ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์อิดินเบิค

    ลำดับตอนที่ #1 : ผมและผองเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 57


                    “รุกฆาต ฉันชนะ”เสียงที่บ่งบอกถึงชัยชนะดังขึ้นมา จากเด็กหนุ่มที่กำลังเยาะเย้ยต่อความพ่ายแพ้ของชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

                    “ก็นั่งเล่นแบบนี้มันไม่ถนัด ถ้านั่งเล่นตามปกติฉันก็ชนะสบายๆไปแล้ว”เสียงของเด็กหนุ่มผู้พ่ายแพ้ค้านขึ้นอย่างหัวเสีย

                    “นั่งแบบปกตินายก็แพ้ฉันแบบหมดถ้ามาหลายครั้งแล้วนะ อีกอย่างคนที่คิดให้มานั่งเล่นแบบนี้ ก็นายเองนะ เรฟ”

                    “งั้นอาจารย์จะขอเก็บกระดานหมากลุกนี้ไปก่อน แล้วค่อยมาเอาหลังเลิกเรียนนะ”

    เสียงของหญิงสาววัยสี่สิบดังขึ้นมา พร้อมกับยื่นแขนมาหยิบเครื่องเล่นสุดหรรษาไปจากชายหนุ่มทั้งสอง แล้วเดินกลับไปยืนที่หน้าห้องตามเดิม

    “งานเข้าแล้วไง”เด็กหนุ่มทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน

    “ทำไงดีเรฟ”น้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงถึงความวิตกของหนุ่มแว่นร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลอ่อนๆกับนัยน์ตาสีดำ ทำให้ผู้เป็นเจ้าของนามเซเรฟ ออแกนรู้สึกไม่ดีไปด้วย

    “ใจเย็นไว้เนตร ยังไงก็ไม่มีอะไรมากหรอก”

    “แต่ว่าถ้า...”เสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวของเนตรหยุดลงทันที เมื่อเรฟนำมือไปวางที่ไหล่ให้ตัวเขานั้นใจเย็นลง

    “เชื่อใจฉันสิ ฉันเคยทำให้นายผิดหวังหรือไง”ดวงตาที่มุ่งมั่นในการจะทำสิ่งใดให้สำเร็จของเด็กหนุ่มผมดำกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนๆทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเพื่อนซี่สุดขี้กลัวของเขายิ้มออกมาได้

    “ของประทานโทษที่ต้องขัดจังหวะนะค่ะ ดิฉันยึดของไปให้ไปรับคือตอนเลิกเรียนเพียงเท่านั้น มิได้คิดจะนำมันมารีดค่าไถ่หรือไปฆ่าใครแต่อย่างใดนะค่ะ”

    สิ้นเสียงของอาจารย์ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะจากนักเรียนทั่วทั้งห้อง

    “ก็ไม่ได้จะอะไรขนาดนั้นครับ แค่เนตรเขาคิดมากไปหน่อยก็เท่านั้น”

    หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

    “เอางี้แล้วกันถ้าพวกนายสองคนสามรถตอบคำถามที่ฉันจะถามได้”อาจารย์หญิงหยิบกระดานหมากลุกขึ้นมา “ฉันจะคือสิ่งนี้ให้เลย”

    “ว่ามาเลยครับ”เรฟแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    “ความยาวคลื่นมีกี่แลมบ์ด้า”

    ทันทีที่คำถามได้ถูกถามขึ้นสายตาของชายหนุ่มผู้กล้าหาญ ก็เหลือบไปมองเหล่าเพือนที่นั่งอยู่รอบๆ แต่ไม่ว่าจะมองหาใคร ทุกคนต่างก็ส่ายหน้ากันหมด อันเนื่องมาจากการที่ไม่มีใครเลยซักคนที่ตั้งใจฟังการสอนของอาจารย์ผู้นี้

    “คำตอบมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวครับอาจารย์ แต่ถ้าผมตอบไปคิดว่ามันคงจะเหมือนกับว่า...”

    “มันคืออย่างเดียวกันครับ”

    เรฟต้องหยุดการพูดของตนเองลงทันที เมื่อเนตรตอบคำถามแทรกถ้อยคำที่ไหลไปตามน้ำของเขา

    “ถูกต้อง มารับไปสิ”อาจารย์สาวยิ้มออกมาเล็กน้อย

    “ครับ”เนตรขานรับ ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบของที่โดนยึดไป

    อ๊อด

    “หมดเวลาแล้วนักเรียน อย่าลืมไปอย่าไปอ่านทบทวนมาด้วยล่ะ”

    เมื่อพูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากห้องไป

    ทันใดนั้น เสียงร้องแสดงความดีใจก็ดังไปทั่วทั้งห้อง เพราะในเวลานี้การเรียนอันแสนน่าเบื่อของสัปดาห์ได้หมดลงแล้ว

    “เลิกเรียนซักที”เรฟตะโกนออกมาอย่างดี

    “จะตะโกนร้องหาอะไร ออแกเนล”คำถามที่ชวนให้ทะเลาะดังขึ้นมาจากด้านหลังของเรฟ โดยไม่จำเป็นต้องหันไปดูก็รู้ได้ว่าคำถามและน้ำเสียงแบบนี้จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกเสียจากนายกวิน วิเศษแก้ว หนุ่มร่างอ้วนผู้เป็นเจ้าของผมตั้งคล้ายสับปะรดสีเหลืองเข้ม กับนัยน์ตาสีส้ม คู่กัดประจำโรงเรียนของเขา ที่ขนาดอยู่คนละห้องกันแล้วยังตามมากัดกับเขาไม่เลิก

    “แล้วนายไม่มีห้องให้อาศัยอยู่หรือไง ถึงได้มาขอพึ่งพิงห้องของฉัน”

    “อยากจะมีเรื่องสินะ ออแกเนว”กวินพูดขึ้นอย่างหัวเสีย พร้อมดึงคอเสื้อของเรฟ

    “เรื่องเรียนฉันไม่รู้ แต่ถ้าต่อสู้ก็ว่ามา”

    จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินถอยหลังออกไปสามก้าว เพื่อดูการกระทำของแต่ละฝ่าย

    “กวินทำอะไรอยู่เหรอ”เสียงทักของเด็กสาวดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายร่างอ้วน ทำให้เขาอดที่จะหันไปมองไม่ได้

    และในเสียวเวลานั้นเรฟก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเหยียบมันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช่ร่างของเขาเบียดกวินจนเสียหลักล้มลงไปนอน

    เด็กหนุ่มที่ล้มลงรีบหันไปมองเด็กสาวที่เรียกตน แต่ตอนนี้เธอก็ไม่อยู่เสียแล้ว ทำให้เขาคิดออกมาได้เพียงอย่างเดียวเลยว่า นี้เป็นแผนของเรฟอย่างแน่นอน

    “ไอ้ขี้โกง แกเล่นฉันทีเผลอ”กวินเริ่มโวยวายกับความพ่ายแพ้

    “การต่อสู้ไม่มีคำว่าโกง แกผิดเองนะที่หันไปดูสาว”

    “ไอ้ขี้โกงมาสู้กันใหม่เลยนะ”

    “เชิญครับ เชิญครับ ใครที่ยังไม่เคยเห็นช้างล้มตัวเป็นๆเชิญมาชมที่นี่ได้เลยครับ”เรฟตะโกนออกมาดังลั่นด้วยใบหน้าที่สนุกสนาน โดยไม่สนใจคำพูดของชายที่นั่งหัวเสียอยู่ที่พื้นเลย

    “พวกนายเนี่ยเป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ”เนตรพูดขึ้นมาพร้อมกับช่วยพยุงร่างของกวินขึ้นมา แต่เพราะน้ำหนักที่มากเลยทำให้เรฟต้องเข้าไปช่วยอีกแรง “ทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งนาน แต่พอเจอหน้ากันทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที”

    “ก็ปากของเรฟมันหาเรื่องนี่”

    “แต่ปากแกเป็นคนเริ่มก่อนตลอดเลยนะวิน”เรฟรีบเถียงกลับไป

    เด็กหนุ่มทั้งสามมองหน้ากันไปมา ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะให้กับเรื่องราวต่างๆที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน

    “จะว่าไปมันก็นานมากแล้วสินะ ที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันมา”กวินเริ่มพูดขึ้น “ไม่ว่าจะนึกย้อนกลับไปกี่ทีก็หัวเราะออกมาได้แหะ”

    “พูดอะไรของแกวิน ทำอย่างกับว่าจะต้องแยกจากกันแล้วงั้นแหละ”เรฟหรีตามองกวินที่จู่ๆก็พูดอะไรแปลกๆออกมา

    “ไม่รู้สิ แต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราจะมีใครซักคนต้องแยกออกไป อยู่ที่ๆไกลแสนไกล”

    เสียงหัวเราะของเรฟดังขึ้นไปทั่วห้องเรียนที่เหลือแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น แต่นั้นทำให้กวินรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด

    “ขำอะไรนักหนาเรฟ”

    “ก็ขำแกไงวิน”เรฟยังคงหัวเราะต่อไป “ฉันไม่คิดเลยนะว่าผู้ชายแบบแกจะพูดอะไรแบบนี้เป็นกับเขาด้วย”

    “นี้แกว่าฉันเหรอ”

    “แล้วแต่จะคิด”เรฟตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ

    “พวกนายเลิกทะเลาะกันเถอะ”น้ำเสียงสั่นๆกับน้ำตาที่คลออยู่ของเนตรที่นิ่งเงียบอยู่นาน ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจ

    “พวกนายเราไปหาอะไรกินกันดีมั๊ย ฉันเริ่มหิวแล้ว”กวินเสนอความคิดหลังจากที่เสียงท้องร้องของตนได้ดังออกมา

    “ก็คิดแต่เรื่องกินแบบนี้ไงหุ่นถึงได้ออกมาละม้ายคล้ายหมูแบบนี้”เรฟพูดเหน็บแนบกวิน พร้อมฉีกยิ้มออกมาเยาะเย้ย “แต่ขอโทษที่แล้วกัน เพราะวันนี้ฉันมีนัดไปดูหนังกับน้องมุกนะ”

    “อ้าวเรฟ แล้วรุ่นพี่เมย์ล่ะ”เนตรถามขึ้น

    “ช่วงนี้เขายุ่งกับการเตรียมสอบเลยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกัน”

    “ก็นิสัยแบบนี้ของแกไง หน้าถึงได้เริ่มบานเป็นหม้อแล้ว”กวินเริ่มพูดเข้าคืนทันทีที่เขาหาโอกาสได้

    “พูดแบบนั้นไม่ได้นะวิน”ใบหน้าจริงจังของเรฟทำให้ผู้ฟังทั้งสองถึงกับผวา “พวกผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันเอง ดังนั้นฉันไม่ผิดเข้าใจ....นายตบหัวฉันทำไม”

    “ทำหน้าซะจริงจังแต่สิ่งที่พูดออกมากลับเลวจริง”

    ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

    เสียงโทรศัพท์ของเรฟดังขึ้นมา เขาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์ก่อนจะกดรับสาย

    “ว่าไงเฟ มีอะไรกับพี่งั้นเหรอ”เรฟพูดจาอย่างออนโยนทักทายเสียงจากปลายสาย

    “วันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวหนูจะรออยู่ที่ร้านสเต็กโอเอกิที่เราไปกันบ่อยๆนะ”เสียงของสาวน้อยจากปลายสายดังขึ้นมาอย่างสดใส

    “แต่วันนี้พี่...”

    “นะพี่เรฟ นะคะ”เด็กสาวรีบใช้เสียงออดอ้อนเด็กหนุ่มก็ที่เขาจะพูดจบ

    เรฟถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “ตกลง งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”

    “งั้นหนูจะรอนะ”พูดจบเธอก็วางสายไปด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ จนทำให้เรฟที่รำบากใจยิ้มตามไปด้วย

    “คงมีแต่เฟเท่านั้นสินะ ที่นายไม่คิดที่จะคบเล่นๆเอาสนุก”กวินหยุดพูดไปช่วงขณะหนึ่ง “ตกลงนายกับเฟคบกันอยู่สินะ”

    แปะ

    เสียงของฝ่ามือของเรฟที่เคลื่อนที่ไปโดนกับหัวของกวินดังขึ้นมาทันทีที่ผู้พูดได้กล่าวจบ

    “ฉันเห็นเฟเป็นเหมือนน้องของฉันเท่านั้น ถึงจะรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไรไม่ดีแต่ฉันไม่ชอบให้เล่นแบบนี้”สายตาที่ดุดันของเรฟ ทำให้กวินถึงกับหงอย

    “ขอโทษ”

    เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าๆของเพื่อนรัก ชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนของอารมณ์และสีหน้าให้ยิ้มแย้มเพื่อเลี่ยงบรรยายกาศที่มัวหมอง และทำให้กวินรู้สึกสบายใจขึ้น

    “ฉันก็ขอโทษ งั้นฉันไปล่ะ”

    พูดจบเรฟก็วิ่งออกไปจากห้องทันที

     

    ที่ร้านสเต็กโอเอกิ

    “กว่าจะมานะพี่ เฟรอตั้งนานแหนะ”หญิงสาวร่างเล็กดูเบาะบางเหมือนตุ๊กตา ผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีทองยาวสลวยกับนัยน์ตาสีเหลือง พูดขึ้นเมื่อเห็นร่างที่ท่วมไปด้วยเหงื่อของเรฟ

    “พี่ก็รีบสุดชีวิตแล้วนะ”เด็กหนุ่มค่อยๆเดินตรงมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเด็กสาวด้วยท่าทีที่เหนื่อยอ่อน และเสียงการหายใจที่ถี่ไวของเขานั้นก็ยิ่งบ่งบอกได้ชัดว่าเขาเหนื่อยมากแค่ไหน “อุส่าวิ่งโดยไม่หยุดเดินจากโรงเรียนมาถึงที่นี่แล้วนะ”

    “เหตุผลดี งั้นให้อภัย”

    “ขอบพระทัยครับองค์หญิง”

    หลังจากนั้นไม่นานอาหารมากมายที่เด็กสาวได้สั่งไปก่อนที่เด็กหนุ่มจะมาหนึ่ง ก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ

    “นี่เฟ สั่งมากไปหรือเปล่า พี่ไม่ค่อยมีเงินนะ”

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ มื้อนี้เฟเลี้ยงเอง”เธอพูดขึ้น พรางหั่นสเต็กเนื้อที่ย่างไฟจนสุกกำลังดีเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ

    “แต่มันจะเป็นการรบกวนเธอกับคุณลุงนะ”

    “ไม่หรอกค่ะ คุณพ่อก็บอกแล้วไงค่ะ ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้ามีอะไรก็บอกมาได้ไม่ต้องเกรงใจ”

    ผู้เป็นเจ้าของนามว่าเซเรฟ ออแกนนั้น เป็นเด็กที่เกิดมาโดยที่ยังไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นใบหน้าของพ่อแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว นั้นก็เพราะมารดาผู้ให้กำเนิดเขาได้เสียชีวิตลงในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ตนได้เกิดมา ส่วนพ่อก็หายสาบสูญไปอย่างไร้เบาะแสใดๆ แต่โชคยังดีที่มีครอบครัวที่เคยติดหนี้บุญคุณของพ่อแม่ของเขา รับตัวมาเลี้ยงดูและคอยให้ความสะดวกสบายอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องของพ่อแม่ของเขา ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะถามอะไรไป พวกคุณลุงก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น ไม่ยอมตอบคำถาม ไม่ตอบแม้แต่เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงใช้นามสกุลออแกนที่เป็นของแม่ แทนที่จะได้ใช้นามสกุลของพ่อ เรื่องเดียวที่เด็กหนุ่มได้รู้เกี่ยวกับของครอบครัวของเขาก็คือชื่อมาเรีย ออแกนของผู้เป็นแม่เพียงเท่านั้น

    เด็กหนุ่มเคยคิดที่จะออกไปตามหาพ่อของเขาหลายต่อหลายคน แต่เพราะไม่อยากให้คุณลุงที่ให้เขาอยู่อาศัยต้องไม่สบายใจ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไร ได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจ

    “พี่เรฟอ้าปากซิค่ะ”เด็กสาวยื่นชิ้นเนื้อที่เธอหั่นจนเป็นชิ้นเล็กๆไปจ่อไว้ที่ปากของเด็กหนุ่ม

    เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่กำลังส่งยิ้มหวานๆมาให้กับเรฟ เธอเป็นเจ้าของนามว่าเฟริส อิสรพักดี ผู้เป็นลูกสาวสุดรักของครอบครัวที่รับตัวชายหนุ่มเข้าไปเลี้ยงดู ทำให้เข้าคิดอยากที่จะดูแลเธอเป็นการตอบแทน

    “อะ...อืม”เรฟกล่าวอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะยื่นคอไปกินอาหารที่เฟริสป้อนให้แต่โดยดี “ขอบใจนะ”

    “เก่งมากเลยค่ะ”เด็กสาวพูดไปยิ้มไปอย่างเป็นสุข

    “แต่เฟนี่ก็แปลกนะ ทั้งๆที่น่ารักและเอาใจเก่งขนาดนี้ แต่ทำไมถึงปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาสารภาพรัก อยู่เป็นโสดแบบนี้นานๆระวังจะขึ้นคานเอานะ”

    “ทำเป็นพูดดีนะ พี่เองก็เหมือนกัน เอาแต่จีบคนหญิงไปทั่วจนได้เป็นเพลย์บอยอันดับหนึ่งของโรงเรียน”

    “เขาเรียกกันว่ากำลังตามหาคนที่ใช่อยู่ เธอเองก็เหมือนกันถ้าเจอคนที่คิดว่าใช่แล้ว ถ้าหมอนั้นยังไม่มีใคร ก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้ล่ะ”

    “คนที่ใช่ก็อยู่ตรงหน้าหนูแล้วไง”เฟริสพูดพึมพำกับตนเองเบาๆ

    “เมื่อกี่พูดอะไรหรือเปล่า”

    “ปะ...เปล่าคะ”เธอรีบตอบกลับไปด้วยความตกใจ “เรารีบกินกันดีกว่านะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

    เฟริสรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มได้ล่วงรู้ถึงความรับที่เธอเก็บเอาไว้มานาน เพราะกลัวว่าถ้าชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้รับรู้แล้ว ความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกันมาจะพังลงไป

    “แย่แล้ว!”เสียงอุทานที่ตามมาด้วยใบหน้าที่ตกใจของเรฟ ทำให้เฟริสที่กำลังจะเอาเอาเนื้อสเต็กเข้าไปในปากถึงกับสะดุ้ง จนเกือบจะปล่อยซ้อมออกจากมือ “วันนี้คุณลุงมีเรื่องสำคัญจะคุย เลยให้รีบนี่นา เผลอลืมซะสนิทเลย”

    “ถ้างั้นก็แย่สิ”เฟริสเริ่มตื่นตระหนก เพราะเธอรู้ดีว่าพ่อของเธอเป็นคนนิสัยแบบไหน “เรากลับกันเถอะ”

    “อืม ฉันไม่อยากถูกพ่อเธอโกรธด้วยสิ”

    เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองสั่งให้ทางร้านห่ออาหารที่แทบจะไม่ได้แตะกลับทั้งหมด เมื่อจ่ายเงินและได้ทำการห่ออาหารเป็นที่เรียบร้อย พวกเขารีบวิ่งกลับบ้านทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×