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ้พราะกะจะแกล้งเล่น แต่กลายเป็นรีดเองที่ช็อกจนพูดไม่ออก แอชรี่ย์กำลังมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นอยู่ ผู้ชายคนนั้นชื่อลุคเป็นรุ่นพี่2ปี ลุคเป็นคนหน้าตาดีแต่เจ้าชู้ขั้นสุด รีดไม่เคยคิดว่าเขาจะได้เห็นอะไรแบบนั้น เพราะทั้งคู่ก็ยังเด็กและไม่คิดว่าแอชรี่ย์จะทำ ตอนนั้นรีดรีบวิ่งออกจากบ้านแอชรี่ย์ไปทันที วันถัดมาแอชรี่ย์บอกเลิกรีดด้วยเหตุผลคลาสสิค คือเขาดีเกินไป กลายเป็นเหมือนรีดผิดที่ดีเกินไป เขาก็เลยบอกไปว่า\'ถึงไม่บอกฉันก็ไม่ยุ่งกับเธออยู่แล้ว ขยะแขยง\' เลยเป็นเหตุผลที่เขาเปลี่ยนไป หลังจากที่เลิกกันไม่นานแอชรี่ย์ก็ย้ายออกไป ด้วยเหตุผลอะไรเขาไม่รู้เพราะไม่สน

     

     

    “ถ้าผู้หญิงคนนั้นชอบแบบชั่วๆนายควรแนะนำให้เธอไปแถวเรือนจำนะ” นาเดียพูดทีเล่นทีจริง

     

     

    “เออแฮะ ลืมนึกไปเลย” รีดตอบเหมือนเป็นการตบมุขให้

     

     

    “แล้วกะอีเรื่องผู้หญิงนิสัยแบบนั้นถึงขั้นต้องเปลี่ยนเป็นแบบนี้เลยเหรอ” นาเดียพูดอย่างเหนื่อยใจ “ที่นายทำแบบนี้ นายหวังจะกลับไปคบกับยัยนั่นรึไง” นาเดียถาม

     

     

    ไม่ มี วัน” รีดพูดแบบเน้นคำ

     

     

    “แล้วทำเพื่ออออ?” นาเดียถามแบบกวนๆ

     

     

    “ก็แค่อยากลองทำ ในสิ่งที่ไม่ใช่ฉัน” 

     

     

    “เรื่องดีๆไม่ทำ อยากทำเรื่องแย่ๆซะงั้น” นาเดียทำหน้าปลาตาย

     

     

    “แต่มันก็สนุกดี” รีดพูดก่อนส่งสายเจ้าเล่ห์ให้นาเดีย

     

     

    “โว้ยยยยย” นาเดียรีบเดินหนี เธอตะโกนอย่างเหนื่อยใจ

     

     

    ทั้งคู่เดินจนถึงรถ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว รีดอาสาจะขับประกบนาเดียไปส่งถึงที่บ้าน แต่เธอปฏิเสธแต่รีดก็พยายามอ้อน เพื่อจะไปส่งเธอให้ได้ เพราะมันเริ่มมืดแล้วและเธอยังเด็ก ดึกเกินไปมันจะอันตรายต่อเธอ เขาหาสารพัดข้ออ้างจนนาเดียยอม ที่ยอมไม่ใช่เพราะข้ออ้างที่รีดพูดมา แต่เป็นสายตาอ้อนวอนที่เหมือนลูกแมวนั่นต่างหาก รีดขับรถประกบนาเดียจนมาถึงบ้าน ทั้งคู่เอ่ยลากันก่อนแยกย้าย

     

     

     

     

    ตั้งแต่วันนั้นรีดก็เริ่ม สนิทกับนาเดียมากขึ้น เธอยอมพูดกับเขาบ้าง เป็นบางครั้งเวลาอยู่โรงเรียน รวมถึงกลุ่มเพี้ยนด้วยเช่นกัน รีดได้รู้ว่าแต่ละคนก็มีปัญหา และก็ได้นาเดียช่วยแก้ไข พวกเขาถึงมารวมอยู่ด้วยกัน รีดและกลุ่มเพี้ยนทุกคนไป ทะเลด้วยกันในบางครั้ง เรียกได้ว่าตัวแทบจะติดกันเลยก็ว่าได้ รีดถูกเพื่อนของเขาถามเซ้าซี้เรื่องนาเดียไม่หยุด รีดเพียงตอบปัดๆไปแค่ \'ได้คุยกันประโยคเดียว\' และรีดก็ยังมีปัญหาเรื่องแอชรี่ย์อยู่ รีดพยายามหนีตลอดแล้วเขาก็ได้พวกเพี้ยนช่วยทุกครั้ง ดูเหมือนแอชรี่ย์จะเริ่มจะหาพวก ทำลายกลุ่มเพี้ยนแต่ก็สเต็ปเดิม พวกเขาจัดการได้ทุกครั้ง อยู่ๆมาวันหนึ่งอะไรดลใจให้ รีดอยากลองทำแบบที่พวกเพี้ยนทำ นั่นคือการแกล้งผู้คนรีดรู้สึกแปลกๆในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็สนุกดี รีดถูกเพื่อนกลุ่มมองว่าเริ่มเพี้ยนตามนาเดียแล้ว ในช่วงพละพวกนั้นเลยพูดกับรีด ว่าให้เลิกยุ่งกับนาเดียซะ เรื่องที่พนันไว้ถือเป็นโมฆะ แต่รีดปฏิเสธและพูดว่าพวกเพี้ยน นิสัยดีเขาพูดแบบที่นาเดียพูดกับเขา ตอนที่เขาทั้งคู่ได้นัดกันครั้งแรก 

     

     

    แต่ดูเหมือนเพื่อนของรีดไม่ค่อยจะ เชื่อสักเท่าไหร่รีดเลือกที่จะเดินหนี ไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมกลับเข้าเรียน ช่วงเย็นรีดเจอแอชรี่ย์ดักหน้าโรงเรียน นั่นคือหายนะของเขาเลยล่ะ แอชรี่ย์ชวนรีดไปคุยที่อื่น นั่นคือแถวป่าแถวนั้นไม่ค่อยมีคนหรือรถผ่าน ในขณะที่ทั้งคู่คุยกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีคนฟัง สิ่งที่พวกเขาคุยกันอยู่ 

     

     

    รีดพูดกับแอชรี่ย์ว่าเขาจะไม่กลับ ไปคบกับแอชรี่ย์เป็นอันขาด แต่เธอคงยอมง่ายๆซะที่ไหน แน่นอนว่าแอชรี่ย์พยายามหา ข้ออ้างสารพัดมาเพื่อให้รีดกลับมาคบกับเธอ รีดกลอกตาทำท่าจะเดินหนี แอชรี่ย์ก็พูดออกมา

     

     

     

    “ฉันเห็นว่านายอยู่กับพวกสติไม่ดีนั่นบ่อยๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่อนาเดียนั่น”

     

     

    “แล้วไง?” รีดถามหันกลับมายิ้มเหี้ยมใส่แอชรี่ย์

     

     

    “ถ้านายไม่อยากให้ยัยนั่นเจ็บตัวละก็…กลับมาคบกับฉันซะสิ” แอชรี่ย์รู้สึกเหนือกว่ามือเห็นรีดมีอาการ

     

     

    รีดเม้มปากกำมือแน่น เขาไม่อยากเอานาเดีย มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงนาเดียจะจัดการกับพวกที่พยายาม จะแกล้งเธอได้ทุกครั้งแต่ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นอยู่ดี เขารู้ดีว่าแอชรี่ย์เอาจริงแน่นอน

     

     

    “ฉันรู้จักคนในโรงเรียนเยอะนะ โดยเฉพาะ-” แอชรี่ย์พยายามขู่แต่ถูกพูดแทรกตัดบท

     

     

    “โดยเฉพาะผู้ชายสินะ” เสียงพูดดังพร้อมเสียงเดิน คนที่เดินออกมา

     

     

    “แก!” แอชรี่ย์ถามอย่างเสียงดัง

     

     

    ฉันนาเดีย โอวาเกรซ สวัสดีแอชรี่ย์ อเล็กซานดร้า รามิเรซสาวฮอตคนใหม่ที่ฉวยตำแหน่งแทนท่านราชินีคามิร่า ซาเซนครอฟสาวสวยดุจนางฟ้าคนก่อน” นาเดียในตอนนี้ใส่เสื้อฮู้ดยันกางเกง ลายโดรม่อนหน้าก็ถูกแต่ง เป็นลายโดเรม่อนเช่นกัน เธอแสยะยิ้มก่อนพูดต่อ “นามสกุลเธอเหมือนฆาตกรที่ชื่อริชาร์ด รามิเรซเลยเนอะฉันค่อนข้างเป็นคนชอบฟังเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมน่ะนะ เธอนี่ย้ายมาไม่นานก็มีประวัติดีซะเหลือเกินนะ ย้ายมายังไม่ถึงเดือนก็…ได้ผู้ชายไปนอนด้วยตั้ง12คน มีแฟนแล้ว7คนโสด5” นาเดียยังคงแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว

     

     

    แอชรี่ย์เริ่มหน้าซีด เธอหันไปมองรีด เหมือนสมองจะพยายามหาข้อแก้ตัว แต่มันก็ออกมาแบบเบสิค

     

     

    “ฉันไม่ได้ทำนะ” แอชรี่ย์พูดอย่างลนลาน

     

     

    “ฉันเชื่อว่าเธอทำจริง” รีดกลอกตาก่อน สวนกลับทันทีอย่างมั่นใจ

     

     

    “คนมันประวัติเสียอะนะ” นาเดียพูดอย่างเย้ยหยัน เธอยกยิ้มมุมาก “เธอพูดถึงฉันว่า\'ถ้าไม่อยากให้ยัยนั่นเจ็บตัว\' เธอจะทำอะไรฉันมิทราบ? จะให้ผู้ชายที่เธอคั่วด้วยมาตื้บฉันเหรอ?” 

     

     

    “ฉันไม่ได้คั่วใครอะไรทั้งนั้น!แล้วถ้าฉันจะให้คนมาทำร้ายแกฉันก็ทำได้!ฉันสามารถเฉดหัวครอบครัวแกออกจากเมืองภายในวันนี้เลยก็ยังได้!!” แอชรี่ยตะโกนอย่างเหนือกว่าและไม่ยอมแพ้

     

     

    รีดเริ่มกังวลอีกครั้งเมื่อได้ยิน ว่าแอชรี่ย์จะทำให้นาเดีย ถูกไล่ออกจากเมือง ต่างจากนาเดียที่ทำหน้าปลาตาย ไม่ได้กลัวในสิ่งที่แอชรี่ย์พูดมา

     

     

    “มารยาท10ให้ติดลบศูนย์3ตัว เน่~ยัยพิษสุนัขบ้าฉันขอบอกไว้เลยนะถ้าเธอมายุ่งกับฉันล่ะก็~…”

     

     

    ปึ่ก!!!

     

     

    นาเดียต่อยต้นไม้ข้างตัว เพียงครั้งเดียวต้นไม้ต้นนั้น ก็มีรอยแตกลึกอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “เธอจะเป็นแบบนี้ ดูไว้เนี่ย ดูซะนะ” นาเดียชี้ๆที่ต้นไม้ อย่างทะเล้นต่างจากสิ่งที่ตนทำลงไป “โอ๋ๆขอโทษนะ ผู้หญิงทั้งโรงเรียนหมั่นไส้เธอ ผู้หญิงที่เธอไปฉกแฟนเขามาเกลียดเธอ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สร้างสัมพันธไมตรีกับใครเอาไว้แต่…ผู้หญิงพวกนั้นยอมช่วยฉันแน่” นาเดียลูบต้นไม้เบาๆและพูดก่อน หันยกยิ้มให้แอชรี่ย์อย่างน่ากลัว

     

     

    แอชรี่ย์หน้าซีดลงไปอีก นาเดียเดินผ่านแอชรี่ย์ไปหารีด เธอดันและตบไหล่เบาๆเป็นการเร่ง ให้รีดเดินไปทางรถ นาเดียกระซิบบอกให้รีดขึ้นรถ รีดเดิมอ้อมเข้าฝั่งคนขับ นาเดียเปิดประตูเข้าไปนั่งแล้วปิดลง รีดสตาร์ทรถก่อนเคลื่อนตัวสู่ท้องถนน ขับออกมาได้ไม่นาน-นาเดียก็บอกให้รีดจอดรถ เพื่อที่จะไปเอาจักรยานที่จอดไว้ ซึ่งแถวนั้นก็เป็นแถวที่รีดและนาเดียเคยเอารถมาจอดไว้ นาเดียบอกให้รีดกลับไปก่อน แต่รีดขอเดินไปด้วยขากลับก็ซ้อนจักรยานนาเดียกลับมาที่รถ ระหว่างเดินรีดก็พูดขึ้น

     

     

    “เธอรู้มั้ย”

     

     

    “หื้อ?” นาเดียมองรีดด้วยความสงสัย

     

     

    “สภาพเธอตอนนี้กับคำพูดที่เธอพูดกับแอชรี่ย์โคตรไม่เข้ากันเลย รู้สึกหลอนอะ” รีดพูด

     

     

    “ฉันออกจะคิกขุ” นาเดียเอามือมาแนบแก้มทั้งสองข้าง ทำปากจู๋ตาแบ๊วๆใส่รีด

     

     

    รีดรู้สึกหมั่นไส้จึงดีดหน้าผากนาเดียหนึ่งที นาเดียทำหน้างอ ลูบหน้าผากปอยๆ ทั้งคู่เดินมาถึงจักยานของนาเดีย ที่จอดทิ้งไว้นาเดียนั่งคร่อม รีดขึ้นนั่งซ้อนทันทีนาเดียปั่นพารีดกลับมาส่งที่รถ  ตอนปั่นมันออกฝืดมากๆเพราะรีดตัวค่อนข้างหนัก เมื่อรีดขึ้นรถทั้งคู่ก็เอ่ยลากันต่างคนต่างกลับ

     

     

     

     

    ผ่านไปหลายสัปดาห์ดูเหมือน สิ่งที่นาเดียพูดกับแอชรี่ย์ไปจะไม่เข้า สมองฝ่อๆของแอชรี่ย์เลยแม้แต่น้อย นั่นจึงทำให้นาเดียรู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก ไม่ใช่นาเดียคนเดียวที่โดนแกล้งแต่เป็นทั้งกลุ่มเพี้ยน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรทำเพียงแค่ หลบเลี่ยงและเอาคืนเท่านั้น ช่วงแรกมันยังไม่หนักมากนักแต่หลังๆ เริ่มหนักขึ้นความรุนแรงมากขึ้น จนสุดท้ายก็มีคนได้รับบาดเจ็บนั่นคือคริสติน น้องสาวฝาแฝดของคริสเตียน คริสเตียนที่เห็นน้องสาวของตัวเอง นอนนิ่งมีแผลตามตัวอยู่ในห้องพยาบาล ถึงกับเดือดแทบจะพุ่งตัวออกไปจัดการกับ คนที่ทำร้ายคริสตินแต่ถูกเพื่อนรั้งไว้ก่อนและบอกให้เขาใจเย็น นาเดียบอกเขาว่าเธอจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้และจะจบมันเอง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องพยาบาลไป

     

     

    นาเดียทำอย่างที่เคยพูดเอาไว้ เธอเดินไปหาพวกผู้หญิงที่ถูก แอชรี่ย์แย่งแฟนไปหรือจะพูดให้ถูกคือ เต็มใจโง่ไปด้วยกันเอง นาเดียโยนรูปที่หา(ถ่ายเก็บไว้ใช้)ได้ลงที่โต๊ะ มันคือรูปของแอชรี่ย์กับแฟนหนุ่ม ของแต่ละคนซึ่งดูจากสีหน้าแล้ว บางคนรู้ทำหน้าหงุดหงิดโมโห บางคนไม่รู้มีสีหน้าตกใจช็อก จนพูดไม่ออกและน้ำตาคลอ หนึ่งในนั้นถามว่าเอามาให้ดูทำไม นาเดียตอบว่าต้องการให้พวกเธอช่วยซึ่ง มันก็เป็นการให้พวกเธอได้แก้แค้นด้วยเช่นกัน เมื่อคุยเสร็จหลังนาเดียเดินออกไป พวกสาวๆก็เริ่มสงสัยไม่สิ สงสัยตั้งแต่ถูกเรียกมาแล้ว นาเดียดูไม่บ้าๆบอๆเหมือนอย่างที่เห็นเป็นประจำ 

     

     

    นาเดียกำลังเดินกลับไปที่ห้องพยาบาล ระหว่างทางเดินตามโถงนาเดีย ก็เห็นแอชรี่ย์เดินเลี้ยวมาพอดีในตอนที่กำลังจะเดินผ่านกันนั้น นาเดียก็ได้หยุดเดินจับไหล่แอชรี่ย์ไว้ เธอออกแรงบีบเบาๆก่อนพูดขึ้น

     

     

    “ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอย่ามายุ่ง แถมมาทำให้เพื่อนฉันเจ็บตัวอีกเตรียมรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ได้เลย” นาเดียพูดอย่างเยือกเย็น พลางออกแรงบีบไหล่แอชรี่ย์แรงขึ้น

     

     

    แอชรี่ย์เบ้หน้าเพราะความเจ็บ แรงที่นาเดียใช่นั้นไม่ใช่น้อยๆ นาเดียปล่อยไหล่แอชรี่ย์ก่อนเดินต่อและปล่อยให้ แอชรี่ย์ยืนเคว้งพร้อมกับความปวดร้าวช่วงไหล่ นาเดียกลับมาที่ห้องพยาบาลเธอเห็น คริสเตียนและเพื่อนอีกสี่คน ยังคงอยู่ไม่ห่างจากเตียงที่คริสตินนอน ทุกคนหันมองตามเสียงประตูที่เปิด นาเดียเดินไปใกล้ๆพวกเขา

     

     

    “ทุกอย่างจะเรียบร้อยมั้ย?” ลิลลี่ถาม

     

     

    “รอดูผลลัพธ์พรุ่งนี้” นาเดียตอบเสียงนิ่ง “ฉันไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่…ยัยนั่นเริ่มก่อนเอง”

     

     

    “หวังว่ายัยนั่นจะเข็ด” เอ็ดดี้พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง ผิดกับนิสัยอ่อนโยนแบบปกติของเขา

     

     

    “เราได้แต่หวัง” นาเดียพูดก่อนถอนหายใจ

     

     

    รีดประประตูเข้ามาเขาถามไถ่ว่า อาการของคริสตินเป็นอย่างไรบ้าง และเขาอยู่คุยจนใกล้เข้าเรียน นาเดียได้บอกรีดว่าเธอจะทำอะไรกับแอชรี่ย์ เขาดูลังเลนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ค้านอะไร เขาบอกว่าถือเป็นการสั่งสอนแอชรี่ย์ซะบ้าง ช่วงเย็นนาเดียกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เธอไม่ได้ตรงกลับบ้านเลยทันที แต่ไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งป้ายนามสกุล หน้าบ้านก็บอกอยู่ว่า[รามิเรซ] ใช่บ้านหลังนี้คือบ้านครอบครัวรามิเรซ นาเดียหยิบซองเอกสารสีน้ำตาล ออกจากกระเป๋าใส่หนังสือ เธอเอาซองนั่นใส่ไว้ที่กล่องจดหมาย ก่อนจะกดกริ่งสองครั้งแล้ว ปั่นจักยานกลับบ้าน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวรามิเรซรู้เรื่องสิ่งที่ลูกสาว คนเดียวของบ้านทำไว้หรือไม่ แต่ถ้าไม่รู้เธอก็อยากให้รับรู้ เพื่อหวังจะให้พวกเขาช่วยสั่งสอนและดัดนิสัย แย่ๆตรงนั้นของแอชรี่ย์

     

     

    ถัดมาเช้าของอีกวัน ตัดภาพเป็นสองฝั่ง รีดและนาเดียนอนอยู่บนเตียงของตน เสียงนาฬิกาดังขึ้น รีดเอื้อมมือไปกดปิดเขายกหัวขึ้นพยายามหรี่ตามองเวลา ฝั่งนาเดียฟาดปุ่มนาฬิกาอย่างแรงแล้วมุดกลับเข้าผ้าห่ม รีดลุกขึ้นนั่งบิดตัวยืดแขนก่อนออกจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป

     

     

    นาเดียยังคงนอนขดอยู่ในผ้าห่มจน หลายนาทีผ่านไป ฝั่งรีดหลังอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัว จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยแล้วลงไปข้างล่าง

     

     

    ตัดภาพมาที่ด้านนาเดียฝ่ายเดียว พ่อของนาเดียเปิดประตูเขามาในห้อง พ่อกระชากผ้าห่มออกก่อนจะ จับขาของนาเดียพยายามลากลงจากเตียง แต่นาเดียก็เกาะยึดเตียงไว้ พ่อลูกออกแรงดึงกันไปรั้งกันมาอยู่นาน จนสุดท้ายนาเดียก็ยอมปล่อยให้พ่อลากเธอเข้าไปในห้องน้ำ พ่อนาเดียเดินออกจากห้องน้ำปิดประตู พ่อเดินกลับหยิบผ้าห่มมาพับให้เรียบร้อยจัดวางไว้ปลายเตียง พ่อก็เดินออกจากห้องไป นาเดียใช้เวลาไม่นานก็อาบเสร็จเธอเดินออกมา แต่งตัวด้วยชุดลายคิตตี้สีชมพูบาดตาสุดๆ ไม่กล้า(บ้า)ทำไม่ได้ทุกวันนะ(ชูนิ้วที่ยาวที่สุด) นาเดียเดินออกจากห้อง ไปเข้าห้องพี่ชายเธอบอกอรุณสวัสดิ์เขาเหมือนทุกวัน ก่อนจุ๊บที่หน้าผากแล้วเดินออกจากห้อง

     

     

    นาเดียเดินมาที่โต๊ะอาหาร โดยมีพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะ ส่วนแม่อยู่ในครัวนาเดียถามแม่ว่าพี่ชาย กินมื้อเช้าหรือยังซึ่งคนที่ตอบไม่ใช่แม่ แต่เป็นพ่อที่นั่งอยู่ด้วยกัน เช้านี้พ่อเป็นคนป้อนอาหารพี่ชาย แม่เดินเอามื้อเช้าส่วนของนาเดียมาวางไว้ ก่อนหอมแก้มลูกสาว แล้วเดินกลับเข้าไปทำความสะอาดในครัวต่อ ทั้งสามพ่อแม่ลูกหาเรื่องคุยกันจนนาเดียกินเสร็จ

     

     

    นาเดียเตรียมตัวจะออกจากบ้าน พ่อถามว่าให้ไปส่งมั้ยเพราะวันนี้พ่อจะกลับเร็ว ตอนเย็นจะได้ไปรับแบบตอนลูกสาวยังตัวเล็กๆ แต่นาเดียตอบว่าไม่เป็นไร เธอจะไปเองนาเดียเดินเข้าไป ปั่นจักรยานออกจากโรงรถ โดยไม่เห็นเลยว่าพ่อของเธอ กำลังทำหน้าหงอยน้ำตาซึมอยู่ด้านหลัง รถของรีดถูกจอดอยู่หน้าบ้านและลดกระจกไว้ รีดเห็นนาเดียปั่นจักรยานออกมา ทั้งคู่สบตากันพอดี รีดโบกมือทักทาย นาเดียทำเพียงยิ้มบางๆตอบเท่านั้น ส่วนพ่อที่จากน้ำตาซึมเมื่อกี้ เปลี่ยนเป็นจ้องเขม็งมาที่รีด รีดเห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลัง จากนาเดียเขาคิดว่าคงเป็นพ่อของเธอจึง ค้อมหัวเป็นการทักทาย แม้จะช้าไปหน่อยเกือบเป็นการเสียมารยาท เพราะตอนแรกไม่ทันมอง(ไม่ได้อยู่ในสายตา) พ่อของนาเดียพยักพเยิดแบบส่งๆ สายตาดูไม่ค่อยพอใจ พ่อถามไถ่ว่า เขาเป็นใครสถานะอะไร ซึ่งนาเดียก็ตอบว่าเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่ดูเหมือนคุณพ่อสุดที่รัก จะไม่ปลื้มรุ่นพี่คนนี้สักเท่าไหร่ นาเดียเอ่ยลาพ่อของตนก่อนปั่นออกไป รีดเห็นแบบนั้นจึงค้อมหัวให้ พ่อของนาเดียอีกครั้งเป็นการลา แล้วขับรถตามนาเดียไปติดๆ

     

     

    เมื่อทั้งคู่มาถึงโรงเรียน และแยกย้ายกันไปหากลุ่มเพื่อนของตน ระหว่างเดินตามทาง นาดียได้เดินสวนกับพวกผู้หญิงที่คุยด้วยเมื่อวาน พวกเธอยิ้มให้เป็นการส่งซิก โดยที่นาเดียกำลังใส่หน้ากาก เกือบทั้งหน้าเหลือช่วงปากแบบพอดี นาเดียจึงส่งยิ้มไร้สีระบายหน้าตอบ ก่อนเอาหน้ากากปิด

     

     

    ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง กลุ่มเพี้ยนคอยดูสถานการณ์อยู่ตลอด เว้นคริสตินเพียงคนเดียวเพราะ เธอต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ตั้แต่แอชรี่ย์ลงมาจากรถ พวกเขาก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอ ดูเคร่งเครียดและกังวล นาเดียไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะ เรื่องซองเอกสารเมื่อวานหรือครอบครัวมีปัญหากันแน่ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาสนใจมากนัก แต่สิ่งที่สนใจก็คืนแผนจะสำเร็จหรือไม่ ก็แค่นั้น

     

     

     

     

    และมันก็สำเร็จ ตลอดทั้งวันแอชรี่ย์ถูกแกล้ง ตลอดตั้งแต่เช้ายันเย็น ซึ่งพวกที่แกล้งก็คือกลุ่มผู้หญิง ที่นาเดียคุยด้วย พวกเธอคือแกนนำทั้งหมด ผู้ร่วมแผนการคือผู้สาวทั้งโรงเรียน แม้แต่ผู้ชายหัวใจฟรุ้งฟริ้งก็ร่วมด้วย เพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ ส่วนนาเดียเป็นเพียงแค่ คนคิดแผนและคนสังเกตการณ์เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการยืมมือคนอื่น โดยที่มือตัวเองไม่ต้องเปื้อนอะนะ รีดดูไม่ค่อยสนสักเท่าไหร่ ปากก็บอกว่าพอแล้ว แต่คำต่อหลังจากพอแล้วก็ยังมีคำเชียร์อยู่...

     

     

    วันนี้แอชรี่ย์กลับบ้านด้วยชุดที่ แตกต่างจากเมื่อเช้าเพราะ ชุดที่เธอใส่มาเมื่อเช้านั้น เละเทะไม่เหลือซาก แต่ก็ดีที่ไม่ได้เล่นถึงขั้นทำลายชุด อ้อ...รถก็โดนแต่มันไม่ใช่การ ทำลายทรัพย์สินขนาดนั้นก็แค่…เศษขยะเล็กๆน้อยๆ(?) กลิ่นเหม็นที่มาจากน้ำถูพื้น และผงสีที่สามารถล้างออกได้ โดนหนักขนาดนี้เพราะตัว แอชรี่ย์เองไม่ใช่แค่ไปยุ่งกับแฟนชาวบ้าน แต่เธอทำการบูลลี่หลายคนในโรงเรียน ทั้งที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน พอถูกเรียกว่าราชินีคนใหม่ แทนคามิร่าคุณเธอก็ทำตัวกร่างไปทั่ว นาเดียชอบคามิร่ามากกว่า เพราะเธอไม่ใช่คนเสแสร้งแถมใจดีอีกต่างหาก สมกับฉายาราชินีนางฟ้าของโรงเรียนและนางฟ้าของนาเดีย(?)จริงๆ ส่วนแอชรี่ย์ก็ทำเขาไว้เยอะอะนะโดนหนักขนาดนี้ก็ไม่แปลก 

     

     

    สัปดาห์แห่งการแกล้ง ทั้งสัปดาห์นี้ถูกเรียกแบบนั้น ซึ่งคนโดนก็คือแอชรี่ย์ โดนคนเดียวทั้งสัปดาห์ ถือว่าเป็นการสั่งสอนแบบชุดใหญ่ ไม่มีใครคุยกับเธอแม้แต่ อดีตลูกสมุนตัวดีทั้งหลาย และเรื่องที่แปลกที่สุดคือ การที่กลุ่มเพี้ยนไม่แกล้งใคร ในโรงเรียนแม้แต่คนเดียว เลยกลายเป็นเงียบแบบผิดปกติ แล้วสงสัยล่ะสิว่ากลุ่มเพี้ยนกำลังทำอะไรกันอยู่

     

     

    ก็คอยดูสถานการณ์อยู่ไง!

     

     

    หลังจากวันหยุดนี้ การแกล้งก็จะจบลง ทุกคนจะคอยดูว่าพฤติกรรม ของแอชรี่ย์จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าไม่ ก็โดนอีก 

     

     

    ก่อนหน้านั้นสามวันหลังแอชรี่ย์โดนแกล้ง ก็มีผู้ปกครองของเธอมาโรงเรียน ซึ่งคนที่มาคือพี่ชายของเธอ แน่นอนว่าเขาจะเข้าไปคุยกับผอ. มันเดาไม่ยากหรอกว่ามาด้วยเรื่องอะไร ระหว่างที่เขาจะเดินไปห้องผอ. พี่ชายของแอชรี่ย์ก็เห็นเหมือนจะเป็นหุ่นใส่หน้ากาก ยืนนิ่งอยู่ใกล้บันไดเขากำลังจะเดินลงบันได แต่มีเสียงพูดขึ้นจนทำให้เขาสะดุ้ง

     

     

    “ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้มั้ยคะ” 

     

     

    คุณพี่ชายหันซ้ายหันขวาหาเจ้าของเสียง แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากหุ่น

     

     

    “หาอะไรคะ?” 

     

     

    สิ่งที่คิดว่าเป็นหุ่นมาตั้งแต่แรก ขยับแขนเอาหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียว ดวงตาสีเขียว คิ้วเข้มด้านซ้ายถูกบากเป็นสองขีด จมูกโด่งรั้น ปากเป็นกระจับ ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากนาเดีย

     

     

    “เอ่อ…จะคุยกับฉันเหรอ?” ชายหนุ่มชี้นิ้วที่ตัวเองพร้อมถาม

     

     

    “เปล่าค่ะ หนูถามคนที่อยู่ข้างหลังคุณ” นาเดียเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดูหลอนๆ

     

     

    “!!!!!” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น จึงรีบเดินมาเกาะแขนนาเดียอย่างรวดเร็ว

     

     

    “หึหึ หนูล้อเล่น” นาเดียหันยกยิ้มขำให้คนข้างๆ

     

     

    “ฮื่ออ ตกใจหมด” ท่าทางของเขาดูงอแงเหมือนเด็กน้อย ต่างจากภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ในตอนแรก “ว่าแต่ เธออยากคุยกับฉันเหรอ” เขาถาม

     

     

    “ยืนกันอยู่สองคนคิดว่าใครล่ะคะ” นาเดียถามกลับอย่างกวนๆ \"หนูนาเดียค่ะ นาเดีย โอวาเกรซ\" นาเดียเอ่ยแนะนำตัว

     

     

    “นาเดีย…โอวาเกรซ…อ๋อ!ยัยตัวเล็กลูกอาเจมัสนี่เอง โตขึ้นเยอะเลย” ชายหนุ่มพึมพำ คิดอยู่สักพักก่อนเอ่ยออกมา

     

     

    “ค่ะ หนูแนะนำตัวแล้วพี่แนะนำตัวบ้างสิ เป็นมารยาทนะ” เธอขยิบตาให้ชายหนุ่มอย่างทะเล้น

     

     

    “โอ้ อะแฮ่ม!ผมชื่อเฟลิกซ์ โรฮาส รามิเรซครับสาวน้อย” เฟลิกซ์พูดจบก็ขยิบตาคืนด้วยเช่นกัน “แล้วนาธานเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีมั้ย?” 

     

     

    “เรื่องนั้นเดี๋ยวหนูค่อยเล่าให้ฟัง แต่หนูขอคุยกับพี่เรื่องน้องสาวของพี่หน่อย” 

     

     

    เฟลิกซ์ขมวดคิ้วจนจะเป็นปม วันนี้เขามาเพื่อจะคุยกับผอ. เรื่องของแอชรี่ย์น้องสาวเขา เพราะเธอกลับบ้านไปด้วยสภาพ เละเทะบางวันก็เปียกอย่างกับขับรถตกน้ำมา รถก็เลอะสีดีเป็นสีที่ล้างออกได้ และก่อนหน้านั้นก็มีซองเอกสารใส่ไว้ในตู้จดหมาย ในซองมีรูปของแอชรี่ย์กับผู้ชายหลายอิริยาบถ มีรูปอีกส่วนเป็นรูปที่ดูเหมือนแอชรี่ย์จะเทน้ำใส่หัวคน ไม่ก็ทำอะไรบางอย่าง หลังรูปทุกรูปจะมีวันที่เวลาระบุไว้ และมีข้อความเขียนเอาไว้ว่าน้องสาวของเขากำลังทำอะไร หลังจากที่เขาและครอบครัวเห็นสิ่งที่อยู่ในซอง ก็ได้เรียกแอชรี่ยมาคุยไม่สิ เรียกว่าเป็นการดุสั่งสอนซะมากกว่า 

     

     

    แม้เขาจะโกรธจนไม่คุยกับน้องสาว แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะจัดการกับคนที่แกล้งน้องสาว

     

    “พี่?” เสียงนาเดียเอ่ยเรียกจนทำให้เฟลิกซ์หลุดออกจากห้วงความคิด

     

     

    “อ-อือ คุยกัน”

     

     

    นาเดียอธิบายเรื่องที่แอชรี่ยโดยแกล้งให้เฟลิกซ์ฟัง และบอกว่านั่นคือแผนของเธอเอง ที่ทำเพราะอยากจะดัดนิสัยของแอชรี่ย์ ส่วนเรื่องรูปในซองก็เป็นฝีมือของเธออีกนั่นแหละ นาเดียไม่รู้ว่าครอบครัวรามิเรซรู้เรื่องในสิ่งที่แอชรี่ยทำมั้ย แต่ถ้าไม่รู้เธอก็หวังว่าพอ รู้แล้วจะมีการตักเตือนสั่งสอนซะบ้าง

     

     

    เฟลิกซ์ได้ตอบว่า ทั้งครอบครัวรู้เพราะรูปนั่นแหละ ไม่มีใครคิดว่าแอชรี่ย์จะทำตัวแบบนั้น เพราะตอนอยู่บ้านเธอก็เป็นเด็กดี แม้จะดูเอาแต่ใจไปบ้างแต่ไม่คิดว่า พออยู่นอกบ้านจะเปลี่ยนเป็นคนละคน

     

     

    นาเดียบอกให้เฟลิกซ์ไม่ต้องกังวล เพราะการแกล้งจะทำเพียงสัปดาห์เดียว ที่ทำเพราะอยากดัดนิสัยแย่ๆของแอชรี่ย์ เอาจริงๆก็ใส่อารมณ์ด้วยแหละ เพราะคริสตินได้รับบาดเจ็บ เลยทำให้นาเดียรู้สึกฉุนไม่น้อย

     

     

    เฟลิกซ์คิดในสิ่งที่นาเดียพูดก่อนตกลง เขายอมให้น้องสาวตัวเองโดนแกล้งต่อ แปลกดีที่พี่ชายอย่างเขาปล่อยให้น้องตัวเองโดนแกล้ง แถมคนที่มีส่วนยืนอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยไป 

     

     

    เฟลิกซ์กำลังเดินกลับไปที่รถ นาเดียเดินไปส่งเธอเล่าเรื่องของนาธานให้ฟัง ทั้งที่ตอนแรกเฟลิกซ์จะมาคุยกับผอ. แต่กลายเป็นว่าเขาได้คุยกับลูกสาวของรุ่นน้องพ่อ เฟลิกซ์และนาเดียเคยรู้จักกันสมัยยังเด็กๆ แต่เพราะครอบครัวของนาเดียย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เลยไม่มีโอกาสได้เจอกันหลายปี จนวันนี้ ทั้งคู่เดินมาจนถึงรถ เฟลิกซ์เปิดประตูจะเข้าไปแต่…

     

     

    “พี่ว่าจะทักตั้งแต่อยู่ข้างบนแล้วนะ”

     

     

    “?”

     

     

    “แต่งตัวสไตล์อะไรล่ะเนี่ย” เฟลิกซ์มองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วขึ้นมาอีกที

     

     

    “สไตล์Mix” นาเดียตอบ

     

     

    Mixมั่วไปหมด” x2 นาเดียและเฟลิกซ์พูดพร้อมกัน ก่อนหลุดขำกันออกมาทั้งคู่

     

     

    เฟลิกซ์เอ่ยลาพร้อมยีหัวนาเดียอย่างมันเขี้ยว เขาหยิบนามบัตรออกมาให้นาเดีย เพื่อไว้ติดต่อเฟลิกซ์เข้าไปนั่งในรถและขับออกไป

     

     

     

     

    วันหยุดนี้กลุ่มเพี้ยนและรีด นัดกันไปที่ทะเลสาบ ซึ่งกลายเป็นสถานที่ประจำของพวกเขาไปแล้ว ด้วยความที่อากาศวันนี้ร้อน พวกเขาจึงโดดลงน้ำกันอย่างสนุกสนาน จนพวกเขาเล่นกันจนเหนื่อยถึงจะ ขึ้นมานอนแผ่กันบนฝั่งเป็นปลาตากแห้งเลย ทุกคนมานั่งล้อมกันกินอาหารที่เตรียมกันมา คุยกันไปเรื่อยถามนู่นนี่บ้างเป็นการทำความรู้จัก แน่นอนว่าหนึ่งในเรื่องที่คุย มีเรื่องเกี่ยวกับแอชรี่ย์อยู่ สิ่งที่ทุกคนคิดคือเธอจะเปลี่ยนการกระทำของตัวเองมั้ย หลังจากเจอเรื่องร้าย เรื่องที่เกิดขึ้นกับแอชรี่ย์มันเป็นเรื่องที่แย่ แต่สิ่งที่แอชรี่ย์ทำกับคนอื่นก็แย่ไม่แพ้กัน สิ่งที่นาเดียทำก็ไม่ต่างจากแอชรี่ย์ คือการยืมมือคนอื่น ของนาเดียมีขอบเขตการทำ แต่แอชรี่ย์ไม่เธอจะทำจนกว่าจะพอใจ

     

     

    “นาเดีย” รีดเอ่ยเรียกนาเดียที่เคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ

     

     

    นาเดียเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเพราะปากไม่ว่าง

     

     

    “ฉันสงสัยเอ่อ…ว่าพวกเธอจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?”

     

     

    นาเดียเอียงคอสงสัย ปากยังคงเคี้ยวขนมปังอยู่

     

     

    “ทำอะไรอะ?” ลิลลี่ถามออกมาด้วยความสงสัย

     

     

    “ก็…แกล้งคนอื่นแบบ ทำตัวบ้าๆบอๆ” รีดพูดอย่างระมัดระวังในการใช้คำ

     

     

    “…ก็ว่าจะทำอีกประมาณสักปีสองปีค่อยเลิก” นาเดียกลืนขนมปังแล้วยกขวดน้ำขึ้นกินก่อนจะตอบ

     

     

    “ปีสองปีเลยเหรอ?แบบนั้นฉันก็จบออกไปแล้วสิ” รีดพูดอย่างเซ็งๆ

     

     

    “ฉันกะจะทำตัวบ้าๆบอๆคนเดียวส่วนคนอื่นอยากเลิกทำก็แล้วแต่ ไม่ได้บังคับ” นาเดียพูด

     

     

    “ไม่ช่ายยยย ฉันไม่ได้หมายถึงว่าฉันอยากเลิก แต่ฉันแค่สงสัยว่าพวกเธอจะเลิกเมื่อไหร่ก็แค่นั้น” 

     

     

    “ก็ตามนั้น”  ทั้งหกพูดพร้อมกัน พลางหยิบขนมอาหารและน้ำมากิน

     

     

    “อะ ชอบกินนี่ไม่ใช่เหรอ” รีดยื่นขนมปังใส้ครีมนมสดให้นาเดีย หลังพูดจบเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย

     

     

    “…อือขอบใจ” นาเดียขมวดคิ้วงุนงง ก่อนรับขนมปังมากัดกิน

     

     

    พวกที่เหลือมองหน้าสลับกับไปมา มองกันอย่างรู้ความหมาย มุมปากผุดรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย

     

     

    ต่างคนต่างหาเรื่องพูดคุยและเล่าเรื่องตลก ให้คนอื่นๆฟังจึงทำให้วันหยุดนี้ มีสีสันเพิ่มขึ้นไปอีก

     

     

    ตกเย็นทุกคนเอ่ยลาและแยกย้ายกันกลับบ้าน รีดยังคงขับรถประกบนนาเดียไปส่งบ้าน อีกเช่นเคยก่อนหน้านั้นรีด ได้เอ่ยชวนให้ไปนั่งบนรถก็ไม่เอา ขยันปั่นซะเหลือเกิน

     

     

    “ฉันสงสัยนะ ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” รีดพูดเชิงถาม

     

     

    “ทำไมสงสัยล่ะ?”

     

     

    “แค่รู้สึกว่าเวลาอยู่กับเธอแล้วมันคุ้นๆ”

     

     

    “คุ้นยังไง”

     

     

    “ก็คุ้นๆอะ”

     

     

    “…”

     

     

    “…”

     

     

    เกิดอาการเดดหแอร์ขึ้นมาซะอย่างงั้น นาเดียปั่นจักรยานต่อไปโดย หันมองรีดที่ขับรถอยู่ข้างๆ

     

     

    “มองทางสิเดี๋ยวก็ล้มหรอก” รีดเอ่ยเตือน

     

     

    “ไม่ล้มหรอกระดับนี้แล้ว” นาเดียหันไปยักคิ้วให้รีด แล้วหันกลับมามองทางต่อ

     

     

    “เห้ออ แล้วถ้าล้มขึ้นมาล่ะ ล้มข้างทางน่ะไม่เท่าไหร่แต่ถ้าล้มมาทางรถหัวแบะเลยน่ะ” 

     

     

    “จ้าพ่ออออ” 

     

     

    “นี่ นาเดีย”

     

     

    “หา?”

     

     

    “ฉันแก่กว่าตั้ง3ปีทำไมไม่เรียกฉันว่าพี่ล่ะ?” เอาจริงๆเขาก็ไม่คิดอะไรมากหรอก เพราะส่วนใหญ่จะมีพวกรุ่นน้อง เรียกเขาว่ารุ่นพี่ซพมากกว่า แต่รีดรู้สึกอยากให้นาเดียเรียกเขาว่าพี่ แปลกดี

     

     

    “ทำตัวให้น่าเคารพให้ดูก่อนสิเดี๋นชยวจะเรียก” นาเดียตอบอย่าทันควัน

     

     

    “ฉันไม่น่าเคารพตรงไหนฮะ?!” รีดรู้สึกเหวออยู่ไม่น้อยที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น

     

     

    “ทุกตรง! ฮ่าๆๆ” นาเดียเร่งความเร็วในการปั่นเพื่อหนี

     

     

    “แผล็บ~ เด็กนี่นิ่” รีดเลียปากก่อนยิ้มบางๆอย่างเหนื่อยใจ

     

     

    รีดไม่ได้เร่งเครื่องตามเพราะกลัว คนข้างหน้าล้มแล้วตนจะขับไปเหยียบซ้ำ 

     

     

    รีดขับประกบนาเดียจนมาถึงบ้าน

     

     

    “ขับรถดีๆนะไว้เจอกัน ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้า” นาเดียเป็นฝ่ายพูดก่อน

     

     

    “อือ ไว้เจอกันในฝันนะ” รีดพูดก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์

     

     

    “ฝันร้ายแหง่ๆ” นาเดียตอบพร้อมทำหน้าสยองแล้วลูบแขนเหมือนขนลุก

     

     

    “=_= ไปล่ะ” รีดขับรถออกไป

     

     

    นาเดียเดินเข้าบ้าน เธอเดินเข้าไปกอดและเอ่ยทักแม่ของเธอ แม่ของนาเดียตอบรับและหอมแก้มนาเดียหนึ่งทีก่อนบอกให้ขึ้นไปอาบน้ำ นาเดียใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ นาเดียไม่ได้เดินลงไปด้านล่างทันที เธอเดินเข้าห้องข้างๆโดยไม่เคาะ บนเตียงมีคนนอนอยู่ เป็นชายหนุ่มรุ่นราว18-20ปีผมสีเปลือกไม้เช่นเดียวกับนาเดีย เขานอนนิ่งไม่ขยับมีเพียงการหายใจ เข้าออกเท่านั้นเป็นการบ่งบอกว่าเขายังคงมีชีวิต จนนาเดียนั่งลงข้างเตียง เธอจับมือของชายหนุ่มมาจูบเบาๆก่อนกุมไว้

     

     

     

     

     

    “ไงพี่ชาย” นาเดียเอ่ยทักชายหนุ่มที่นอนนิ่ง ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอ

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ แต่นิ้วมือที่นาเดียกุมไว้นั้น มีปฏิกิริยาตอบสนอง นาเดียน้ำตาไหลและยิ้มบางๆ                                  

     

     

     

     

     

    “พี่ต้องเลิกกระดิกนิ้วแล้วลุกขึ้นมาคุยกับหนูสักที พี่เอาแต่กระดิกนิ้วมาปีกว่าแล้วนะเอาแต่นอนแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นง่อยหรอก” เธอพูดอย่างขำๆ

     

     

     

     

     

    แม้รู้อยู่แก่ใจ…ว่าพี่ชายของเธอคงจะไม่อยู่ๆก็ลุก ขึ้นมาหยิกแก้มข้อหาทำให้หมั่นไส้ อย่างเมื่อก่อนหรอก แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเธอจะฉลองสัก 10วัน10คืนจะไม่หลับไม่นอนเลย ขนาดตอน ที่พี่ชายมีปฏิกิริยาการกระดิกนิ้วครั้งแรก เธอยังเฮลั่นบ้านมันเหมือนเป็น ความหวังอันยิ่งใหญ่ในความคิด แต่เรื่องจริงมันคือความหวังเล็กๆเพียงเท่านิ้วก้อย

     

     

     

     

     

    “เดี๋ยวมานะ” นาเดียลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

    นาเดียเดินลงมาชั้นล่างเพื่อ ยกอาหารและน้ำของเธอและพี่ชายขึ้นไป กินด้วยกันจะเรียกว่ากินอาหารด้วยกันก็ไม่ถูก เพราะเธอจะป้อนพี่ชายจนกว่าเขาจะกระดิกนิ้ว เหมือนเป็นการบอกว่าอิ่มแล้ว ส่วนนาเดียจะกินหลังป้อนและเช็ดปากพี่ชายให้เรียบร้อย นาเดียมักจะทำแบบนี้ทุกครั้ง เวลาเธอกลับบ้านเร็วถ้าวันไหน กลับช้าแม่ของเธอก็จะเป็นคนป้อนพี่ชาย บางครั้งพ่อกลับเร็วก็จะมาป้อน ครอบครัวของเธอจะสลับกันทำแบบนั้นทุกวัน ไม่ใช่แค่การป้อนอาหารแต่รวมไปถึงเช็ดตัว ดูแลทุกอย่างและการพูดคุยเพื่อหวังให้เขารับรู้ ทุกคนในครอบครัวรอให้เขาขึ้นตื่นมา

     

     

     

     

     

    นาเดียป้อนอาหารไป เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง จะเรียกว่าเป็นเด็กขี้ฟ้องก็ได้ เพราะมีอะไรก็จะฟ้องพี่หมด ถึงฟ้องไปพี่ชายก็ไม่ตื่นขึ้นมาช่วยก็เถอะ นาเดียเล่นมุกเองตบเองอยู่คนเดียว พูดรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนพี่ชายกระดิกนิ้วเธอจึงหยุด นาเดียหยิบน้ำขึ้นมาค่อยๆป้อนให้พี่ชาย พี่ชายตอบสนองดีทุกอย่างแต่เขาไม่ฟื้นสักที เธอหยิบผ้าเช็ดมาปากพี่ชายที่เลอะน้ำเล็กน้อย ก่อนที่จะเอาอาหารส่วนของตัวเองมากิน

     

     

     

     

     

    นาเดียยังคงพล่ามพูดไปเรื่อยเปื่อย จนกินเสร็จเธอก็เอาถ้วยจานและแก้วน้ำลงไปเก็บ แม้นาเดียจะกินอาหารเสร็จแล้ว แต่เธอก็ยังกลับมาที่ห้องของพี่ชาย คราวนี้นาเดียเอากระเป๋าใส่หนังสือเรียนมาด้วย โต๊ะเขียนหนังสือของพี่ชาย ระหว่างที่ทำก็พูดขึ้นมาบ้าง หันมองร่างพี่ชายบ่อยเผื่อเขาขยับตัว หันจนคอเกือบเคล็ด…

     

     

     

     

    หมดเวลาวันหยุดสุดหรรษา เขาสู่เวลาเหนื่อยล้าจวนจะหัวลากดิน นั่นคือวันกลับมาเรียนอย่างวันจันทร์ แต่วันนี้อาจจะเป็นวันดีของใครบางคนก็ได้

     

     

    เช้าวันนี้แอชรี่ย์เดินเข้ามา ด้วยความระแวงเช่นเดิม แอชรี่ย์รู้สึกได้ว่าวันนี้แปลกไป เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเธอเข้ามาในโรงเรียน เธอก็จะโดนกลั่นแกล้งทันที วันนี้กลับเงียบสนิทไม่มีใครมาแกล้งเธอ มีหลายคนเดินผ่านแอชรี่ย์ไปอย่างไม่สนใจ ไม่มีใครพูดกับเธอหรือแม้แต่ทักทาย 

     

     

    ฝั่งนาเดียเมื่อมาถึงโรงเรียน  กำลังยัดของเข้าล็อกเกอร์ วันนี้เธอก็ยังแต่งตัวด้วยสีบาดตาอีกเช่นเคย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีสดใสจนดูหน้าไม่ออก มีเสียงก๊อกๆหลังฝาล็อกเกอร์ นาเดียผลักฝาล็อกเกอร์ปิด รีดก้มหน้ามองรูปภาพในมือ เขายิ้มน้อยๆก่อนเงยหน้า รีดยื่นรูปคืนให้นาเดีย เพราะเธอทำตก นาเดียรับรูปมาเก็บใส่ไว้ในประเป๋าเสื้อ มันเป็นรูปของเธอในวัยเด็กกับพี่ชายที่กำลังสอนเธอเล่นเปียโน 

     

     

    ปลาก่อบแก็บ

     

     

    รีดบอกว่าน่ารักดีและถามว่าผู้ชายในรูปคือใครเหรอ นาเดียหยิบกระดาษและปากกามาเขียนว่า ‘พี่ชาย’ เวลาอยู่ในโรงเรียนผู้คนเยอะๆนาเดียจะ ใช้การเขียนมากกว่าพูด มันกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว

     

     

    รีดชวนนาเดียคุยขณะเดินตามทาง จริงๆก็มีแต่รีดนั่นแหละที่พูดอยู่คนเดียว รีดเดินมาส่งนาเดียจนถึงห้องเรียน เขายีหัวนาเดียก่อนขอตัวไปห้องตัวเอง 

     

     

    ระหว่างเดินไปห้องเรียน รีดได้นึกถึงรูปภาพที่นาเดียทำตก เด็กน้อยนั่งตักพี่ชาย(ตามที่นาเดียบอก)ขณะที่พี่ชายกดคีย์เปียโน ช่างเป็นภาพที่น่ารักและอบอุ่น วันนี้เหมือนปลดล็อกทุกอย่าง เด็กน้อยและเด็กชายสองคนนั้นเป็นใคร ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว:)

     

     

    ช่วงเที่ยงกลุ่มเพี้ยน มานั่งรวมตัวกินมื้อเที่ยงอยู่ในโรงอาหาร (คงไม่ไปนั่งอยู่บนหัวใครหรอก) สิ่งที่ขาดไปในกลุ่มคือรีด ตั้งแต่เริ่มสนิทกันรีดก็มานั่งกินมื้อเที่ยงด้วยบ่อยๆ ช่างเรื่องนั้นก่อน ตอนนี้มีเรื่องใหญ่กว่า ทั้งสี่คนนั่งจ้องอย่างเค้นความจริง จากหนุ่มสาวทั้งสอง ฝ่ายชายนั่งเขี่ยอาหารอย่างไม่รู้สึกรู้สา ฝ่ายหญิงนั่งก้มหน้างุดแก้มเธอแดง ลามไปถึงใบหู

     

     

    “มีอะไรจะบอกฉันมั้ย?” เสียงเข้มถูกเอ่ยออกมาจากคริสเตียน เขานั่งกอดกหน้าดำไปครึ่งนึงแล้ว

     

     

    “ก็อย่างที่เห็นเมื่อกี้” เลียมตอบด้วยท่าทางยียวนกวนเบื้องล่าง

     

     

    เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสี่กำลังเดินไปที่ประจำ แถวนนั้นไม่มีคนเดินจึงเป็นที่ที่ถูกเรียกว่าสถานที่ลับตาคน เมื่อคริสเตียนเปิดประตูเข้าไป ก็ได้เจอกับภาพบาดตายิ่งกว่าสีเสื้อนาเดีย(?) คือเลียมกับคริสจูบกันอย่างดูดดื่ม ดีนะมันไม่ทำมากกว่านั้น… อะไร?มีใครคิดลึกรึเปล่าล่ะเนี่ย? อย่านะ เรื่องนี้ใสย์ๆ(?)

     

     

    กลับมาปัจจุบัน

     

     

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?” คริสเตียนถาม

     

     

    “เกือบสองเดือนแล้ว” ยังคงเป็นเลียมที่ตอบ

     

     

    “คริสตี้” คริสเตียนเป็นคนเรียก

     

     

    คริสตินไม่ได้ตอบอะไรแค่เงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น

     

     

    “คิดจะบอกฉันมั้ย?” 

     

     

    \'พวกเรามาทำอะไรที่นี่\'x3 สามสหายคล้ายจะถูกลืมคิดพร้อมกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำแค่นั่งกินมื้อเที่ยงกันเงียบๆ

     

     

     “ก็…จะบอกแหละแต่คิดว่าคงจะไม่ใช่เร็วๆนี้” คริสตินตอบอย่างอ้อมแอ้ม 

     

     

    “แล้วแกล่ะ” คริสเตียนหันมาถามเลียม

     

     

    “ก็จะบอกเร็วๆนี้ แต่ถ้าบอกพวกแกก็ต้องแซวฉันสองคนน่ะสิ”

     

     

    มันกลัวโดนแซวแต่ไม่กลัวโดนพี่ชายเขากระทืบว่ะ” นาเดียกระซิบเปิดหัว

     

     

    เอ็ดดี้และลิลลี่เพียงหัวเราะคิกคักเท่านั้น

     

     

    “จริงๆนะ ถ้าบอกกันดีดีจะไม่ว่าอะไรเลยเพราะยังไงเราก็รู้จักกันมานาน แต่ให้เห็นก่อนแล้วค่อยรู้ มันน่าโมโหนะเว้ย!!” 

     

     

    ปัง!!!

     

     

    คริสเตียนตบโต๊ะเสียงดัง จนทำให้คนรอบๆหันมามองก่อนหันกลับไป มืดของเขาแดงแจ๋เพราะไม่ได้ตบเบาๆ

     

     

    \"ใจเย็นน่า\" เอ็ดดี้ตบหลังคริสเตียนเบาเพื่อให้ใจเย็นลง

     

     

    คริสเตียนก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่ทั้งคู่คบกัน แค่น้อยใจเพราะไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ กลุ่มเพี้ยนก็แกล้งคนอื่นเหมือนเดิม หลังจากห่างหายไปเป็นสัปดาห์ รีดมีส่วนร่วมด้วยเล็กๆน้อยๆ แอชรี่ย์นั่งคนเดียวไม่มีเพื่อน แม้แต่พวกลิ่วล้อที่เคยตามก็หายหัว

     

     

    ช่วงเย็นพวกนักเรียนเริ่มทยอยกลับบ้าน ตามทางบันไดมีเหล่านักเรียนเดินลง บางคนเดินสวนขึ้นเพราะอาจจะลืมของหรืออะไรสักอย่าง แต่ไม่ใช่กับนาเดีย เธอเดินสวนฝูงชนจนไร้ผู้คน เธอเดินขึ้นจนมาถึงดาดฟ้า นาเดียเปิดประตูออกไป มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอคือแอชรี่ย์ แอชรี่ย์นั่งเงียบ-บรรยากาศดูหดหู่และมืดมน (เพราะเป็นช่วงเย็น) 

     

     

    “ไม่มีเพื่อนล่ะสิ” นาเดียเดินเข้าไปยืนอยู่หลังแอชรี่ย์

     

     

    “เธอพูดได้?” แอชรี่ย์หันมามอง พอเห็นเป็นาเดียเลยถาม

     

     

    “ก็ไม่ได้เป็นใบ อ้อมารยาทดีขึ้มานิดหน่อยแล้วนิ” นาเดียตอบอย่างยียวน

     

     

    “….” แอชรี่ย์ไม่ตอบ เธอหันกลับไปมองท้องฟ้าด้านหน้าเหมือนเดิม

     

     

    “รู้สึกยังไงหับการโดนแกล้งตลอดหนึ่งสัปดาห์” นาเดียถาม

     

     

    “……”

     

     

    “ฉันคิดว่า สิ่งที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้คงเหมือนคนที่เธอเคยทำร้ายเขาไว้แล้วล่ะ ไม่สิ”

     

     

    เผลอๆบางคนอาจจะรู้สึกแย่มากกว่าเธอตอนนี้” 

     

     

    “หมายความว่ายังไง?” แอชรี่ย์หันถามนาเดีย

     

     

    “บางคนคิดน้อยบางคนคิดมาก คนคิดน้อยบางคนก็ก้มหน้า เดินกลับเข้าไปในสถานที่ที่เลวร้ายนั้น คนคิดมากบางคนคิดถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ โชคดีที่ไม่มีใครหยุดหายใจล่ะนะ” นาเดียพูดเหมือนอารมณ์สุนทรีย์ แต่คนฟังเหมือนโดนบีบหัวใจ

     

     

    แอชรี่ย์ก้มหน้าลง เธอกำลังคิดเรื่องที่ตนเคยทำ ดวงตาสีเขียวหลังหน้ากากได้เห็นแววตาอันเศร้าโศก จากบุคคนที่เคยมีความทะเยอทะยานและหยิ่งผยองในตน

     

     

    “เธออยากมีเพื่อนมั้ย” นาเดียพูดในสิ่งที่อีกฝ่ายเข็มขัดสั้นออกมา เธอคิดว่าผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วคงจะมากพอ ที่จะทำให้แอชรี่ย์คิดได้ ในเรื่องสิ่งที่เธอเคยทำไว้กับคนอื่น

     

     

    “หา?” แอชรี่ย์อุทานอย่างสงสัย

     

     

    “จะไม่พูดซ้ำหรอกนะ ฉันจะให้เวลาเธอกลับไปคิด ไปล่ะ อ้อ..แล้วก็รีบๆกลับบ้านซะเดี๋ยวครอบครัวเธอเป็นห่วงหรอก” นาเดียหันหลังเดินเกือบถึงประตู แต่หยุดพูดก่อน

     

     

    “….พวกเขาไม่ห่วงฉันหรอก” แอชรี่ย์เอ่ยอย่างตัดพ้อ เธอซึมลงอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้ง

     

     

    ติ้ง!…ติ้ง!ติ้ง!ติ้ง!

     

     

    “กลับไปเดี๋ยวก็รู้เองว่าห่วงหรือไม่ห่วง ตอนนี้โดยเฉพาะพี่ชายเธอ” นาเดียพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

     

    เธอควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก้มมองข้อความเด้งขึ้นมาไม่หยุด นาเดียพิมพ์ตอบกลับไป ก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิม แต่มันก็แจ้งเตือนไม่หยุด ‘ไม่รู้จักคำว่าใจเย็นเลยรึไง’ นาเดียคิด

     

     

    “รู้จักพี่ชายฉันด้วยเหรอ?”

     

     

    “กลับไปถามเองเถอะ ฉันมีเรื่องต้องรีบกลับไปทำ” นาเดียพูดเสร็จก็เดินเปิดประตู กำลังจะเก้าเดิน

     

     

    นาเดียมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอเดินทางประตูพร้อมดึงให้ปิด เธอเดินไปใกล้คนที่ยืนอยู่ รีดมองดวงสีเขียวที่เผยให้เห็นอยู่ ใต้ช่องดวงตาของหน้ากาก รีดคลี่ยิ้มบาง เขาเอื้อมมือจับและประสานเข้ากับมือของนาเดีย รีดเดินนำเขากระตุกมือเล็กน้อย เป็นเชิงบอกให้เดินตาม นาเดียถามว่ารีดอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รีดบอกว่าเขาอยู่ตั้งแต่แรก เพราะเขาเห็นเธอเดินขึ้นบันไดมา รีดกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกจึงตามมา ทั้งที่ปกตินาเดียกลับบ้านก่อนเขาซะด้วยซ้ำ รีดเขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่านาเดียจะพูดกับแอชรี่ย์แบบนั้น ทั้งที่ดูเหมือนจะเหม็นขี้หน้ากันซะขนาดนั้น สิ่งที่รีดได้พูดออกมามันทำให้นาเดียยิ้มขำเพียงเท่านั้น แม้รีดจะมองไม่เห็นก็เถอะ 

     

     

    ทั้งคู่เดินแกว่งมือกันจนมาถึงรถของรีด สิ่งที่ทำให้นาเดียรู้สึกเหวอก่อนจะหันควับ มองรีดที่หันมายิ้มแฉ่งให้ สิ่งที่ทำให้เหวอคือ จักรยานของนาเดียนอนแอ้งแม้งอยู่บนหลังคารถของรีด เขาบอกว่าวันนี้จะให้นาเดียนั่งรถให้เขาไปส่งให้ได้ และจะไม่ยอมเอาลงจนกว่าจะถึงบ้าน 

     

     

    เรื่องวันนี้ก็มีเช่นนี้แล~

     

     

    ตัดมาอีกวันโดยทันที รีดยังมารับนาเดียที่บ้านเหมือนเดิม แม้จะโดนสายตาจิกกัดของคนพ่อก็ตาม… รีดนั่งคุยกัยเพื่อนตัวเองตามปกติ เพื่อนของรีดก็หยุดห้ามเรื่องนาเดียเพราะมันรีดมันดื้อ ส่วนกลุ่มเพี้ยนน่ะเหรอ กำลังสะเดาะล็อกเกอร์ของพวกนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล พวกเขาหยิบชุดออกมาแล้วใส่ชุดที่เหมือน ซุปเปอร์แมนแต่เป็นสีชมพูทั้งชุดสัญลักษณ์กลางอกเป็นรูปแมวเหมียว อีกชุดเป็นชุดแบทแมนและอีกหลายๆ ชุดดูคุ้นตาแต่สีแปลกตา เอ็ดดี้เอากระดาษที่เขียนบอกตำแหน่งเสื้อผ้าที่ แงะออกมาจากล็อกเกอร์แปะไว้ในตู้หนึ่ง ส่วนเสื้อที่พวกเขาเอามาก็วางไว้บนแถวนั่งในสนาม ตอนที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว

     

     

    ก่อนเข้าเรียนเพราะเหลือเวลาเยอะ นาเดียจึงใช้เวลาที่เหลือนั้นเดินรอบโรงเรียนเล่น(?) นาเดียเดินไปเรื่อยจนมาเจอแอชรี่ย์ แอชรี่ย์นั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ แอชรี่ย์รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่จึงหัน เมื่อเห็นว่าเป็นนาเดีย แอชรี่ย์ลุกขึ้นเดินมาใกล้นาเดีย เธอมีท่าทีลนๆเหมือนอยากพูด อ้ำๆอึ้งๆเอาแต่พูดว่าฉันๆๆ จะไปชั้นไหนก็เดินไปเองเดะ นาเดียทำหน้าเบื่อหน่ายกำลังจะเก้า เดินไปอีกทางเพื่อไปเข้าห้องเรียน แต่ถูกดึงแขนเอาไว้ แอชรี่ย์กำลังก้มหน้า เธอสูดหายเข้าออกก่อนเงยหน้าอย่างเร็ว จนนาเดียตกใจเล็กน้อย พอแอชรี่ย์พูดมาเท่านั้นแหละ นาเดียแทบจะเขกกระบาลแอชรี่ย์ ที่แอชรี่ย์ทำยึกๆยักๆเมื่อกี้ เพราะแค่อยากจะพูดคำว่า ‘เป็นเพื่อนกันนะ’ แถมยิ้มหวานให้แปลกๆ นาเดียพยักหน้าตอบรับก่อนแงะมือแอชรี่ย์ออก เพราะต้องไปเข้าเรียนแล้ว เดินไปไม่กี่เก้าเสียงออดก็ดัง จนนาเดียและแอชรี่ย์เหมือนจะวิ่งแข่งขึ้นตึก

     

     

     

     

    ช่วงเกือบจะสามทุ่ม บนเตียงใหญ่มีร่างของเด็กหนุ่มนอนกลิ้งไปมา โทรศัพท์วางแหมะไม่ใกล้ไม่ไกล เหตุผลที่รีดนอนดิ้นเป็นปลาขาดน้ำเพราะ เมื่อ20นาทีที่แล้ว รีดนอนเขี่ยโทรศัพท์ดูเล่น จนเขาเจอเบอร์ของนาเดีย รีดนั่งนึกว่าได้มาตั้งแต่ตอนไหน พอนึกออกเท่านั้นแหละน้ำตาตกในทันที มีเบอร์เขาแต่ไม่เคยโทรเพราะลืม แถมอีกฝ่ายยังไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง หน่องรีดอยากจิร๊องงงงง ดางงงดัง นั่นแหละคือเหตุที่ทำให้รีดดิ้นอยู่แบบนี้ เพราะไม่รู้ว่าถ้าโทรไปจะคุยเรื่องอะไรดี และจะกวนนาเดียหรือไม่ 

     

     

    รีดนั่งตัวตรงตั้งหลักใหม่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นิ้วเกร็งอยู่ที่หน้าจอ เหมือนจะกดแต่นิ้วเบี่ยงเลยโทรศัพท์ รีดตั้งหลักใหม่อีกครั้ง หายใจเข้าออกตั้งสมาธิให้จิตใจสงบ แต่หัวใจดันไม่สงบเต้นตึกตักๆๆๆๆเหมือนจะกระเด็นออกมา เขากลั้นใจฮึดกดโทร 

     

     

    ตู้ดดด…ตู้ดดด…ตู้ดดด ติ้ดแล่ว(เสียงแหลม)

     

     

    [\"ฮัลโหล\"] เสียงขึ้นจากปลายสาย รีดจำได้ดี

     

     

    “แหะๆ ฮัลโหลนาเดีย”

     

     

    [“นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”]

     

     

    “ใช่ แบบมันไม่ง่วงน่ะ เธอล่ะยังไม่นอนเหรอ” รีดพยายามชวนคุย

     

     

    [\"อือ ง่วงแต่นอนไม่หลับ\"]

     

     

    ฝั่งนาเดีย เธออยู่ในห้องของพี่ชาย นาเดียนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือพี่ชายไว้ ที่ตักมีหนังสือคณิตศาสตร์วางอยู่

     

     

    [“แล้ว นายกำลังทำอะไรอยู่”]

     

     

    “ก็เขี่ยโทรศัพท์เล่นน่ะ” รีดล้มตัวนอนกอดหมอนแน่น

     

     

    [“เขี่ยจนตกโต๊ะรึยังล่ะ”] นาเดียถามอย่างขำๆ

     

     

    “ตกแล้วจอร้าวเลย” รีดตบมุก

     

     

    [\"หึๆๆ แล้วนี่อะไรทำให้โทรมาล่ะ ได้เบอร์ไปตั้งนานแล้วแต่ไม่โทรมาเลยนิ่\"]

     

     

    “ลืมครับ” รีดตอบด้วยความสัตย์จริง

     

     

    [“งั้น-พี่!..เอาน้ำมั้ย?หลอดๆๆ หลอดอยู่ไหนวะ!?”] นาเดียเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างฟังดูร้อนลน แต่เสียงก็เปลี่ยนไปเหมือนตกใจ ได้ยินเสียงตึกๆๆเหมือนเสียงกระแทกพื้น

     

     

    [“พ่อ!แม่! พี่ตื่นแล้ว พี่ตื่นแล้ว!!”] เสียงของนาเดียฟังดูตื่นเต้น

     

     

    รีดนอนฟังเสียงนั้น คิดว่าพูดไปนาเดียคงไม่ได้ยิน เพราะเสียงของเธอไม่ดังชัดเจนแบบเมื่อกี้  น่าจะหูอยู่ทางโทรศัพท์อยู่ทาง

     

     

    [\"อะ! รีดแค่นี้ก่อนนะอย่านอนดึกล่ะ ฝันดี\"] เสียงของนาเดียดังขึ้นในสาย

     

     

    “อ-อื้อ ฝันดี” รีดตอบกลับก่อนนาเดียตัดสาย 

     

     

    ฝั่งนาเดีย เธอกำลังนั่งคุยกับรีดในสาย มือของเธอจับมือพี่ชายไว้ นาเดียกำลังตอบรีดแต่ได้ยินเสียง อือๆในลำคอแต่มันไม่ได้มาจากเธอไง  นาเดียเงยมองหน้าพี่ชาย เห็นเปลือกตาขยับปริบๆ

     

     

    “งั้น-พี่!” นาเดียลุกมองใกล้ๆ

     

     

    พี่ชายมองอย่างสงสัย ปากขยับจะพูดแต่ไม่มีเสียง

     

     

    “เอาน้ำมั้ย?” นาเดียหยิบเอื้อมหยิบขวดน้ำที่วางตรงโต๊ะหัวเตียง

     

     

    พี่ชายพยักหน้าเบาๆ นาเดียเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีหลอด เธอจึงลุกวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อหา ไม่แคล้วที่จะตะโกนเรียกบอกพ่อแม่ลั่นบ้าน นาเดียวิ่งกลับเข้าห้องพี่ชายอีกครั้งหลังหาหลอดเจอสักที แม่นั่งบนเตียงกำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ ส่วนพ่อยืนอยู่ไม่ห่างไมพ่อไม่ร้องไห้โฮเหมือนแม่ แต่น้ำตาก็ไหลด้วยความดีใจที่ลูกชายของเขาฟื้นสักที เธอเอาหลอดใส่ขวดแล้วยื่นให้แม่ที่ค่อยๆประคองให้พี่ชายลุกกินน้ำ 

     

     

    “อะ! รีดแค่นี้ก่อนนะอย่านอนดึกล่ะ ฝันดี”

     

     

    พ่อหันมองอย่างจับผิด แต่นาเดียไม่สนใจ

     

     

    [\"อ-อื้อ ฝันดี\"]

     

     

    นาธาน รู้สึกอย่างไรบ้างลูก” พ่อถามเสียงสั่นๆ เพราะน้ำตายังไม่หยุดไหล(เปลี่ยนอารมณ์ไวมาก)

     

     

    “…เหมือนไม่มีแรงเลยครับ” นาธานตอบด้วยน้ำเสียงเบา เขาเอาหัวพิงไหล่แม่ เขาลองขยับมือเล็กน้อย

     

     

    พี่ชายของนาเดียมีชื่อเต็มว่า นาธาเนียล มาลิก โอวาเกรซ

     

     

    “คงจะกล้ามเนื้ออ่อนแรงน่ะเพราะพี่ไม่ได้ขยับตัวเองเลย ถึงเราจะทำกายภาพให้พี่บ่อยก็เถอะ” นาเดียพูด

     

     

    นาธานมองตาปริบๆ คิ้วขมวดยุ่ง

     

     

    “ทำไมหนูมองแบบนั้นอะ?” นาเดียถามอย่างสงสัย พลางรู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ

     

     

    คุณเป็นใครเหรอครับ?” นาธานถามด้วยแววตาซื่อๆ

     

     

    พรืดดดดด ตึก!

    พอได้ยินคำถาม นาเดียก็ลื่นเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง จิตใจเริ่มห่อเหี่ยว

     

     

    “แม่ครับ แล้วน้องล่ะครับนอนแล้วเหรอ?” นาธานเงยหน้าถามแม่

     

     

    “น้องอยู่นี่ไงลูก” แม่ชี้นาเดียที่นั่งเบะปากอยู่ไม่ไกล

     

     

    “เดีย!?น้อง…น้องจะโตเร็วอะไรขนาดนั้นครับ น้องยังตัวเล็กอยู่เลย”  

     

     

    “ไม่เร็วหรอกไม่เร็วเลยสักนิดพี่หลับไปตั้ง6ปี” นาเดียกระดึบเข้าใกล้เตียง และเอาคางวางบนที่นอน

     

     

    “เอ๊ะ?6ปี..นานขนาดนั้นเชียว” นาธานถามพร้อมทำตาโตอย่างตกใจ

     

     

    พ่อแม่และนาเดียพยักหน้าพร้อมกัน แม่ถามนาธานว่าจำอะไรได้บ้าง ซึ่งนาธานบอกว่าจำได้ว่าถูกกลุ่มเพื่อนของเขาทำร้าย นาเดียโพล่งออกมาว่าคนพวกนั้นมันไม่ใช่เพื่อนมันคือเศษสวะ แต่ถูกแม่ดุเล็กน้อยด้วยสาเหตุพูดไม่เพราะ แม่โกรธไม่ใช่ไม่โกรธแต่แม่ไม่อยากให้ลูกตัวเองพูดจาไม่เพราะ นาธานเล่าว่าขณะที่เขานอน เขาได้ยินเสียงของทุกคนแต่ไม่คิดว่า เวลาจะผ่านมานานขนาดนี้ ไม่คิดว่าพอตื่นมาจะเห็นน้องสาวตัวน้อย จะโตกลายเป็นวัยรุ่นซะแล้ว รูัสึกเสียใจที่ไม่ได้ดูแลน้องตลอด6ปี  สี่คนพ่อแม่ลูกคุยกันอีกสักพัก ก่อนพ่อแม่จะไปนอนพรุ่งนี้พ่อจะพานาธานไปปที่โรงพยาบาล พ่อจะลากนาเดียกลับห้องตัวเอง นาเดียดิ้นแด่วๆไม่ยอมไป ในฐานะพี่ชายแสนดีตั้งแต่เกิดจึงขอพ่อให้ปล่อยน้อง บอกให้นาเดียอยู่ต่อก็ไม่ได้ว่าอะไร

     

    “พรุ่งนี้ต้องไปเรียนหรือเปล่า” นาธานถามนาเดียนั่งอยู่ข้างเตียง ชวนนอนด้วยแล้วแต่ไม่เอา แถมไปหิ้วหมอนกับผ้าห่มที่ห้องมากองไว้ที่พื้นอีก พี่ชายเศร้าใจT.T

     

     

    “ไปสิ” นาเดียตอบพลางจับมือพี่ชายเล่น

     

     

    “…นอนดึกแบบนี้เดี๋ยวก็ตื่นสายหรอก” นาธานมองนาฬิกาก่อนพูด

     

     

    “ไม่สายหรอก เพราะหนูจะไม่นอน”

     

     

    “เสียสุขภาพ” นาธานพูดเสียงเข้ม

     

     

    “จริงๆหนูกะจะไม่นอนสัก10วัน”

     

     

    “เกินไป นอนเถอะดึกแล้ว”

     

     

    “พี่ง่วงแล้วเหรอ?”

     

     

    “พี่นอนมาเยอะแล้วไม่ง่วงหรอก” นาธานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางยิ้มอย่างอ่อนแรง

     

     

    “งั้นหนูก็ไม่นอน จนกว่าพี่จะหลับ” 

     

     

    “แต่พรุ่งนี้น้องต้องไปเรียนนะ” นาธานเอ่ยเตือนน้องสาวจอมรั้น

     

     

    “พี่รู้มั้ยว่าหนูรอคุยกับพี่มานานแค่ไหน” น้ำเสียงสั่นเครือและแววตาสั่นไหวของนาเดีย ทำให้นาธานใจกระตุกวูบ

     

     

    ตั้งแต่นาเดียเกิดมา นาธานพยายามช่วยแม่เลี้ยงน้องทุกอย่าง แม่คอยบอกส่วนนาธานทำตาม เรียกว่าเป็นคนเห่อหรือหลงน้องก็ไม่ผิด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×