ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { EXO short fic} sixteny apartment

    ลำดับตอนที่ #1 : intro

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 56


    Sixteny Apartment Loft {Room.15} 1st

    “ มีห้องว่างให้เช่า Sixteny Apartment ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ติดต่อ 013-xxx-xxx-xxxx

    ประกาศเล็กๆที่ติดอยู่หน้ามหาวิทยาลัย ทำให้นักศึกษาปีสาม “ปาร์คชานยอล” ต้องรีบดึงประกาศออกจากบอร์ด กดเบอร์ติดต่อขอดูห้องพักหลังเวลาเลิกเรียนทันที เขาเพิ่งย้ายออกจากที่พักเก่าและกำลังหาที่อยู่ใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะดันไปบอกเลิกลูกสาวเจ้าของหอ จนเอาแต่ร้องไห้เวลาเห็นหน้าเขา เจ้าของหอต้องขอให้เขาย้ายออกและจะคืนเงินมัดจำและไม่เอาค่าห้องของเดือนนี้

    นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้ปาร์คชานยอลต้องหาที่อยู่ใหม่ แต่ตอนนี้คือช่วงกลางเทอม ที่พักใกล้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็เต็มทุกห้อง ถ้าห่างไปหน่อย ก็ไกลสถานีรถไฟฟ้า ไม่ก็ต้องเดินเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงป้ายรถเมล์ หาหอพักทำเลดีในช่วงนี้หายากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก

    หลังเลิกเรียนชานยอลรีบไปดูห้องทันทีและตอนนี้เขาก็ยืนอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ sixteny แล้ว ทำเลของที่นี่ถือว่าผ่านมากๆ เขาใช้เวลาจากมหาวิทยาลัยนั่งรถเมล์มาไม่ถึงสิบห้านาที ถ้านั่งรถไฟฟ้าคงไม่เกินสิบนาที หรือถ้าวันไหนอยากเดิน ก็คงไม่เกินครึ่งชั่วโมง แม้ว่าจะต้องเดินเข้าซอยเล็กมานิดหน่อย แต่ก็ทำให้มัพื้นที่บริเวณรอบหน้า มีสนามหญ้าแคบๆทอดตัวยาวตามความยาวของอาคารทั้งสองข้าง  โดยเร่มเงาจากระเบียงที่ยื่นออกมา เขากวาดสายตานับดู พบว่าอพาร์ทเม้นท์นี้มีแค่เก้าชั้น เท่านั้น

    ใจจริงเขาคิดว่าน่าจะได้อยู่ที่นี่ 70% แล้วล่ะ เขาควรจะหาหอให้ได้ภายในวันสองวันนี้ เพราะแค่ตอนนี้ข้าวของของเขาที่ อพาร์ทเม้นท์เก่าก็เอามาวางไว้ชั้นหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

    ป้าเจ้าของหอ “ยูฮานึล” ออกมารับชานยอลถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ จากนั้นก็พาเขาไปดูห้องว่างที่ว่าง แต่เหมือนว่าห้องนั้นจะมีใครอีกคนกำลังดูห้องอยู่ด้วย

     “พ่อ แม่พาคนมาดู..” ป้าฮานึลไม่ทันจะพูดจบ แต่เสียงผู้ชายที่มาดูห้องดันพูดขัดซะก่อน

    “ครับ งั้นผมเอาห้องนี้เลยนะครับ เซ้นต์สัญญาวันนี้เลยครับ” เด็กหนุ่ม รีบตอบตกลงทันทีที่เห็นป้าฮานึนพาใครผู้ชายตัวสูงเดินเข้ามาด้วย เขาก็คงกลัวไม่ได้ห้องเหมือนกัน

    ลุงฮยอนซองกับป้าฮานึลดูลำบากใจกับเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่คนสองคนกำลังจ้องตากันอย่างไม่ยอมใคร เพราะเขาก็อยากได้ห้องนี้เหมือนกัน

    จนในที่สุด ลุงก็พูดทำลายความเงียบและนี่อาจจะเป็นทางออกของทั้งคนสองคน

    “จริงๆแล้ว อพาร์ทเม้นท์เรามีอีกห้องนึงอยู่ชั้นบนสุด แต่มันเป็น..”

    “ไม่นะพ่อ.. ห้องนั้นมัน...” ป้าพูดห้ามด้วยท่าทางกังวลใจ

    “คือมันเป็นห้องใต้หลังคา ลุงไม่รู้ว่าพวกหนูจะอยู่กันได้รึเปล่า” ลุงรีบพูดต่อ ไม่สนใจป้าที่กำลังกังวลอย่างหนัก

    “งั้นลองไปดูก่อนก็ได้ครับ” ชานยอลไม่อยากมีปัญหาซักเท่าไหร่ แค่เขาหาที่พักได้ก็ดีถมไปแล้ว

    “งั้นผมเอาห้องนี้เลยเลยนะ” เด็กหนุ่มคนนั้นใช้โอกาสนี่ตกลงกับลุงที่หันมาขอความคิดเห็นของชานยอล

    ชานยอลพยักหน้าน้อยๆ เขาไม่อยากทำให้เจ้าของห้องลำบากใจ เขาเองมาดูห้องทีหลัง เขาก็ยอมรับโดยดี ที่ทำเป็นไม่ยอมในทีแรกเพราะเขาไม่อยากไปอพาร์ทเม้นท์อื่น แต่พอได้ยินว่ามีอีกห้องเขาก็สบายใจไปได้เปราะหนึ่ง

    “โอเค งั้นเดี๋ยวแม่พาเจ้าหนูคนนี้ไปทำสัญญาเช่าเถอะ เดี๋ยวพ่อพาหนุ่มคนนี้ไปดูห้องเอง” ลุงบอกป้าก่อนเดินพาผมขึ้นเล็กตัวเล็กขึ้นไปยังชั้นบนสุด ก่อนจะหยุดที่ประตูบานหนึ่งที่เหมือนประตูห้องอื่น แต่ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีประตูสามบาน

    ชั้นอื่นจะมีแค่สองห้อง คือมีประตูแค่สองบาน แต่ห้องนี้กลับมีประตูสามบาน...

    ลุงกับชานยอลกำลังอยู่ที่หน้าประตูบ้านที่สาม ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆนะ มันรู้สึกวูบๆอุ่นๆเหมือนมีกระแสลมพัด ทั้งทีก็มีไม่ลมจากไหนเลย เอาไงดีล่ะ..นี่ห้องสุดท้ายแล้วด้วย

    ลุงไขกุญแจประตูบานนั้น ก่อนจะเห็นบันไดเรียงตัวขึ้นไป ลุงและชานยอลเดินขึ้นไปตามทางบันไดจนพบห้องใต้หลังคาจริงๆ มันไม่ได้เก่าโทรม มือหรือแคบ เพดานต่ำจนชานยอลต้องก้มเหมือนที่คิดไว้ ดูเหมือนว่าห้องใต้หลังคานี้ถูกออกแบบตั้งแต่ก่อนสร้าง ไม่ใช่แค่เห็นมีพื้นที่เหลือก็สร้าง เพราะขนาดส่วนที่ต่ำที่สุดของห้อง ชานยอลก็สามารถเดินได้โดยไม่ต้องก้ม ห้องน้ำในตัวที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น และสุขภัณฑ์ครบครัน สภาพห้องที่ดูดีและกว้างกินพื้นที่ทั้งชั้น มีมุมนั่งเล่นใกล้กับหน้าต่าง เตียงเดี่ยวขนาดหกฟุตตั้งอยู่ที่ริมหน้าต่างที่มีผ้าม่านกั้นแสงแดดที่เข้ามามากจนเกินไป มีเซทครัวเล็กๆมีตู้เย็น โซฟาเล็กพร้อมทีวีให้พร้อม  ถึงห้องนี้จะมีความสูงน้อยกว่าห้องอื่น แต่ชานยอลคิดว่ามันก็คุ้มที่จะแลกกับพื้นที่ทั้งชั้น ในราคาเท่าเดิม!!

    “เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม อยู่ได้รึเปล่า..”  ลุงฮยอนซองถามผม

    “ผมชอบมากครับ ตกลงครับ ผมจะอยู่ห้องนี้..” ผมชอบห้องนี้แล้วล่ะ

    “แต่พ่อหนุ่มต้องฟังเรื่องนี้ก่อน..จริงๆแล้วห้องนี้เป็นห้องของหลานของลุง แต่แกป่วยหนักไปแล้วเมื่อสองปีก่อน..”นั่นไง เอาแล้วไง ก็ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆตอนอยู่หน้าห้อง

    “..ลุงเลยทำเป็นห้องให้เช่า ลุงไม่เคยเห็นอะไรผิดปกติหรอกนะ” สิ่งผิดปกติของลุงนั่นคือผีรึเปล่าครับ ผมว่าผมรู้สึกได้นะ

    “แต่มีหลายคนแล้วล่ะที่ย้ายออกไป..” เอาแล้ว..ไหนลุงบอกว่าไม่เคยเห็นไงเล่า!!

    “ลุงเล่าเรื่องนี้ให้พ่อหนุ่มฟังเพราะลุงไม่อยากปิดบัง แต่ถ้าพ่อหนุ่มยังอยากเช่าห้องนี้ ลุงจะลดค่าห้องให้30%” ลุงยื่นข้อเสนอน่าสนใจมากให้ผม ที่จริงผมว่าห้องนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเลยนะ จริงๆผมก็พอจะมีซิกส์เซ้นส์อยู่บ้าง ผมรู้สึกได้ว่าวิญญาณไม่ได้อาฆาตหรือโกรธอะไร เหตุการณ์หน้าห้องที่ผมรู้สึกมันเหมือนการต้อนรับมากกว่าด้วยซ้ำ

    สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเช่าห้องใต้หลังคาที่มีหมายเลขห้อง 15 ด้วยเหตุผลที่ว่าทำเลดี ราคาถูก และเหตุผลประหลาดอีกนิดหน่อย คือผมรู้สึกดี แบบว่ามันรู้สึกผูกพันแปลกๆกับห้องนี้นะ เอาเถอะยังไงผมก็เช่าไปแล้วล่ะ ถูกและกว้างขนาดนี้ ถึงแม้ลุงจะไม่ยื่นข้อเสนอลดค่าห้องผมก็คิดว่าจะตกลงอยู่แล้วล่ะ ผมขี้เกียจหาที่พักพี่อื่นแล้ว มันไม่ง่ายเลยนะที่จะหาห้องตอนกลางเทอม แถมยังกลางเดือนแบบนี้ด้วย

    ผมเข้าอยู่ในวันนั้น โดยหลังจากทำสัญญาเสร็จ ลุงก็ใจดีขับรถไปขนของให้ผมถึงหอพักเก่า ลุงเองดูตกใจไม่น้อยที่เห็นข้าวของผมทั้งหมดตั้งอยู่หน้าหอเรียบร้อย ก็ผมโทรไปหาเจ้าของหอเก่าว่าจะย้ายหอ เจ้าของหอเลยดีใจจนรีบขนของมาให้ถึงหน้าหอ โดยมีลูกสาวหรือแฟนเก่าผมมายืนร้องไห้อยู่ข้างๆส่งผมขึ้นรถ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอจะมามองหน้าผมให้ร้องไห้อีกทำไม จริงๆผมก็รู้สึกผิดนะครับ ผมเลยรีบย้ายออกไงล่ะ แล้วผมกับลุงก็ช่วยกันขนของเข้ามาให้ห้องหมายเลขสิบห้านี้จนเสร็จ และนี่ก็จะเป็นคืนแรกที่ผมจะอยู่ในห้องนี้ครับ

    หลังจาจัดของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ก็กินพลังของผู้อาศัยคนใหม่ไปจนหมด เปลือกตาหนังอึ้งปิดลงโดยไม่ต้องพยายาม ความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้ปาร์คชานยอลหลับไปโดยง่าย แม้ว่าตาจะปิดลงไปอย่างง่ายดาย แต่ก่อนที่ประสาทของเขาจะสิ้นการรับรู้ เขากลับได้ยินเสียงหวานที่กำลังขับกล่อมคล้ายเป็นการต้อนรับอันอบอุ่นของปาร์คชานยอลเข้าสู่ห้องหมายเลยสิบห้าของเจ้าของห้องเดิม “พยอน แบคฮยอน”

    Lying beside you

    เอนกายลงข้างๆเธอ

    Here in the dark

    ตรงนี้ในความมืดมิด

    Feeling your heart beat with mine

    รู้สึกถึงเสียงหัวใจของเธอไปกับฉัน

    Softly your whisper you’re so sincere

    เสียงกระซิบแผ่วเบาของเธอ เธอช่างจริงใจเหลือเกิน

    How could our love be so blind…

    แต่ความรักของเรามืดบอดไปได้อย่างไร

    We sailed on together

    เราเคยอยู่ด้วยกัน

    We drifted apart

    เราเคยแยกทางกันไป

    And here you’re by my side.

    และตอนนี้ เธออยู่ข้างๆฉัน

    So now I come to you with open arms

    ในตอนนี้ฉันมาหาเธอแล้ว พร้อมกับอ้อมกอดนี้

     

    Nothing to hide believe what i say

    ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เชื่อที่ฉันพูดนะ

    So here I am with open arms

    ฉันอยู่ตรงนี้พร้อมอ้อมกอดนี้

    Hoping you’ll see what your love means to me…open arms

    หวังว่าเธอจะเห็นว่ารักของเธอมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน...

     

     

    แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกชานยอลให้ตื่นขึ้น และบวกกับความหิวที่สะสมตั้งแต่เมื่อวานเพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น ทำให้ชานยอลตื่นขึ้นมาโดยไม่ต้องปลุกให้ยาก

    เมื่อคืนผมว่าผมได้ยินเสียงใครบางคนร้องเพลงด้วยครับ แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาตกใจ เลยหลับไปเลยครับ เมื่อวานผมไม่ฝันอะไรเลย อาจจะเหนื่อยเกินไปจนหลับลึก เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วครับ ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงก็พอ อย่ารีบเจอเลยจะดีกว่า

    แปลกนะครับ แทนที่ผมจะรู้สึกกลัวจนต้องวิ่งหนี แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก เสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงของผู้ชายครับ เสียงหวานที่ขับกล่อมได้อย่างไพเราะ จนผมอยากจะเห็นหน้าเจ้าของเสียงเลยล่ะ ผมมั่นใจมากครับว่าเขาไม่ใช่คนปกติที่มีชีวิตแน่นอน ผมขอยืนยันด้วยเกียรติของตัวเองที่เคยเป็นหัวหน้าห้องตอนป.4ได้เลย แต่เขาว่ากันว่าเสียงมักจะตรงข้ามกับหน้าตา ถ้าเป็นแบบนั้นขอให้ผมเจอแบบสภาพดีๆนะครับ มาแบบชุดเลอะเลือด หน้าเละอะไรแบบนั้นผมก็ไม่อยากเห็นหรอกนะ!!

    หลังจากจัดการตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และจัดห้องอีกนิดหน่อยจนเสร็จเรียบร้อย ชานยอลก็รีบลงมาด้านล่างเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนไปมหาวิทยาลัย โชคดีที่วันนี้มีเรียนสายๆ ไม่งั้นนักศึกษาชานยอลคงไม่ได้กินข้าวก่อนไปเรียนแบบนี้แน่นอน ชานยอลเลือกฝากท้องไว้กับร้านอาหารบริเวณชั้นหนึ่งของอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งก็คือร้านของป้าฮานึลนั่นแหละ แล้วก็มีร้านมินิมาร์ทเล็กๆที่ลุงฮยอนซองเป็นคนดูแลอยู่ด้วย เป็นธุรกิจครอบครัวเต็มรูปแบบ

    รอเพียงไม่นาน ป้าฮานึลก็มาเสิร์ฟข้าวผัดกิมจิไข่ดาวที่สั่งไป ชานยอลรีบหยิบช้อนตักข้าวเข้าปากตัวเองทันที รสชาติอาหารถือว่าอร่อยเลยทีเดียว

    “นี่พ่อหนุ่ม..เมื่อคืนเจออะไรแปลกๆรึเปล่า” ป้าฮานึลที่ยังไม่เดินไปไหนถามพ่อหนุ่มด้วยความกังวล

    “แค่ก แค่ก”  คำถามป้าฮานึลทำเอาชานยอลสำลักข้าวด้วยความตกใจ

    ”ค่อยๆลูก กินน้ำก่อนๆ” ป้าฮานึลตกใจ รีบเอามือลูบหลังผู้อาศัยคนใหม่ หลังจากที่หายสำลักชานยอลก็รีบตอบคำถามของป้าฮานึลทันที

    “ไม่เห็นเจออะไรนี่ครับ” ชานยอลเลือกที่จะโกหกให้ป้าสบายใจ เหตุการณ์ตอนก่อนนอนคงจะเป็นอะไรแปลกๆที่ป้าหมายถึง แต่ชานยอลไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวอะไร ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องราวเจ้าของห้องเดิมมากกว่า

    “ป้าครับ ช่วยเล่าเรื่องเจ้าของห้องเก่าให้ฟังหน่อยสิครับ” ชานยอลตัดสินใจถามในสิ่งที่อยากรู้

    “แต่ว่า..พ่อหนุ่มอาจจะกลัวเอาได้นะ” ป้าฮานึลคงกลัวว่าเขาจะกลัวจนหลอนสินะ

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเจตนาบริสุทธิ์นะครับ ยังไงหลานป้าคงไม่ใจร้ายไล่ผมหรอกใช่มั้ย” ชานยอลยิ้มยืนยันกับป้าฮานึลว่าไม่เป็นไร ป้าจึงค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “หลานป้าชื่อ “พยอน แบคฮยอน ”  ป่วยหนักเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ก็น่าจะอายุเท่าพ่อหนุ่มนี่แหละ อพาร์ทเม้นท์นี้ก็เป็นของเขา ที่จริงเป็นของน้องชายป้าก็พ่อของแบคฮยอนน่ะ แต่พ่อกับแม่ของแบคฮยอนเสียไปตั้งแต่เจ้าหนูอายุสิบห้า ลุงกับป้าเลยมาช่วยดูแลให้แก และก็คอยดูแลแบคฮยอนด้วย หลังจากแบคฮยอนป่วย ป้ากับลุงก็มาดูแลอพาร์ทเม้นท์นี้ให้ บางคนที่เช่าห้องนั้น บางคนก็บอกว่าเห็นเด็กผู้ชายนั่งอยู่ในห้อง บางคนก็บอกว่าได้ยินเสียงเสียงคนร้องเพลง มีบางคนบอกว่าตู้เลื่อนได้เอง แล้วก็ขอย้ายออก หลังจากนั้นป้าก็ไม่เปิดห้องให้ใครเช่า เพราะถ้าเจอแบบนั้นอีก ป้ากลัวว่าเขาจะเอาไปพูดกันว่าเป็นอพาร์ทเม้นท์ผีสิงแล้วจะไม่มีใครมาพัก ป้าต้องการเงิน เอาไปจ่ายค่ารักษาของแบคฮยอน” ป้าฮานึลเล่าพลางน้ำตาคลอ

    “ชื่ออพาร์ทเม้นท์นี้แบคฮยอนก็เป็นคนตั้ง เพราะมันมีทั้งหมดเก้าชั้น แต่มีห้องพักสิบหกห้อง รวมห้องของป้าที่ชั้นหนึ่งและห้องได้หลังคาสุดที่รักของเขาด้วย สิบหกห้องนั้นเขาบอกว่าเหมือนโชคชะตาที่จะเจ้าของห้องสิบหกคนมาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์นี้ เลยตั้งชื่อว่า sixteny มาจาก Sixteen กับ destiny... ” ดูจากการตั้งชื่อ ผมว่าแบคฮยอนคงเป็นเด็กผู้ชายที่สดใสและบริสุทธิ์มากเลยล่ะ

    “พ่อหนุ่มรู้มั้ยว่า เจ้าแบคฮยอนน่ะร้องเพลงเพราะมากเลยนะ เคยร้องเพลงให้ป้าเป็นของขวัญวันเกิดด้วย ฮ่าๆๆๆ ใครก็เอ็นดูแกกันทั้งนั้นแหละ” ป้าฮานึลดูมีความสุขเมื่อได้คิดถึงเรื่องสวยงามในอดีต รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แจ่มชัดบนใบหน้าคงบอกได้ดี แต่ทว่าดวงตากลับเริ่มหม่นลง ผมรู้น่าแบคฮยอนร้องเพลเพราะ ก็เคยได้ยินด้วยตัวเองเลยนี่นะ

    “แต่แกไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยตั้งแต่เด็กๆแล้ว และหลังจากที่พ่อแม่แกเสีย แกคงเสียใจมาก จนเร่างกายเริ่มอ่อนแอ แล้วก็ป่วยหนักแบบนี้” ป้าฮานึลรีบเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล

    “ป้าต้องเข้มแข็งนะครับ ผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ” ผมรีบจ่ายเงินและลาป้าไปเรียน นั่งฟังป้าฮานึลจนเกือบสายแล้วล่ะสิ

    ขอสารภาพเลยว่าทั้งวันผมแทบเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะจำไม่ได้ว่าถามป้าไปหรือยัง หรือว่าป้าเล่าให้ผมฟังรึยัง หนึ่งคำถามที่คาใจผมตลอดทั้งงวันนี้ คือ..แบคฮยอนป่วยหนัก เป็นอะไร? คือผมรู้นะว่าป่วย แต่ผมหมายถึง ป่วยด้วยโรคอะไร ดูเหมือนผมโรคจิต จะล่าท้าผี แต่ไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็แค่อยากรู้ข้อมูลไว้บ้าง รู้เขารู้เรา ยังไงก็ตามผมรู้สึกได้ว่า ผมกับแบคฮยอนน่าจะได้เจอกันอีก ผมเริ่มแปลกใจตัวเองแล้วล่ะว่า ทำไมแทนที่ผมควรจะต้องยิ่งกลัวแต่ผมกลับอยากจะรู้จักมากขึ้น อาจจะเพราะเสียงหวานๆนั่นรึเปล่านะ ผมคิดถึงเรื่องนี้ทีไร บทเพลงไพเราะที่กล่อมผมเมื่อคืนยังคงอยู่ในหัวของผม และแทนที่ผมควรจะหลอน กลายเป็นว่าผมอยากจะฟังเสียงนั้นทุกคืนเลยล่ะ

     

     --------------------------------------------------------------------------------

    พยอน แบคฮยอน’s Diary

    คุณรูมเมทจะชอบห้องใต้หลังคารึเปล่านะ?? แต่ผมชอบมากเลยล่ะ :D

    และห้องนี้ผมก็ขอคุณพ่อให้สร้างด้วย ตอนนั้นผมอายุแค่แปดขวบเองมั้งครับ หลังจากนั้นผมก็ตกแต่งห้องนี้เองด้วยนะ

    คุณไดอารี่ครับ คุณที่มาอาศัยคนใหม่คนนั้นแปลกดีนะ นอกจากความสูงที่มากกว่านอื่น หูกางๆตาโต ขาโก่งด้วย เขาไม่กลัวผมเลยครับ อย่างเมื่อคืนผมร้องเพลงต้อนรับ ผมแค่อยากทักทายนะ แต่เขาก็ไม่กลัวอะไรเลย หลับไปหน้าตาเฉยอีกต่างหาก ถ้าเป็นคนอื่นคงรีบเผ่นแล้วล่ะ ตอนแรกคิดว่าจะร้องแค่สั้นๆ แต่เห็นคุณรูมเมทไม่ว่าอะไร ผมเลยร้องต่อจนจบเพลงเลย แต่อย่างที่เห็นครับ เขาน่าจะได้ยินแค่ครึ่งเพลงเท่านั้นแหละ ก็ดันหลับซะก่อนนี่

    จริงๆผมเป็นผีหรือว่าวิญญาณ อันนี้ผมก็แยกไม่ออกหรอกครับว่าต่างกันยังไง แต่ถ้าทุกคนมาเจอผม เกือบทุกคนก็คงเรียกว่าผมว่าผีนั่นแหละ แต่พวกคุณครับ ผมยังไม่ตายนะ ร่างกายของผมนอนนิ่งอยู่ที่โรงพยาบาล ผมเข้าร่างตัวเองไม่ได้ครับ TT ผมเลยต้องมาเป็นวิญญาณแบบนี้ แต่ผมเป็นผีที่ดีนะ ผมไม่เคยทำร้ายใครเลย รูปลักษณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวนะ แม้ว่าผมจะตายตอนอายุ 15 ปี แต่ไม่รู้ทำไมวิญญาณของผมก็โตตามไปด้วย รูปร่างร่างกายโตขึ้นครับ ยกเว้นความสูงนะ ตอนอายุสิบห้าผมสูงกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้สูงขึ้นอีกเลย ตอนนี้ถ้าเทียบกับผู้อาศัยคนใหม่ที่ผมยังไม่รู้จักชื่อ ผมคงได้แค่ระดับอกเขาเองมั้ง ผมไม่ได้เตี้ยนะ ผมน่ะมาตรฐานผู้ชายเกาหลีต่างหาก

    สภาพผมเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ มีแขนขาใบหน้าครบ ไม่ได้ใส่ชุดขาวด้วย เป็นเหมือนคนธรรมดาเลย แต่แค่เป็นภาพโปร่งแสง พอจะนึกภาพออกใช่ไหม ถ้ามีแสงสว่างมาก จะโปร่งแสงครับ แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืน หรือมีแสงน้อยหน่อยก็จะเห็นชัดขึ้น เกือบเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ แต่ที่พูดมาทั้งหมด หมายถึงถ้าผมอยากปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นนะ

    รูมเมทคนใหม่ของผมกำลังไปเรียนสินะ ผมเห็นแผ่นหลังกว้างของเขาไกลออกไปเรื่อยๆ มันแปลกนิดหน่อยที่เขาไม่กลัวผม แต่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับผมนะ อย่างน้อยลุงกับป้าจะได้ค่าเช่า ผมจะได้ไม่ต้องเหงาด้วย งั้นคืนนี้ผมจะต้อนรับรูมเมทผมอย่างเป็นทางการแล้วกันนะครับ รีบกลับมาล่ะรูมเมทของผม !! :D

     

     

     

     

    Talk**

    อย่างที่บอกในหน้าหลักนิยายนะคะ เรื่องนี่มีเค้ามาจาก royal villa ที่อนยูเล่น เป็นซิทคอมส์สนุกๆ คาแรคเตอร์ของผีในห้องนั้นอยากออดิชั่นเป็นนักร้อง แต่ดันเสียชีวิตซะก่อน เลยเอามาเป็นพลอตของเรื่องนี้ด้วย

    ที่จริงมันเป็นฟิคชั่ววูบ แต่งเพราะกำลังกลุ้มใจเรื่องเกรดที่กำลังจะออก กลัวไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านต้องซ้ำชั้นเลยนะ

    แนะนำตัวหน่อย เราเรียนอยู่ปีสองค่ะ :D เรียกว่า grayliette (อ่านว่า เกรย์เลียต) ได้เลยค่ะ

    เรื่องนี้ไม่น่าจะเกินสิบตอน เค้าเรียก short fic  รึเปล่า แต่อาจจะมีเรื่องต่อของห้องอื่นๆด้วย อยากรู้กันมั้ย 555

    ติดแท็ก #sfsixteny ให้ด้วยนะคะ ><

    ติชม ได้ที่ @grayliette

    มือใหม่หัดแต่ง ฝากตัวด้วยค่ะ !! :D  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×