ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic B.A.P]Be My Best Freind เป็นเพื่อนผมทีนะครับคุณลูกจ้าง

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro - 100%

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 57




    Chapter 1

     

     

     

    เวลาค่ำของคืนหนึ่งในฤดูฝนของกรุงโซล เวลานี้เป็นเวลาที่เหล่าคนทำงานทั้งหลายต่างพากันกลับบ้านพักผ่อน บ้างก็พากันไปท่องเที่ยวยามราตรีในที่ต่างๆเพื่อพักผ่อนกายใจที่ได้ใช้งานมันไปตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น บางคนอาจไปกับเพื่อน ไปกับครอบครัว หรือไปกับแฟน และแน่นอนว่าเขาคนนี้ก็เช่นเดียวกัน 'จอง แดฮยอน'ทายาทนักธุรกิจเจ้าของบริษัทอุปกรณ์ไอทีที่มีรายได้ต่อปีในระดับหลักหมื่นล้านวอน ตอนนี่เขาได้ยืนอยู่หน้ากระจกจัดแจงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวตัวหนึ่งขึ้นมาใส่พร้อมกับติดกระดุมไปพลางสำรวจความเรียบร้อยบนใบหน้าของตน ถึงแม้ว่าเขาจะมีสีผิวที่ค่อนข้างแทนหรือค่อนข้างเข้มออกไปจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง แต่ใครๆก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันทำให้เขาดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์มากกว่าที่จะดูแย่ บวกกับใบหน้าทองคำที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูดีคมคายได้อย่างน่าอิจฉาเป็นที่สุด ทำให้ร่างสูงที่อยู่ในเพียงเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคดูดีและเพอร์เฟกต์ไปเสียตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตนเองในกระจกเสร็จริมฝีปากแดงแบบคนสุขภาพดีก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจในความเรียบร้อยและเพอร์เฟกต์ในเสื้อผ้าหน้าผมของตนเอง ก่อนที่จะเดินไปหยิบเสื้อสูทเข้าชุดสีดำขึ้นมาสวมทับลงไป

     

    รถ Acura NSX Roadsterแล่นมาจอดอยู่หน้าโรงแรมหรูที่ภายในมีห้องอาหารฝรั่งเศสระดับห้าดาวเปิดอยู่ ที่เขามาที่นี่แน่นอนว่าไม่ได้มาพักที่นี่แน่ๆ ก็บอกไปแล้วไงว่าในเวลานี้ใครๆเค้าก็อยากพักผ่อนหย่อนใจกับคนรักของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อได้รับโทรศัพท์ของเธอคนนั้นว่าขอนัดออกมากินข้าวเย็นซักหน่อย เขาเองก็รีบสั่งเลขาฯให้จองโต๊ะที่ร้านอาหารหรูในโรงแรมแห่งนี่ไว้และตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อที่จะได้ไปหาเธอเร็วๆ การที่คนบ้างานจนไม่มีเวลาที่แม้แต่จะนอนอย่างจอง แดฮยอนนั้นจะออกมาเที่ยวเล่นหรือมาดินเนอร์สุดหรูในห้องอาหารระดับห้าดาวแบบนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติเลย ถ้าเป็นปกติเขาอาจจะขอบายกับงานทุกงานที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่กับวันนี้วันที่ไม่ปกติเหมือนทุกวัน หวังว่ามันจะเป็นวันที่ดีอีกหนึ่งสินะ

     

    ชายหนุ่มเดินเข้าไปถามหาโต๊ะที่สั่งจองไว้กับพนังงานต้อนรับ ไม่นานก็ได้รับคำตอบและเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่เธอได้นั่งรอเขามาก่อนอยู่แล้ว

    หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขาคือเธอคนนั้นที่นัดเขามาเจอในวันนี้ เธออยู่ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีแดงที่ขับกับผิวขาวของเธอได้เป็นอย่างดี ตัดกับผมดำตรงสลวยที่ถูกตัดให้เป็นหน้าม้าที่ใครๆก็พากันบอกว่าเหมาะกับเธอเป็นที่สุด ริมฝีปากอิ่มถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดที่แค่มองก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้อยากเข้าไปสัมผัสมันมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะดูดีมากขนาดนี้ ก็เธอน่ะเป็นถึงดาราสาวดาวรุ่งของเกาหลีจะให้ดูธรรมดาๆไม่พิเศษได้อย่างไร ชายหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะและเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

    รอนานมั๊ยมีโซ..

    ก็ไม่หรอก ฉันเพิ่งมาถึงได้ไม่นานน่ะหญิงสาวตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างปกติ ใช่เหมือนอย่างปกติ เพราะทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเธอก็มักจะมีแต่สีหน้าที่เรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์อะไร ไม่มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้กระทั่งน้ำตาก็ตาม

    หรอ งั้นสั่งอะไรรึยัง ให้ผมเรียกบริกรให้เอามั๊ย คุณน่าจะหิวนะ ช่วงนี้มีงานเข้ามาทุกวันเลยนี่

    อย่างที่บอกไป... เธอเป็นดาราสาวดาวรุ่ง แน่นอนว่าเธอน่ะมีงานเข้ามาไม่ขาดสายแน่ๆในตอนนี้ และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่เมื่อผมได้รับโทรศัพท์นัดดินเนอร์จากเธอในวันนี้ผมก็รีบเคลียร์งานทุกอย่างเพื่อให้ว่างมาหาเธอให้ได้ ก็อย่างนี้แหละครับเป็น แฟนกับดาราก็แบบนี้แหละ เวลาไม่ค่อยตรงกัน เราว่าง เขาไม่ว่าง เป็นแบบนี้ประจำทุกครั้ง ทุกวัน จนผมเริ่มทำใจยอมรับและชินไปแล้วในที่สุด

    ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่ไม่นานหรอก

    “..... หมายความว่ายังไง อยู่ไม่นาน....

    ที่ฉันนัดคุณออกมาดินเนอร์ในวันนี้ก็เพราะว่าฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ

    “......”

    ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ

    “.......”

    “.......”

    “.......”

     

     

     

     

    เราเลิกกันเถอะ...

     

     

     





     

     

    ต่อค่ะ

     





     

    “.........”

    “เราเลิกกันเถอะ”

    “..........”

    “....แดฮยอน....”

    “เหตุผลล่ะ...”

    ผมเอ่ยออกไปอย่างนั้นด้วยรอยยิ้มที่พยายามเค้นมันออกมา ใครๆอาจจะบอกว่าทำไมผมไม่โวยวายหรือมีท่าทางตกใจอะไรเลย ผมว่าถ้าคุณเป็นผม คุณอาจจะชาชินกับท่าทางที่เธอมีให้กับคุณ จนพอวันนี้มาถึง มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่เรายังคบกันหรอก ทุกวันนี้เธอไม่เคยที่จะโทรมาหาผมก่อนเลยด้วยซ้ำ มีแต่ผมที่เฝ้าโทรหาเค้าเช้าเย็น เช้าเย็น แต่ใช่ว่าโทรไปแล้วเธอจะว่างคุย เธอรับแล้วก็บอกว่ายุ่งตลอด ทั้งๆที่ตารางงานบางวันก็ว่างด้วยซ้ำ เดือนเดือนนึงเราเจอกันแทบจะนับครั้งได้ แล้วอย่างนี้น่ะ มันต่างอย่างไรกันคนที่ไม่ได้คบกันล่ะ

    “เวลาของเรา”

    “อืม เข้าใจแล้ว”

    “เข้าใจแล้ว?

    “อืมใช่ ผมเข้าใจแล้ว”

    “งั้นก็ดี.. ขอบคุณที่ไม่ยื้อกันไว้ ฉันไปล่ะ” พูดจบ มีโซก็เดินออกไปจากโต๊ะ ท่าทางของเธอยังคงดูสง่า สวยงาม เหมือนเช่นเคย ไม่มีท่าทีที่โศกเศร้าเสียใจ หรือลำบากใจออกมาให้เห็น มีเพียงแผ่นหลังที่ค่อยๆห่างออกไป ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีน้ำตา ไม่มีแม้แต่จะหันมามองผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลากันเลย

    “เฮอะ เข้าใจแล้วงั้นหรอแดฮยอน นายนี่มันพระเอกจริงๆว่ะ”

    ผมพูดกับตนเองอย่างสมเพชกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ก่อนจะเรียกบริกรมาเก็บเงินและเดินทางกลับคอนโดในทันที

    ความจริง ผมก็รู้ตัวมานานแล้วแหละ ว่ามีโซเธอเปลี่ยนไป รู้ตัวมาตลอด ว่าความจริงแล้ว ที่เธอขอเลิกกับผมในวันนี้ มันไม่ใช่เพราะเวลาเราไม่ตรงกัน แต่มันเป็นเพราะ เขา คนนั้นต่างหาก มีโซมีข่าวกับผู้คนมีชื่อเสียงต่างๆมากกมาย หลายครั้งที่ผมต้องเจ็บ หลายครั้งที่ผมต้องทุกข์ กับข่าวคราวและสิ่งที่เธอทำ ผมรู้ทุกอย่าง ว่ามีโซเป็นอย่างไร รู้ว่ามีโซแอบคบหากับใคร รู้ว่ามีโซรำคาญผม เบื่อผม จนต้องโกหกว่างานยุ่งตลอดมานานมากแค่ไหน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมยอมเธอ ผมยอมทำเป็นไม่รู้ ทำเป็นไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะผมรักเธอมากยังไงล่ะ

    ก่อนหน้านี้ ตอนสมัยผมเรียนมหาลัย ตอนนั้นผมอยู่ปีสาม ส่วนมีโซอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นผมน่ะเพลย์บอยตัวพ่อของมหาลัย มีสาวควงด้วยไม่ซ้ำหน้า วันๆไม่ทำอะไร ก็แค่เรียนๆไป พอเลิกเรียนก็ควงสาวขึ้นเตียง ไม่ก็ไปทัวร์ราตรีกับเพื่อนฝูง แต่อยู่มาวันนึง ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป.... มีโซปรากฏตัวต่อหน้าผมและเพื่อนๆขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับคู่ควงที่ตอนนั้นกำลังออดอ้อนผมอยู่ เธอเดินเข้ามาหาผม และมอบช็อกโกแลตให้พร้อมทั้งก้มหน้าก้มตาบอกผมด้วยความอายว่า

    ฉันชื่อมีโซค่ะ เรียนปีหนึ่งนิเทศฯค่ะ ฉ..ฉันแอบชอบรุ่นพี่มาตั้งแต่ตอนรับเปิดเรียนแล้วค่ะ...คือ..เอ่อ.. ถ้าไม่รังเกียจ ช...ช่วยรับขนมนี่ไว้ด้วยนะคะ ค..คือ..ถึงแม้พี่จะมีคู่ควงอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ฉันได้รักพี่อยู่เงียบๆแบบนี้ฉันก็พอใจแล้วค่ะ ช่วยรับขนมไว้ด้วยนะคะ!!’

    คำสารภาพรักของเธอในวันนั้น มันทำให้หัวใจของผมเปลี่ยนไป จากที่ผมคบกับใครได้ไม่นาน คบแค่เล่น หวังแค่เรื่องบนเตียงแล้วก็จบ แต่เธอ.. มีโซ ผู้ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย เป็นแค่เด็กปีหนึ่งที่ใส่แว่นหนาเตอะ ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง ผมยาวสลวยที่ปล่อยยาวจนปิดใบหน้าน่ารักของเธอไปแทบจะหมด ในตอนนั้น มีโซเข้าขั้นคำว่าเฉิ่มเสียเกือบทั้งหมด เพียงแต่คำที่เธอพูดออกมาต่อหน้าผมในตอนนั้น กลับทำให้ผมหลงรักเอขึ้นมาในทันใด หลังจากวันนั้น ผมก็บอกเลิกอย่างเด็ดขาดกับผู้หญิงในสต็อกของผมเสียทุกคน โดยบอกทุกคนไปว่า ผมเจอคนที่อยากแต่งงานด้วยจริงๆแล้วคุณอาจจะงงว่าแค่เจอกันแค่นั้น ผมแน่ใจขนาดนั้นได้ยังไง บางครั้ง คนที่ใช่ไม่ว่ายังไงมันก็ใช่ ผมตกหลุมรักเธอตั้งแต่ครั้งนั้น ผมรักในความเป็นเธอ เธอจริงใจกับผม รักโดยไม่ต้องมีผลตอบแทนอะไร รักโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะอย่างนี้ ผมจึงมั่นใจและขอเธอคบเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้นมา โดยที่ผมก็จริงจังกับเธอมาก ให้เกียรติเธอ ไม่แตะต้องเธอให้แปดเปื้อน ทะนุถนอมเธอเอาไว้ เพราะผมตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะตั้งใจเรียนและจะทำงานหาเงินมาให้ได้เยอะๆด้วยตัวเองโดยไม่ใช้เงินของครอบครัว และขอเธอแต่งงานให้ได้

    แต่แล้วมีโซก็เปลี่ยนไป.. เธอค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆโดยเธอบอกกับผมว่า เธอไม่อยากให้ผมอายใครๆที่มีแฟนไม่สวยแบบเธอ เธอพยายามเปลี่ยนแปลงตนเองทุกอย่าง จากสาวเฉิ่มที่ไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นสาวฮอตที่ทุกคนรู้จักกันทั้งมหาลัย ในตอนแรกเธอก็แค่เป็นที่รู้จักของทุกคน เธอยังคงรักและมีความสุขกับผมเหมือนเช่นเคย แต่แล้ว เมื่อฝันของเธอเป็นจริง เธอได้ถูกทาบทามให้ไปเป็นนักแสดง และกลายเป็นดาราดังในที่สุด ในตอนนั้น ผมมีความสุขกับการประสบความสำเร็จของเธอ แต่แล้วมีโซก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากหญิงสาวที่ไม่เคยแม้แต่จะดื่มเหล้าหรือแอลกอฮอล์ เธอกลับเข้าผับ จัดปาร์ตี้แทบจะทุกอาทิตย์ จากที่ไม่เคยกลับบ้านดึก เธอกลับกลายเป็นกลับบ้านทีในสบายที่เมามาย หรือไม่ก็กลับเสียตอนเกือบเช้ามืด เธอเปลี่ยนไปจนผมตกใจ ผมตั้งตัวแทบไม่ทันด้วยซ้ำว่าเธอเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ยังไง มีโซค่อยๆมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆในวงการบันเทิง และนั่นก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมกับมีโซค่อยๆห่างกันออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ

     

     

    ผมตัดสินใจเปลี่ยนแผน จากที่ผมจะกลับคอนโด ผมเปลี่ยนใจเปลี่ยนเส้นทางไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งทันที เวลาผมไม่สบายใจ ผมมักจะหางานมาทำให้ตัวเองยุ่งกว่าเก่า จะได้ไม่มีเวลาพักให้คิดถึงเรื่องไม่ดีอีก ผมขับรถมาได้ซักพักก็ถึงที่หมายปลายทาง มันไม่ใช่ที่อื่นไกล มันคือร้านกาแฟเล็กๆที่ตกแต่งอย่างน่ารักสวยงาม มีสวนอยู่รอบๆร้านให้ลูกค้าได้เลือกนั่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากชีวิตที่แออัดของสังคมเมือง มาเป็นนั่งจิบกาแฟที่สวนพักผ่อนหย่อนใจซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มเย็น ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยสไตล์ที่เรียบง่าย เน้นไปในทางสีครีมและน้ำตาลอ่อน ให้อารมณ์ถึงกาแฟและความละมุ่นละไมของมัน เป็นการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ดูดีสบายตาสมกับที่ผมลงมือออกแบบและตกแต่งมันด้วยตัวของผมเอง ใช่ครับผมทำมันเอง นี่คือร้านกาแฟของผมเองครับ อย่างที่บอก เวลาผมมีเรื่องไม่สบายใจ ผมก็จะหางานทำให้มันยุ่งๆไปเลย บวกกับผมเป็นพวกชอบทาน ผมเลยตัดสินใจเปิดร้านกาแฟนี้ขึ้นมา เพื่อจะได้เอาไว้ผ่อนคลาย และหารายได้เสริมเล็กๆน้อยๆอีกด้วย

    ผมเดินตรงเข้าไปภายในร้าน ร้านของผมชื่อว่าร้าน star babyz เป็นร้านเล็กๆที่เน้นพื้นที่สวนนอกร้านเสียมากกว่า ภายในร้านมีบริการทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารสไตล์โฮมเมด เบเกอรี่ และไอศกรีม โดยเปิดกันตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน เพราะผมเองอยากจะบริการลูกค้าทุกคนทุกกลุ่มไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ มนุษย์กลางวัลหรือกลางคืน เพราะเหตุนี้เอง เวลานี้ภายในร้านก็ยังคงเต็มไปด้วยลูกค้าที่แห่กันมาใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสาย

    “อ้าว!!! คุณเจ้านายจอง แดฮยอน กลับมาแล้วหรอคร้าบบบบบบบบบ” เสียงทักทายของเด็กเสิร์ฟตัวแสบ ชเว จุนฮงดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนเช่นทุกวัน

    “พี่บอกนายแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่าเรียกอย่างนั้น มันทางการไป แล้ววันนี้ไอ้ยงกุกมันได้มาดูแลร้านมั๊ย”

    “อืมมมมม ตั้งแต่เข้าเวรมาผมก็ไม่เห็นเลยนะฮะ สงสัยคงไม่ได้มา”

    “โอเคช่างมันเถอะ ไว้พี่ค่อยหักเงินเดือนมันอีกที 5555 ” ผมแกล้งเอ่ยออกไปขำๆเพราะถ้ามันอยู่ผมก็คงไม่กล้าหือกับมันหรอกครับ ก็บัง ยงกุกน่ะ มันเป็นเพื่อนที่แสนจะเถื่อนเลยน่ะสิ สมัยตอนเรียนอยู่อเมริกาด้วยกันนะ เมาทีก็ไปหาเรื่องนักเลงฝรั่งเขาตลอด เล่นเอาหนีกลับเกาหลีแทบจะไม่ทัน แต่ดูเหมือนว่าผมจะนินทามันผิดเวลาไปหน่อย

    “ใครจะหักเงินเดือนฉัน! ฉันไปทำงานที่บริษัทมาเว้ย พ่อตามไปด่วนก็เลยต้องหยุดต่างหาก”

    “หึๆ โอเค ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใครจะกล้าว่าผู้จัดการร้านอย่างแก”

    “เฮอะ! ให้มันจริง”

    “ฮ่าฮ่าๆๆ”

    บัง ยงกุกเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับจุนฮงน่ะครับ ทั้งสองคนฐานะทางบ้านก็อยุ่ในระดับเดียวกันกับผมนั่นแหละ แต่พอรู้ว่าผมเปิดร้านสตาร์เบบี้ขึ้นมา ไอ้ยงกุกก็อยากช่วยเป็นผู้จัดการร้านให้ ส่วนจุนฮงก็อยากลองทำงานพาร์ทไทม์ดูเลยมาเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ และก้เป็นผลดีเอามากๆเลยครับ เพราะจุนฮงนั่นเป็นเน็ตไอดอลที่กำลังเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาวๆมัธยมกันอยู่ ทำให้ร้านผมมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆเพราะเจ้านี่เป็นแมวกวักชั้นดีนี่แหละ ส่วนยงกุกที่มันโดนพ่อมันตามไปที่บริษัทก็ไม่ใช่อะไร พอดีมันจบบริหารมากตั้งใจว่าจะมาช่วยงานบริษัทต่อ แต่ดันอยากทำงานร้านกาแฟ มันเลยต้องเทียวไปมาไปมาระหว่างร้านกับบริษัทอยู่บ่อยๆ บางทีผมก็เข้าใจมันนะ เพราะผมเองก็มีบริษัทให้ดูแลเหมือนกันงานก็เยอะเหมือนกัน ผมกับมันเลยตกลงว่าจะผลัดกันมาดูร้านกันคนละเดือน จะได้แบ่งเบาภาระของกันและกันไปด้วย

    “เออ แล้วฮิมชานกับจงออบไปไหนกันหมดล่ะ” ผมหันไปถามจุนฮงที่กำลังจะหันไปเก็บโต๊ะลูกค้า

    “เอ่อ... คือ.. ต้องพูดว่าไงน๊า..” จุนฮงหันไปพูดกับตัวเองเบาเบา

    “ก็พูดว่าอยู่ไหนไง จะให้พูดว่าอะไรได้ล่ะ”

    “อ๋อ ฉันบอกให้ไปซื้อของเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้น่ะ” ยงกุกตอบให้แทนจุนฮง แต่เมื่อกี้ผมสังเกตทันนะว่าสองคนนั้นขยิบตาให้กันด้วย มันต้องมีอะไรชอบมาพากลแน่ๆ

    “ไปซื้อของอะไรตอนนี้ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ พวกนายมีอะไรที่ปกปิดฉันไว้รึเปล่า” ผมจ้องหน้าทั้งสองคนอย่างจ้องจะจับผิด แต่แล้วก็เกิดเสียงโวยวายขึ้นมา

    “นี่!!! ทำไมเค้กชั้นถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ดูสิครีมกับแยมปนกันไปหมดแล้วเนี่ย!!!

    “เอ่อ ขอโทษครับแต่เค้กรสนี้เหลือชิ้นนี้ชิ้นเดียวจริงๆครับ”

    เมื่อหันไปดูก็พบเข้ากับ ยู ยองแจเด็กเสิร์ฟคนใหม่ ที่ยังควบตำแหน่งเชฟและปาติซิเย่คนใหม่ของร้าน กำลังโดนลูกค้าสาวเหวี่ยงใส่อยู่ที่โต๊ะกลางร้านอย่างหงุดหงิดกับเค้กที่ไม่ได้ดั่งใจของตน

    “ไปเรียกเจ้าของร้านมาเดี๋ยวนี้!!

    “เอ่อ.. แต่ว่า...”

    “ผมเองครับ เจ้าของร้าน ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ผมตัดสินใจเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างยองแจและลูกค้าสาวคนนั้น

    “เค้กคุณมันไม่สวย ครีมกับแยมมันปนกัน ฉันอยากได้อันใหม่!” หญิงสาวเชิดหน้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจิกกัดเต็มที่

    “แต่รสที่คุณต้องการมันหมดแล้วนะครับ รับรสอื่นแทนได้ไหมครับ” ผมพยายามตอบออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    “แต่ฉันอยากกินรสนี้!!! คุณต้องให้เชฟคุณทำรสนี้มาให้ฉัน!!!

    “เอ่อ.. คุณครับ แต่”

    “นี่!!!! มันจะอะไรกันนักกันหนาฮะ!! คุณ!!!!” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ ยองแจก็ตะคอกใส่หญิงสาวคนนั้นอย่างเหลืออด

    “ยู ยองแจทำไมไปว่าลูกค้าแบบนั้น ขอโทษเค้าซะ!!!

    “ผมทนไม่ไหวแล้วครับเจ้านาย อย่างยัยนี่ผมจัดการเอง!!!!!!

     

     

     



     

    ต่อค่ะ

     



     

     

    ยองแจเดินมาขวางหน้าผมกับลูกค้าสาวคนนั้นอย่างมีน้ำโห ยองแจเป็นพนักงานคนใหม่ของร้านที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณสามอาทิตย์ก่อน ด้วยความที่เป็นคนร่าเริงและเป็นมิตร ทำให้ยองแจเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ารวมถึงพนักงานทุกคนในร้านด้วย แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ยองแจจะไม่ได้เป็นเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นซะหน่อย แต่ทุกครั้งที่มีข้อผิดพลาดอะไร ยองแจก็จะยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี ไม่เคยขึ้นเสียงใส่ลูกค้าแบบนี้ สงสัยผมคงต้องให้ฮิมชานอบรมเขาใหม่เสียแล้วล่ะ

    “นี่คุณ ก็ของมันหมดแล้ว คุณก็เอาอย่างอื่นไปแทนดิ!!” ยองแจสวนลูกค้าสาวคนนั้นออกไป

    “ยู ยองแจ!!

    “เจ้านายเงียบไปครับ ขอผมจัดการยัยนี่ก่อน” ยองแจยกมือขึ้นห้ามผมไม่ให้ขัดขวางการเจรจา(?)ของเขากับหญิงสาว

    “ฉันเป็นเจ้านายของคุณนะ ยู ยองแจ”

    “เออรู้แล้ว เงียบๆไปเหอะไอ้ดักแด้เอ้ย!” ยองแจหันมาเหวี่ยงใส่ผมก่อนจะหันไปต่อปากต่อคำกับลูกค้าคนนั้นต่อ ผมที่ยืนอึ้งอยู่ไปสามวิก็ได้แต่ยืนเงียบสังเกตการณ์อยู่ข้างหลังยองแจไปอย่างเงียบๆ นี่ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่วะครับ ผมงง

    “ผมบอกคุณไปแล้วนะว่ามันหมด มันหมด อยากกินรสนี้ค่อยมาใหม่ดิ วันนี้หมด ถ้าอยากกินตอนนี้วันนี้ก็กินอย่างอื่นไปเด้”

    “แต่ฉันเป็นลูกค้า พวกคุณต้องมาบริการฉันถึงจะถูก ฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ใช่มาเถียงฉันแบบนี้!!!” ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่มีใครยอมใครกันเลยสินะ แล้ววันนี้จะได้ขายไหมครับเนี่ย ผมละเพลีย วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย

    “รู้ไหมฉันเป็นใคร ฉันลูกสาวนักการเมืองใหญ่ของเกาหลีเชียวนะ ฉันจะฟ้องพ่อฉันให้เล่นงานพวกคุณ!!!

    “อ้อ จะฟ้องงั้นหรอ ได้!!! พี่ฮิมชาน จงออบ เอาของออกมาทีดิ๊!!” ยองแจหันไปตะโกนเรียกฮิมชานบาริสต้าหนุ่มสุดหล่อเพื่อนข้างห้องผมกับยงกุกสมัยตอนไปเรียนที่แคลิฟอร์เนียด้วยกัน กับจงออบเด็กเสิร์ฟหน้ามึน คู่หูของเจ้าแสบจุนฮงให้ออกมาพร้อมกับของอะไรบางอย่าง

    “นี่ นายจะทำอะไรกันแน่ฮะ ยองแจ” ผมเข้าไปกระซิบถามยองแจอย่างหวาดระแวงเล็กๆกับของที่ยองแจให้สองคนนั้นเอาออกมา

    “เจ้านายครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขอโทษนะครับ”

    “หืม???

    จากนั้น ไฟทั้งร้านก็ดับลงพร้อมกับประตูห้องครัวที่เปิดออกโดยฮิมชานและจงออบ

    Happy birthday to you~....” เสียงร้องเพลงดังขึ้นจากข้างหลังผมไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของยู ยองแจนั่นเอง ตามด้วยเสียงของทุกคนที่อยู่ก็ลุกขึ้นยืนร้องเพลงวันเกิดนี้ขึ้นมาและปรบมือให้จังหวะกันทั้งร้าน และของที่ยองแจว่าก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ เค้กวันเกิดที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามถูกฮิมชานกับจงออบเข็นมันออกมาจากห้องครัว และเข็นมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

     

     

    สุขสันต์วันเกิดจอง แดฮยอน เจ้านายผู้แสนดี

    จากพนักงานทุกคน

     

     

    ข้อความที่เขียนอยู่บนหน้าเค้กนั้น ทำให้ผมถึงกับบางอ้อในเหตุการณ์ทุกอย่าง และพิรุธของจุนฮงขึ้นมาในทันที

     
     

    ทุกคนเตรียมงานเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ฉันงั้นหรอเนี่ย

     
     

    ดวงไฟภายในร้านค่อยๆสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวงหลังจากที่เพลงวันเกิดจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังรัวขึ้นทั้งร้าน

    “สุขสันต์วันเกิดนะครับ/ค่ะ !!!!” ทุกคนกล่าวคำอวยพรออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันไม่เว้นแม้แต่ลูกค้าที่ดูเหมือนว่าก็จะร่วมอยู่ในแผนการนี้ตั้งแต่แรก

    “ฮ่าฮ่าๆๆ ขอบคุณครับๆ นี่ฉันโดนพนักงานกับลูกค้าหลอกหรอเนี่ย ฮะๆๆๆ” ผมหัวเราะออกมาอย่างนึกขำกับเซอร์ไพรส์แกล้งผมในวันนี้

    “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณแดฮยอน” ลูกค้าสาวที่เพิ่งทะเลาะกับยองแจไปเมื่อสักครู่ตอนนี้กลับยิ้มให้ผมเหมือนกับไม่เคยเกิดเรื่องทะเลาะอะไรกันกับทางร้านมาก่อนพร้อมทั้งเอ่ยแนะนำตัวและเฉลยแผนการออกมาให้ผมฟังเสียหมด

    “ฉันชื่อ จอน ฮโยซอง ค่ะ เป็นเพื่อนอยู่คณะนิเทศฯเหมือนกันกับยองแจค่ะ พอดียองแจเขาขอให้ฉันมาช่วยเล่นละครเล็กๆน้อยแกล้งคุณนิดหน่อยในงานวันเกิดคุณที่ร้านน่ะค่ะ” แล้วยงกุกก็เดินเข้ามากอดคอผมแล้วกล่าวเสริมจากที่ฮโยซองได้บอกไป

    “ใช่ ตอนแรกพวกฉันก็ไม่รู้ว่าจะจัดงานให้แกอย่างไงดี ยองแจก็เลยเสนอตัวเป็นแม่ งานให้ แล้วก็ลงมือทำเค้กให้แกเองกับมือ แถมยังเตรียมแผนการมาแกล้งแกอย่างดี สุดๆไปเลยว่ะ ฮ่าฮ่าๆๆ”

    “แหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พี่ยงกุก” ยองแจที่ยืนอยู่ด้วยตั้งแต่แรกพอมีคนชมเข้าก็ถึงกับเขินเล็กๆกับผลงานของตนเอง

    “นายนี่เองตัวการคิดแผนแกล้งฉัน เดี๋ยวเถอะจะเจอดี แต่ก็ขอบใจมากนะยองแจ เป็นงานวันเกิดที่ดีที่สุดของฉันปีนึงเลยล่ะ ขอบใจนะ” ผมเอ่ยขอบคุณยองแจออกไปพร้อมกับยืนมือไปลูบหัวยองแจเป็นเชิงเอ็นดูและชมเชยเขา

    “อา... ไม่เป็นไรครับเจ้านาย ผมเต็มใจครับ เอาเป็นว่าเราไปกินเค้กกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว แฮะๆๆ” ยองแจบอกพลางจูงมือผมออกไปตัดเค้กแจกผู้คนภายในร้าน



    ถือว่าอย่างน้อยวันนี้ก็ยังดี แม้ว่าผมจะได้ของขวัญวันเกิดสุดพิเศษจากมีโซคนที่ผมรักมากที่สุดเป็นคำบอกเลิก แต่ผมก็มีผู้คนเหล่านี้คอยเติมกำลังใจให้ด้วยความสุขเล็กๆน้อยๆจากงานวันเกิดของผมในวันนี้ คงต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้อย่างน้อยวันเกิดของผมในคืนนี้ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด ต้องขอบคุณนายจริงๆนะ ยู ยองแจ

     

     



     

     

     

     

     

     

     

     

    เมาท์มอยส์ตามประสาไรเตอร์ : ครบแล้วนะค้ารีดเดอร์ทุกคนนนนนนนนนนน เจนมาต่อให้แล้วนะหลังจากที่ห่างหายไปนานมากกกกกกกกก อย่าเพิ่งบ่นหรือลาหายไปไหนกันนะคะ เจนยังไม่ลืมนะคะ เพียงแต่ปิดเทอมแล้วเกเรไปหน่อย วันๆได้แต่กินนอน ดูทีวี ดูซีรี่ส์ แล้วก็หลับ แล้วก็กินใหม่(แลดูขี้เกียจมากอ่ะ) เลยทำให้ไม่ได้มาต่อซักที T^T แต่เจนก็มาต่อให้แล้วนะคะ ครบกันไปกับตอนแรก ฮ่าๆๆๆ แอบเห็นบางคนด่าเจ้ฮโยซองกันไปแล้วด้วย แต่เจนชอบเจ้ฮโยซองค่ะ ไม่เอามาทำร้ายหรอก เอามาเป็นตัวสร้างสีสันให้ดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่า เจนจะพยายามไม่ขี้เกียจแล้วมาลงตอนต่อไปให้นะคะ มาทวงกันได้นะ เจนจะได้ขยันๆ เมนชั่นมาหากันก็ได้ค่ะ ที่ทวิตเตอร์แอค @janejnae_shaby นะคะ ฟอลมาฟอลกลับค่ะ เจนไม่หยิ่งนะ คุยได้ๆๆ เอาเป็นว่าวันนี้เจนไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

                รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ รักพี่จ๋องกับบัพด้วย รักทู้กคนเลยยยยยยยยย จุ๊ฟๆๆๆๆ

     
     

    ปล.เขียนตอนตันๆอีกแล้ว เลยมาแบบสั้นๆ ภาษาอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เจนจะพัฒนาขึ้นให้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ (เพิ่งเจอมาด้วยคำว่า แม่-งาน โดนแบนคำหยาบด้วย ก็ตลกดีเนอะ เจนเลนเคาะแยกออกมาอ่ะค่ะ อย่างงกันเน้อ เจนกลัวจะเดาคำกันไม่ออกอ่ะค่ะ)

    ปล2. สปอยล์ล่วงหน้าตอนต่อไปๆ เราจะพาไปย้อนอดีตที่มาที่ไปของแต่ละคนกันดีไหมเอ่ย??? ใครเป็นใครอะไรยังไงเราจะได้รู้กัน!!!!!!!

     

     


     

     

    อ้อเกือบลืม เอารูปรถของจองแดมาให้ดูค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×