ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] TO YOU : Myungsoo x Sungjong (ft.WooYeol) (ภาครีไรทฺ์)

    ลำดับตอนที่ #1 : C H A P T E R 1

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 56


    TO YOU : C H A P T E R 1

    Rate : PG-18
    main : Myungsoo x Sungjong / Woohyun x Seongyeol

    note :รีไรท์นะจ้ะ






     

      “รุกฆาต…”

        น้ำเสียงเรียบประกาศกร้าวแสดงถึงชัยชนะ มุมปากอิ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดีผิดกับอีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้แพ้เกม  หมากกระดานถูกรื้อออกจากกระดานโดยเจ้าของรอยยิ้มนั้น เขาคิดว่าเกมนี้น่าจะเป็นเกมสุดท้ายสำหรับวันนี้หลังจากที่เล่นกันมาตั้งแต่บ่ายคล้อย


     

        “ครั้งแรกเลยนะที่นายชนะฉัน…จาง ดงอู

        “คนเรามันย่อมมีการฝึกฝนครับ แต่ครั้งนี้อาจจะแค่ฟลุคนะผมว่า”

        “ถ่อมตัวแบบนี้ฉันดูเหมือนคนใจร้ายเลย แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยเล่นเป็นเพื่อนฉันระหว่างรอน้องชายกลับมานะ”เขาเอ่ยขอบคุณและยิ้มให้กับผู้ชนะหมากกระดานเมื่อครู่นี้หลังจากพูดจบ และแน่นอนอีกฝ่ายก็โค้งรับคำขอบคุณนั้น

        “ยินดีครับคุณโฮวอน … แต่ผมว่าบางทีวันนี้ก็กลับมาช้ากว่าที่คิด.. ผมหวังว่ามันคงจะไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น”

        “แต่ฉันไว้ใจหมอนั่นนะ เชื่อสิ เดี๋ยวสักพักเขาก็กลับมา”

        “ผมเองก็ขอให้เป็นเช่นนั้น”



     

    ดงอูเดินไปเก็บกล่องใส่หมากกระดานไว้ที่เดิมก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟา ต่อจากนี้เขาได้เพียงทำได้แค่นั่งรอให้คนของคุณโฮวอนพาน้องชายของตัวเองกลับมาที่บ้านอย่างปลอดภัย หลังจากที่ตอนนี้เลยเวลาที่จะกลับมาถึงบ้านเกือบสามชั่วโมง

    อี โฮวอน นั่งถอนหายใจไปรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้สำหรับการนั่งรอให้น้องชายของตัวเองกลับมา ใจหนึ่งอยากส่งคนให้ออกไปตามหาแต่ก็คิดว่าแค่คนที่เขาส่งให้ไปตามอารักขาดูแลนั้นก็คงจะเพียงพอ และเชื่อว่าทางนั้นก็คงจะร้อนรนไม่น้อยหากรู้ว่าน้องชายของเขาตกอยู่ในอันตราย



     

    มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นสิ…














     

    ท่ามกลางความมืดมิดยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหว ท่ามกลางความเงียบงันยังมีเสียงฝีเท้าคอยบ่งบอกการมีชีวิตอยู่ กำแพงแคบไม่ได้ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งหยุดวิ่ง เสียงหอบหายใจยังคงดังขึ้นเป็นระยะ ดวงตาพร่ามัวมองไม่เห็นแม้ทางข้างหน้าแต่ก็ยังเลือกที่จะวิ่งต่อไป เพราะหากหันหลังกลับไป อาจจะเป็นตัวเขาเองนั่นล่ะที่จะต้องเป็นฝ่ายดับลมหายใจของตัวเอง

    สองเท้าก้าววิ่งด้วยความเร็วสุดกำลัง พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่กระชากตัวเองให้พ้นกับสิ่งที่คอยติดตามอยู่ด้านหลัง มือเรียวจับกระชับกระเป๋าเป้สีดำสนิทจนมือแทบจะห้อเลือด แต่วินาทีนี้ไม่มีอะไรที่จะน่าสนใจไปกว่าเส้นทางอันมืดมิดข้างหน้านี้



     

    ต้องหนีให้พ้น !



     

    ปัง!! ปัง!!

     

    กระสุนสองนัดถูกผลักออกมาจากรังเพลิง ร่างของใครคนหนึ่งทรุดลงอยู่กับพื้น เสียงหอบหายใจแหบพร่าดังขึ้นลงเป็นระลอกด้วยความตื่นตระหนก

    ไม่มีบาดแผลอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของผู้ถูกไล่ล่า ก่อนหน้านั้นถือว่าโชคดีนักที่ตัดสินใจทรุดตัวลงหลบกระสุนปืนได้ทัน อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณบอกให้ทำแบบนั้น ในช่วงเวลาที่ตกอยู่ในอันตราย หากแต่เงาตะคุ่มก็ยังคงคืบคลานเข้ามาอย่างไม่รีรอ

     

    กริ๊ก…

     

    TAURUS M 94 SS ส่งเสียงกดรังเพลิงให้หมุนอีกครั้ง ช่องว่างโหวงถูกแทนที่ด้วยมัจจุราชสีเงินทันทีตามที่ต้องการ แสงสีเงินวาววับไปพริบตาหนึ่งแล้วกลับสู่ความมืด สถานการณ์เริ่มยากที่จะหลีกหนี


     

    ขยับตัวไม่ได้…



     

    เพราะผลจากการที่ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างกะทันหันจึงทำให้ข้อเท้าถูกบิดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ควรจะเป็น เสี้ยวหน้าในความมืดแสดงออกถึงความเจ็บปวดนั้นชัดเจนหากแต่ไม่มีใครมองเห็น แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นมันเทียบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้านั้น ไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มันหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเขาผู้เป็นเหยื่อ



     

    ลาก่อนนะ อี ซองจง


     

     

    ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!

     

    TAURUS M 94 SS สามารถบรรจุกระสุนในรังเพลิงได้ทั้งหมด 9 นัด .. ใช่ แค่ 9 นัดเท่านั้น …ก่อนหน้านั้น ในระหว่างที่วิ่งอยู่ที่ในตรอกมืดแห่งนี้ เขายังจำได้ดี ว่ามันถูกรัวยิงไปทั้งหมดหกนัด และรวมที่ยิงเมื่อกี้ก็อีกสองนัด

    ดังนั้นกระสุนสุดท้ายที่จะใช้ยิงได้ จึงเหลือเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น…








     

     

    แล้วอีกสี่นัด มันมาจากไหน?

    แล้วทำไม…

    ทำไมเขาถึงไม่ตายล่ะ?

     




     

    “ใครน่ะ?”

    ตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง ทุกอย่างตรงหน้านั้นมืดมิดไปหมด เขาไม่สามารถมองเห็นว่าทางข้างหน้าจะมีมิตรหรือศัตรู ไม่มีคำตอบจากใครอีกคนหลังจากที่เขาเอ่ยถาม มีเพียงแรงพยุงเหมือนมีใครมายกตัวให้ลอยขึ้น ดวงตาเรียวเบิกกว้างทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นลอยเหนือพื้น ข้อพับขาทั้งของข้างถูกรองด้วยมือของใครอีกคนส่วนมือปริศนาอีกข้างก็ประคองไว้ที่บั้นเอว

     

    “วันหลังคุณควรจะเชื่อฟังผมนะ…ผมบอกแล้วว่าหลังเลิกเรียน… อย่าออกมาข้างนอก”น้ำเสียงเรียบเอ่ยออกมาเหมือนทุกครั้ง มันเป็นประโยคเดิมๆที่เขาจำมันได้ดีในทุกๆเช้าก่อนที่จะไปถึงโรงเรียน

    “ก็นายมารับช้า…”

    “ผมต้องขอโทษคุณในเรื่องนี้.. แต่ผมขอย้ำอีกครั้ง… หลังเลิกเรียน ถ้าผมยังไม่มารับ…อย่าออกมานอกโรงเรียนเด็ดขาด เพราะในวันต่อไปมันอาจจะไม่โชคดีเหมือนวันนี้นะ…คุณซองจง”

    “ก็ได้ โอเคฉันผิดเอง …ว่าแต่…แล้วหมอนั่นล่ะ… นายเป็นคนยิงใช่ไหม?…”

     

    คนถูกถามยังคงยืนนิ่งไม่ตอบอะไร พร้อมเดินออกจากที่ตรงนั้น ซองจงผวาเกาะไหล่อีกฝ่ายเล็กน้อยเพราะจู่ๆคนที่อุ้มเขาอยู่ก็ก้าวเท้าเดินโดนไม่บอกไม่กล่าว ไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ที่หยิบมาจกกระเป๋าเป้ถูกใช้เพื่อนำทางไปสู่ทางออก แต่นึกย้อนไปก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกันว่าพาตัวเองเข้ามาในนี้ได้ยังไงทั้งๆที่ทางมืดขนาดนี้

     

    นัยน์ตาเรียวหลบวูบทันทีเมื่อมองไปเห็นกองเลือดที่อยู่ตรงพื้นกระจายเต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากระสุนทั้งสี่นัดนั้นยิงไปโดนจุดไหนของร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นบ้าง…. ยังไงก็ไม่รอดแน่นอน


     

     

    ไม่ว่าจะเห็นเรื่องแบบนี้สักกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยชิน…


     

     

    “โกรธหรอ… ฉันถามอะไรนายก็ไม่ยอมตอบเลย”ถามเสียงเบา แต่นั่นก็ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน

    “ผมไม่มีสิทธิ์โกรธ”

    “แล้วทำไมไม่ตอบล่ะ? ตกลงนายเป็นคนยิงหมอนั่นตายใช่ไหม?”

    “ถ้าคุณซองจงยังจำเสียงได้ คุณซองจงจะรู้ว่านั่นเป็นเสียงของ TAURUS 41 8IN AS PT SS ซึ่งผมใช้แค่กระบอกนี้กระบอกเดียว ไม่เคยใช้อย่างอื่น”

    “ฉันแยกเสียงไม่ได้ทุกอันหรอกนะ นานครั้งไม่ใช่หรอ ที่นายจะยิงใคร” ที่ซองจงพูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น แทบนับครั้งได้ที่คนๆนี้จะลงมือสังหารใคร เขาเคยถามอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งว่าเพราะอะไร แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยตอบเขาเลยสักครั้ง



     

    ตั้งแต่จำความได้ อี ซองจง ไม่เคยมีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนคนธรรมดา ขั้นแรก ซองจงต้องลงเรียนในสาขามัธยมปลายทั้งๆที่อายุเขาล่วงไปยี่สิบปีแล้ว แต่เพราะความจำเป็นบางอย่างจึงทำให้ต้องทำแบบนั้น ขั้นที่สอง ซองจงไม่สามารถออกไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ถ้าไม่มีคนคอยตามไปคุ้มกัน  ในช่วงแรกเขาคัดค้านหัวชนฝามากว่าต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติ แต่หลายเหตุการณ์แล้วรวมถึงในวันนี้ที่ทำให้ซองจงต้องยอมรับว่าชีวิตของเขาจะไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป…


     

     

        เพราะความแค้นของใครบางคน มันถึงได้ทำให้ซองจงต้องทรมาน…




     

        มายบัค แลนเดาเล็ต ถูกจอดเทียบอยู่หน้าตรอกมืดแห่งหนึ่งที่ซองจงถูกอุ้มออกมา มันเป็นคนเดียวกับที่เขานั่งมาเรียนในทุกเช้า สายตามองไปเห็นใครอีกคนที่คุ้นตากำลังยืนพิงรออยู่ที่รถ ในอกรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก…

    ตอนนี้ เขาปลอดภัยแล้ว




     

    “มินอู ฉันฝากคุณซองจงกลับไปกับนายด้วย พอดีฉันมีธุระน่ะ”




     

    คนถูกเรียกชื่อเดินออกจากประตูรถหลังจากที่ก่อนหน้านั้นเขายืนพิงมันอยู่  ประตูด้านหลังคนขับถูกเปิดออกพร้อมร่างกายเล็กๆของอีกคนถูกพักให้นั่งอยู่เบาะหลัง ซองจงนิ่วหน้าเจ็บปวดเล็กน้อยระหว่างที่ต้องขยับขาให้เข้าที่เพื่อนั่งในรถ รู้สึกเหมือนข้อเท้าตัวเองบิดจนผิดรูปทั้งๆที่มันไม่มีอะไร

    “นายจะไปที่สุสานนั่นสินะ… “มินอูถามคนที่ฝากให้เขาดูแลคุณซองจง  นัยน์ตาสีนิลหม่นลงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบอีกฝ่ายกลับไป

    “ฝากบอกฮยองด้วย… ว่าฉันอยากจะขอบคุณเขาอีกครั้ง” คราวนี้เป็นทีของซองจงที่นั่งอยู่ในรถพูดขึ้นบ้าง

    “ผมว่าเขาเอง ก็คงอยากจะขอบคุณคุณซองจงเช่นกัน… เอาล่ะมินอูออกรถได้แล้ว ถ้าคุณซองจงไปถึงที่บ้านช้า นายของพวกเราอาจจะกังวล”

    ประตูรถปิดลงอีกครั้งก่อนตัวรถจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ส่วนอีกคนที่ต้องไปในอีกสถานที่ก็เตรียมจะหันเดินไปอีกทิศทาง แต่ยังไม่ทนที่จะก้าวไปไหนก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังตามหลังมา

     

        “นี่ !!…”

     

        เหลียวหลังกลับไปก็พบกับใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งอุ้มมาส่งที่รถเมื่อครู่โผล่ออกมาจากกระจกหลังรถคันหรูที่เปิดออก ใบหน้าสดใสแย้มยิ้มพร้อมเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาต้องยิ้มบางๆออกมา













     

     

        “วันนี้ขอบคุณนายมากนะ … คิม มยองซู

     







     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - To You :: Chapter 1 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -






     

        ว่ากันว่าพื้นฐานของความกลัวทั้งหมดนั้นมักจะมาจากความไม่รู้ในจิตสำนึกของแต่ละบุคคล ไม่ว่าใครหรือบุคคลฐานะอะไรก็ตามย่อมมีความกลัวติดอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งกับเรื่องของจิตใจคนด้วยแล้ว ความยากที่จะหยั่งถึงในความคิดย่อมที่ให้เกิดมโนคิดไปต่างๆนานาว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่ ทั้งที่ก็ไม่ได้แน่ใจอะไรเลยว่าอีกฝ่ายนั้น คิดในแบบที่เราคิดหรือไม่

        เพราะฉะนั้นการใส่หน้ากากระหว่างบุคคลต่อบุคคลยังมีให้พบเห็นอยู่เรื่อยไป ในโลกแห่งความเป็นจริง จิตใจที่มืดมนอาจถูกแฝงเคลือบด้วยรอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์ หรือ คนที่คิดดีบางคน อาจมีนิสัยแข็งกร้าวเหมือนกับคนไม่ดี

     

        ….. ทุกอย่างนั้นยากที่จะคาดเดา

     

        และ

     

        น้อยคนนักที่จะรับรู้

     

        ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางไว้บนโต๊ะไม้โอ๊คขนาดใหญ่ก่อนจะถูกหยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดจนแทบครบทุกตัวอักษร รอยยิ้มฉายชัดเมื่อมองเห็นข้อความบรรทัดสุดท้ายราวกลับค้นหาสมบัติอันล้ำค่าจนเจอ

     

        “ดูเหมือนว่าจะเป็นโชคของเราแล้วล่ะนะ”

        “ยินดีด้วยครับสำหรับเรื่องโชคดีนั้น… แต่ผมมีข่าวจากชิอูมาแจ้ง”หนึ่งในสองชีวิตที่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างพูดขึ้นระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังจะดีใจกับอะไรบางอย่างอยู่

        “ว่ามาสิ”

        “มินซอกตายแล้วครับ”อีกฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        “หึ…โดน L.KIM มันเก็บสินะ…นี่สรุปก็พลาดอีกแล้วล่ะสิ”คนฟังแค่นหัวเราะ เขากะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพราะคิดว่าถึงครั้งนี้จะพลาด แต่เขาก็ยังมีคนอื่นที่มาทำหน้าที่แทนมินซอกได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ

        “ก็ตามที่แจ้งนั่นล่ะครับ…มินซอกทำพลาด”

        “ช่างเถอะ พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ …จะพลาดก็ไม่เป็นไร แต่หลักฐานน่ะ เก็บให้สิ้นซากนะ อย่าให้ใครเจอศพมันเเละสืบมาถึงพวกเรา..”คนมีอำนาจเหนือกว่าเอ่ยสั่ง และอีกฝ่ายเองก็พยักหน้าน้อมรับคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้

     

        “จะให้จัดการกับ หมากตัวใหญ่ เลยไหมครับ เล่นแบบอ้อมค้อม ผมว่ามันค่อนข้างจะเปลืองเบี้ย”

        “ยัง… นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น”

        “………………..”

        “เวลาที่นายเห็นเบี้ยบนหมากกระดานของนายค่อยๆถูกกินน่ะ…นายจะรู้สึกยังไง?”

        “รู้สึกถึงความ……พ่ายแพ้”

        รอยยิ้มเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบที่แสนจะพึงพอใจ เจ้าของรองเท้าหนังสีดำหม่นเดินเข้ามาใกล้กับผู้ที่ยืนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดวงตาสีน้ำตาลของผู้ถูกถามเบิกกว้างเล็กน้อยแต่ก็ยังคงยืนนิ่งรอฟังคำที่ผู้ถามจะพูดต่อ

        “นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ ….ทำให้เบี้ยของศัตรู ค่อยๆหมดไป และเพื่อการนั้น….”

        “………………..”

        “นายจะต้องเป็นฝ่ายลงมือ”

     

        ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความปีติยินดีในชัยชนะที่มองเห็นเบื้องหน้ากำลังแสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าของผู้พูด ส่วนคนฟังนั้นก็เพียงแค่โค้งรับตอบกลับไป

        ไม่มีอะไรจะต้องปฏิเสธอยู่แล้วสำหรับสิ่งที่ผู้เป็นนายเสนอมา หน้าที่นี้เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็ว ยังไงตนก็ต้องเป็นคนลงมือเองอยู่วันยันค่ำ

     

    “เชื่อมือผมได้เลยครับ...คุณอูฮยอน

    “ดี .. แบบนี้สิสมควรแล้วที่ฉันไว้ใจ”  

     

    มือขวาของผู้เป็นนายตบบ่าของหนึ่งในลูกน้องคนสนิท จริงๆเขารู้อยู่แล้วว่าแผนการในวันนี้มันต้องล้มเหลว แต่ก็แอบหวังว่ามันจะสำเร็จบ้าง เพราะที่ผ่านมาทุกอย่างก็พลาดมาตลอด

    ผู้ถูกฝากความหวังโค้งให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปด้านนอกของห้อง แผนการทุกอย่างจะถูกเรียบเรียงขึ้นในหัวทันทีหากเดินพ้นประตูไป ความจงรักภักดีต่อผู้ให้สถานที่พักพิงจะไม่มีวันสั่นคลอน… ตามกฎที่วางไว้  

     

    ห้ามหวาดกลัว… ห้ามลังเล..

    และ

     

    ห้ามทรยศ





     

    “ฉันหวังว่าแกคงจะไม่ทำพลาดเหมือนมินซอกนะ… วอนชิก” เสียงพูดดังขึ้นหลังจากใครอีกคนออกจากห้องไปแล้ว ไม่มีใครจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูด และแน่นอนว่าแม้จะไม่ได้ยิน แต่การกระทำของผู้ถูกบงการนั้นจะต้องดำเนินตามในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะกรณีใดใดก็ตาม

     

    เพราะถ้าแกพลาด… แกจะจบชีวิตเหมือนกับมินซอกนั่นล่ะ….









     

    TBC



     

    ———————————————


     

    รีไรท์ค่ะ เเก้คำ เเก้ประโยคไปเยอะอยู่ เผลอๆมีเเก้เนื้อเรื่องด้วยเพราะที่ผ่านมาอ่านเองก็คิดว่ามันไม่ค่อยใช่ ๕๕๕๕
    ใครใคร่อ่านก็อ่านค่ะ (เเต่เม้นด้วยก้ดีนะ ถือเป็นกำลังใจเนาะ ^w^)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×