ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebocon Familia! ไดอารี่ความฮาของครอบครัวสุดป่วน

    ลำดับตอนที่ #1 : 1st Law: Welcome to The Rebocon Familia

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 57


                                                       
                                                        1st Law: Welcome to The Rebocon Familia!

    กฎข้อที่1 ยินดีต้อนรับสู่รีโบคอนแฟมิลี่!

               

                แสงแดดส่องกระทบกระจกบานกว้างเข้ามายังห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารในคฤหาสน์ที่ดูเก่าและโบราณเมื่อมองจากภายนอก แต่ใครจะรู้เล่าว่าภายในนั้นแสนจะหรูเริ่ดอลังการคลาสสิคงานสร้างขนาดไหน เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ย่านการค้าและเส้นทางคมนาคมสายหลักแล้วภายในยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดูเข้ากับการจัดตกแต่งภายในเป็นอย่างยิ่ง พอเล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็กลับไปที่ห้องทำงานในประโยคแรกของเรื่องอีกครั้ง

                ห้องทำงานที่จะเรียกว่ารกก็ไม่เชิงแต่จะบอกว่าเป็นระเบียบก็คงไม่ใช่เพราะบนโต๊ะทำงานดันเต็มไปด้วยกองเอกสารที่วางสงบนิ่งอยู่ และไม่นานหลังจากนั้นเสียงดังที่ทำให้คนทั้งคฤหาสน์ได้ยินก็ดังขึ้น และนั่นก็คือจุดจบ เอ๊ย จุดเริ่มต้นของวันนี้นั่นเอง

                หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ เปิดประตูที่เชื่อมอยู่กับห้องทำงานนั้นอย่างแรกจนดังลั่นห้อง ร่างในชุดนอนเดินเหม่อนิดๆ ดวงตาฉายแววหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้นตามสติที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น มือทั้งสองเอื้อมหยิบเสื้อคลุมในตุ้เสื้อผ้าออกมาก่อนจะสวมลงแล้วเดินไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว ประตูห้องได้เปิดออกสู่ระเบียงทางเดินที่...

                โคตรวุ่นวาย =_=

                สิ่งมีชีวิตตัวไม่เล็กที่เรียกว่ามนุษย์กำลังวิ่งไปวิ่งมาราวกับตัวเองเป็นแมลงสาบที่กำลังถูกเทศบาลกวาดล้าง ทุกชีวิตวิ่งวนไปมาจนทำให้เกินเสียงดังขึ้น หน้าตาดูรีบร้อนจนไม่สนใจว่ากำลังถูกมองด้วยสายตาอาฆาตขนาดไหนจากคนที่ตัวเองเรียกว่า บอสท่าทางที่รีบเร่งนั้นทำให้คนที่เพิ่งออกมาจากห้องต้องการคำอธิบายอย่างด่วน แต่ให้ตายเหอะ ขนาดยืนจ้องยังไม่มีใครเห็นหัวแถมยังวิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นอีก ...ด้ายยยย จะเอาอย่างงั้นใช่มั้ย!

                “เงียบ!!!

                กึก

                เสียงที่ดังระดับทำให้ภาพแขวนข้างผนังตกลงมากองกับพื้นดังขึ้นท่ามกลางความชุลมุนแล้วทุกการกระทำก็หยุดลง จากที่วิ่งเป็นหนูติดจั่นเมื่อครู่ก็หยุดชะงักลงเหมือนถูกตั้งโปรแกรมทุกสายตาหันมามองทางหน้าประตูอย่างหวั่นๆ เงื่อแตกพลั่กยิ่งกว่าวิ่ง 100 เมตรซะอีก

                “พะ...พะ...พะ...พี่เค้ก ตื่นเช้าจังเลยนะคะ ^^;;;” หน่วยกล้าตายพูดขึ้น

                “=_=

                “ไม่ไปนอนต่อหรอคะ เพิ่งจะ...เอ่อ...ยังเช้าอยู่เลย ^^;;;;;” ตามมาด้วยหลายๆ เสียงที่สนับสนุนคำพูดนั้น แต่บุคคลในประโยคนั้นก็ยังนิ่งเงียบเหมือนกำลังประมวลผลบางอย่างอยู่ จนในที่สุด...

                “เสียงดัง! ใครจะไปนอนหลับกันฟระ!!!

                TAT หงอยเป็นแถว

                “แล้วนี่ทำอะไร วิ่งสี่คูณร้อยรอบบ้านหรอคะ หรือรอบหน้าพี่ควรจะเอาเกมนี้ลงในโปรแกรมด้วย”

                เกม ...เกมหรอ...พูดว่าบทลงโทษดีกว่าเหอะ! TTOTT

                “ปละ...เปล่าค่ะ คือว่าตอนนี้ที่หน้าประตู ตรงโถงทางเข้ากำลังมีเรื่องกัน...นิดหน่อย ._.

                “มีอะไรกันอีก ปกติก็มีเรื่องทุกวัน =_=” เจ้าของเสียงทำหน้าเซ็งกะตายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนก็เพิ่งฉลองเปิดสาขาใหม่ไปสดๆ ร้อนๆ แทบโต้รุ่งยังมีแรงไปทะเลาะกันอีกเรอะ เมื่อสองวันก่อนก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องสีผ้าปูโต๊ะ วันต่อมาก็สีผ้าม่าน วันถัดมาก็ลายกาน้ำชา จนแม่บ้านย้ายออกแทบไม่ทัน 5 วันก่อนเพิ่งแย่งกันขับรถจนเกือบชนหมาไปหนึ่งชนคนสักโหล แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งเปลี่ยนตารางงานใหม่จนโต้วาทีกันไปรอบเพราะมีคนอดไปดูคอนเสิร์ตดาราหล่อตี๋ขวัญใจประชาชีชาวไต้หวัน

                คิดดูแล้ว...นอกจากเมื่อวานแล้วยังมองไม่เห็นความสงบสุขเลยสักวัน =_=

                “คือว่า...มันไม่ใช่ทะเลาะกันแบบ คนปกติน่ะค่ะ”

                แน่สิ ยังหาคนปกติยังในบ้านนี้ไม่ได้เลย (ยกเว้นฉัน)

                พอคิดว่าถึงถามอะไรต่อก็เสียเวลาสู้ไปด่า เอ๊ย ดูกับตาตัวเองดีกว่า ไอ้เรื่องที่ทำให้ปลุกฉันขึ้นมาได้ก่อนบ่ายสามเนี่ย ...หึหึหึ คิดดีแล้วสินะ -__-

                คนที่เพิ่งถูกปลุกให้ตื่นเดินลงบันไดและเลี้ยวหัวมุมนิดหน่อยก็มาถึงห้องโถงใหญ่ที่ไว้ใช้ต้อนรับอย่างรวดเร็ว สายตากวาดดูต้นเหตุที่ทำให้ต้องตื่นจากการหลับพักผ่อนอย่างอาฆาตจนไปสะดุดที่กลุ่มคนที่ดูมีรังศีไม่ต่างกันเท่าไหร่แผ่ออกมา และเมื่อเดินไปก็พอจะเข้าใจสถานการณ์บ้างนิดหน่อยจากบทสนทนา

                “ถ้าจะแย่งเคนนละก็ต้องข้ามศพหญิงไปก่อนเถอะค่ะ” พูดพลางขัดดาบ+ลับมีด

                “ใช่ครับ ผมไม่ให้หรอก อาห์ เคนนน่ะโม่จะปกป้องเอง”

                “มาช่วยกันผนึกกำลังปกป้องเคนนกันเถอะครับ คุณหญิง”

                ผู้ดูสถานการณ์ : มันเล่นอะไรกับฟระ =*=

                “ส่วนเราก็คอยตีท้ายครัวแบบห่างๆ” เสียงหนึ่งพูดพลางถอยห่างจากคู่กรณีสามคนแต่ก็ยังคอยจับตาดูอยู่

                “อืม...คู่แข่งเยอะจัง แต่ว่าจ้าง 10 ล้านก็ไม่ถอยให้หรอกนะ ><

                “ที่แข่งเต็มแล้วค่ะ ทั้งนายหญิง ภรรยา สามี ตีท้ายครัว ยังมีตำแหน่งไหนเหลือรอดอีกหรอคะ หุๆ” พูดพร้อมยิ้มอย่างเป็นต่อ

                “กิ๊ก แฟนก็ได้”

                บลาๆๆ

                แล้วบทสนทนาที่ดูแล้ว ...ไม่ค่อยมีปกติสักเท่าไหร่ก็ค่อยๆ ทยอยออกมาให้ผู้แอบดูสถานการณ์มองอย่างห่างๆ ได้เข้าใจมากขึ้น แต่ดูแล้วท่าทางจะไม่จบสิ้นสักที เธอเลยเดินตรงไปยังกลางวงสนทนาแล้วหยุดมองยังกองทัพหน้าตาคุ้นเคยที่ยืนอยู่ทางฟากตรงข้ามกับประตูเหมือนรอต้อนรับใครไม่ก็เตรียมฆ่าคนที่เดินล้ำเข้ามายังบ้านของตัวเองอย่างงั้นแหละ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมีแค่ผู้ชาย...ป่ะวะ? ยืนอยู่คนเดียว ที่อีกมุมหนึ่งคือผู้สังเกตการณ์ตาดำๆ จำนวนหนึ่ง

                “พี่เค้กในตำนานใช่มั้ยครับ O_O

                ในตำนาน? =O=

                “กลายเป็นตำนานไปแล้วเหรอ” เสียงจากผู้เฝ้ามองสถานการณ์ดังขึ้นอย่างทึ่ง

                “ตายและ ดังขนาดนั้นเลยหรือว่าแก่คะ?” เจ้าของชื่อพูดตอบ

                “แค่มุกครับ ^^ แต่เพราะเป็นพี่เค้กอะไรๆ มันก็ไม่ธรรมดา”

                “แน่นอน เพราะพี่ชั่ว สวย รวย แรง และแฟนหล่อมาก” เจ้าของคำพูดต่ออย่างเพิ่งนึกออก “ว่าแต่นี่ใครคะ?”

                จบประโยคทั้งห้องก็เงียบกริบอย่างกับนัดกันมา

                “เอ๋!? ก็สมาชิคใหม่ไงครับ ผมเพิ่งยื่นแบบฟอร์มเมื่อวานนี้แล้วพี่ก็ตอบกลับว่าได้ด้วยไง OoO;;;;

                “เหรอ จำไม่ได้แฮะ ขอคิดแปบ...”

                ภาพเหตุการณ์เมื่อวานวนไปเรื่อยๆ ในหัวของหญิงสาวจนหยุดลงเมื่อ 5 ชม.ก่อน ตอนที่งานเลี้ยงเพิ่งจบลงในมือถือก็มีเมสเสจให้ยืนยันอะไรสักอย่างที่ดูไม่ค่อยสำคัญสักเท่าไหร่สำหรับคนตาจะปิดอยู่แล้วเลยกดๆ รับไป ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดต้อยซ้ำว่ามันจะเป็นการเปิดบ้านรับสมาชิกใหม่นั่นเอง

                “เป็นสมาชิกจริงรึเปล่าคะ รึว่าแอบอ้าง” เสียงจ้อกแจ้กจอแจค่อยๆ ดังขึ้นและก้องไปทั่วห้องโถงกว้างจนคนที่ปวดหัวอยู่แล้วชักจะหมดความอดทน

                “เงียบ!!!!!

                กริบ...

                “อืม พี่รับไว้เองละเมื่อคืน” จบคำพูดคนก็มองไปที่สมาชิกใหม่อีกหน “ชื่ออะไรนะคะ?”

                “เดมอสครับ เรียกเดมอสหรือหล่อก็ได้ ^^

                “อืม ยินดีต้อนรับละกัน” หญิงสาวพูดขึ้น

                “ครับ ^^

                “ยินดีต้อนรับนะเด” แล้วคนที่ทำท่าจะเป็นปฏิปักษ์กันเมื่อครู่ก็หันมายิ้มให้ราวกับเหตุการณ์แย่งสามี (รึภรรยา?) ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

                “อย่าเรียกว่าเดนะครับ ช่วยเรียกผมว่าเดมอสด้วย คุณโม่”

                แล้วคำยินดีต้อนรับก็ดังขึ้นพร้อมกับดาบ มีด ตะหลิวที่กำลังถูกเก็บเข้าที่เข้าทาง หญิงเจ้าของบ้านกำลังจะเดินกลับขึ้นไปนอนเหมือนเดิมแต่ก็คิดขึ้นมาได้ซะก่อนถึงเหตุผลที่ตัวเองมาอยู่ตรงนี้ พอคิดได้ก็รีบหันไปหาใครคนหนึ่งที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ นั่นมาตลอด

                “ว่าแต่เมื่อเช้านี้เสียงดังนั่นคืออะไรหรอคะ?” คำถามเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคนดังขึ้น คู่สนทนาที่นั่งอยู่มุมห้องจึงหันมาพูดด้วยท่าทางประหม่านิดหน่อย

                “อ้อ พอดีว่าประตูไม้ที่เพิ่งสั่งมาเมื่อวานโดนยื้อยุดฉุดกระชากเพื่อไม่ให้เดมอสเข้ามาน่ะค่ะ แต่มันทนอยู่ได้ไม่ถึง 5 นาทีก็ล้มลงมาทั้งแผงเลย...” ดูเหมือนคนพูดจะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมเสียแล้ว

                และกว่าจะรู้ก็สายไปแล้ว

                “หืม~ ประตูไม้สั่งตรงจากฝรั่งเศสพังแล้วเหรอ~ ^___^” เสียงอุทานที่ดังอย่างจงใจดังขึ้นจนทำให้หลายๆ คนขนลุกวาบกันเป็นแถบ

                เงียบกริบ... ไม่ต้องใช้เสียงก็เงียบได้...เงียบมาก...เงียบแบบเหมือนมีคนจะตาย

                “อะ...โม่ไม่เกี่ยว โม่ปล้ำเคนนจังอยู่~ =3=;;

                “เอ๊ะ...หญิงกำลังทำอาหารอยู่ในครัวนะคะเท่าที่จำได้ -_-;;

                “แหม่ วันนี้มีงานหนังสือด้วยนี่นา รีบไปดีกว่าเดี๋ยวของหมด ^^;;

                “อุ้ย ชาร์ตแบตฯ ไว้ในห้องสงสัยคงเต็มแล้วล่ะ”

                “นะ...นั่นสิ หุงกวาง เอ้ย หุงข้าวไว้ในห้องนี่นะ ไปดูก่อนดีกว่า”

                =_______=*******

                “ประตูเพิ่งจะสั่งทำฉลองสาขาไม่กี่ชั่วโมงเองนะ... โม่! เคนนทำงานจนซูบอยู่ญี่ปุ่น หญิงเนียร์! จำได้ว่าตรงนั้นไม่ใช่ห้องครัวค่ะ แล้วก็ได้ข่าวว่างานหนังสือเพิ่งจบไปเมื่อเดือนก่อน ในมือนั่นก็ที่โทรศัพท์ไม่ใช่หรอคะ สุดท้าย...ตูได้ข่าวว่าในห้องไม่มีหม้อหุงข้าว เดมอส! จะ~ไป~ไหน~คะ~? J

                “อะฮะๆๆ คิดว่าถ้าไม่ไปคงตายเดี่ยว บายฮับ! T/\T

                แล้วเหตุการณ์ซ้ำเดิมกับเมื่อตอนเปิดประตูก็เริ่มใหม่อีกครั้ง เหล่ามนุษย์วิ่งวุ่นอย่างกับแมลงสาบโดนเทศบาลฉีดยาไล่แมลงใส่อย่างเร็วจี๋ ...แต่คิดเหรอว่าจะรอด

                เพราะสุดท้ายแล้วพี่เค้กในตำนาน (ของโม่) ก็สร้างตำนานบทใหม่ที่ทำให้ทุกคน...

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                ตายอนาถ

               

     

                #จบเถอะ

                #แถม

               

                “รู้สึกยังไงบ้างคะที่แพร่งพรายความลับเรื่องประตูจนนำมาซึ่งเหตุการณ์สังหารหมู่”

                “เอ่อ...ฉันคิดว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                “ทำไมล่ะ? ไม่สงสารคนในกรุ๊ปเหรอไปนอนหยอดน้ำข้าวสารกันเป็นแถว”

                “แล้วคนเขียนคิดยังไงล่ะค่ะ”

                “ก็เฉยๆ นะ” (ก็ตัวจริงยังอยู่รอดปลอดภัยอยู่นี่นา)

                “ฉันก็เฉยๆ ค่ะ เพราะฉันน่ะ...”

                .

                .

                .

                .

                “...เป็นคนเดียวกับคนเขียนยังไงล่ะ”

     

                #แป้ก

                #พอเถอะ

                ตอนแรกแบบพอหอมปากหอมคอพอเนอะ TAT

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×