คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความพยายามครั้งแรก : ลอง
“สีเทียนครับ งอนอะไรพี่ง่า” พี่จุงกิทำเสียงงุ้งงิ้งๆข้างๆหูฉัน ฮึ คิดว่าฉันจะให้อภัยหรือไงกัน มาสายไปสองชั่วโมงเนี่ยนะ ให้ตายเถอะคะพ่อคุณ
“ถามเหรอว่าฉันงอนอะไร พี่มาเร็วไปมั้ง ฉันเลยงอน” ฉันตอบแบบประชดพร้อมทำท่าจะลุกเดินไปแต่ทว่ามือใหญ่ๆของจุงกิคว้าแขนฉันไว้แล้วดึงไปนั่งบนตักเขา
“งานพี่ยุ่งนี่ สีเทียนเข้าใจพี่หน่อยนะครับ น้าาาาาา นะนะนะ” มือของพี่จุงกิค่อยๆโอบไปที่เอวของฉัน เมื่อหน้าของพี่จุงกิเริ่มเข้ามาใกล้ก็รู้สึกลมหายใจร้อนๆข้างๆแก้ม
แผล็บ แผล็บ
ร้อนอย่างเดียวไม่พอสินะ เปียกอีกด้วย ฉันเอามือเช็ดน้ำลายของโฮมมี่ หมาน้อยน่ารักตัวอืดอ้วนที่มาเลียหน้าฉันยังกะว่ามีเห็ดงอกออกมาจากหน้าเพื่อเป็นอาหารให้เจ้าโฮมมี่ยังไงยังงั้น ฉันค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นบ้านเย็นๆที่ฉันมานอนแผ่หนีอากาศหน้าร้อนพร้อมหมอนข้างสวมหน้ากากพี่จุงกิของฉัน >w< อุตส่ามโนเข้าขั้นสูงเกือบสุดแล้วเชียว อีกนิดเดียวแท้ๆฉันจะได้จูบกับพี่จุงกิแล้วแต่ถ้าขืนนอนหลับตามโนไปต่ออีกนิดสิวฉันคงผุดออกมาเนื่องจากน้ำลายที่มากเกินไปของเจ้าโฮมมี่เนี่ยแหละ เยอะไม่พอนะไหลเข้าปากฉันอีก เพราะงั้นฉันเลยรีบไปแปรงฟังโดยด่วนจี๋
ฉันพิงหมอนข้างพี่จุงกิไว้หน้าห้องน้ำก่อนเข้ามาเช็คสภาพใบหน้าตัวเอง เปียกตั้งแต่แก้มซ้ายยันหูขวาเชียว ฉันค่อยๆหยิบแปรงสีเหลืองที่ไม่ได้เหลืองเพราะขี้ (จริงๆคะ มันเหลืองเพราะสีประจำวงโอป้าต่างหาก><) มากระซวกเข้าไปในปาก ปากต้องหอมเพื่อรอพี่จุงกิมาจุมพิตเสมอ เหอๆ หลังจากจัดการหน้าตาให้เรียบร้อยฉันก็ลากหมอนข้างพี่จุงกิเข้าอาณาจักรน้อยๆของฉัน เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่เจอคือโต๊ะคอมที่เต็มไปด้วยสิ่งของสีเหลืองอร่าม >^< ตุ๊กตาโอป้าทั้งห้าคนวางเรียนกันไว้ข้างเครื่องพิมพ์ ข้างฝาผนังมีโปสเตอร์แปะไว้จนไม่เหลือที่ให้มองออกเลยว่าแต่เดิมผนังที่มีเป็นสีอะไร (ฉันแปะโปสเตอร์ขนาดบิ๊กเบิ้มสั่งพิเศษจากร้านแปะเต็มไว้ฝั่งหนึ่งส่วนอีกฝั่งเป็นโปสเตอร์ยิบย่อยที่ได้จากงานคอนและอัลบั้ม) ชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยโฟโต้บุ๊คและกล่องซีดี ทั้งอัลบั้ม ผลงานการแสดง บันทึกการแสดงสด รายการเกมโชว์ที่โอป้าไปออกถูกยัดรวมไว้ที่ตู้หนังสือสีเหลืองใหญ่ๆ ชั้นวางของข้างเตียงเต็มไปด้วยอุปกรณ์เชียร์ แท่นไฟ ผ้าเชียร์ ใต้เตียงคือป้ายโปรเจ็คที่ทำตอนไปรับที่สนามบินเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นี่แหละคะ อาณาจักรแห่งความสุขของฉัน
ลืมแนะนำตัวไปนิด ฉันชื่อสีเทียนคะ เฌอนารี นันทปภากร อยู่ม.6 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ถวายตัวเข้าเป็นแฟนคลับของวง Frenemy ซึ่งมีฐานแฟนคลับชื่อว่า Girl Friend วงนี้เป็นวงดนตรีของเกาหลี เดบิวต์มาได้เกือบ7ปีแล้วคะ ตอนนี้ฉันเป็นแอดมินของจุงกิแฟนเบส วงนี้มีลีดเดอร์ที่เล่นกีต้าร์ชื่อลี ซุนยอง กีตาร์อีกคนคือลี กวางกยู มือเบสคือคิม ดงซอน มือกลองคือ ซง มินซู ส่วนนักร้องนำคือชเว จุงกิที่รักของฉันนี่แหละค่า
ฉันกลับมานั่งประจำที่หน้าคอมพร้อมเปิดเข้าทวิตเตอร์เพื่ออัปเดตข่าวสารตามปกติ วันนี้มีคนเมนชั่นมาเรื่องออดิชั่นเยอะอยู่ คงเพราะบริษัท GT. Entertainment ค่ายที่ Frenemy อยู่ประกาศเปิดออดิชั่นที่ประเทศไทย หัวข้อเมนชั่นเลยค่อนข้างร้อนแรง ส่วนใหญ่ก็เป็นการถามข้อมูลการสมัครและข้อมูลเดินทางไปออดิชั่น ฉันค่อยๆทยอยตอบเมนชั่นไปเรื่อยๆตามกิจชีวิตประจำวันเสาร์อาทิตย์ฉัน
ครืดดดด ครืดดดดด
“อ่อ ไงไอ้เป็ด” ฉันตอบสายปลายทางที่โทรเข้ามา
“ไอ่ไก่ มันมีออดิชั่นของค่ายจีที แกไม่สมัครเหรอวะ” เป็ดหรือปลายฟ้ายิงคำถามใส่ ยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทฉันเองและมันเป็นแฟนคลับวงอื่น แต่เคมีเราเผอิญเข้ากัน ฮิๆ
“แหม่แก แกคิดว่าฉันกล้ามะ คนก็เยอะ เสียงก็เน่า หน้าตาก็เข้าวัดแล้วผีกลัว...”
“แกยังไม่ลองนี่ ลองก่อนหน่า ถ้าแกฟลุ๊คผ่านนี่ จุงกิเลยนะโว๊ยยยยยย” ปลายฟ้าทำเสียงตื่นเต้น ที่จริงฉันก็คิดนะ แต่เสียงและหน้ากับท่าทางฉันนี่ไม่ให้เลย ไปก็ไปทำขายหน้าซะป่าว
“แกพูดได้นี่ แกมันมั่นใจไปหมดทุกอย่าง”
“แกก็ลองมั่นใจมั่งดิ ไม่ได้ครั้งนี้ก็ช่างปะไร โอกาสมีไว้ให้ลองหยิบมาใช้ไม่ใช่ให้มันอัดแก๊สแล้วลอยไปกับลูกโป่งเฉยๆนะ” ปลายฟ้าบ่นยาว อันที่จริงฉันก็เถียงไม่ค่อยได้หรอก เพราะเถียงไปก็ไม่ได้อะไรกับความจริง แต่ใจฉันก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ
“ฉันจะเขียนชื่อแกสมัครไปก่อนแล้วแกคิดไงค่อยตัดสินใจอีกที หวังว่าแกจะเลือกทางที่ดีกว่านะ” ปลายฟ้าพูดจบก็วางสายไปเลย นี่ตกลงโทรมาเพื่ออะไรครับพี่
ฉันละสายตาจากคอมแล้วลุกขึ้นเดินไปที่เตียง ในหัวคิดวนไปวนมากับเรื่องที่ปลายฟ้าพูด ฉันไม่กล้าจริงๆนะ เพราะรูปลักษณ์ เพราะความสามารถ แต่ถ้าฉันทำได้ก็หมายความว่าพี่จุงกิก็จะไม่ใช่มโนอีกต่อไป...
ความคิดเรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด คงเป็นเพราะฉันคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เป็นคนออกแนวจับฉ่าย ทำได้เหมือนจะดี แต่มันก็ดีไม่สดสักอย่าง ความกล้าก็ไม่ค่อยจะมีแต่ความฝันจริงๆที่ถูกความกล้าปิดไว้คือนักร้อง ฉันอยากเป็นมากเลยนะนักร้องเนี่ย แต่ทำไงได้หละ ความอายกับความกลัวมันบังความฝันไว้หมดเลย ที่ผ่านๆมาเคยฮึดสู้บ้างแต่ก็ล่มปากอ่าวตั้งแต่ไม่กล้าคลิกส่งใบสมัคร ความคิดที่มันพุ่งขึ้นมามันคอยจะตอกย้ำฉันอยู่เรื่อย การคิดวนไปวนมาทำให้ฉันกระสับกระส่ายแต่ด้วยความคิดที่มากเกินไป ตาของฉันก็ค่อยๆหนักขึ้นและปิดไปในที่สุด
สุดท้ายตอนนี้ฉันก็ยืนกำสำเนาบัตรประชาชนมายืนอยู่หน้าสถานที่ออดิชั่นจนได้ สามอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันคิดทบทวนไปหลายตลบ (ตลบจนหัวปูด เหตุจากตีลังกาคิดแล้วหัวฟาด) เหมือนปลายฟ้ามันจะดันเราเต็มที่ ขวนชวายสารพัดเพลงปลุกใจของเฟรเนมี่ (Frenemy) มากรอกหูฉัน "ยิ่งโตความฝันยิ่งเล็ก" ประโยคนี้ในเพลงStar ดังก้องอยู่ในหู ประโยคนี้ทำให้ฉันมายืนกำสำเนาจนเปื่อยตอนนี้ !
"น้องคะ มาสมัครใช่ไหมคะ" พี่พนังงานที่โต๊ะด้านหน้าถาม ขนากคนรับสมัครยังสวยกว่าฉันเลย TT^TTให้ตายสิ
"อ่า คะ สมัครออนไลน์ไว้แล้วคะ" ฉันพูดก่อนยื่นสำเนาบัตรปชช.ให้ พี่เค้ารับไปคีย์ข้อมูลก่อนยื่นสติ๊คเกอร์หมายเลข44กลมๆไว้ให้
"ตอนนี้หมายเลข35-40แล้วนะคะ น้องมาทันแบบฉิวเฉียดเลยนะ รีบไปรอที่แถวได้เลยคะ"พี่สาวคนสวยชี้มือไปทางประตูเล็กที่มีคนต่อแถวยาวเหยียด แต่ก็ไม่น่าเรียกว่าต่อแถวเท่าไร ประมาณนั่งรอตามเลขมากกว่า ฉันเดินไปได้ไม่ทันสองก้าวประตูบานเล็กๆก็เปิดออกมา
"หมายเลข40-45ครับ"เสียงเรียบๆของผู้ชายที่เปิดประตูมันบาดลึกไปถึงจิตใจยิ่งกว่าเสียงโดนบอกเลิกซะอีก -0-:; ฉันค่อยๆก้าวตรงไป ขานี่สั่นแหง็ก ฉี่ราดได้คงทำไปแล้ว นิ่งไว้ไอ่เทียน นิ่งไว้
ฉันค่อยๆเดินไปยังประตูพิพากษาบานนั้น เมื่อเข้าไปข้างในฉันสัมผัสได้กับบรรยากาศที่ตึงเครียดสุดๆ ฉันค่อยๆนั่งตามที่เก้าอี้ที่เรียงเอาไว้ เพื่อคอยดูคนที่เข้ามาก่อนหน้า
"Hello everyone I'm Alis Alisma Reeves 19 years old. About my ability I can speak Thai English and Korea. Today I'll sing a song and dance. (สวัสดีคะ ฉันชื่ออลิส อลิสมา รีเวส อายุ19ปีคะ ความสามารถพิเศษคือฉันสามารถพูดภาษาอังกฤษ ไทย เกาหลีคะ วันนี้ฉันจะมาร้องเพลงกับเต้นคะ)" อลิสสาวน้อยหน้าเกาหลี ตามสมัยนิยมตอนนี้พูดขึ้น ผิวขาวขาเรียวแบบนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับผิวแทนขาสั้นอย่างฉัน แถมยังพูดได้หลายภาษากล้าแสดงออกอีก
"Do you want to build a snow man ------ " อลิสร้องเพลงประกอบอนิเมชั่นไปเรื่อยๆ เสียงอย่างงี้ต้องเรียนร้องเพลงมาแน่นอน ฉันนั่งดูการแสดงของเธอไปเงียบๆ กรรมการก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งเธอเริ่มเต้นและจบการแสดง กรรมการก็เขียนยิกๆใส่กระดาษ เธอกล่าวขอบคุณแล้วเดินกลับมาหยิบกระเป๋าที่เก้าอี้ใกล้ๆฉันนั่ง พอสายตาสบกันฉันเลยยิ้มให้เป็นนัยๆว่า สุดยอดไปเลย
"ฮึ" =[]= นี่คือเสียงที่ยัยอลิสผีบ้า (ขออนุญาตเปลี่ยนสรรพนาม) ตอบกลับมายังฉันคะ สายตาดูถูกนั่นมันอาร๊ายยยยยยย
"H Hello My name is Som. I'm16years old. today I'll sing... (สะ สวัสดีคะ ฉันส้มคะ อายุ16ปี ฉันจะมาร้องคะ...)" ผู้หญิงคนต่อไปค่อยๆพูด ดูเหมือนเธอเพิ่งผ่านม.ต้นมาได้ไม่นาน (ดูได้จากอายุ) เธอก็ร้องเพลงไปตามเรื่องคนต่อไปเป็นผู้ชายที่ชื่ออิ๊งค์และหิ้วกีต้าร์มาตัวหนึ่ง อีกคนคือผู้หญิงที่เต้นเก่งสุดๆคนหนึ่งและในที่สุดมันก็ถึงเวลาฉันรับกรรม
"Good noon First I would like to introduce myself I'm Chernaree Nuntapakorn or you can call me See-tian. This year I'm 18 years old. and I'll sing a song last one thank you so much for give this oppotunity to me. (สวัสดีคะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวนะคะ ฉันเฌอนารี นันทปภานัน หรือสีเทียน ปีนี้ฉันอายุ18 ฉันจะมาร้องเพลง สุดท้ายนี้ขอบคุณที่มอบโอกาสนี้แก่ฉันนะคะ)" เห็นฉันงี้ฉันก็พูดอังกฤษได้นะคะ ข้อดีของรร.เอกชนละมั้ง หลังจากพูดจบฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเริ่มร้องเพลง
"Well open up your mind and see like me"ยังไม่ทันร้องจบท่อนแรกกรรมการคนที่สองจากด้านขวาพิกัดที่445ของห้องก็ยกมือขึ้น
"Can you play the guitar?" นางถามฉันพลางชี้ไปที่กีต้าร์ของผู้ชายที่เคยเล่นมาก่อน ความจริงฉันก็เล่นได้นะแต่ไม่แม่นอะ เล่นไปแล้วแป้กนี่มันน่าอาย สุดท้ายฉันเลยส่ายหัวเบาๆ กรรมการก็เงียบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเหมือนเดิมจนฉันร้องจบทุกคนก็นิ่งเหมือนเดิม กระทั่งออกไปนอกห้องทุกคนก็เงียบ - - นี่ฉันยังมีตัวตนป่าวเนี่ย
"ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันว่าฉันได้แน่นอน มีแต่พวกหน้าโง่ ไม่ได้ดูหน้าตัวเองก่อนมาสมัครทั้งนั้นแหละ ... ฉันพูดดังไปเหรอ แถวนี้ไม่มีใครหรอก เออๆไว้กลับไปเลี้ยงกัน เออแค่นี้แหละ"เสียงแหลมๆลอยเข้าโสตประสาทหูฉันทันทีที่เดินออกไปประตูทางออกได้สามก้าว เจ้าตัวที่คุยโทรศัพท์เสร็จหันหลังมาบ๊ะกับฉันพอดี แม่อลิสผีบ้าทำหน้าเบื่อๆก่อนจะเผยอปากพูดขึ้น
"Sorry นะคะที่พูดเสียงดังไปหน่อย พอดีคิดว่าคนมีมารยาทพอที่จะไม่แอบฟังแบบนี้คะ"กรีดกรายเสร็จแม่นี้ก็เดินไปก่อนที่จะได้ยินฉันพูด
"F***ing B***h"
วันนี้ประกาศผลบ่ายสาม ถึงรู้ว่าตัวเองไม่ติดแต่ก็ยังคงแอบหวังรอโทรศัพท์กับรอหน้าเว็บอัพเดต ฉันไม่ได้ไม่เสียใจเท่ายัยอลิสผีบ้านั่นได้ ถ้ายัยนั่นได้ฉันคงเอาน้ำกรดไปสาดกรรมการแล้วหละ (เล่นคะ-..-) อีก15นาทีหน้าเว็บจะอัพเดต ส่วนคนเตรียมเช็คก็คือปลายฟ้าที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆฉัน แต่ระหว่างรอยัยนั่นก็เล่นทวิตไปส่วนฉันก็เปิดไอจีที่รักส่องเรื่อย
"เทียนนนนน มันไม่เห็นอัพเลยอะหน้าเว็บ แกดูวันถูกจริงๆนะ" ปลายฟ้าถามขึ้นฉันเลยหันไปมองนาฬิกา นี่ป่านมาแล้ว20นาที มันคงจะมีอะไรผิดปกติ
"แกรัวรีเฟรซไป เผื่อหน้าเว็บมันไม่อัพ"ฉันพูดด้วยใจตุ๊บๆต่อมๆ และก็เกือบจะหยุดหายใจเมื่อตอนี่ปลายฟ้ากรี๊ด
"กรี๊ดหาพ่....................." ฉันตวาดกลับด้วยความตกใจ
"เเหะๆโทษที มันประกาศแล้วอะ คนที่ได้ไปเกาหลีคือ..."ปลายฟ้าจ้องไปที่หน้าคอม ใจฉันก็ภาวนาให้เป็นชื่อฉัน
"อลิส ใครอะแกคนที่ชื่ออลิส วันแข่งแกเห็นปะ ภาพสวยดีอะ"เหมือนกับฟ้าผ่าลงกลางใจแถมด้วยไต้ฝุ่นอีกสามลูกเหวี่ยงรถมาอัดทับ อลิสงั้นเร๊อะ ฉันรีบไปที่หน้าคอมเพื่ออ่านให้แน่ชัด
'ผู้ได้โอกาสไปฝึกที่เกาหลีคือ อลิสหมายเลข41
- อลิสขอบคุณทุกแรงใจที่ทำให้อลิสได้มาถึงวันนี้นะคะ อลิสจะพยายามเต็มที่เพื่อเดบิวต์ให้ได้เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ แล้วก็คนที่อลิสเจอหลังจากออดิชั่นวันนั้นหวังว่าจะไม่เสียใจนะคะ ระดับถ้าไม่ถึงก็อย่าเพิ่งมาเลยคะฝึกให้ชัวร์แบบอลิสก่อน -
กราบเรียนผู้เป็นที่รักทุกท่าน สีเทียนคนนี้กำลังจะไหม้เป็นจุลแล้วคะ ยัยอลิสผีบ้า ระดับไม่ถึงงั้นเหรอแกตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
"เทียนนน หมอนฉันเว้ย อ๊ายยยยยยยยยยย เดี๊ยวขาด!!!"
ความคิดเห็น