ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Short Love Stories

    ลำดับตอนที่ #1 : บุคคลที่3 #1

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 57


                                            

    Title :     บุคคลที่3


    Pairing:  Chanyeol    Baekhyun 


    Talk:     เปลี่ยนชื่อฟิคพร้อมรีไรท์บางส่วน เนื้อหาคงเดิมค่ะ แต่กระชับคำบ้างเพราะมันเวิ่นซะน่ารำคาญ              
                      ย้ำ
    !! ฟิคเรื่องนี้เป็นชานแพคแน่นอนไม่มีหักมุมแต่มีเรื่องราว ฝากติดตามด้วยนะคะ
                      ซัก..5ตอนน่าจะจบ ฝากแท็กไว้ในเส้นเลือดฝอยหัวใจด้วยนะคะ
    #ฟิคบุคคลที่3

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงสนทนาจอแจของผู้คนมากหน้าหลายตาที่พากันมาช๊อปปิ้งในวันหยุดดังกระทบโสตประสาทการได้ยินเป็นระยะ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กที่นั่งหน้างองุ้มเป็นถ้วยคว่ำอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังรู้สึกหงุดหงิดไปกว่า ..สิ่งที่กำลังทำอารมณ์สดใสของเขาบูดไม่แพ้หน้าในตอนนี้

     

     

    นิ้วเรียวเลื่อนตัวหนังสือในไอแพดคู่ใจอ่านผ่านๆ เขาฆ่าเวลาแห่งการรอคอยด้วยการท่องโลกไซเบอร์เพื่อลดความเบื่อหน่าย ข่าวกอซซิปดาราคนนั้นเดทคนนี้คนนี้แอบพบคนนั้นยังไม่ช่วยกระตุ้นต่อมความอยากรู้เรื่องชาวบ้านชาวคอนโดให้หายเซ็ง

     

     

    รอแล้วรอเล่า...

     

     

     ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่นัดไว้..

     

     

     กินเวลาไปร่วม2ชั่วโมงแล้วนะ!!

     

     

     

     

     ฟุ่บ!!

     

     

    ร่างเล็กลุกขึ้นอย่างทันทีทันใดพร้อมกับความอดทนที่ขาดดังผึง เรียวขาเล็กทำท่าจะก้าวออกจากร้านกาแฟที่ปักหลักนั่งพักนั่งพิงมาหลายชั่วโมง แค่หมุนตัวออกเดินได้เพียงครึ่งก้าว ตาเรียวก็ประสบพบเจอกับรอยยิ้มแฉ่งเป็นเอกลักษณ์แสนคุ้นเคย

     

     

    "แพคฮยอนอาา~~~าา"

     

     

    เสียงทุ้มไล่ตามแผ่นหลังบางอย่างออดอ้อนในขณะที่คนถูกเรียกเอาแต่ก้าวฉับๆราวกับจะรีบไปตามญาติของวัว  ใบหน้าหวานงองุ้มคว่ำแล้วคว่ำอีกอย่างเห็นได้ชัด  บ่งบอกถึงความเดือดดาลที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ

     

     

    มือหนาของคนที่เดินตามมาติดๆฉวยหมับเข้าที่ข้อมือเล็กปรารถนาให้คนที่เดินหนีตนเองหยุดลง
    แต่คนอย่าง  
    พยอนแพคฮยอน  มีหรือจะยอมให้ง้อง่ายๆ  มือเล็กสะบัดออกแทบจะทันทีโดยไม่ต้องชำเลืองมองให้เสียเวลาซักนิด   คนเดินตามยกยิ้มเล็กๆที่มุมปาก เป็นความจริงที่รู้ดีอยู่แล้ว ถ้าง้อง่ายๆก็ไม่ใช่แพคฮยอน แต่ถ้าเลิกตื๊อง่ายๆก็ไม่ใช่  ปาร์คชานยอล  เช่นกัน

     

     

    เรียกว่ามวยถูกคู่ สูสีกันทุกยก

     

     

    มือใหญ่เอื้อมคว้าข้อมือนั้นอีกครั้ง คราวนี้ออกแรงกระชากไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นทิ้งรอยช้ำ แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวกระเด็นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างง่ายดาย

     

     

     "ปล่อย!!"

     

     

    คนในอ้อมกอดขู่ฟ่อๆ  เสียงหวานแผดแหวสูงลิบยิ่งกว่านักร้องโอเปร่า ดวงตาคู่สวยที่บัดนี้ส่งแววอาฆาตมาดร้าย จิกเจ็บจนอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวจ้อยนี่เป็นญาติกับสัตว์ปีกชนิดไหนหรือเปล่า

     

     

    น่ากลัวซะไม่มีล่ะ...

     

     

     รอยยิ้มยียวนกวนประสาทถูกส่งให้คนตัวเล็กกว่าแทนคำตอบ  แพคฮยอนฮึดฮัดเพราะร้อนไปทั้งเรียวหน้า แยกไม่ออกว่าโมโหหรือเขินขัดมากกว่ากัน ไหนจะแววตาล้อเลียนนั่นอีก ตากลมๆโตๆก็สวยอยู่หรอกถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้าของมันชอบทำสายตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มแบบนั้น   เห็นแล้วมันน่าจิ้มให้บอดนัก

     

     

    ได้แต่คิดบ่นก่นด่าในใจ ให้ทำแบบนั้นจริงๆก็คงไม่กล้า ถ้าชานยอลต้องเจ็บแม้เพียงปลายเล็บข่วน พยอนแพคฮยอนก็เจ็บกว่าเป็นหลายร้อยหลายพันเท่า...  

     

     

    ยกเว้นเวลาเล็บข่วนตอนนั้น ..

     

     

    ตอนไหนก็คิดเอา ไม่อยากจะกล่าว..

     

     

     "ปาร์คชานยอล ฉันบอกให้ปล่อยยยย!!"

     

     

     คราวนี้คนตัวเล็กเสียงดังขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองและให้ความสนใจกับคนทั้งคู่ แพคฮยอนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น ใบหน้าของชานยอลโน้มลงมาใกล้จนห่างไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

     

     

    "ขืนโวยวายอีก... ฉันจะจูบแพคฮยอนโชว์คนทั้งห้าง มันตรงนี้แหละ"

     

     

    ประโยคหลังตั้งใจกระซิบลงข้างหูคนตัวเล็ก เล่นเอาเจ้าตัวหน้าแดงวาบ งานเขินต้องมา และมันก็ทำให้คนตัวเล็กสงบลงแทบจะทันที

     

     

    ไม่ได้กลัวถูกจูบ แต่จะจูบโชว์ชาวบ้านร้านตลาดมันก็ดูจะสก๊อยไป ไม่ใช่ทางของแพคฮยอน!!

     

     

    "อะ...ไอ้.."   

     

     

    ได้เพียงสบถเบาๆอย่างหมดทางสู้  ชานยอลพูดจริงทำจริงเสมอ โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้..

     

     

    "จะคุยกันดีๆไหมล่ะ?"

     

     

    อย่างนี้ทุกที พองอนทีไรก็ไม่เคยเอาชนะลูกตื๊อหมอนี่ได้ซักที แค่เรื่องง้อนี่ล่ะที่แพคฮยอนต้องยอม ถ้าเป็นเรื่องอื่น หมอนี่ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก จริงๆนะด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ!

     

     

    "มาสายทั้งปี นายคิดจะมารอฉันก่อนบ้างไหม ปาร์คชานยอล!! "

     

     

    พอทิ้งตัวลงนั่งในร้านเบเกอร์รี่ร้านโปรดได้ คนตัวเล็กก็เปิดฉากใส่ไม่ยั้ง แต่คนตรงหน้าก็ยังคงทำหน้าระรื่นไร้ซึ่งความสะทกสะท้านใดๆ

     

     

     "ฉันตื่นสาย..ก็นาฬิกามันทรยศฉันนี่นา"  ชานยอลแก้ตัว

     

     

     "นายมีนาฬิกาปลุกตั้ง3เรือน มันถ่านหมดพร้อมกันหรือไงห๊ะ! ทำไมมันถึงได้ตื่นยากตืนเย็น นอนหรือตายกันแน่!"

     

     

    "ถ้ารู้ยังงี้ฉันปีนรั้วไปเตะนายออกมาตั้งแต่แรกซะก็ดี"

     

     

     อารมณ์คนตัวเล็กไต่ระดับความครุกกรุ่นขึ้นอีก เมื่อฟังคำแก้ตัวซ้ำซาก ของคนที่คบกันมาหลายปี

     

     

    "ถ่านไม่ได้หมดหรอก แต่มันดังทีไร ฉันก็เผลอกดปิดทุกทีนี่นา มันผิดที่บริษัททำนาฬิกาปลุกสิ ไม่รู้จะทำปุ่มกดปิดมาทำไม ฉันก็เลย..กดปิดแล้ว~~~นอนต่อ"

     

     

    คำแก้ตัวแบบแถไปสามทีถูกสาธยายเจื้อยแจ้วตามมาติดๆ เมื่อเห็นว่าแพคฮยอนทำหน้าเหมือนเหม็นคิมบับบูดร่างสูงก็ใช้ไม้ตายที่เตรียมมาอย่างดีทันที

     

     

    "แต่มันมีวิธีที่สามารถแก้การตื่นสายของฉันได้อยู่นะ เด็ดขาดซะด้วย"

     

     

    "อะไร?"

     

     

    คนตัวเล็กถามกลับทันควันด้วยอารมณ์ที่ยังไม่ลดระดับลงแม้แต่นิด  เรื่องนัดแล้วสายเป็นปัญหาซ้ำซากที่ทำให้แพคฮยอนอารมณ์เสียกับคนหน้าหล่อตรงหน้ามานานอย่างเรื้อรัง  นัดสิบครั้งชานยอลก็มาสายไปซะเจ็ดครั้ง แถมสายเป็นชั่วโมงๆอีกต่างหาก      เคยได้ยินมั้ย ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดีน่ะ!

     

     

    "ก็ง่ายๆ...."

     

     

     คนหน้าหล่อเว้นระยะให้คนตัวเล็กกว่าได้สงสัยเล่น และนั่นก็ได้ผล แพคฮยอนเลิกคิ้วรอคอยสิ่งที่เจ้าตัวกำลังจะบอกอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตากลมใสกระพริบปริบๆอย่างน่ารัก

     

     

    "แพคฮยอนก็แต่งงานกับฉันไง มาอยู่ด้วยกัน รับรองฉันไม่ตื่นสายแน่ มีแพคฮยอนมาคอยปลุกทุกวันเลย"

     

     

    พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่แววตาที่ส่งมากลับบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นเลย มันจริงจังซะจนคนฟังหน้าแดงเถือกไปถึงหู อารมณ์โกรธเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความเขินอายเต็มสูบ หมอนี่พูดเบาซะที่ไหน

     

     

    "อะ..ไอ้ ..บ้า.."

     

     

    แสร้งด่าไปอย่างนั้น แต่ใบหน้าหวานกลับเจือรอยยิ้มบางเบา แม้เจ้าตัวจะพยายามกลั้นไว้สุดๆก็ตาม

     

     

    ... ก็มันอดยิ้มไม่ได้ เหมือนกำลังถูกขอแต่งงานจริงๆเลยแฮะ แพคฮยอนพูดเลย เขินสุดๆ!

     

     

    "แพคฮยอนอาเมื่อไหร่จะใจอ่อนเสียที"

     

     

    ทำหน้าอ้อนแบบนั้นน่ารักตายล่ะ!

     

     

     "จะ..ใจ อ่อน บ้าอะไร"

     

     

    "ก็ยอมแต่งงานกับฉันไง เราคบกันมาตั้งนานแล้วนะ"

     

     

    อีกแล้ว มามุกนี้ตลอดปาร์คชานยอล ก็จริงอยู่ ..พวกเขาคบกันมานานหลายปีเลยทีเดียว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ที่ไม่สามารถอาบน้ำด้วยกันได้แล้ว ความสัมพันธ์ที่มีจึงเป็นทั้งเพื่อนและคนรัก ด้วยความที่สนิทกันมากๆ ทำให้ชานยอลรู้จุดอ่อนเขาไปซะหมด คำพูดหวานๆที่เขามักจะเขินอายเสมอ เสียงอ้อนๆที่หมอนั่นชอบทำเป็นประจำ

     

     

    และแน่นอนความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นความลับ ภายใต้ฉากบังหน้าของเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่กันประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียง และถึงแม้ทั้งสองครอบครัวจะเป็นตระกูลเก่าแก่ แต่พวกท่านก็มีความคิดที่ทันยุคทันสมัย รับรู้ถึงโลกเราที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องพวกนี้  

     

     

    แต่มันติดที่ใครอีกคนต่างหาก..

     

     

    เพราะแพคฮยอนมาทีหลัง...

     

     

    "แต่งบ้าแต่งบออะไร คนเค้ามีพ่อมีแม่"

     

     

    ตอบส่งๆไปอย่างนั้นด้วยความเขินอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ถึงจะหล่อเฟี้ยวมั่นหน้าเกินล้าน แต่ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ใจสั่นหวั่นไหวเป็น!

     

     

    แต่ก็ไม่รู้เป็นแค่กับชานยอลหรือเปล่า..

     

     

    เพียงคนเดียวที่ทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นแทรกผ่านหัวใจของแพคฮยอนได้

     

     

    "งั้นถึงเวลาที่ฉันต้องไปขอแพคฮยอนกับคุณอาแล้วสินะ!"

     

     

     ชานยอลหมายมั่นปั้นมือเป็นเรื่องเป็นราวพลางทำหน้าตาท่าทางเพ้อฝันใหญ่โต รอยยิ้มกว้างแบบฉบับเจ้าตัวส่งมาให้เคนตัวเล็กเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้

     

     

    "แกอยากเห็นฉันโดนแม่ฆ่าหมกโหลกิมจิหรือไง"

     

     

     ไม่พูดเปล่ามือเล็กยังตีไปที่หัวของคนที่กำลังวาดฝันเรื่องแต่งงานในอนาคตด้วยความหมั่นเขี้ยว ก็นะ..ชานยอลก็น่ารักขนาดนี้ นับวันยิ่งจะถอนตัวไม่ขึ้น มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าเลย ระหว่างเขากับชานยอล จะอยู่ด้วยกันอย่างนี้มีความสุขด้วยกันแบบนี้ทุกวัน หรือซักวัน จะต้องเปลี่ยนแปลง

     

     

    วันข้างหน้าที่แพคฮยอนไม่อยากจินตนาการถึง...

     

     

    "เจ็บนะ แพคฮยอนอา กินเค้กเสร็จไปดูหนังกันนะ"       

     

     

    เจ้าของเสียงทุ้มยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ แต่ก็ยังส่งรอยยิ้มน่ารักๆพร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อนอย่างเคยให้กับคนรักตัวเล็ก ซึ่งเจ้าตัวจ้อยก็พยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี ก่อนตั้งหน้าตั้งตาจัดการเค้กสีหวานตรงหน้า และไม่ลืมที่จะตักป้อนคนตัวสูงไปด้วย

     

     

     

     

    ไม่เคยโกรธหมอนี่ได้นานเลยสิพับเผื่อย..แพคฮยอน ทำไมใจอ่อนอย่างนี้นะ!

     

     

     

     

     ++++++++

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผม   พยอนแพคฮยอน 

    เป็นผช.ตัวเล็กๆคนนึงครับ จะว่าเล็กก็ไม่เล็กนะ ส่วนสูงนี่ก็ปกติทั่วไปตามมาตรฐานชายเกาหลีล่ะครับ ต้องโทษไอ้เอ๋อนั่นที่อาจจะกินแคลเซียมเม็ดผสมซีรีแล็คมาตั้งแต่เด็ก  มันเลยสูงเอาสูงเอา เสาไฟฟ้าอายครับ ว่าแต่แคลเซียมเม็ดนี่ทำให้สูงหรือเปล่าครับ?  แต่ช่างเถอะ ผมไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ เพราะถึงรู้ไปผมก็ไม่สูงไปกว่านี้แล้วล่ะ ชีวิตคนหล่อก็แอบเศร้านะ!

     

     

    ผมกับชานยอลเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านของพวกเราติดกันครับ ครอบครัวของพวกเราก็สนิทกันครับ และด้วยความที่อายุเราเท่ากัน เราก็เลยสนิทกันมากๆ แต่ผมเป็นพี่นะครับ ผมเกิดก่อนหมอนั่นตั้งหลายเดือนเลยล่ะ โฮะโฮะ!! (กรุณาอย่ามโนว่าผมหัวเราะแบบป้องปาก แต่ให้คิดว่าผมแผดเสียงด้วยท่าทางที่แมนสุด สุด!)  

     

     

    พวกเราคบกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ ต้องใช้คำว่าพวกเราถูกแล้ว เพราะจริงๆยังมีอีกสองคนครับที่อยู่ในกลุ่มแก๊งเดียวกัน แต่ตอนนี้เค้าทั้งสองไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะอีกคนก็เดินทางไปเรียนต่อไกลถึงเมืองนอกเมืองนาโน่น และอีกหนึ่งหน่อก็ไปๆมาๆ นี่ก็เห็นว่าตั้งใจเรียนอยู่ที่ประเทศบ้านเกิด เรียนศิลปะป้องกันตัวอะไรซักอย่างนี่ล่ะ วูซู กระซู่อะไรนี่แหละ ชื่อเหมือนสัตว์สงวนนะว่ามั้ย เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของอากงอาม่าอาอี๊อากู๋อาอึ้มอยู่เหมือนกัน ไม่กลับมาซักที!  ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ ที่เกาหลีเรียนไม่ได้ต้องถ่อไปไกลถึงเมืองนอกเมืองฝรั่งเมืองเจ๊ก เป็นผมไม่ไปหรอกคิดถึงคนที่นี่ตายชักโดยเฉพาะ.. เอ่อ ข้ามมันไปก่อนครับ  

     

     

    พวกเราทั้งสี่คนสนิทกันมากๆ ตั้งแต่จำความได้ก็เจอหน้ากันแล้วเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กยันล่วงเลยเข้าช่วงเวลาที่เรียกว่าวัยรุ่น ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด พวกเราทั้งสี่คนจัดว่าเป็นพวกหน้าตาดีครับ สาวๆตามกรี๊ดเพียบไม่ต้องพูดถึง นี่ไม่อยากคุยเอาจริง

     

     

    แล้วผมต้องบรรยายถึงคนอื่นมั้ยครับแค่ผมคนเดียวปามาครึ่งเรื่องแล้ว ไรเตอร์ก็ไม่รู้จะแต่งจบหรือเปล่า ได้ข่าวว่าดองเค็มจนเปรี้ยวอีกหลายเรื่องอยู่  กากๆสไตล์แก ก็ปล่อยแกไปครับ ทนๆหน่อย

     

     

    กลับมาที่  ปาร์คชานยอล ผู้ชายตัวสูงปรี๊ด สูงไปเพื่อใครครับ หมอนี่เหรอ หล่อครับ หล่อสุดๆ อาจน้อยกว่าผม แต่คนอื่นมักจะบอกว่าผมหน้าสวย น่ารักจิ้มลิ้มเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่า ควรดีใจมั้ยอ่ะครับ ?  ถือว่าเป็นคำชมก็จะไม่เกี่ยง ว่างๆก็ทดลองหมุนตัว360องศาหน้ากระจก แหม่ ก็โอเคอยู่

     

     

    ชานยอลเป็นผู้ชายที่เกิดมาเพื่อความเพอร์เฟคครับ หล่อ แต่หล่อแบบหน้าหวานๆ ผมก็อธิบายไม่ถูก นิสัยก็มึนๆเอ๋อๆ แบบไม่ค่อยเข้ากับหน้าเท่าไหร่ ผู้ชายหน้าตาแบบนี้มันควรเท่กว่านี้สิ ไหนจะหุ่นนายแบบที่เป๊ะเว่อนั่นอีก แต่ได้ยินเสียงทีหลายคนอาจหงายเงิบนะครับ (ผมไม่รู้ว่าหงายเงิบแปลว่าอะไรเห็นฮิตกันจัง ผมกลัวตกเทรนด์)  นั่นแหละครับ เสียงทุ้มแบบผู้ช๊ายผู้ชายล่ะครับ แมนมากขัดกับหน้าหวานๆนั่นสุดๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ  ก็แบบว่า รักเลย นั่นแหละครับ

     

     

    ไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะรำคาญกัน ..ส่วนเพื่อนสนิทอีกสองคนน่ะเหรอครับ.. เดี๋ยวพวกคุณจะได้รู้จักกแน่นอน

     

     

     

     

     

    หลายต่อหลายวัน ถัดมา.....

     

     

     

    "คุณลุงครับ ชานยอลอยู่ไหมครับ?"

     

    แพคฮยอนเดินเข้ามาในคฤหาสหลังงามของตะกูลปาร์คที่มีอาณาเขตติดต่อกับบ้านของเขาที่ใหญ่โตไม่แพ้กันอย่างถือวิสาสะ เป็นเรื่องปกติที่คนตัวเล็กจะเข้านอกออกในบ้านหลังนี้อย่างสบายๆ เพราะรู้จักและคุ้นเคยกับคนในบ้านเป็นอย่างดี

     

     

     "อ้าว เห็นมันคุยโทรศัพท์ แล้วก็วิ่งปรู๊ดออกไป บอกว่าจะไปหาหนูแพคนี่ลูก"

     

     

    ..เอ่อ..คุณลุงครับ ผมโตจนป่านนี้ก็ยังเรียกเหมือนเดิมเลยนะครับ...  แพคฮยอนคิดในใจ เพราะสนิทสนมกันมานาน ผู้อาวุโสทั้งหลายเลยพร้อมใจกันเรียกเขาว่าหนูแพค เนื่องจากตั้งแต่สมัยเด็กๆเขามีหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนเด็กผู้หญิง พวกท่านก็เลยเรียกจนติดปากมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้  

     

     

    แต่ตอนนี้ผมโตเป็นหนุ่มหล่อมากมายแล้วนะคุณลุง!!

     

     

    ไม่ยักกะสวนกันแฮะ"  แพคฮยอนพึมพัมเบาๆ แต่ก็ทำให้ผู้อาวุโสที่นั่งเอกเขนกอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟาตัวยาวพอจะเดาออก

     

     

     "หนูแพคคงไม่ได้เข้ามาทางหน้าบ้านเหมือนเคยล่ะสิ"

     

     

    คุณลุงปาร์คอมยิ้มด้วยความเอ็นดู เรื่องความแสบใครจะเกินพยอนแพคฮยอน เวลาจะเข้ามาที่นี่น้อยครั้งที่จะใช้ประตูใหญ่ เพราะเจ้าตัวชอบปีนข้ามกำแพงมาซะมากกว่า

     

     

    "แหะๆ ครับ"

     

     

    แพคฮยอนยกมือเกาท้ายทอยเขินๆที่โดนรู้ทัน แล้วจึงเอ่ยปากขอตัวกับบิดาเพื่อนสนิทหรืออีกฐานะนึงก็คือคนรักแบบลับๆของเขา ก่อนจะหันหลังกลับออกไปตามหาคนตัวสูงทันที จนเกือบประสานงากับเจ้าตัวที่วิ่งสวนเข้ามาหน้าตาตื่น

     

     

    "เฮ้ย!! จะรีบไปไหนชานยอล!! หรือจะซ้อมไว้ไปแข่งโอลิมปิค?"

     

     

    แพคฮยอนถามแกมประชดคนที่ดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หน้าตาเจ้าตัวดูตื่นเต้นซะเต็มประดา ตาที่โตอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิมหลายเท่า จนแพคฮยอนเกรงว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอก

     

     

     "แพคฮยอนอยู่นี่เอง ไปกับฉันเร็ว"

     

     

    ไม่พูดเปล่ายังคว้าฉุดข้อมือคนตัวเล็กลากถูลู่ถูกังไปโยนแหมะไว้บนเบาะรถสปอร์ตคันงามของตัวเอง  ก่อนเจ้าตัวจะนั่งประจำที่คนขับแล้วบึ่งทะยานออกไปทันที เข็มไมล์บนหน้าจอบ่งบอกความเร็วที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ปกติชานยอลไม่ขับรถเร็วขนาดนี้ ชายหนุ่มตัวสูงปาดซ้ายปาดขวาจนน่าหวาดเสียว จนแพคฮยอนต้องเอื้อมมือหาที่ยึด

     

     

     "เฮ้ย!! เดี๋ยว !!ชานยอลจะไปไหน แกจะลักพาตัวฉันเหร๊อ!! เรียกว่าติดเป็นนิสัย พูดอย่างเดียวไม่ได้อารมณ์ มือเรียวจึงฟาดเข้าที่หัวคนตัวสูงอย่างเคยชินและไม่ยั้ง

     

     

     "อยู่เฉยๆน่าแพคฮยอน อยากเฝ้าถนนหรือไง นั่งไปเหอะ!!"

     

     

     ชานยอลตวาดเสียงดัง ทั้งดุและดูหงุดหงิดจนแพคฮยอนคอหด มือเล็กค่อยๆเคลื่อนกลับมาวางที่หน้าตักตนเองและค่อยบีบเข้าหากัน ตาเรียวร้อนรื้นไปด้วยกลุ่มหยดน้ำที่พากันมาเอ่อคลอพร้อมร่วงหล่นได้ทุกเมื่อ เรียวปากบางสีธรรมชาติคว่ำงอลงเรื่อยๆ

     

     

     ..แค่นี้ไม่เห็นต้องดุเลย งอนแล่ว!!..

     

     

    ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเพราะไม่อยากรบกวนสมาธิคนที่กำลังพาเขาแทบเหาะบนถนนคอนกรีตที่ไม่ได้มีรถแค่คันสองคัน เก็บกลืนก้อนสะอื้นและหยดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ชานยอลต้องลำบากใจ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญชานยอลคงไม่ดุเขาขนาดนี้

     

     

    แต่...เอ๊ะ?! นี่มันทางไปสนามบินนี่นา..??

     

     

    เร็วเท่าความคิด รถสปอร์ตหรูสีดำจอดเอี๊ยด เสียงล้อบดพื้นคอนกรีตดั่งสนั่น แทบจะทันทีที่รถหยุดตัวลง ชานยอลก็ลากแพคฮยอนวิ่งอีกครั้ง คนตัวเล็กได้แต่สาวเท้าเร็วๆไปตามแรงมือ นี่ถ้าเสียจังหวะแม้เพียงนิดคงได้ลงไปนอนโพสท่าสวยๆที่พื้นเป็นแน่

     

     

    ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ!!

     

     

    ชานยอลพาเขามาที่นี่ทำไมนะ แพคฮยอนนั่งหอบหายใจแทบไม่ทันอยู่ที่เก้าอี้สำหรับรอรับผู้โดยสาร ในขณะที่คนตัวสูงนั้นนั่งไม่ติด ชานยอลเดินวนไปวนมาคล้ายรอคอยบางสิ่ง ยกนาฬิกาข้อมือสลับกับการมองตัวหนังสือสีแดงบนบอร์ดเป็นระยะ

     

     

     "นี่!!"

     

     

    "อยู่ๆก็ลากฉันมาอย่างกับจะเอาไปฆ่าข่มขืน ไม่ถงไม่ถามความเห็นกันซักคำ ช่วยบอกให้รู้ทีคุณปาร์คชานยอล!"

     

     

    หลังจากพักจนการหายใจกลับมาเป็นปกติ แพคฮยอนก็เดินเข้าไปพร้อมวีนคนรักตัวสูงทันที นั่นทำให้ชานยอลรู้สึกตัว และส่งยิ้มแหยๆกลับมาให้

     

     

     "แพคฮยอนอา.. ขอโทษนะ ฉันดีใจมากไปหน่อย กลัวไม่ทัน เลยไม่ได้บอก"

     

     

    เจ้าตัวพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่งเห็นฟันครบสี่สิบซี่แบบที่ชอบทำบ่อยๆ

     

     

    "ก็แล้วมันอะไรล่ะ ลากฉันมาสนามบินนี่ หรือนายจะมารับ ซานดาร่า ปาร์ค?"

     

     

    แพคฮยอนเดาสุ่ม พลางนึกไปถึงไอดอลในดวงใจคนตัวสูง

     

     

     "ยิ่งกว่าดาร่านูน่าจะมาอีกนะแพคฮยอนอา โอ๊ะ! แลนด์ดิ้งแล้ว!"

     

     

    ชานยอลมองบอร์ดขนาดใหญ่ด้านบนแล้ววิ่งไปเกาะรั้วตรงทางออกผู้โดยสารทันที สีหน้าระรื่นกับทางทางนั่นทำเอาแพคฮยอนหมั่นไส้ อะไรจะดีใจกันนักกันหนา ทำเอาแพคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมองบอร์ดขนาดยักษ์นั่นไปด้วย ตัวหนังสือสีแดงกระพริบบอกว่าเครื่องจากแคนาดาลงแตะพื้นสนามบินเรียบร้อยแล้ว

     

     

    ...เดี๋ยวนะ จาก แคนาดา!! งั้น ..ก็ ..หมายความว่า!!!!!! ..

     

     

    "พี่คริส!!!"

     

     

    คนตัวเล็กหันตามเสียงเรียกดังลั่นอย่างไม่อายชาวบ้านของชานยอล เจ้าของร่างสูงโปร่งถลาไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง ไม่สนใจผู้คนที่เดินพลุกพล่านมากมายเลยสักนิด

     

     

    แพคฮยอนได้แต่ส่ายหน้าถอนใจด้วยความระอา ชานยอลเป็นพวกดีใจแสดงออก เสียใจก็ทำให้เห็น เป็นมนุษย์เปิดเผยไม่มีนอกมีใน ก็นับว่าเป็นข้อดีของเจ้าตัวที่ทำให้เขาหลงรัก แต่บางทีมันก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น ..

     

     

    ทันทีที่ความคิดหยุดลง สายตาก็สัมผัสเข้ากับร่างของชายหนุ่มตัวสูงค่อยๆเดินลากกระเป๋าใบเขื่องเข้ามาอย่างเชื่องช้า ราวกับที่นีคือแคทวอร์คให้เขาเดินแบบ ผมสีทองตัดกับผิวขาวจัดยิ่งส่งให้เขาดูมีออร่า ขนาดใครที่เดินผ่านยังต้องเหลียวหลังกลับมามอง ทุกอย่างปรากฏชัดด้วยภาพสโลวโมชั่น...

     

     

     

     

     

     

     

    กลับมาที่ พยอนแพคฮยอน รายงาน  

     

     

    ใช่แล้ว!!

     

     

     ผู้ชายคนนี้แหละครับ  อู๋อี้ฟาน  อี้ฝาน  อี้ฟาน? มันต้องออกเสียงยังไง ผมจำไม่ค่อยได้ หรือพี่คริสนั่นแหละครับ หนึ่งในแก๊งสี่ช่า เย้ย! ไม่ใช่ หนึ่งในกลุ่มแก๊งสี่ใบเถา(จะดีเหรอ) เอาเป็นว่านั่นแหละครับ เพื่อนสนิทอีกคนในสองคนที่เหลือ

     

     

     พี่คริส

    เป็นคนจีนแท้ๆที่บรรพบุรุษมาตั้งรกรากอยู่ที่เกาหลีครับ ขึ้นชื่อว่าคนจีนแน่นอนครับ บ้านท่านพี่คริสรวยสุดๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่เติบโตไม่หยุดหย่อน รวยแล้วรวยเล่า รวยซ้ำรวยซาก และด้วยตัวพี่คริสเองก็ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของตระกูล(ด้วยเหมือนกัน) พี่คริสถึงต้องไปเรียนต่อทางด้านนี้โดยเฉพาะถึงเมืองนอกเมืองนาครับ (อันที่จริงก็โดนบังคับนิดหน่อย)

     

     

    จะว่าไป 4ปีมันแป๊บเดียวเองนะ มันไวจริงๆ พี่จะรีบกลับมาทำไมครับ น่าจะอยู่อีกซัก8ปี 18ปีเลยก็ได้ ไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี!   รีบเพื่อใคร?  แพคฮยอนขออนุญาติอารมณ์เสียนิดนึง!

     

     

    พี่คริสเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มของพวกเราครับอายุห่างกับผมและชานยอล2ปี แต่หน้าตาอาจไปไกลนิดหน่อย แบบว่าหล่อน่ะครับ ส่วนสูงนี่สูงกว่าไอ้เอ๋อปาร์คชานยอลซะอีก พี่จะสูงไปไหน จมูกโด่งแบบสุดๆรับกับเรียวหน้าคมหล่อเหลาชนิดหลอมละลายมนุษย์ทั้งโลกได้ บรรยายสามวันไม่รู้จะหมดหรือเปล่าครับ ความเพอร์เฟคของผู้ชายคนนี้ เอาเป็นว่าหล่อ ดูดี ดีกรีหนัก จบนะ

     

     

    แต่...

     

     

     

    แก จะ กลับ มา ทำ ไม วะ ไอ้พี่คริสสสสสสสสส!!!!!!!!






     

     

                            ++++++++






     

     

     

     

     

    แพคฮยอนมองภาพคนตัวสูงสองคนที่ยืนกอดกันกลมตรงหน้าอย่างไม่อายสายตาบรรดาประชาชนคนเดินสนามบิน ด้วยแววตาติดจะหมั่นไส้ มือใหญ่ของเจ้าของเรือนผมสีทองถูกยกขึ้นลูบหัวคนสูงน้อยกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า สีหน้าและท่าทางคนทั้งคู่บ่งบอกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้พบกัน  

     

     

    คนตัวเล็กเบะปากใส่ภาพชวนสะอิดสะเอียนก่อนเบือนหน้าหนี อารมณ์ครุกกรุ่นระคนหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่ได้รับการเชื้อเชิญ ใบหน้าขาวบูดบึ้งลงเรื่อยๆ ความน้อยใจค่อยๆจับกลุ่มกลั่นตัวเป็นน้ำอุ่นๆที่เอ่อคลอหน่วยตาใสเป็นครั้งที่สอง   

     

     

    อยากไปให้พ้นจากตรงนี้...

     

     

    "แพคฮยอน!"

     

     

     ไม่ทันได้ขยับขาถอยไปอย่างใจนึก เสียงทุ้มจากบุคคลที่เพิ่งเดินทางมาแตะพื้นสนามบินหมาดๆก็แผดตะโกนดังลั่น พี่ชายตัวสูงหันมาส่งยิ้มกว้างพร้อมกับเรียวขายาวที่ก้าวตรงมาหาเจ้าของชื่ออย่างรวดเร็ว

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเมื่อ4ปีก่อนยังคงเหมือนเดิม..  แถมตอนนี้ยังดูดีกว่าเดิมขึ้นตั้งเยอะ  รูปร่างสูงโปร่งช่างเหมาะเจาะกับใบหน้าคมคายที่ติดจะคล้ายหนุ่มลูกครึ่ง ทุกท่วงท่าทุกการกระทำล้วนดูดีทุกกระเบียดนิ้ว

     

     

    เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคไร้ที่ติจริงๆ

     

     

    เทียบไม่ได้เลยสินะ เทียบไม่ติดเลยสินะ..

     

     

    คริสโผเข้ากอดคนตัวเล็กแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายเล็กถูกโยกไปมาตามแรงคิดถึงอยู่นานหลายนาทีจนเจ้าของร่างสูงหนำใจ แล้วจึงปล่อยให้คนตัวเล็กได้เป็นอิสระ

     

     

    "ไหนดูซิ โตขึ้นปะเนี่ย"

     

     

    คริสเอ่ยเย้าพร้อมทำท่าวัดส่วนสูงน้องชายตัวเล็กอย่างล้อเลียน ใบหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยความเอ็นดู

     

     

     "ไม่ต้องเลย พอเจอชานยอลพี่ก็ลืมผมทุกทีแหละ!"

     

     

    แพคฮยอนแยกเขี้ยวสวนกลับทันควัน ยกมือของตัวเองปัดมือหนาที่ป้วนเปี้ยนอยู่บนหัวกลมๆของเขาอย่างไม่ยอม ความดื้อแพ่งแก่นเซี้ยวทำเอาพี่ชายขี้แกล้งหัวเราะร่วน มือใหญ่ยกขึ้นยีหัวแพคฮยอนอย่างเอ็นดู แต่เจ้าของเรียวมือเล็กก็ไล่ปัดป้องเป็นพัลวัน เป็นสัญญาณเตือนให้พี่ชายตัวสูงได้รู้  ตอนนี้เจ้าตัวเล็กงอนอย่างกู่ไม่กลับซะแล้ว

     

     

     "ขี้งอนเหมือนเดิมเลยนะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษที่บังอาจลืมน้องสาวคนสวยละกัน"

     

     

    คริสพูดพร้อมโอบคอคนตัวเล็กให้ออกเดินไปพร้อมเขา แน่นอนว่าเจ้าตัวดื้อก็ไม่ได้ยอมง่ายๆ  แพคฮยอนทำหน้างอขืนตัวอย่างสุดแรง พี่ชายอย่างเขาเลยต้องออกแรงล็อกคอลากกันนิดหน่อยถึงจะยอมเดินไปด้วยกัน โดยมีชานยอลเดินตามหลังมาติดๆ และอดยิ้มไปกับความดื้อรั้นแต่แสนน่ารักของแพคฮยอนไม่ได้

     

     

    ความน่ารักของแพคฮยอนที่ทำให้หัวใจชุ่มชื่นจนต้องยิ้มออกมา

     

     

    "น้องสาวอะไรเล่า ไอ้พี่บ้า!!!"

     

     

     แพคฮยอนเตะไปที่ขาคนตัวสูงดังปั้กด้วยความหมั่นไส้ ผู้เป็นพี่แกล้งร้องโอดโอยทำท่าจะทรุดไปที่พื้นจนคนตัวเล็กตกใจต้องรีบเข้าไปพยุง  แต่เจ้าตัวก็หลุดหัวเราะขึ้นมาเสียก่อนจะแสดงละครจบบท เล่นเอาเจ้าตัวเล็กหน้าตึง กำปั้นน้อยๆทุบไปที่ไหล่กว้างไม่ยั้งจนคริสต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีเสียเอง

     

     

     

     

    หากย้อนกลับไปในวันวานได้

     

     

    เราจะเลือกเก็บความสัมพันธ์เหล่านี้ไว้

     

     

    จะไม่ลังเล ..

     

     

     

    ++++++++

     

     

     

     

     

     

     

     

    "เมื่อไหร่นายจะกลับมาบ้าง"

     

     

    ["อะไร ..คิดถึงเหรอแพคกี้ คิคิ"]

     

     

    "อื้อ คิดถึง....."

     

     

    [" อ๋า~~ แพคกี้แปลกๆนะวันนี้ ดูเซ้าาเศร้าอ่า"]

     

     

    "นายเป็นหมอดูตัวหนังสือตั้งแต่เมื่อไหร่?"

     

     

    ["ต้องไปเรียนแล้ว แพคกี้ไว้คุยกันนะ"]

     

     

     

     นิ้วเรียวกดออกจากห้องสนทนาอย่างเซ็งๆ  เทคโนโลยีรูปทรงสี่เหลี่ยมบางถูกวางลงพร้อมกับลมหายใจแผ่วที่ถูกพ่นออกมา หวนคิดถึงเหตุการณ์หลายเรื่องราวในวัยเด็ก หากอยู่พร้อมหน้ากันสี่คนเขาคงไม่รู้สึกเหงาขนาดนี้

     

     

    หรือมันคงจะดีกว่า ถ้าได้อยู่เพียงลำพัง..แค่สองคน...

     

     

     

    "กินเยอะๆซิแพคฮยอนอา จะได้โตไวๆ"

     

     

    คริสตักอะไรต่อมิอะไรมาโปะไว้บนจานเขาจนพูนไปหมด ชานยอลได้แต่หัวเราะอย่างสนุกสนานที่แพคฮยอนโดนแซวเรื่องส่วนสูงอีกครั้ง

     

     

    "มีแค่ความสูงนั่นล่ะที่ผมสู้พี่ไม่ได้"

     

     

    แพคฮยอนตอบกลับโดยไม่ได้หันไปสบตากับพี่ชายตัวสูง ทำเอาชานยอลที่กำลังจะเอ่ยแซวบ้างต้องเก็บกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ มีเพียงคริสที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตัวเล็กเอ่ยออกมาซักนิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงงๆ

     

     

     "นายจะมาสู้อะไรกับพี่เหรอตัวเล็ก?"

     

     

    คริสยิ้มอ่อนโยน  มือหนาเอื้อมไปขยี้หัวทุยนั่นด้วยความรักใคร่เอ็นดูไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่คริสทำมาตลอดจนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่แพคฮยอนก็ยังดูเป็นเด็กน้อยน่ารักสำหรับเขาเสมอ เป็นน้องชายที่รักที่สุด..

     

     

     แพคฮยอนส่งยิ้มยียวนให้คริส ปากเชิ่ดๆกับดวงตาพราวระยับแสนมั่นใจนั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูน่ารักขึ้นไปอีก ตอนนี้แพคฮยอนไม่ใช่เด็กน้อยขี้แยในวันวานอีกแล้ว คนตัวเล็กเติบโตขึ้นจากเด็กน้อยรูปร่างผอมบางดูอ่อนแอ กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีที่ดูมั่นใจเกินตัว ทิ้งภาพเด็กตัวเล็กที่คอยหลบอยู่ด้านหลังของเด็กชายตัวสูงอีกคนเสมอ จนแทบไม่เหลือเค้าลางของตอนเด็กๆอยู่เลย

     

     

     "แหงล่ะ ผมจะต้องเป็นคนที่เพอร์เฟคและหล่อที่สุด สาวกรี๊ดที่สุดในกลุ่มพวกเรา ผมขอท้า!"

     

     

    แพคฮยอนชี้ส้อมในมือไปที่หน้าคริสด้วยแววตามุ่งมั่นเป็นประกาย โดยไม่ลืมจะชำเลืองไปยังคนตัวสูงอีกคนที่ทำท่าราวกับข้าวติดคอ อาหารมือนี้คงฝืดคอปาร์คชานยอลพิลึก แต่แพคฮยอนกับแย้มยิ้มราวกับผู้ชนะในเกมส์สงครามประสาทเล็กๆที่เจ้าตัวจงใจ อาหารในจานถูกจัดการจนพร่องลงไปเรื่อยๆ คนตัวเล็กกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข โดยมีพี่ชายตัวสูงอีกคนนั่งมองด้วยสายตาเอ็นดูเช่นเดิม

     

     

    ยังไงแพคฮยอนก็น่ารักสำหรับเขา ไม่ว่ายังไง แพคฮยอนก็ยังเป็นน้องชายแสนน่ารักคนนั้น ..ของเขา..

     

     

               

     

    ผมขอท้า  ผมจะแย่งหัวใจของพี่  ผมจะแย่งมันมาอีกครั้ง!!

     

     

     

     

    ++++++++

     

     

     

     

     

     

     

     

    "แพคฮยอนอา แพคฮยอน.."

     

     

    คนตัวเล็กไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เอ่ยเรียกใกล้ๆ แต่กลับค่อยๆล้างนิ้วเรียวสวยอย่างใจเย็น สีหน้าของแพคฮยอนในตอนนี้เรียบเฉยจนชานยอลเองยังรู้สึกกลัว แตกต่างจากแพคฮยอนที่อารมณ์ดีและมีรอยยิ้มน่ารักประดับใบหน้าอยู่เสมอ เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังคิดอะไร

     

     

     พอแพคฮยอนขอตัวมาเข้าห้องน้ำชานยอลก็เด้งตัวตามมาติดๆ โดยไม่ได้สนใจใครอีกคนที่ถูกปล่อยทิ้งให้นั่งอยู่เพียงลำพัง

     

     

    "มีอะไร ทำไมไม่ไปนั่งจี๋จ๋ากับแฟนแกล่ะ"

     

     

    ประโยคตอบรับที่กลายเป็นคำถามแกมประชดประชัน หากเป็นในเวลาปกติมันคงจะเรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี คำประชดทั้งหลายมักถูกส่งออกมาเมื่อคนตัวเล็กเกิดอาการหึงหวงจนห้ามความรู้สึกมากมายที่ตีรวนในใจไม่ได้  ซึ่งมันดูน่ารักมากกว่าน่ารำคาญในสายตาชานยอล เขาชอบที่แพคฮยอนหึง แต่ในยามนี้รอยยิ้มที่มีให้เหมือนเคยกลับทำได้ยากลำบากกว่าครั้งไหนๆ

     

     

    แพคฮยอนถอนใจหนัก ดวงตาเรียวสบเข้ากับดวงตากลมโตของอีกคนอย่างต้องการคำตอบ คนตัวเล็กรู้ดีว่าชานยอลหาโอกาสที่จะพูดบางสิ่งกับเขา เรื่องราวที่แพคฮยอนหวาดกลัว อนาคตที่เดินทางมาถึงเร็วเกินไป

     

     

     "แพคฮยอน อย่าประชดสิ"

     

     

    ดวงหน้าขาวเบือนหนีไปอีกทางไม่อยากรับฟัง เมื่อคนตัวสูงไม่ยอมเอ่ยประโยคที่ต้องการพูดต่อก็ยิ่งรับรู้ถึงแรงบีบในอก มันอึดอัดจนพาลให้หายใจไม่ออก

     

     

     "แก จะมาบอกเลิกฉันหรือไง  รีบๆพูดสิ"

     

     

    อดไม่ได้ที่จะประชดประชันเข้าไปอีก เมื่อเห็นว่าชานยอลเอาแต่เงียบไม่กล้าตัดสินใจจะเอ่ยอะไรเสียที ความใจร้อนเป็นนิสัยเสียอย่างนึงที่แพคฮยอนแก้ไม่เคยหาย ตั้งแต่ตัดสินใจขอคบกับชานยอล เขาก็กลายเป็นคนที่ไม่สามารถรออะไรได้อีก

     

     

    "ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย ฉันแค่อยากขอร้อง ...เรื่องของเรา.."

     

     

     ไม่ใช่แพคฮยอนไม่รู้ว่าคนตัวสูงจะพูดอะไร  แต่จะให้ยอมโอนอ่อนผ่อนตามง่ายๆมันก็ไม่ใช่นิสัย

     

     

    "อย่าเพิ่งบอกให้พี่คริสรู้เลยนะ"

     

     

    ปากบางเม้มเป็นเส้นตรงทันทีที่คนตัวสูงเอ่ยออกมา ชานยอลเองก็มีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน เขาก็ไม่อยากอยู่ในสถานะที่อึดอัดหรือคลุมเครือ แต่เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ทุกอย่างพังทลายลง พวกเขาคือเพื่อนรักที่สนิทกันที่สุด เขาอยากเห็นภาพทั้งสี่คนอยู่รวมกันโดยผูกพันธ์กันด้วยความสัมพันธ์ของเพื่อนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

     

     

    บ่อยครั้งที่นั่งนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็กๆกับช่วงเวลาที่มีร่วมกันแล้วทำให้ยิ้มออกมา จำไม่ได้ว่าพวกเขาเคยทะเลาะกันแม้เพียงครั้งหรือเปล่า อาจจะมีบ้างที่งอแงกันตามประสาเด็กๆที่เป็นลูกคนเดียว แต่หากใครคนหนึ่งเกิดอาการงอนกันขึ้นมาอีกคนก็จะหาวิธีง้อต่างๆนาๆ และคนที่เหลือก็จะช่วยกันเป็นอย่างดี

     

     

    ภาพในอดีตย้อนกลับมาทำให้ชานยอลมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ภาพของเด็กผู้ชายสี่คนที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานตัวติดกันแจไม่เคยห่าง  หากไล่เรียงตามความเป็นจริงแล้วแพคฮยอนก็อายุมากกว่าเขาเป็นครึ่งปี แต่คนตัวเล็กก็มักจะโดนแกล้งจากเพื่อนนักเรียนอายุใกล้เคียงกัน เพราะรูปร่างผอมบางดูอ่อนแอและหน้าตาที่ค่อนไปทางเด็กผู้หญิง แต่คนที่คอยปกป้องแพคฮยอนก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเขาที่เรียนชั้นเดียวกันกับคนตัวเล็กมาตลอด

     

     

     "แพคฮยอนอาไม่ร้องนะ ฉันจะจัดการพวกนั้นเอง"  

     

     

    เด็กชายตัวสูงบรรจงเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายราวกับเขื่อนแตก ดวงตากลมฉายแววห่วงใยอยู่ไม่น้อย ไม่ชอบเลย แพคฮยอนร้องไห้อีกแล้ว

     

     

    "ฮึก! ..เจ็บ ชานยอลเจ็บจัง ฮือ"

     

     

    เด็กชายตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้น ซบหน้าซุกตัวลงไปกับอ้อมกอดของเด็กชายที่สูงกว่า ราวกับอ้อมกอดกว้างนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้นให้ทุเลาลงได้

     

     

    "ใครแกล้งแพคกี้!! ฉันจะไปจัดการตื้บมันเอง!!"

     

     

    เด็กชายอายุน้อยกว่าอีกคนพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะไปจัดการอย่างปากว่าจริงๆ แต่คอเสื้อก็ถูกดึงรั้งเอาไว้ด้วยมือของเด็กชายอีกคนที่ดูโตกว่าพวกเขาซักหน่อย

     

     

     "พี่ว่า ไปบอกอาจารย์ให้อาจารย์จัดการจะดีกว่านะ อย่าใช้กำลังสุ่มสี่สุ่มห้าซิ"  

     

     

    เขาปรามน้องชายด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล รู้ดีว่าเจ้าน้องชายคนเล็กนิสัยมุทะลุกว่าใคร ถึงอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่ใจใหญ่เกินอายุหลายเท่านัก

     

     

    "พี่คริส ทั้งปีอ่ะ ไม่เห็นหรือไงพวกมันแกล้งแพคกี้อ่ะ!! เซ็ง!!"

     

     

    กระแทกตัวลงกับม้านั่งเซ็งๆ ตาเรียวตวัดมองพี่ชายด้วยความขุ่นเคืองก่อนเบือนหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์ คริสจึงได้แต่ส่ายหน้ากับความมุทะลุของน้องชายที่อายุน้อยสุด

     

     

    จากเด็กชายทั้งสี่ในวัยประถม เติบโตตามกาลเวลาที่หมุนเวียนไม่เคยหยุดนิ่ง พวกเขาเติบโตมาพร้อมกัน อยู่ด้วยกันจนกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตกันและกัน ความสนิทสนมแปรเปลี่ยนไปในรูปแบบที่ต่างออกไป เป็นความผิดพลาดของที่จงใจ และเปลี่ยนความสัมพันธ์ของทั้งสี่คนไปตลอดกาล..

     

     

     

     "พี่จะไปเรียนต่อเมืองนอก พี่ตัดสินใจแล้ว"

     

     

    คริสพูดขึ้นหลังจากเลี้ยงฉลองพิธีจบการศึกษาของเขา ทำเอาคนที่ได้ฟังคนตาโตจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก ทุกคนดูตกตะลึงกับการตัดสินใจแบบสายฟ้าฟาดของพี่ชาย  โดยเฉพาะชานยอลที่ติดพี่ชายตัวสูงยิ่งกว่าใคร

     

     

     "พี่จะทิ้งพวกเราไปได้ไงอ่ะ ใจร้าย ไหนบอกจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง"

     

     

    แพคฮยอนหน้างอ ตาคู่สวยรื้นไปด้วยน้ำใสๆเอ่อคลอพร้อมจะร่วงหล่น ใจหายวาบเมื่อรู้ว่าพี่ชายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้จะจากไปที่อื่น

     

     

     "4ปีแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว"

     

     

    พี่ชายเอ่ยปลอบมือหนายกขึ้นลูบหัวน้องชายตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

     

     

    "เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะแพคกี้"

     

     

     น้องเล็กสุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นแต่จมูกของเจ้าตัวกลับแดงเถือกไปหมด ปากอิ่มถูกขบเม้มแน่นยิ่งกว่า แม้จะปลอบพี่ชายตัวเล็กด้วยน้ำเสียงที่ดูเข้มแข็ง แต่ภายในจิตใจแล้วก็รู้สึกวูบโหวงไม่แพ้กัน  ในขณะที่ร่างโปร่งของใครอีกคนเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

     

     

     

     

    วันเวลา หมุนเวียน เปลี่ยนผัน หัวใจ จะมั่นคงสักแค่ไหน หรือจะเปลี่ยนตามเวลา...

     

     

     

     

     

    ที่สนามบิน..

     

     

     "พี่จะทิ้งแฟนพี่ได้ไงอ่ะ ถ้าไอ้เอ๋อนี่มันคิดสั้นกุดฆ่าตัวตายขึ้นมาจะทำไง"

     

     

     แพคฮยอนพูดพร้อมกับชี้นิ้วเกือบทิ่มตาคนที่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากเหมือนโลกจะพังวันนี้พรุ่งนี้ ใบหน้าคมหวานดูซีดเซียวไม่สดใสอย่างที่เคย ชานยอลที่มักจะหัวเราะเสียงดังและอารมณ์ดีเสมอ

     

     

     "งั้นแพคฮยอนก็ต้องดูแลชานยอลดีๆรู้ไหม ดูแลเผื่อพี่ด้วยนะ"

     

     

    คริสโน้มตัวลงมาลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเคยชิน  ใบหน้าคมเปื้อนยิ้ม

     

     

    "ใครจะดูแลใครอ่ะ แพคกี้อ่ะนะ ให้ดูแลตัวเองก่อนเหอะ"

     

     

    น้องเล็กในกลุ่มที่เอ่ยขัดอย่างเสียไม่ได้ รู้ดีแก่ใจว่าแพคฮยอนตัวเล็กบอบบาง อ่อนแอมาตั้งแต่เด็กๆ ถูกคนตัวโตกว่าแกล้งอยู่บ่อยครั้ง และก็เป็นเขากับชานยอลที่ต้องคอยปกป้องพี่ชายตัวเล็กนี้เสมอ

     

     

    คริสหัวเราะ มองหน้าน้องชายอายุน้อยแล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ถึงเจ้าน้องเล็กจะดูเข้มแข็งเกินอายุแต่นิสัยและการตัดสินใจต่างๆยังเด็กขัดกับร่างกายยิ่งนัก ผิดกับคนตัวเล็กตรงหน้าเขา ที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าภาพที่ทุกคนมองผ่านเพียงภายนอก

     

     

    "พี่รู้ แพคฮยอนน่ะถึงจะตัวเล็กแต่ก็เข้มแข็งกว่าใคร ตอนนี้โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กที่จะให้ใครมาแกล้งไปวันๆแล้ว"

     

     

    คริสยิ้มเอ็นดูให้กับแพคฮยอน ดวงตาคมมองสบตาเรียวใสอย่างเชื่อมั่น แพคฮยอนเปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นน้องชายที่น่ารักในสายตาเขาไม่เปลี่ยนแปลง

     

     

     "แน่นอน ผมจะดูแลแฟนพี่เองไม่ต้องห่วงหรอกน่า"

     

     

    แพคฮยอนให้ความมั่นใจพร้อมกับตีไปที่แขนพี่ชายตัวสูงแรงๆหนึ่งที รอยยิ้มสดใสถูกจุดขึ้นง่ายๆ เรียวปากบางที่แย้มยิ้มน่ารักนั่นเรียกรอยยิ้มตอบกลับจากคริสได้ไม่ยาก

     

     

    เขาชอบที่แพคฮยอนยิ้ม พอๆกับที่ชอบรอยยิ้มของชานยอล..

     

     

    "รีบไปเหอะพี่ เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี แพคกี้ปะกลับบ้านกัน"

     

     

    เจ้าของถ้อยคำออกแรงดันหลังพี่ชายตัวสูงให้ออกเดิน คริสพยักหน้าให้น้องชายที่อายุน้อยที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวจะไล่กอดทุกคนเป็นการอำลาอีกครั้ง และก้าวไปหาชานยอลเป็นคนสุดท้าย

     

     

    "เดี๋ยวพี่ก็กลับมาดูแลชานยอลเหมือนเดิม ถึงเวลานั้น พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว"

     

     

    มือใหญ่แตะลงข้างแก้มใสของคนที่ทำท่าจะร้องไห้ออกมา แต่เจ้าตัวก็กลั้นน้ำตาเหล่านั้นไว้สุดๆเช่นกัน ไม่อยากให้พี่ชายต้องไม่สบายใจที่เห็นเขาร้องไห้ เขารู้ว่าหัวใจดวงนั้นก็เจ็บไม่ต่าง เพียงแค่ต้องเลือกตัดสินใจ หน้าที่ของเขาคือรอคอยและไม่ทำให้พี่ชายตัวสูงต้องลำบากใจไปมากกว่านี้

     

     

     "พี่สัญญาแล้วนะ ผมจะรอ"

     

     

    คริสดึงชานยอลเข้ามากอดอีกครั้งเพื่อย้ำคำมั่นสัญญา  

     

     

     

     

    กาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง แต่เวลาในนาฬิกายังคงหมุนวนมาที่เก่า...

     

     

                                

     

     

     

     

    "แล้วต่อไปจะเอายังไง"

     

     

     แพคฮยอนเอ่ยทำลายความเงียบ เมื่อเห็นว่าชานยอลไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีก

     

     

     "ขอเวลาอีกหน่อยนะ แพคฮยอน ถึงตอนนั้นฉันจะบอกพี่คริสเอง"

     

     

    แพคฮยอนถอนใจ ดวงหน้าหวานฉาบทับไปด้วยความลำบากใจอย่างปิดไม่มิด ตาคู่สวยร้อนผ่าวอย่างไม่อาจควบคุมได้  เจ็บปวดกับสิ่งที่กาลเวลาพามาถึง หวาดกลัวกับอนาคตอันใกล้ เขารู้จักชานยอลดี การตัดสินใจให้เด็ดขาดไมใช่เรื่องที่ชานยอลทำได้

     

     

    "อย่างนั้นก็ได้"

     

     

    เสียงที่เปล่งออกมาเหมือนกระซิบ พร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นในหัวใจ  เขายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือเปล่า ยังเลือกได้อีกไหม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    +++++++++

     

     

     

     ใช่ครับ... ชานยอลกับพี่คริสเป็นคนรักกัน   ชานยอลชอบที่จะดูแลผม เพราะผมอ่อนแอเขาเลยมักจะคอยปกป้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  แต่พี่คริสก็ชอบดูแลชานยอลเป็นห่วงมากกว่าคนอื่นๆ คอยดูแลใส่ใจทุกเรื่องจนทำให้ชานยอลติดพี่คริสเอามากๆ  ถึงแม้พวกเขาทั้งสี่คนจะสนิทและรักกันมากแค่ไหน แต่ก็ห้ามไม่ได้ใช่ไหมครับที่ใครจะมีหัวใจที่ตรงกัน

     

     

    และนั่นก็ไม่ใช่ผม... ผม..ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตั้งแต่ตอนไหน ผมไม่ชอบให้ชานยอลอยู่กับพี่คริสนานๆ ผมไม่ชอบเวลาชานยอลยิ้มแบบนั้นให้พี่คริส ผมไม่ชอบพี่คริสเวลาทำโน่นทำนี่ให้ชานยอล ผมไม่ชอบเลย นี่ผมกำลังชอบชานยอลอยู่ใช่มั้ย

     

     

    ผม..ที่ปล่อยความรู้สึกเกินขอบเขตของคำว่าเพื่อน

     

     

    ใช่.. เป็นชานยอลกับพี่คริสต่างหาก พวกเขารักกัน  เมื่อหัวใจทั้งสองดวงถูกดึงดูดเข้าหากัน แล้วหัวใจที่อ้างว้างของผมจะกล้าเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมาตลอดได้อย่างไร.. แพคฮยอนผู้ที่หลงรักชานยอลมากกว่าเพื่อนมาโดยตลอด

     

     

    แต่เหมือนพระเจ้าอยากจะทดสอบความรักของหัวใจสองดวงนั้น หรือต้องการหยิบยื่นโอกาสให้ผมกันแน่..  พี่คริสจะไปเรียนต่อแล้ว...เขาจะไม่อยู่กับชานยอลอีกแล้ว แล้วผม..จะปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไปโดยไม่วิ่งคว้า มันจะดูเป็นคนดี หรือดูเป็นคนโง่กันแน่?

     

     

    ใช่.. ผมรับปากเจ้าของหัวใจอีกคนว่าจะดูแลอีกคนให้ดีที่สุด ผมก็ควรจะทำให้ดีที่สุดจริงไหม?  รวมถึงการดูแลหัวใจดวงนั้นแทนที่เขาด้วยเช่นกัน!

     

     

     

    ฉันจะไม่ปล่อยนายไป ฉันจะทุ่มแรงทั้งหมดที่มี ยื้อไว้จนกว่าจะยื้อไม่ไหว..จนกว่าหัวใจฉันจะหมดแรงและตายไปในที่สุด

     















    TBC...

     

     

     

     

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×