ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยแค้น วิวาห์มาร reup

    ลำดับตอนที่ #1 : รอยแค้น วิวาห์มาร

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 57


    รอยแค้น วิวาห์มาร

    บทที่ 1 ทะเบียนรักขื่นขม 1

                เตียงนอนคิงส์ไซด์สีขาวซึ่งถูกโปรยปรายด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดที่อยู่ในห้องกว้าง ถูกใช้เป็นห้องหอของคู่บ่าวสาวสองตระกูลใหญ่ ใบหน้าของเจ้าสาวนั้นฉีกยิ้มออกมาอย่างสุขล้นขณะยกมือรับพรจากญาติผู้ใหญ่ แล้วเอียงใบหน้าขัดเขินเมื่อเจ้าบ่าวให้คำหนักแน่นแสดงถึงความรักที่มีต่อกัน       

                “ผมสัญญาครับว่าผมจะรักและจะดูแลเพียงตลอดไป คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เสียงเข้มหนักแน่นออกมาจากริมฝีปากหนาของราม ครูสโซ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-สเปน เจ้าบ่าวของงาน ซึ่งกำลังให้คำมั่นกับอาทิตย์ บิดาของเพียงตะวัน เจ้าสาวแสนสวย ก่อนที่หันไปส่งยิ้มแสดงความรักใคร่ให้คนที่ขัดเขินแก้มแดงเปล่งเป็นลูกตำลึง แต่ทว่าชั่วขณะหนึ่งรอยยิ้มรักใคร่กลับกลายเป็นเย้ยหยัน นัยน์ตาคมก็แอบซ่อนไปด้วยเปลวไฟที่กำลังปะทุล้นออกมา 

                “ในเมื่อรามให้คำมั่นแบบนี้ พ่อก็หายห่วง ยังไงฝากดูแลน้องด้วยนะลูก” ใบหน้าคมคลายกังวล และรู้สึกหายห่วง เมื่อได้ยินคำมั่นและเห็นการกระทำที่จริงจังของลูกเขย เพราะในใจของอาทิตย์แอบหวั่นไม่น้อยในงานแต่งงานวันนี้กลัวว่ามันจะไม่สวยหรูอย่างที่ลูกสาวหวังให้เป็น เพราะกลัวเรื่องในอดีตมันจะกลับมาทำให้เจ็บซ้ำ แต่ในเมื่อเห็นแบบนี้ เขาก็หายห่วง

                “งั้นเราออกไปกันเถอะครับคุณอาทิตย์ จะได้ให้เขาอยู่กันตามลำพัง” เสียงเข้มทรงพลังของรามิล บิดาของรามเอ่ยขึ้น พลางก้าวเดินเพื่อออกจากห้องหอพร้อมกับญาติผู้ใหญ่คนอื่นที่มาเป็นเกียตริอวยพรให้บ่าวสาว แต่เท้าขวาที่กำลังจะออกพ้นจากห้องมาก็หยุดลง ใบหน้าคมก็หันกลับไปในห้อง มองตรงไปยังลูกชายที่กำลังโอบกอดเอวขอดอยู่ ใบหน้าคมนั้นปรากฏความหวั่นใจขึ้น ภาวนาอย่าให้มันเป็นอย่างที่คิด เพราะนั่นแสดงว่าทุกอย่างมันคือความหลอกลวง และความเจ็บปวดคงจะเกิดขึ้น

                ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง ใบหน้าคมที่ฉีกยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย มุมปากก็ถูกยกขึ้นสูงทันที พลางรีบชักมือกลับราวรังเกียจกับสิ่งที่ตนจับอยู่อย่างไว ก่อนที่จะเดินออกห่าง

                ฝ่ายเจ้าสาวแสนสวยก็เริ่มทำหน้าที่ภรรยาที่ดี “เดี๋ยวเพียงช่วยถอดนะคะ คุณราม”  มือบางยื่นออกไปหวังจะช่วยถอดเสื้อชุดทักซิโดออกจากลำตัวหนา แต่กลับมีเสียงคำรามลั่นออกจากริมฝีปากหนา ทำให้เจ้าหล่อนต้องหยุดชะงัก

                “ไม่ต้อง!!”

                “แต่เพียงอยากช่วย ให้เพียงช่วยนะคะ” ยืนยันเสียงหวานจะช่วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับถูกตอบกลับด้วยการกระทำที่แสนจะโหดร้ายไม่แพ้แววตาที่ส่งมาให้ มือบางถูกบีบ จนเจ้าหล่อนต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

                “จำเอาไว้ ถ้าไม่ได้บอกให้ทำอะไร อย่าทำ ผมไม่ชอบ” บอกเสียงเขียวแล้วสะบัดข้อมือเล็กออก  ก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียนเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเริ่มต้น

                “ค่ะ เพียงขอโทษ” ขอโทษเสียงสั่น แววตาสั่นระริกกับสิ่งที่เขาทำ แล้วจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่พึ่งจะที่เดินหายเข้าไปห้องน้ำไปด้วยใจที่เจ็บร้าวราน น้ำตาใสเอ่อท่วมดวงตาคม การกระทำของเขามันคือสิ่งที่ตอกย้ำให้เจ้าหล่อนรู้ว่าสิ่งที่ตนได้รู้มานั้นคือความจริง

                หัวใจดวงเล็กเจ็บระบมเมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ของคนรักที่เร่งเร้าการแต่งงาน ทั้งที่คบหากันได้ไม่นาน มันช้ำจนยากจะเยียวยา ทันทีที่รู้แขนขาของเจ้าหล่อนอ่อนแรง ไร้กำลัง และทรุดร้องไห้โฮอยู่ที่พื้น แต่ถึงแม้จะรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความรักของเขา แต่มันเกิดจากการวางแผนเพื่อแก้แค้น ทำให้เธอช้ำ ให้เธอเจ็บปางตาย หล่อนก็ยังคงดำเนินการแต่งงานต่อไป เพราะหล่อนรักเขาหมดหัวใจ

                “เพียงจะใช้ความรักรักษาไฟแค้นของคุณให้ได้ ไม่ว่าคุณจะใจร้ายกับเพียงแค่ไหน” บอกหมาดมั่นกับตัวเอง และก้าวเท้าตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหวังจะเตรียมชุดให้คนรัก แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังมาซะก่อน แถมยังเคาะรัวอย่างไร้มารยาท จนคิ้วบางขมวดเข้าหากัน พลางเดินไปเพื่อดูว่าใครคือคนผู้มาเยือน

                เมื่อประตูถูกเปิดออก คิ้วสวยก็ผูกกันเป็นโบมากขึ้นและก็แอบแปลกใจไม่น้อย เพราะคนที่มาเยือนเคาะประตูคือนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ชื่อดังที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอยู่ในตอนนี้

                “เอ่อ คุณมาหาใครคะ?” เอ่ยถามอย่างสงสัย

                ฝ่ายลินานางแบบสุดฮอตก็แสยะยิ้มออกมาเมื่อถูกถาม พร้อมจ้องมองใบหน้าของเจ้าสาวด้วยสายตาที่เหยียดยามปนเยาะเย้ย “ก็มาหาสามีนะสิ” ตอบพร้อมกับทำท่าจะก้าวเท้าเข้ามาในห้อง แต่ก็ถูกเพียงตะวันขวางไว้

                “ดิฉันคิดว่าคุณคงข้าใจผิดแล้วนะคะ ห้องนี้ไม่มีสามีคุณหรอกค่ะ ห้องนี้ถูกใช้เป็นห้องหอของฉันกับสามีค่ะ”

                “ไม่เข้าใจผิดหรอกย่ะ สามีเธอก็สามีฉันเหมือนกัน” แววตานั้นเยาะเย้ยสุดๆ แถมยังเบ้ปากใส่ “ถอยออกไปนางหน้าจืดฉันจะเข้าไปหาราม” ลินาพยายามแทรกตัวเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าคนที่กล้าดีมาแย่งคนที่เธอหวังจะจับยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

                ฝ่ายเพียงตะวันเมื่อได้ยิน ร่างกายก็ชาวับ เจ็บจนพูดไม่ออก เหมือนว่าคำพูดนั้นคือ เข็มนับพันที่กำลังทิ่มแทงหัวใจให้เป็นรูพรุน เลือดไหลซึมออกจากหัวใจ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงพยายามควบคุมสติเอาไว้ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับลินา

                “เชิญคุณออกไปจากห้องฉันด้วยค่ะ ฉันไม่รู้นะคะว่าก่อนแต่งงานคุณรามเขาจะเป็นอะไรกับคุณ แต่ตอนนี้เขาเป็นสามีของฉัน เพราะฉะนั้นคุณก็น่าจะเกรงใจภรรยาอย่างฉันบ้าง”

                “ฉันไม่สน” ตอบอย่างไม่ระหยี่ ก่อนที่จะพยายามแทรกตัวเข้าไปในห้องอีกครั้ง 

                “ถ้าไม่งั้นดิฉันจะให้ รปภ มาไล่นะคะ” พยายามบอกเสียงแข็ง ทั้งๆที่ในใจเจ็บปวดจนแทบรั้งตัวเองให้ยืนไม่อยู่

                “ไม่!! ฉันจะหาราม รามขา ลินามาหาคุณแล้วค่ะ รามอยู่ไหนคะ” ตะโกนหาชายหนุ่มลั่นและพยายามจะเดินเข้าไปในห้องนอน แต่ก็โดนเพียงตะวันขวางอีกครั้ง “ถอยไปซิยะ ฉันจะมาหาสามีฉัน อุ๊ย สามีเรา เธอก็อย่าใจแคบนักเลย แบ่งๆ กัน ทีฉันยังไม่ว่าเลยที่รามแต่งงานกับเธอ ทั้งๆ ที่ฉันก็มาก่อน” พูดเสียงเยาะ แววตานั่นจิกกัด แล้วมือบางก็ผลักคนขวางให้พันทาง

                เสียงเอ๊ะอะโวยวายที่ดังอยู่นอกห้องนอน ทำให้คนที่กำลังอาบน้ำเหยียดยิ้มออกมา นี่ล่ะคือการเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่ตระกูลบริพักตร์จะได้รับ และรับรองว่าเขาจะทำให้เจ็บปวดจนเจียนตายเลยทีเดียว เท้าของเจ้าของดวงตาที่มีแต่ไฟแค้นก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูคาดเอวเพียงผืนเดียว เผยให้เห็นท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เท้าหนารีบเดินตรงไปยังต้นเสียงโวยวายเพื่อจะได้เห็นความเจ็บช้ำของเจ้าสาวเหยื่อแห่งความแค้น

                ซึ่งทันทีที่ลินาเห็นร่างสูงของราม เธอก็ร้องเรียกและโผเข้าไปหา “รามขา ลินามาหาคุณแล้วนะคะ แต่นางนี่ อุ๊ย แต่เมียคุณไม่ยอมให้ลินาเข้ามา แถมเธอยังว่าลินาเสียๆหายๆ อีกนะคะ” นางแบบสาวใส่ไฟเต็มที่ พร้อมกับกอดรัดร่างของชายหนุ่มไว้แน่นอย่างออดอ้อน

                ฝ่ายเพียงตะวันที่ถูกผลักให้ล้มไปที่พื้นด้วยฝีมือของลินาก็พยุงตัวเองขึ้น แล้วจ้องมองไปที่ร่างสูงซึ่งกำลังถูกลินากอดรัด โดยที่รามไม่ขัดขืนเลยสักนิดยอม เพียงตะวันต้องสกัดกลั้นไม่ให้น้ำตาใสไหลออกมา เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาต้องการเห็นคือน้ำตาของเธอ และคิดว่านี่คงเป็นแผนการแก้แค้นของเขา

                “รามขา วันนี้ลินาจะอยู่กับคุณนะคะ รามไม่ว่าอะไรลินาใช่ไหมคะ?” เสียงแหลมเอ่ยถาม พร้อมกับทำท่าออดอ้อนอย่างยั่วยวน มือสวยก็ลูบไปที่อกแกร่งทีเต็มไปด้วยหยดน้ำ

                “ได้สิลินา คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมเพียง ที่คืนนี้ผมจะเอาลินามานอนด้วย” เมื่อถามเสร็จ มุมปากของรามก็ยกสูงเมื่อคิดว่าแผนการแก้แค้นขึ้นแรกของเขานั้นสำเร็จ แต่มันผิดคาด ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เพียงตะวันไม่โวยวาย ไม่มีน้ำตา แต่หญิงสาวกลับส่งยิ้มมาให้ จากนั้นก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ แล้วเดินออกจากห้องหอไป ปล่อยให้รามยืนอึ้งและงงกับการกระทำ

                รามได้แต่กู่ก้องร้องถามตัวเองในใจกับการกระทำของเจ้าหล่อน เขาไม่เคยคาดเลยว่าเหตุการณ์มันจะเป็นเช่นนี้ ทำไมเธอจึงไม่ร้องไห้โวยวาย ทั้งๆ ที่เขากำลังทำร้ายจิตใจเธออยู่  ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าวันนี้เขาต้องทำให้เจ้าหล่อนนั้นร้องไห้น้ำตาตกและเจ็บปวดได้แน่ๆ แต่ทว่าทุกอย่างผิดจากที่เขาคิด

                 รามได้แต่หงุดหงิดในใจและกัดฟันกรอดเมื่อไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่าย พลางคิดว่าหรือว่าเจ้าหล่อนจะรู้จุดประสงค์ของเขา แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะหากเจ้าหล่อนรู้ก็คงไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่ แต่ในที่สุดรามเลือกที่จะไม่ใส่และไม่หาเหตุผลต่อ เพราะนี่มันแต่เริ่มต้นเท่านั้น

                ฝ่ายคนช้ำที่พยายามกลั้นสายธาราไม่ให้ไหลออกมา ก็เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด แล้วเดินโซเซพาร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงออกมาจากห้องนั้นมา ก่อนที่จะทรุดตัวอย่างหมดแรง แล้วปล่อยโฮอย่างสุดเสียง หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดราวกับโดนมีดคมกริบทิ่มแทงสักสิบยี่สิบครั้ง พิษบาดแผลในหัวใจขยายวงกว้าง

                “หยุดร้องไห้ได้แล้วพี่ ผมบอกพี่แล้วใช่ไหมหากพี่จะเลือกเดินทางนี้ พี่ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้มันเห็น เพราะสิ่งเดียวที่มันต้องการจากพี่คือน้ำตาและความพ่ายแพ้” เสียงเข้มข้นของแดนสรวงดังขึ้น แววตานั้นลุกเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าไม่ทันไรพี่สาวของตนก็ต้องมานั่งร้องไห้น้ำตาซึมเพราะผู้ชายชั่วๆ คนนี้แล้ว ทั้งๆ ที่แต่งกันไม่ทันจะข้ามวันเลย มือหนากำเป็นก้อนกลมเพราะความแค้น  นึกอยากจะย้อนเวลากลับไปแล้วขัดค้านงานแต่งนี้ ตนไม่น่าใจอ่อนยอมให้พี่สาวแต่งงานเลย ทั้งๆที่ก็รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายดี

                “ถ้าพี่เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ผมไม่อยากให้พี่เจ็บไปมากกว่านี้” พลางมือผ้าเช็ดหน้าส่งให้

                ฝ่ายเพียงตะวันก็เงยหน้าที่เปอะเปื้อนที่หยาดน้ำขึ้นมองน้องชาย ก่อนที่จะส่ายศีรษะทุยเป็นคำตอบ เพราะอย่างไรแล้วหล่อนก็ไม่มีวันถอย หล่อนต้องใช้ความรักทำลายกำแพงแค้นที่สร้างเอาไว้ในใจเขาให้ได้ ก่อนที่จะรับผ้าเช็ดหน้ามา

                “ทั้งๆ ที่พี่อาจจะเจ็บปวดมากกว่านี้อย่างนั้นหรือครับ พี่ไม่รักตัวเองบ้างหรือไง ทำไมพี่ต้องเดินตามเกมของมันด้วย พี่ปล่อยให้ผมจัดการเองก็หมดเรื่อง ผมจะจัดการให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ” พูดด้วยเสียงที่เหี้ยมเกรียนปนหงุดหงิดใจ เพราะไม่เข้าใจในการตัดสินใจของพี่สาวเลยสักนิด ทำไมถึงต้องยอมเจ็บแบบนี้ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าความรักมันทำให้คนตาบอดได้ถึงขนาดนี้ ก่อนที่จะเข้าไปพยุงตัวของพี่สาว และพาเดินตรงไปยังห้องที่ตนนั้นจ้องไว้ เขาคิดไม่ผิดเลยว่า อีกฝ่ายอาจจะใช้แผนนี้เพื่อทำให้พี่สาวของตนนั้นเจ็บช้ำ   

                “ขอบใจแดนมากนะที่ยอมทำตามที่พี่ขอ และไม่บอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ” เรื่องนี้มีเพียงหล่อนและน้องชายเท่านั้นที่รู้ ตนรู้ดีว่าหากพ่อของตนรู้ คงไม่ยอมให้งานแต่งนี้เกิดขึ้นแน่  หล่อนจึงขอร้องไม่ให้แดนสรวงเอ่ยบอกเรื่องนี้กับบิดา

                “ครับ ผมจะไม่บอก แต่หากวันไหน ผมหมดความอดทน ผมก็ขอไม่รักษาคำพูด และรับรองว่าผมจะตอบแทนมันอยากสาสม” นัยน์ตานั้นขุ่นคลั่กด้วยอารมณ์เครียดแค้น อยากจะตะบันหน้ารามให้หายแค้น ก่อนที่จะต้องขมวดคิ้วอย่างคุ่นคิดเพราะอยากจะรู้เสียจริงว่าความบาดหมางที่ก่อเกิดกับสองตระกูลมันคืออะไร อะไรคือบ่อเหตุกัน เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ เขาก็รับรู้ว่าตระกูลของตนและรามนั้นไม่ถูกกัน มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน พอไถ่ถามก็ไม่มีใครยอมบอกว่าสาเหตุคืออะไร แถมคนที่รู้เรื่องนี้ตอนนี้ก็เหลือเพียงพ่อของเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งหากจะให้เดินไปถามตรงๆ บิดาต้องสงสัยแน่ๆ

                ฝ่ายเพียงตะวันก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ แล้วลอบถอนพ่นหายใจเมื่อเห็นแววตาคม เพราะแววตาคมนั้นช่างแข็งกร้าวเวลาพูดถึงราม หหล่อนนั้นรู้ว่าดีว่าตอนนี้จิตใจของแดนทรวงคงมีแค่ความเกลียดชังในตัวของราม และคงนึกอยากจะแก้แค้นให้ตน แต่ถ้าหากแก้แค้นกันไปมาแล้วแบบนี้เมื่อไหร่มันจะจบสิ้นกัน

                “แล้วนี่แดนจะกลับเหมืองเมื่อไหร่จ๊ะ?” เอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากจะเห็นสีหน้าทีมีแต่ความเกลียดชังและคับแค้นของน้องชายที่มีต่อคนที่เธอรัก

                “พรุ่งนี้ล่ะครับ ที่เหมืองกำลังยุ่งๆ” บอกเสียงขุ่นๆ ยังคงหงุดหงิดไม่หาย ที่ตนนั้นยอมให้พี่สาวแต่งงาน และไม่เข้าใจเลยว่าเพียงตะวันถึงรักชายชั่วคนนี้ แถมยังรักจนยอมได้ทุกอย่างแบบนี้  พลางสงสัยว่าอำนาจแห่งความรักนั้นเป็นเช่นไร ทำไมพี่สาวของเขาถึงยอมเพียงเพราะคำว่ารัก

                “พี่คงไม่ได้ไปส่ง เดินทางปลอดภัยและดูแลตัวเองดีๆ นะแดน”

                “ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายบอกพี่ ให้พี่ดูแลตัวเอง พี่อย่าลืมนะครับ ว่ายังมีน้องชายอย่างผมอีกคน” แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

                “จ้ะแดน” ตอบเสียงเศร้าๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าที่เธอจะรักษาแผลแค้นในใจของรามได้ และที่สำคัญ เขาจะรักเธอ อย่างที่เธอรักเขาหรือเปล่า

                “งั้นพี่ก็พักผ่อนเถอะครับ ผมกลับแล้ว อย่าลืมนะครับ ถ้ามีอะไรโทรมาผมเลย” เอ่ยย้ำอีกรอบและเข้าไปกอดแน่น ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไป

               

               

                แสงสีทองที่สาดส่องลงมายังพื้นโลก ทำให้การเริ่มต้นชีวิตวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น หมู่สัตว์น้อยใหญ่กำลังออกมาหากิน ซึ่งก็ไม่ต่างจากชีวิตของคนทำงานที่ทุกคนต่างต้องดิ้นรนและต่อสู้ไปกับอุปสรรคต่างๆ เหมือนกับชีวิตของเจ้าสาวสุดเศร้าที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บช้ำอีกระลอก

                ทั้งๆ ที่วันนี้พอลืมตาตื่นขึ้นมา เจ้าหล่อนจะต้องพบกับใบหน้าของสามี และยังคงนอนกอดกันอย่างมีความสุขแต่เปล่าเลย เช้าวันนี้หล่อนกลับตื่นมาเจอแต่ความว่างเปล่าและความเจ็บปวดใจ

                เพียงตะวันก็รีบก้าวเท้าลงไปยังล๊อบบี้เพื่อรอคนเป็นสามี หญิงสาวเลือกที่จะไปรอที่นั้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ก็รู้ดีว่าอย่างไรแล้วก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง ซึ่งไม่นานรามก็ก้าวเท้าออกมาจากในลิฟต์ ซึ่งก็มีลินาควงแขนออกมาด้วย

                ภาพกระหนุงกระหนิงของทั้งคู่เรียกหยาดน้ำตาให้คนที่มานั่งรอ แต่มือสวยก็ยกขึ้นมาปาดมันทิ้งไป เพราะรู้ดีว่าต่อไปนี้ เธอจะอ่อนแอไม่ได้

                “รามคะ ดูสิยายหน้าจืดมานั่งรอคุณอยู่” เบ้ปากไปทางศัตรูหัวใจ ก่อนจะส่งสายตาเยาะเย้ยแล้วกอดแขนแข็งแรงแน่นขึ้นแสดงความเป็นเจ้าของ

                ฝ่ายรามก็มองตรงไปยังเหยื่อแค้น เขานั้นอาจจะรู้ว่าเจ้าหล่อนจะทำสีหน้าอย่างไร ก่อนที่จะต้องหงุดหงิดเพราะใบหน้านั้นไม่ได้แสดงถึงความโกรธแต่อย่างใด ร่องรอยแห่งความเสียใจก็ไม่มี รามได้แต่กัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ เพราะตนว่ายังไงแล้วเมื่อคืนเจ้าหล่อนนั้นต้องแอบไปร้องไห้อย่างแน่ แต่นี่เปล่าเลยสักนิด แต่เขาคงไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ปกตินี่มันแอบซ่อนหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ หัวใจดวงเล็กกำลังต้องเผอิญกับความเจ็บช้ำ

                “คุณรามคะ เราจะกลับบ้านกันเลยไหมคะ” เอ่ยถามเมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า

                “รามขา ลินาขอไปด้วยได้ไหมคะ ลินาอยากไปบ้านคุณ นะคะ ราม ลินาอยากไปด้วย” ฝ่ายลินาเมื่อได้ยิน ก็หูผึ่งทันที พยายามออดอ้อนขอราม เพื่อหวังจะได้ไปเหยียบคฤหาสน์ครูสโซสักครั้ง

                  แต่ทว่ารามกลับปฏิเสธ จนทำให้ใบหน้าที่แต่งแต้มมาอย่างจัดจ้านต้องทำสีหน้าไม่พอใจ เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะหล่อนนั้นไม่อยากจะให้รามนั้นไม่พอใจ รู้ดีว่ารามนั้นเป็นคนนิ่ง ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ

                “เอาไว้วันหลังลินา วันนี้ผมมีธุระ” พูดจบก็เดินนำไป โดยที่ไม่ได้สนใจภรรยาป้ายแดงของตนเลยสักนิด ฝ่ายเพียงตะวันก็เดินตามไปด้วยใจที่แสนจะยับเยิน ซึ่งพอเดินผ่านหน้าของนางแบบสาว ข้อมือบางก็ถูกรั้งไว้ แล้วอีกฝ่ายก็ยื่นหน้ามาใกล้กระซิบที่ข้างหูสะอ้าน

                “อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมเธอ ยังไงรามต้องเป็นของฉัน” พร้อมกับบีบที่ข้อมือสวยอย่างแรง แล้วก็สะบัดก้นเดินหนีไป ปล่อยให้เพียงตะวันลอบถอนลมหายใจออกมา เพราะดูท่าแล้วเธอคงต้องหาทางรับมือกับลินาด้วยอีกทาง

     

                ทันทีที่ลัมโบกินีสีดำคันหรูได้แล่นเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์ครูสโซ ใบหน้าคมก็ปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็น เพราะว่าแผนการแผนที่สองที่วางไว้กำลังจะเริ่มต้น หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นสะท้านเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ เหงื่อเม็ดโตไหลซึมใบหน้า เพราะมันช่างเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงไปด้วยความร้ายกาจ ราวกับเป็นรอยยิ้มของเสือร้ายที่กำลังดีใจที่กำลังจะปลิดชีวิตเหยื่อได้สำเร็จ

                “เข้ามาสิ จะยื่นให้รากงอกหรือไง” รามกดตะคอกเสียงเสียงดังลั่น ทำสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเหยื่อสาวยังไม่ยอมเดินเข้ามาในคฤหาสน์

                ฝ่ายเพียงตะวันก็รู้สึกว่าขาของตนนั้นสั่น และก้าวเท้าไปไม่ออก เพราะรู้ดีว่าทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป หล่อนคงจะต้องพบเจอกับเรื่องให้เจ็บปวดหัวใจเป็นแน่ ก่อนที่จะต้องหวีดร้องเสียงหลงเมื่อโดนฉุดกระชากให้เดินตาม

                 รามกระชากเจ้าหล่อนพาไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ พามาพบกับราเชน ผู้เป็นปู่

                “คุณปู่ครับ ผมพาเพียงตะวันมาไหว้คุณปู่ครับ” ร้องเรียกชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์   ซึ่งทันทีที่รามพูดจบ คนบนรถเข็นวีลแชร์ก็หมุนรถนั้นแล้วมาเผชิญหน้ากับทั้งคู่ทันที  ก่อนจะตะวาดลั่น

                “แกจะพานางนี่มาทำไมเจ้าราม  พามาให้เป็นเสนียดกับตระกูลเราทำไม ออกไป ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าหลานของไอ้คนเลว คนชั่ว พามันออกไป!!” ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง แววตาก็มีแต่ความอาฆาตร้าย ก่อนที่จะหันไปคว้าของที่อยู่ใกล้ตัวปาใส่

                เพียงตะวันถึงกับตกใจ หน้าซีด ยืนทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงต้องแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เธอ แล้วที่พูดนั้นหมายความว่าอย่างไร หรือว่านี่จะเป็นต้นเหตุที่ทำให้สองตระกูลบาดหมางกัน           

                “ฉันบอกให้พามันออกไป ออกไป!!”

                ฝ่ายรามที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ไม่ได้ปัดป้องสิ่งของเหล่านั้น เขาจงใจจะไม่ปัด มุมปากถูกยกสูงเมื่อได้เห็นท่าทีที่หวาดกลัวของอีกฝ่าย และในที่สุดเขาก็ได้เห็นสิ่งที่อยากจะเห็นมากที่สุด

                ฝ่ายเพียงตะวันก็กลัวจนกลั้นน้ำตาไหวไม่อยู่ และพยายามเบี่ยงตัวหลบข้าวของที่ชายชราคนนี้ปามา แต่ทว่าก็ไม่พ้น ของชิ้นสุดท้ายที่หลุดอกมาจากฝ่ามือเหยี่ยวย่นกระแทกเข้าอย่างจังกับศีรษะทุย เจ้าหล่อนร้องลั่นด้วยความเจ็บ

                “โอ๊ย!!”

                ฝ่ายรามิลที่ได้ยินเสียงเอ๊ะอะโวยวายดังมากห้องของบิดาของตน ก็ก้าวขายาวๆ ตรงไป เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ก็ต้องเบิกตากว้างเพราะมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกสะใภ้ป้ายแดงนั้นร้องเสียงหลง โดนกล่องเหล็กขนาดเล็กกระแทกที่ศีรษะ พลันรีบร้องห้ามเสียงดังลั่นเมื่อเห็นไปต้นเรื่องกำลังจะหยิบของใส่ตัวปาไปอีกครั้ง “คุณพ่อครับ หยุดเถอะครับ จะทำอะไรครับ” รีบเข้าไปแย่งของจากมือของราเชน พร้อมกับหันไปตะวาดลูกชายลั่นที่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร ทั้งๆที่เมียตัวเองกำลังโดนทำร้าย

                “ไอ้ราม ทำไมแกไม่ห้ามคุณปู่ ปล่อยให้ปู่แกทำร้ายเมียแกทำไม”

                เมื่อเห็นรามนิ่ง รามิลถึงกับกัดฟันอย่างโมโห และเริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคิด เพราะแววตามันช่างบ่งบอกถึงความคิดได้เป็นอย่างนี้ ตกลงแล้วนี่ลูกชายเขาลวงหลอกให้ลูกสะใภ้รักเพื่อหวังจะแก้แค้นใช่ไหม ก่อนที่จะรีบหันไปสั่งให้แม่บ้านรีบพาลูกสะใภ้ไปทำแผล “ช้อย พาคุณเพียงตะวันออกไปทำแผลก่อน”

                “ค่ะคุณรามิล” แม่บ้านวัยสี่สิบเศษเอ่ยรับเสียงสั่นๆ ยังไม่คลายความตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็น ก่อนที่จะรีบเข้าไปช่วยพยุงคนเจ็บ

                ฝ่ายเพียงตะวันก็ปรายตามามองสามีที่ยืนนิ่ง หัวใจดวงน้อยเจ็บระบม เพราะไม่มีทีท่าว่าเขาจะห่วงใยหล่อนเลยสักนิด แถมแววตาก็เต็มไปด้วยความสะใจ น้ำตาใสที่เหือดหายไปกำลังจะเอ่อล้นอีกครั้ง

                “ไปค่ะคุณเพียงตะวัน เดี๋ยวช้อยจะพาไปทำแผลนะคะ” 

                ทันทีที่เพียงตะวันเดินพ้นจากห้องไปแล้ว ราเชนก็ร้องถามหลายชายด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังทันที

                “เจ้ารามแกไม่รักปู่แล้วใช่ไหม แกถึงไปแต่งงานกับคนบ้านนั้น แกไม่เชื่อฟังปู่ แกรักมันลงไปได้ไง แกลืมแล้วหรือว่าปู่ของนางนี่มันเป็นคนฆ่าย่าของแก แถมมันยังโกงบริษัทของเราไป แกลืมไปแล้วหรือไง”

                “ผมไม่เคยลืมครับคุณปู่ ผมกำลังจะแก้แค้นให้กับคุณย่า และผมก็จะเอาบริษัทของเราคืนมา” ใบหน้าเรียบตึง แววตานั้นเต็มไปด้วยความเครียดแค้น สอมือก็กำเข้าหากันแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตระกูลนั้นได้ทำวั้บตระกูลของตน

                “เจ้าราม ทำไมแกทำแบบนี้ แกไม่สงสารหนูเพียงเขาหรือไง เขามีความผิดอะไร แกถึงคิดจะทำให้เขาเจ็บ พ่อไม่น่ายอมให้แกแต่งงานกับหนูเพียงเลย แก…” ไม่ทันที่รามิลจะเอ่ยต่อจนจบว่า ราเชนก็พูดเสียงเหี้ยมขัดขึ้นมาเสียก่อน

                “ทำไม หลานฉันจะทำไม่ได้ ดีแล้วเจ้าราม แก้แค้นแทนปู่ที เอาให้มันกระอักเลือดไปเลย” มุมปากถูกยกสูงอยางพอใจเมื่อรู้ว่าหลานชายกำลังดำเนินการแก้แค้นให้

                “โธ่คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อยังไม่เลิกจองเวรกับตระกูลนั้นเสียทีครับ คนทำก็สิ้นกรรมไปแล้ว ผมขอเถอะครับ เลิกแล้วต่อกันเถอะครับ คุณแม่จะได้ไปสบาย เรื่องบริษัทก็ไม่เห็นจะต้องไปสนนี่ครับ ผมก็สร้างมันใหม่ให้คุณพ่อแล้ว” บอกเสียงหนักใจ พลางนึกถึงผู้เป็นแม่ที่ล่วงลับไป ‘แม่ครับ ช่วยดลใจคุณพ่อให้เลิกล้มความคิดทีเถอะครับ ผมไม่อยากให้ท่านสร้างเวรสร้างกรรมไปมากกว่านี้’ เอ่ยให้ดวงวิญญาณของผู้เป็นแม่ดลใจเปลี่ยนความคิดของบิดาที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×