THE FiF'X กล้า ท้า ลอง - นิยาย THE FiF'X กล้า ท้า ลอง : Dek-D.com - Writer
×

    THE FiF'X กล้า ท้า ลอง

    นิยายเรื่องนี้เป็น นิยายเรื่องแรกของพวกเรา chocolate 3 ก้อนจร้า ฝากติชมด้วยนะค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    37

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    37

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 มิ.ย. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทหนึ่ง
    สมัยที่ ” โลก ” ยังไม่มีสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิตใดๆเกิดขึ้น มีเพียงผืนพสุธาอันกว้างใหญ่ ไร้สีสันและความงดงาม พระเจ้าก็ได้สร้างโลกขึ้นมาใหม่ ทั้งโลกเต็มไปด้วยความสงบสุขและไม่มีขอบเขต ทั้งมนุษย์ เหล่าทวยเทพและ ปีศาจ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่โลกนี้ก็มีความชั่วร้ายบางอย่างแอบแฝง ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การเข่นฆ่า โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาแต่อย่างใด ล้วนเกิดจากความชั่วร้ายนี้ทั้งสิ้น พระเจ้าพยายามที่จะทำลายมันทิ้ง แต่เพราะบางสิ่งบางอย่างทำให้ไม่สามารถทำลายมันได้ ส่งผลให้เหล่าเทวดาและมนุษย์บางส่วน รังเกียจกับการใช้ชีวิตร่วมกับปีศาจที่แสนชั่วร้าย ทั้งหมดเกิดจากความคิดส่วนตัวของพวกเขาทั้งสิ้น แม้เหล่าปีศาจจะไม่ได้ชั่วร้าย แต่เพราะพลังของพวกมันที่แผ่กระจายออกมา ทำให้เกิดผลกระทบต่อเหล่ามนุษย์ที่ไร้เวทมนต์ หัวหน้าปีศาจจึงต้องพาเหล่าปีศาจทั้งหมดไปอาศัยในเมืองใต้พื้นพิภพ เพื่อป้องกันการสูญเสียจากฝีมือของพวกตน

     จนเวลาล่วงเลยไปนานหลายร้อยปี ก็เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อความรักระหว่างนางฟ้าผู้สูงส่งบนสรวงสวรรค์กับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ใต้พื้นพิภพ ซึ่งปีศาจตนนั้นคือ มัจจุราช หัวหน้าปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดใต้พื้นพิภพของเหล่าปีศาจทั้งปวง ทั้งคู่ต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ว่าพวกเขาต่างไม่มีความเหมาะสมกัน ถึงแม้จะเป็นถึงหัวหน้าปีศาจที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่อาจเอื้อมนางฟ้าผู้สูงส่งได้ แม้พระเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับความรักนี้ เพราะรู้ถึงผลที่จะตามมา แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง พร้อมให้ทั้งคู่ตรึงตรองให้ดีก่อนจะเลวร้ายไปกว่านี้ แต่เพราะความรักบังตาทำให้ทั้งสองไม่คิดถึงหายนะที่จะเกิดในอนาคตไม่ไกลนี้   หลังจากนั้นไม่นานนางฟ้าก็ได้ให้กำเนิด ธิดาตัวน้อยน่ารักน่าชัง นาม

    นาซีเรีย เมื่อเหล่าเทวดาที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกรู้เข้า จึงสาปแช่งว่า เมื่อใดที่นางฟ้าครึ่งอสูรตนนี้ ไปเยือน ณ โลกมนุษย์ ที่นั้นจะต้องเกิดหายนะและความสูญเสีย!!!  ส่งผลให้พระเจ้าต้องออกคำสั่งเด็ดขาดว่า ห้ามนางฟ้าตนนี้ลงไปยังโลกมนุษย์ตลอดกาล วันหนึ่งนาซีเรียได้ฝ่าฝืนคำสั่งแอบหนีลงมายังโลกมนุษย์ ไปยังเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อมาถึงนางได้บอกว่าตนเป็นนางฟ้า ถึงแม้จะมีปีกสีเทา ไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์เหมือนนางฟ้าทั่วไป มนุษย์ก็ยังต่างสงสัยในตัวนาง แม้นางจะงดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่ปีกสีเทานั่น ก็กลายเป็นที่ครหาของมนุษย์บางส่วน เมื่อนั้นคำสาปเริ่มเป็นผล ทันทีที่เท้าของนางแตะพื้นโลก คำสาปก็ค่อยๆแผ่ขยายออกมาจากตัวนาง พืชผลพันธุ์ไม้ต่างเหี่ยวเฉาและแห้งตายโดยไม่มีสาเหตุ โรคระบาดร้ายแรงเริ่มแพร่ระบาดไปทั่วทั้งเกาะ ทำให้ผู้คนอยู่อย่างเจ็บปวดทรมานก่อนที่จะหมดลมหายใจ โรคระบาดนี้แม้จะไม่มีบาดแผลใดปรากฏขึ้น สภาพร่างกายเป็นปกติ แต่อวัยวะภายในทั้งหมดมีสภาพเน่าเละ ไม่ต่างจากซากศพเน่าเปื่อยของคนตาย การตายของคนในเกาะค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่นาซีเรียมาได้ไม่นาน ผู้คนเริ่มสงสัยและตีตัวออกห่างจากนาง นาซีเรียยังคงพยายามทำความดี ใช้พลังช่วยเหลือผู้คนบนเกาะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งนานวันหายนะก็ยังก็คงแผ่ขยายพร้อมทั้งยังสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต่างมั่นใจว่าหายนะทั้งหมดเกิดจากนาซีเรียและวางแผนที่จะฆ่านางทิ้ง โดยที่นาซีเรียไม่รู้ถึงแผนร้ายและเหตุการณ์ที่จะตามมา ทั้งๆที่นางคอยให้ความช่วยเหลือและความเป็นมิตรที่นางสื่อออกมา แต่มนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา ราคะ ก็ไม่อาจรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ สองเดือนผ่านไป คำสาปค่อยๆเริ่มจางหาย จนปีกของนางฟ้าเริ่มเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แต่หายนะก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ผู้คนบนเกาะเริ่มเตรียมการลงมือเมื่อถึงยามค่ำคืน แสงจันทร์สีนวลสาดส่องลงมา ยังร่างของนางฟ้าครึ่งอสูรที่ถูกตรึงไว้กับไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของบาตรหลวงในชุดขาว พร้อมกับทำการสะกดร่างของนางไว้ ซึ่งมันมีผลต่อนางเพราะพลังอสูรในกายอีกครึ่งหนึ่ง น้ำตาของนางฟ้าได้หยดลงสู่พื้นพิภพ น้ำตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความเกลียดชัง มนุษย์ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนางจนหมดสิ้น ปีกที่เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ได้ไม่นาน กลับกลายเป็นสีดำสนิทในชั่วพริบตา นัยน์ตาของนางได้เปลี่ยนไปจากเดิม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ความเจ็บปวดและความเกียจชัง ที่จะไม่มีวันเลือนหายไป มันตราตรึงอยู่ในใจนางจนยากที่จะถอนตัว ความชั่วร้ายในจิตใจของนางก่อตัวมากขึ้น พร้อมทั้งหล่อมรวมกับคำสาปจนเป็นหนึ่งเดียวกัน รังสีดำมืดน่าสะอิดสะเอียนแผ่ขยายปกคลุมทั่วทั้งเกาะ ไร้แสงจันทร์ที่ส่องประกาย ผู้คนบนเกาะต่างตะเกียกตะกาย ทำร้ายพวกพ้องตัวเองเพื่อความเอาตัวรอด แต่นั้นก็ไม่อาจพ้นชะตาที่นางฟ้าได้กำหนดเอาไว้ เพียงชั่วค่ำคืนเกาะทั้งเกาะได้สูญหายไปและไร้ร่องรอยของสาเหตุ เมื่อเหตุการณ์นี้รู้ไปถึงสวรรค์ นาซีเรียได้ถูกผนึกเอาไว้และไม่สามารถกำเนิดใหม่อีกครั้ง เมื่อผู้เป็นบิดาและมารดารู้เข้า จึงหาทางช่วยลูกของตนแม้ต้องแลกชีวิต แต่ยังมีหนทางที่จะปลดปล่อยนางได้คือผนึกจะคลายออกก็ต่อเมื่อ ถึงวันที่ประตูมิติของสวรรค์และนรก เกิดการแปรปวน จากพลังในตัวนาซีเรีย นางฟ้าสีดำก็จะมาจุติขึ้นอีกครั้ง

    อ่าวหลับกันแล้วหรือเนี่ย ปล่อยให้ปู่เล่าตั้งนาน เสียงแหบแห้งและโรยรา บ่งบอกถึงอายุของผู้พูดได้ชัดเจน นัยน์ตาสีขุ่นขาว ที่ปรากฏชัดเจนถึงโรคภัยที่รุมเร้าเข้ามาทั้งยังใกล้หมดเวลาใช้งานในอีกไม่นาน ทอดมองเด็กชายสองคนที่นอนกอดกันบนเตียงสีสดใสก่อนจะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา  

    “โลกนี้มัน..... ”

    จนถึงปัจจุบันนี้…….
    "แฮ่กแฮ่กแฮ่ก…"
    เสียงฝีเท้าที่กระทบพื้นอย่างไม่เป็นจังหวะของเด็กสาว บ่งบอกว่าการเคลื่อนไหวนี้แฝงไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวบางสิ่งที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างกระชั้นชิด ก่อนที่เด็กสาวจะวิ่งเข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ในมุมมืดและยากที่จะมองเห็น แต่ก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของผู้ล่าได้เลย บรรยากาศในห้องมีแต่ความเย็นยะเยือกและมืดสนิท ซึ่งสิ่งที่ทำให้สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย มีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างเล็กๆเท่านั้น เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความกดดันและหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน ชัดเสียจนเธอเริ่มจะแบกรับมันไว้ไม่ไหวและก่อนที่สติของเด็กสาวจะหมดไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของเธอค่อยๆล้มลงอย่างช้าๆ ผู้ล่าที่พึ่งมาถึงเปิดประตูช้าๆพร้อมกับแสยะยิ้มแล้วมองดูร่างของเด็กสาวอย่างสมเพช และสะใจก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างของเธออย่างใจเย็น
    "กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องจากหญิงสาวดังขึ้นเมื่อถูกสาดด้วยของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
    "เงียบเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นฉันจะเอาไอ้นี่กรอกปากแก! " บุคคลปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่เด็กสาวพร้อมกับกำตะปูมาขู่เด็กสาวอย่างเยือกเย็น ทำให้เด็กสาวหวาดกลัวและเงียบเสียงลง บุคคลปริศนาหันไปนำของสิ่งหนึ่งออกมา นั่นก็คือมีดพกสีเงินแวววาว
    "...อย่านะ แกจะทำอะไรฉันน่ะ" เมื่อเห็นดังนั้นสติสัมปะชัญญะของเธอก็เริ่มที่จะขาดหาย ลมหายใจติดขัดเหมือนมีเชือกเส้นใหญ่มารัดไว้ เพราะเกิดจากอาการหวาดกลัวต่อสิ่งตรงหน้า แต่เธอก็เริ่มที่จะทำตามสัญชาติทยานของเธอเพื่อที่จะถ่วงเวลาในการหนีจากสิ่งที่พันธนาการตัวเธออยู่
    แก...ไอ้คนสารเลว ไอ้นอกคอก แกมันก็แค่ตัวเสนียดที่ไม่มีอะไรดี มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นคำพูดหยาบคายมากมาย ออกมาจากปากของเธอ แม้จะทำใจกล้าแต่น้ำเสียงกลับ สั่นพร่าไปด้วยความหวาดหวั่น เมื่อได้ยินดังนั้นบุคคลปริศนา กลับไม่มีท่าทีโกรธเคือง เหมือนชินชากับคำด่าทอพวกนี้พร้อมกับยิ้มเยาะชอบใจ ก่อนจะเยื้องกายเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับนำมีดมาลูบไล้บนตัวของเธอด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวและความวิปริต เมื่อเห็นดังนั้นเด็กสาวก็เริ่มควบคุมสติไม่ไหวก่อนจะสลบไปด้วยความกลัว
    "หึๆๆ ขวัญอ่อนจริงๆเลยน้า...ฉันจะทำให้แกตื่นเอง" บุคคลปริศนาเริ่มนำมีดมากรีดลงบนแขนของเธออ่างบรรจงและลึกลงเรื่อยๆจนเห็นกระดูกสีขาว และย้ำลงไปในที่เดิมๆ จนเด็กสาวตื่นมาด้วยความเจ็บปวด
    "แก...แกทำอะไรฉันน่ะ! " เด็กสาวตะโกนสุดเสียงแต่บุคคลปริศนาก็ยังไม่สนใจจนเธอกรีดร้องด้วยเสียงที่แหบพร่า แต่บุคคลปริศนาก็ยังคงไม่สนใจว่าเสียงกรีดร้องจะดังโหยหวนมากแค่ไหน เขายังคงจดจ่อกับการเฉือนเนื้อของเด็กสาวอย่างไม่แยแส จนกระทั่งเธอเริ่มที่จะรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดิ้นให้สุดชีวิตเพื่อที่จะหลุดพ้นจากการกระทำนี้ บุคคลปริศนาเริ่มรำคาญจึงนำมีดที่กำลังกรีดเนื้อของเธอมาจ่อที่คอของเธอ เพื่อเตรียมที่จะตัดลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเธอได้ขาดใจตายไปเสียก่อน เขาจึงทำการกรีดเนื้อของเธอต่อไปอย่างเลือดเย็น พร้อมพูดพึมพำคนเดียว วนไปวนมา บุคคลปริศนาทำการกรีดและเฉือนเนื้อของเธอต่อไปเรื่อยๆ เมื่อถึงส่วนใบหน้า บุคคลปริศนาเริ่มบรรจงกรีดมากกว่าส่วนอื่นๆ พร้อมพูดคำพูดที่แปลกไปกว่าเดิมอีก
    "ปากของแกมันเน่าเหม็น เต็มไปด้วยคำหลอกลวง คำพูดเสแสร้งและน่ารังเกียจ แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ! ฉันจะล้างแค้นให้เธอเอง!! ยู...." คำพูดที่ออกมาจากปากของบุคคลปริศนา มีแต่ความเคียดแค้นที่มีต่อเด็กสาวผู้เคาระห์ร้ายตรงหน้า
    หึๆ มันสาสมแล้วรึ ฉันว่ายูคงยังไม่พอใจหรอก มันยังน้อยไป!”คำพูดที่แค้นออกจากความรู้สึกที่เศร้าหมอง แต่กลับให้ความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างมาก เมื่อพูดจบเขาก็จัดการกับร่างไร้วิญญาณอย่างแรง แรงจนของเหลวสีแดงไหลออกมาจากบริเวณที่โดนกระทำอย่างไม่มีท่าทีที่จะหยุด
    "แค่นี้เองรึ? มันสาสมกับสิ่งที่เธอคนนี้ทำแล้วรึ?”เสียงปริศนาดังขึ้นจากมุมมืด ทำให้จิตใจอันเศร้าหมองที่เจ็บปวด แทงร่างไร้วิญญาณอย่างเคียดแค้น ทำให้ร่างไร้วิญญาณกระตุก บุคคลปริศนามองพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัวกว่าเดิม
    ฉันไม่รู้เหรอว่าแกเป็นใคร มาร่วมมือกับฉันซะ ไม่ว่าแกต้องการอะไรฉันจะหาให้แกหมด...ทุกอย่างบุคคลในมุมมืดเริ่มเสนอข้อตกลง
    ตกลง ฉันจะร่วมมือกับแก" บุคคลปริศนาตอบตกลง เมื่อได้ยินบุคคลที่อยู่ในมุมมืดก็ค่อยๆก้าวออกมาหาแสงจันทร์จนทำให้บุคคลปริศนาก็มองเขาอย่างน่าแปลกใจ ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นก็คือไอวิญญาณที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ มันเดินเข้ามาหาบุคคลปริศนาเพื่อมาทำพันธะสัญญาความแค้นให้เป็นจริง บุคคลปริศนาก็เริ่มบอกความแค้นของตน พร้อมๆกับเริ่มสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะเหตุบางอย่าง อยู่ๆไอก็เริ่มตบมือขึ้น
    "อดีตการตายของคนๆหนึ่ง เมื่อมารวมกับวิธีการฆ่าที่วิปริตรพอใช้ได้ เข้ากันดีนี่ เอาล่ะ ทีนี้ข้าของรับมันไปก่อนละกันนะ วิญญาณอันแสนบริสุทธิ์ของเจ้าน่ะบุคคลปริศนาเริ่มหายไม่ออก และเริ่มที่จะควบคุมจิตใจไม่ได้เหมือนกับว่า ไอ จะดึงจิตบริสุทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตายของบุคคลนั้นออกมาจากบุคคลปริศนาจนหมด แม้แต่ความทรงจำในอดีตกับคนๆนั้นก็ได้ถูกแต่งเติม ตัดต่อ จนเป็นความทรงจำสีดำ ที่มีแต่ความทรมาร ความแค้น ความวิปริตเกินมนุษย์และความอิฉจาริษยา อยู่ๆก็มีเสียงของลูกบิดประตูดังขึ้น
    อ้าวจาร์มาทำอะไรเนี่ย ใกล้จะเช้าแล้วไม่ไปอาบน้ำอาบท่าหรอเสียงของลุงยามที่มาตรวจดังขึ้น ทำให้บุคคลปริศนาตกใจ เมื่อลุงยามเหลือบไปเห็นศพของเด็กหญิง ก็ตกใจ และเริ่มปวดหัวจนล้มลงไป
    คงจะไม่ดีนักหรอกนะ ที่จะมีคนเห็นเจ้าในสภาพนี้บุคคลปริศนาเริ่มวิ่งรีบหายไปในแสงแดดยามเช้า แต่ยังมีบางอย่างอยู่ที่นี้
    หึ หึ หึ ได้เวลาเริ่มงานของข้าสักที"ไอเริ่มหายไปในแสงแดดยามเช้าอย่างช้าๆ
    .......................................................................................................................................................................

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น