ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Zeagelw oF MaNa ~ พลังของข้าคือ มาน่า ~

    ลำดับตอนที่ #1 : นาทีที่ 0 : การสิ้นสุดของสงคราม

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 48




                                                                                                       < The Zeagelw oF MaNa >



                                                                                                              ~ พลังของข้าคือ มาน่า ~



                                                                                            The Dark Warrori Of The Light Wizard



                  ในดินแดนลึกลับที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่ๆซึ้งมีทั้งเทพและมนุษย์ หรือแม้กระทั่งปีศาจอาศัยอยู่รวมกัน

    เทพทั้งเก้า ที่ทำหน้าที่ต่างกัน ต่างทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อโลกของพวกเขาที่สามารถ แต่แล้วคนสนิทของเทพโลกิที่เป็นคน เหย่อหยิ่ง ประจบสอพอ ต่างๆนาๆ ต่างยุแหย่โลกิต่างๆนาๆ จนมีเรื่องวุ่นๆตามมาไม่สิ้นสุด แต่โลกิก็คิดได้ทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดวัน “แร็คน่าร็อค” เขาก็ได้เนรเทศคนสนิทเพราะเห็นว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและมีผลงานไม่น้อย

    และกังขังเขาไว้ที่หุบเขา “ซานาเซต้า” ที่อยู่อาศัยของเหล่าวิญญาณและทูตพี่ที่เลวร้ายมาอยู่ภายใต้การควบคุม

    ของเทพ เฮล



    เมื่อไปถึง เฮล ซึ้งเห็นแววว่าเจ้าทูตคนนี้มีรัศมีชั่วร้ายอยู่เต็มไปหมดจึงเอ่ยปากถามนามของทูตผมเงินอมม่วงอ่อนคนนั้นซึ้งมีใบหน้าอ่อนเยาว์และผิวขาวซืด

    ตอนที่ได้ยินดังนั้น ไม่ทันไรเทพเฮล ก็อึ้งไปกับนามนั้นที่กล่าวออกมา “แฟนธอม รูซิเฟอร์”

    เฮลซึ้งรู้ถึงภัยอันตรายในตัวเขาที่กำลังเพิ่มพูมอย่างรวดเร็วในตอนที่เขาย้ายมาทำงานในหุบเขาแห่งนี้

    ก็ส่งข่าวบอกเทพอีกแปดองค์ แต่แล้วเฮลก็มีงานด่วนที่นรกกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น จึงให้แฟนธอมดูแลที่นี่ไปก่อนเพราะคิดว่าคงยังไม่คิดอะไรชั่วร้ายมากมานในวันเดียว เพราะเฮลมีความสามารถจัดการปัญหาได้รวดเร็วในการตัดสินคดีของเล่าคนชั่วที่ตกลงนรก



    แต่แล้วความเลวร้ายที่ไม่คาดคิดของเทพทั้งเก้าก็บังเกิดขึ้น แฟนธอมใช้พลังตนเองควบคุมกองทัพปีศาจในหุบเขา ซานาเซต้า

    ทำลายผนึกป้องกัน และออกรวบรวมเล่าปีศาจและมารร้ายจากทั่วสารทิศ มนุษย์ถูกฆ่าล้มตายกันอย่างรวดเร็ว ทูตสวรรค์ต่างๆนำกำลังกันมาหยุดยั้งมันไว้ได้ แต่ก็เจอแผนซ้อนแผนเมื่อเฮลออกมาลุยด้วยจึงไม่มีใครที่มีอำนาจพอที่จะคุ้มกันกองทัพปีศาจที่คราวนี่นำทัพมาโดยแฟนธอมบุกฟาลงนรกช่วยเล่าวิญญาณและอสูรมากมายออกมา



    การตัดสินใจของเทพผิดไปหมด แฟนธอมคือตัวอันตรายที่จะก่อให้เกิดวันสิ้นโลกหรือวันพิพากษา

    เล่ายักษ์ที่ตัวสูงกว่าบ้านช่องของมนุษย์นับสิบเท่าต่างออกมากวัดเกว่งกระบองยักษ์ใส่เมืองอย่างเมามัน เมื่อการตัดสินใจที่เป็นเงื่อนไขสุดท้ายของเล่าเทพทั้งเก้าเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดวันพิพากษา จึงมอบพลังแก่เหล่ามวลมนุษย์ ซึ้งก็คือผลไม้จากสวรรค์ “มานา” เป็นเมล็ดที่เพิ่มความสามารถให้แก่มนุษย์ เช่นพลังวิเศษต่างๆ เวทย์มนต์ หรือแม้กระทั่งพลังกายที่เพิ่มขึ้น



    เมื่อมนุษย์มีหนทางในการป้องกันตัวเองก็ร่วมต่อสู้กับเทพทั้งเก้าด้วย การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป

    เมื่อเทพทั้งเก้าถูกสังหารจนเหลือแค่ ห้าองค์ ได้แก่ เทพเฮล เทพโลกิ เทพโอดีน เทพเฮมดัลและเทพทอร์ โดยแฟนธอม



    เมื่อการต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี แฟนธอมก็ได้ส่งกองทัพอสูรกายบุกเข้ากระแทกกับเหล่าเทพอย่างรุนแรง

    ส่วนฝั่งมนุษย์ซึ้งตั้งฐานต่อสู้กับเหล่ายักษ์และปีศาจ



    เมื่อเทพเฮมดัลตัดสิ้นใจเป่าแตรเขาสัตว์ ค้นหาผู้กล้าร้อยคนบุกตะลุยฟากองทัพปีศาจไปที่ “เฮลเฮม” บ้านของเทพเฮลที่ตอนนี้ถูกแฟนธอมยึดเอาไว้ และกองทัพผู้กล้าที่มีร้อยกว่าคน เมื่อมาอยู่ตรงหน้าทางเข้าปราสาทเฮลเฮม ก็เหลือแค่สิบคนเท่านั้น โดยมีเทพเฮมดัลนำทีม

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    วาสก้า! เน่เซ้ย์! ราโบเน่! นาส! เอลว์เน่! ไปเลย!!~



        เสียงของเทพเฮมดัลที่ใส่ชุดเกาะสีเหล็กที่แปดเปื้อนเลือดนาๆสีและผ้าคลุมสีแดงที่ขาดลุ่งลิ้ง กำลังใช้ดาบหยกเรียวยาวประทะกับออร์คที่มีขนานล่ำสันกว่าเขาใช้ขวานปะทะกับเขาอยู่



    “แต่ว่า พวกท่านละ!” หนุ่มผมสีส้มอ่อนนาม ราโบเน่ ที่อยู่กับเพื่อนของเขาที่เดินขึ้นมาบนบันไดสีแดงขอบทองที่ทอดยาวลงมาซึ้งข้างหน้าก็คือห้องโถงใหญ่ของปราสาทชั้นสุดท้าย

    “ข้ากับคนที่เหลือจะต้านพวกมันเอาไว้เอง! ย้าก!! เร็วเข้าสิ!!~” เทพเฮมดัลพูดและปัดขวานของออร์คตัวนั้นขึ้นและใช้มือซ้ายไปหยิบแตรเขาสัตว์ปาดคอของมัน ทำให้เลือดสีเขียวของมันพุ่งสาดใส่ใบหน้าของเขา

    “เร็วๆเข้าเถอะ เจ้ามนุษย์!” หญิงสาวเอวฟ์ผมบลอนยาวที่อยู่หน้าบันไดใช้ธนูวิเศษยิงใส่ศัตรูตรงหน้าอย่างแม่นยำและรวดเร็ว พูดแบบไม่มองมาที่นักรบหนุ่ม



    “เจ้าบ้าเอ้ย!!” หนุ่มผมแดงวัยเดียวกัน กระชากชุดเกราะเขาให้หันมาจ้องตากันนามว่า นาส

    “ถ้าจัดการแฟนธอมได้มันก็จบแล้ว!!” นาสพูดอย่างใส่อารมณ์รุนแรงและจ้องหน้าเขา “อยากให้พวกพ้องของเราตายอย่างไร้ค่าเหรอ!!”

    “ฉัน....  เข้าใจแล้ว...” นาสค่อยๆปล่อยมือจากราโบเน่ที่เบนหน้าหลบสายตาของนาสที่เป็นสีทองอย่างสลดตอบ



    และนักรบทั้งห้าก็วิ่งขึ้นบันไดอย่างไม่หันหลังกลับมามองพวกของตนอีก



    “ทำได้ดีมากเลย...นาส” เทพเฮมดัลพูดขณะที่ทีบปีศาจที่มีหนังย่นๆตัวเท้าและลิ้นอันยาวแลบออกมาให้กระเด็นออกจากทางเดิน และกระโดถอยกลับมาหาพวกที่อยู่ด้านหลังและนักรบที่ใช้หอกอีกสองคนเมื่อฟันอสูรค้างคาวตายไปก็วิ่งเข้าไปแทนตำแหน่งของเทพเฮมดัลอย่างรู้งาน



    แสงสว่างที่หลับไหลในตัวของข้า จงเป็นพลังแก่ข้า... ไลท์เนเซอร์!!



    ตูม!!



    เมื่อการท่องมนต์ของเทพเฮมดัลสิ้นเสียงเขาก็แบมือไปที่บันไดและมีแสงพุ่งเข้าทำลายบันไดที่สูงชันก็พังโครมลงมาจนสามารถขึ้นไปข้างบนได้อีก



    “เอาละ...ลุยละนะหัวหน้า  ย้าก!!!!” นักรบผมสั้นสีดำผิวแทนหนึ่งในสองที่ใช้หอกวิ่งเข้าไปพูดและใช้ปลายด้านตรงไม้กระแทกไปที่ลำตัวออร์คจนมันเอนตัวลงมาและปลายเหล็กแหลมของหอกก็สว่างวาบขึ้นมาฟันผ่าหัวของมันจนกลายเป็นร่างอันไร้วิญญาณนอนกองทับกับศพอื่นๆ



    พวกเรา...สู้ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!~~~~~~~~~~~~~~…………………….



    และเหล่านักรบที่ต้านทานสมุนของแฟนธอมที่ไล่ตามหลังมาก็วิ่งสู้ตายกับพวกมัน



    ครืน~~ ครืน!!~~~



    เสียงฟ้าร้องดังอย่างคึกคะนองในเมฆสีดำทมิฬที่ปกคลุมไปทั่วโลก เหล่าเทพและมนุษย์ต่างๆเริ่มตีกองทัพของแฟนธอมได้แล้ว แต่มันก็ยากเอาการเหมือนกัน เพราะต้องเสียชีวิตของเหล่านักรบมากมายไป



        กลุ่มของพวกนาสที่ในทีมก็มีนักรบดาบสองคนนั้นก็คือเขาและราโบเน่ จอมหอกหนึ่งคนคือเน่เซ้ย์

    นักธนูหญิงสองคนซึ้งมีมนุษย์และเทพสาวซึ้งเป็นแฟนของนาสอีกต่างหาก คือวาสก้าและเอลว์เน่ ทั้งหมดวิ่งมาจนถึงหน้าทางเขาที่มีประตูไม้หนาขนานใหญ่ปิดอยู่ซึ้งเป็นทางเข้าห้องโถงของชั้นสุดท้าย



    “เน่เซ้ย์ ใช้อาวุธของเจ้าทำร้ายมันได้ไหม” วาสก้าหันไปถามมนุษย์รูปร่างล้ำใหญ่ผมตั้งสีดำ ตาตี่กับชุดเสื้อที่ไม่มากมายนักที่อยู่ข้างๆของเธอ

    “น่าจะนะ”เขาพูดและยิ้มให้ ก่อนที่จะยกหอกสิงขาวของเขาขึ้นมาตั้งการ์จด้านบนและใช้ปลายหอกชี้มาหาประตู



    วินดี้ไมค์!!



    เขาใช้มือที่จับปลายด้านหลังดัน ให้หอกพุ่งไปข้างหน้าและลมมหาศาลที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อการพุ่งหอกของเขาเสร็จสิ้นเกิดเป็นแรงอัดมหาศาล อัดประตูจนเละ พร้อมกับปีศาจต่างๆนาๆที่อยู่ในระนาบเดียวกันปลิวไถรไปกับโต๊ะกินข้าวยาวเหยียดไปติดประตูเหล็กตายคาที่ไม่ก็ปลิวล่นไปนอกหน้าต่าง และในนั้นมีกองทัพปีศาจสองกองและสามยมทูตที่ขายวิญญาณให้กับแฟนธอม ยืนกอดอกในใต้ผ้าคลุมดำอยู่ที่ด้านประตูเหล็กบานสุดท้ายซึ้งข้างในนั้นก็คือ ที่ๆแฟนธอมอยู่นั้นเอง



    “ลุยกันเลย...”



    โอ้!!!!!



    และแล้วการฟาดฟันของนักรบก็เกิดขึ้น นาสและราโบเน่ชักดาบเรียวยาวของตนที่สลักอักษรศักสิทธิ์ซึ้งเป็นดาบที่เทพโลกิสร้างและโยนมอบให้แก่ผู้มีพลังมานากล้าแกร่ง สองสาวกระโจนยิงธนูอย่างรวดเร็วเข้าจุดตายของพวกมันอย่างรวดเร็ว

    เน่เซ้ย์ใช้หอกรับหน้าที่กับอสูรกายขนานใหญ่ด้วยหน้าที่อันหนักอึ้งเมื่อถูกอาวุธของพวกมันฟาดมาก็ต้องหลบอย่างชิวเชียวหรือไถล่ถอยไปเมื่อ ยกหอกเหล็กกล้ามาป้องกันตัว



    ในเวลาต่อมา พวกเขาก็จัดการกับกองทัพของแฟนธอมจนหมด คาบเลือดต่างๆแปดเปลื้อนลงบนร่างของนักรบทั้งห้าและร่างกายที่เหนื่อยล้าเต็มทน จนเหลือแค่สามยมทูต



    “...เน่เซ้ย์...วาสก้า...เอลว์เน่...พวกเธอสู้ได้ใช้ไหม” เสียงของนาสเอ่ยอย่างแพร่วเบาโดยที่ราโบเน่ที่ตั้งท่าอยู่ข้างหน้าคนเดียวกลับไม่ได้ยิน จนคนที่เหลือพยักหน้า...



    ไดร์เวอร์ฟรอส!!



    นาสใช้ฝ่ามืออัดพลังลมใส่ประตูเหล็กจนพลังเบนความสนใจของยมทูตทั้งสามที่มองตามประตูไป และใช้จังหวะนั้น...



    “ห้ะ!? จะทำ...เหวอ!!!” ราโบเน่ที่รู้สึกตัวว่านาสมาอยู่ข้างหลังไม่ทันจะถามเสร็จสิ้นก็ถูกทีบเข้าไปข้างในตามประตูเหล็กไปติดๆ และทีนี่ละยมทูตทั้งสามก็เริ่มลอยพุ่งมาที่ร่างของราโบเน่ที่ล้มนอนอยู่กับพื้นทันที และเรียกเคียวออกมา



    “แย่ละสิ!!” ราโบเน่พูดขณะที่รู้ตัว แต่พอเอื้อมมือไปที่ฝักของดาบก็เพิ่งรู้ว่ามันหลุดกระเด็นไปอยู่ข้างหน้าแล้ว และเป็นวาทีเดียวกันกับที่ยมทูตตนหนึ่งใช้เคียวกำลังฟันลงมากะตัดศรีษะให้ขาดจากร่างกายซะ



    เกร้ง!!~~



    วาสก้ายิงธนูมาสกัดได้ทันทำให้เคียวพุ่งเชียวหูเขาไปไม่กี่มิล



    “ราโบเน่ไปจัดการกับแฟนธอมเลย ในที่นี่พลังของนายเยอะที่สุดแล้ว!!!~~~” นาสวิ่งเข้ามาขณะที่ใช้อาคมลงบนดาบตนเองให้มีพลังศักสิทธิ์สิงสถิตอยู่ และเข้าลากยมทูตหนึ่งให้ออกห่างจากราโบเน่ ตามด้วยหอกแสงของเน่เซ้ย์ที่ตวัดไล่ยมทูตที่ถูกวาสก้ายิงสกัดออกมาจากราโบ่เน่ และใช้กระบวนท่าต่อเนื่องกันใส่ยมทูตอย่างรวดเร็ว เอวเน่และวาสก้าต่างใช้คาถาอาคมไฟผสมกับอาวุธตนพุ่งยิงใส่ยมทูตโดยไม่หยุดพัก



    “นาส!!” ราโบเน่ร้องลั่นเมื่อเห็นนาสถูกเคียวทมิฬของยมทูตเชียวเข้าที่ท้อง



    “ไปเซ่!!!!” นาสตะคอกใส่ราโบเน่และฟาดพลังแสงใส่ยมทูตให้ถอยห่าง



        ราโบเน่ครุ่นคิดอย่างหนักใจ แต่ผลสุดท้ายเขาก็หันหลังและวิ่งตรงไปยังข้างเพื่อหาจอมปีศาจ ตนเหตุของสงคราม



    “อย่าตายซะก่อนละ!!”



    ราโบเน่วิ่งตรงมาจนสุดท้ายซึ้งมีบรไดอิฐถอยยาวขึ้นไปข้างบน และมีแสงสว่างจากเชิงเทียนตั้งอยู่ ตอนนั้นราโบเน่ไม่คิดอย่างอื่นวิ่งตรงขึ้นไปจนถึงขั้นสุดท้ายและพบกับร่างของคนๆหนึ่งยืนเอามือไคว้หันหลังให้เขาอยู่ ซึ้งมองไปที่รูปผนังยักษ์ที่อยู่หลังบังลังก์ที่ตั้งอยู่กลางห้องเกือบชิดหลังห้อง



    “มาแล้วเหรอ...เหล่ามานาทั้งหลาย....” หนุ่มผมเงินในชุดสีดำแขนยาวที่ตัดกับผิวสีขาวซีดของเขาคลุมสีดำกล่าวขณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนรูปภาพของผู้หญิงผมทองของหนึ่ง ซึ้งไม่ใช่รูป ธิดาหรือฉายา ของเฮลแต่เป็นรูปที่แฟนธอมเอามาติดไว้เอง



    “เจ้า......รู้ไหมว่าทำอะไรลงไปบ้าง...”ราโบเน่ค่อยก้าวเขามาหาหนุ่มผมเงินอมม่วงอย่างช้าๆ



    “ทำไมข้าจะไม่รู้ละ ข้าขอชมพวกเจ้านะ...ที่สามารถฝ่าทัพป้องกันปราสาทได้ แต่ก็นะมันก็ไม่น่าจะยากเย็นอะไรนักสำหรับเทพเฮมดัล...” หนุ่มผมเงินตอบซึ้งเป็นคำที่เสียดสีใจของราโบเน่เป็นอย่างมาก



    “แฟนธอม.....แก...”

    “ปาดนี้ในปราสาทคงเหลือไม่กี่คนเท่านั้นละนะ เจ็ด...ไม่สิ สี่ต่างหาก...” หนุ่มผมเงินพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท



    กรี้ดดดดดดดดดดดดด~~~~~~~~~~~~~~~  



    เสียงร้องลั่นของวาสก้าทำให้เน่เซ้ย์ราโบเน่ถึงกับหันควับ



    วาสก้า!!~~~



    “ไปตายซะ! ไอ้ผมปีศาจ!!”เน่เซ้ย์รวบรวมพลังทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ทูตที่มีวาสก้าและเอวเน่ต่อสู้อยู่ และแทงเข้าที่หลังมันจนทะลุจนถึงครึ่งของหอกเน่เซ้ย์ เสียงร้องโหยหวนของพวกมันกำลังแพ่ไปทั่วระบบการรับฟังของพวกเขาก่อนที่จะกลายเป็นไอสีดำลอยหายไป



    “วาสก้า...” เน่เซ้ย์กระโจนไปอุ้มร่างของหญิงสาวที่แขนขาดไปข้างขึ้นมาอย่างอาไรอาวอน



    เธอค่อยเอามืออีกข้างขึ้นมามาลูบใบหน้าที่มีหยดน้ำตาคลออยู่ที่ตา

    “อย่าร้องสิ..คนบ้า..” วาสก้าพูดอย่างอ่อนโยนและเหนื่อยล้าเต็มทน และทั้งคู่ก็โอบกอดกันด้วยความรัก ก่อนที่...



    ชึบ!.....ตึก..ตึก...



    หัวของทั้งคู่ขาดออกจากร่างกายที่ยังโอบกอดกันไว้อย่างแน่บแน่น



    “ไม่!!!!!!!!!!!!!  แก!!!!!!” เอวเน่ที่หลบอยู่หลังโต๊ะที่ถอดยาว ใช้ธนูแสงศักสิทธิ์ ยิงเข้าที่บนหน้าที่มืดมิดของมันโดยการปกคลุมด้วยผ้าสีดำจนมองไม่เห็ยใบหน้า อย่างจัง มันซึ้งรู้ซึ้งทรมานก็ทำเคียวปีศาจหลุมมือและกุมหัวร้องเหมือนคนเสียสติก่อนที่จางหายไป แต่แล้วในทันที เอวเน่ที่เหนื่อยล้าก็สลบลง...



    “สามซะแล้วสิ...แย่จังเนอะ...หึหึ..” แฟนธอมหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมาหาราโบเน่ที่ชัดดาบออกมาตั้งท่าพร้อมรบด้วยสายตาที่เครียดแค้น นัยษ์ตาและจมูกของเขาถูกปิดด้วยหน้ากาก แต่ก็ปิดรอยสักสีดำบางอย่างเป็นแนวตั่งที่ตาขาวลงมาถึงแก้ม แฟนธอมค่อยๆเอื้อมมือขวาอย่างช้าๆยืดไปข้างหน้า



    ฟรูม!!



    อยู่ๆก็มีดาบยักษ์สีดำทมิฬสีมีอักษรสลัดด้วยสีเงินและลูกแกว้สีม่วงอยู่ที่กลาวดาบ



    ย้ากกกกกก!!!!



    ราโบเน้วิ่งเข้าฟาดดาบอาคมเวทย์ใส่แฟนธอมซึ้งไม่ได้ยกดาบขึ้นเลยแต่หลบการโจมตี ไม่สิจะพูดว่าเหมือนเดินเล่นซะมากกว่า



    “อะไรกัน..ฝีมือมีแค่นี้เองเหรอ...หึบ!” แฟนธอมเดินไป ก้มตัวไปก่อนที่จะหันมาใช้พลังจิตกระแทกเขาที่ตัวของราโบเน่

    แต่ราโบเน่ก็ใช้ดาบมากันไว้ได้และพุ่งเข้าไปหาแฟนธอม



    เปลวเพลิงแห่งโลกิ จงมอบพลังแก่ข้า จงลุกไหม้ ไฟเยอร์!!



    เมื่อราโบเน่รายคาถาที่อยู่ในนิ้วสองนิ้วที่ตั้งชูขึ้นมาเสร็จก็ลงอาคมไฟไว้ที่ดาบจนเกิดเป็นแสงสว่างสีแดงส้มฟาดเข้าหาแฟนธอมด้วยพลังทั้งหมด



    เกร้ง!!~



    แฟนธอมยกดาบขึ้นมากันไว้ แต่ก็หนุมตัวเตะแบล็กคิก ยั้งราโบเน่ลอยออกไปพร้อมกับเปลวไฟที่ลอยออกมาจากดาบวิเศษของโลกิ



    “ราโบเน่!!!!” นาสที่วิ่งตามหลังใช้มือซ้ายกุมแผลที่ท้องโดยใชช้มือขวาถือดาบ กระโดดขึ้นมาใช้ดาบตั้งเป็นฐานดีดตัวแนวนอน และเมื่อรู้แกวกัน ราโบเน่ก็ใช้เท้ายั้งดาบของนาสเอาไว้และพุ่งเข้าไปหาแฟนธอมเป็นเหมือนพายุไฟเชียวแขนเสื้อของแฟนธอมขาดเกิดเป็นแผล



    “ต้องยังงี้สิ...ถึงจะสนุกขึ้นมาหน่อย!!” แฟนธอมที่ตอนนี้ค่อยเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากของตนโยนทิ้ง พุ่งเข้าใช้ดาบฟาดใส่ราโบเน่อย่างรุนแรง การกระทบกัรของดาบเกิดเป็นรังสีขนานใหญ่ แฟนธอมดันราโบเน่ไปจนผนังจนเกิดเป็นรอยร่างเขาแต่ก็ยังไม่วายดันเข้าไปอีก นาสวิ่งเข้ามาเงื้อจะฟันผ่าร่างของแฟนธอม แต่แฟนธอมก็มาใช้ดาบกันไว้ได้ทัน และเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาสแทน แฟนธอมควงดาบอย่างรวดเร็วฟันเข้าหานาสติดต่อกันไม่ทันได้หายใจ เกร้ง!ๆๆๆ....เสียงกระทบกันของดาบที่นาสรับดังกังวานไปทั่วทั้งปราสาท



    “ฮึๆๆ...การต่อสู้ที่พริวไหว ฮึบ! แรงดาบที่อัดเข้ามาด้วยความมั่นใจ นามของเจ้าคืออะไร?” แฟนธอมที่ยียอถามชื่อของ

    นาสกระโดดถอยออกมาจากการฟันผ่าแนวนอนเป็นเครื่องหมายลบ

    “ข้าคือ...นาส เนยอร์ช” นาสตอบไป ก่อนที่จะวิ่งลากดาบเพราะความเหนื่อยล้าตวัดขึ้นเข้าใบหน้าของแฟนธอม



    ฟรึบ!



    ปลายดาบเชียวหน้าของแฟนธอมตั้งแต่ข้างจมูกขึ้นไปเลยคิ้วอีกข้าง เลือดสีดำที่ค่อยๆลั่งออกมาเป็นทาง  ความแปลกใจของนาสพุ่งเข้าสมองเขามากมายจนทำให้ค้างอยู่ในทางตวัดดาบที่แขนเยียดตรงชูดาบขึ้นไป ตาที่ประสานกันต่างจ้องกันด้วยแววตาที่ผิดกัน



    “หึ...” แฟนธอมหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้ดาบยักษ์ของตนฟันดาบของนาสจนหลุดมือไปและทีบกระเด็นออกไป

    “นาส..นายน่าสนใจนะ.......แต่ก่อนอื่น ฉันขอกำจัดขยะ ที่ยืนหอบเป็นหมาตัวนี้ซะก่อนนะ” แฟนธอมพูดก็จะหันหลังเดินอย่างช้าๆมาหาราโบเน่ที่หายใจเสียงดัง หัวใจที่เต้นถี่รัวมาจากการสู้รบอันยาวนาน

    “ไว้เจอกันที่ศาล เฮลเฮมนะ....กู๊ดไนท์.” แฟนธอมกล่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้มแต่มันก็ดูไม่น่ารักเอาซะเลยด้วยเลือดที่ยังไม่ถูกเช็ดยังลั่งไหลอยู่ แฟนธอมยกดาบขึ้นเล็งที่จะตัดศรีษะของราโบเน่ แต่แล้วเขาก็ใช้ดาบขึ้นมากันเอาไว้ได้ก่อนที่จะล้มไปตามแรงที่ถูกฟาดและดาบที่หักเหลือส่วนดาบไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ของดาบเลย

    “ดิ้งรนจังนะ...ตายซะเถอะ!!!” แฟนธอมค่อยๆยกดาบขึ้น และเริ่มมีอารมณ์ฉุนขึ้นมาก็เบิกตากว้างมองมาที่ราโบเน่ที่กำลังเหนื่อยล้า



    ฟรึก!!!!~



    ดาบนั้นผ่าเข้าร่างตั้งแต่หัวไหล่ขวาลากลงมาถึงท้อง ด้วยความตกใจของราโบเน่และแฟนธอม...



    “ฝากดูแล..เอวเน่ ดะ..ด้วย ...นะ......”ร่างของนาสวิ่งเข้ามารับดาบของแฟนธอมไว้ ภาพสมองที่เลือนลาง สติที่ค่อยๆจะจางหายร่างกายที่อ่อนล้ากำลังจะกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ.......



    นาาาาาสส!!!!!!!!!!!!!!!~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



    ฟรูม!!!



    ดาบที่หักของราโบเน่ถูกแทนด้วยพลังเวทย์ไฟที่กลายสภาพมาเพิ่มเป็นตัวดาบ และในทันทีราโบเน่ใช้ดาบตัดหัวของแฟนธอมหลุดกระเด็นอย่างรวดเร็วและสิ้นชื่อไป พร้อมกับร่างของมันที่ล้มตัวไปอย่างช้าๆ....และก็มีควันดำออกจากร่างกายของมันลอยหายไปในอากาศ.... ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปเมื่อกี้ ก็วิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักทันที



    “เฮ้! เฮ้! อย่าตายนะนาส” ราโบเน่พูดอย่างร้อนรนเหมือนคนขาดสติ

    “บ้าน่า....นายก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...คนที่ถูกเคียวของยมทูตฝากรอยแผลเพียงน้อยนิดจะอยู่ได้อีกไม่นานตามความบาดเจ็บน่ะ.....” นาสพูด และยิ้มให้เขา

    “ไม่นะ...นายต้องไม่ตาย...” ราโบเน่เริ่มน้ำตาคลอและโศกเศร้า

    “เจ้าบ้าเอ่ย...เป็นลูกชายรึเปล่า...แล้วไหนบอกว่าจะเอาชนะฉันไงละ...”นาสพูดขณะที่เอามือลูบหัวราโบเน่ซึ้งตนเอง ก็เริ่มน้ำตาคลอเบ่าแล้วเหมือนกัน

    “ฉันขอฝาก.....เอวเน่..กับนายด้วยนะ......รักเขามากๆละ...ถ้านายทิ้งเขาละก็ ฉันจะตามมาหลอกหลอนนายเลย..ขอดูสิ”

    นาสพูดทั้งที่น้ำตายังไหลหลินออกจากนัยษืตาไม่หยุด และราโบเน่เองที่จริงก็ชอบเอวเน่เหมือนกันแต่ผลสุดท้ายนาสก็ชนะในการแข่งจีบเอวเน่  ราโบเน่ร้องสะอึดสะอืดด้วยความเศร้าที่กุมมือเพื่อนรักอยู่ แต่แล้วสติของนาสคงอยู่ได้อีกไม่นาน ตาของเขาค่อยๆปิดลงอย่างช้า...จนสนิทมิดชิด.......



    “นาส.......นาส...นาส..นาส!!!” ราโบเน่ถึงกลับร้องออกมาดังลั่นทั่วปราสาทและโอบเพื่อนขึ้นมาโอบลั่นเอาไว้



    ฮาๆๆๆๆๆ!! เจ้าพวกมาน่าเอ่ย... ถึงแม้ร่างกายของข้า แฟนธอม รูซิเฟอร์คนนี้จะไร้ร่างกายไปแล้ว แต่ข้าก็จะย้อนกลับมาหลอกหลอนพวกเจ้าไปตลอดกาล... ฮาฮะฮ้า ฮาฮะฮ้า ฮาฮะฮ้า ฮาฮะฮ้า~~~~~~



    “แฟนธอม...........” เสียงของราโบเน่เอ่ยอย่างโกรธเคืองอยู่ภายในจิตใจ



    เสียงของแฟนธอมดังกึกก้องไปทั่วทุกสาระทิศบนโลก รวมไปถึงสวรรค์อีกด้วย....เหล่าเทพก็ต่างตายในสนามรบกับขุนพลเอกของแฟนธอม การประชุมของเหล่าเทพและมนุษย์ที่ร่วมมือกันซ้อมแซมส่วนต่างๆทั้งแดนสวรรค์ “มิคการ์ช” และส่วนต่างของโลกโดยใช้เวลานับสิบๆปี



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    หลังจากที่ราโบเน่อุ้มศพของเพื่อนสนิทและพาเอวเน่ สาวเอวฟ์ที่ตนหลงรักกลับมาที่เมืองอย่างโปรดภัย

    เขาที่สามารถจัดการร่างของแฟนธอมได้แต่วิญญาณของมันยังมิได้ถูกปิดผนึกลง มันก็คงวนเวียงไม่หายไปไหน เหล่าปีศาจต่างๆนาๆต่างสู้ตาย บางตนก็กลับไปหลบซ้อนรอเวลาคืนชีพของแฟนธอมอีกครั้ง จนทำให้เหล่าเทพบนสวรรค์ที่ตอนนี้มีผู้นำคือเทพโอดีน ซึ้งรอดตายอย่างหวุดหวิด ก็หนักใจในเรื่องของแฟนธอม และได้ชุบชีวิตเทพบราเดอร์และเทพฮอดเพื่อให้แสงว่างกลางวันกลางคืนแก่โลก



    ราโบเน่ที่ยังครุนคิดในท้องพระโรงของพระราชวังอัสเนร่าบนโลกมนุษย์ ว่าดาบของเทพโลกิหรือว่าเพราะพลังของตนที่ทำให้สามารถตัดศรีษะของแฟนธอมได้ แต่เขาก็กลับไปคิดเรื่องของนาสที่คงไม่อยากให้ใครตายไปมากกว่านี้ และเอวเน่กับราโบเน่ก็ได้แต่งงานกัน เป็นจังหวะเดียวกันที่เทพที่เหลือเรียกประชุมเหล่ามนุษย์และวีรบุรุษนาๆมารวมกันที่

    แอสการ์ช ประชุมเรื่องที่จะตั้งโรงเรียนสอนการใช้มาน่าและฝึกนักรบเพื่อที่จะเตรียมพร้อมการกลับมาของแฟนธอมที่ไม่อาจคาดคิดว่ามันจะกลับมาเมื่อไร และที่ประชุมก็ตัดสินลงกันมาจะให้ ราโบเน่ เป็นเทพบนสวรรค์และได้มอบพลังต่างๆแก่เขาซึ้งมีความสามารถในการจัดการกับแฟนธอม แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมต่อสู้ของเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว......



    โรงเรียนที่จะตั้งขึ้นนั้น ได้รวบรวมนักรบเก่งๆมากมาย ทั้งแม่มด นักรบเทพหรือแม้กระทั่งปีศาจที่ตอนนี้

    คงถูกพวกมนุษย์หรือเทพบางคนรุมทำลายอยู่ โรงเรียนแห่งนี้มี ผอ.คือ “เซอร์ ราโบเน่ คริสโตเฟอร์” และในวันต่อมาโรงเรียนที่รับแต่ผู้มีพลังวิเศษมากมายพอเท่านั้นที่จะเข้ามาได้........................ซีเกล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×