บทนำ
เสียงพูดคุยของคนหลายคนดังกึกก้องไปทั่วสนามบินสุววรณ ฉันยืนอยู่หน้าประตูทางออกสนามบินด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดได้ที่ถ้าเอาน้ำมาต้มแปบเดียวคงได้กินมาม่ากันแน่ สาเหตุที่อารมณ์เสียก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ไอ้ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของฉันดันไม่มารับฉันสักที ฉันมันเป็นพวกถ้าอารมณ์เสียจำต้องอาละวาดระบายอารมณ์ซะ ด้วย ถ้าช้ากว่านี้ฉันจะอาละวาดมันที่นี่เลย สาม..สอง....
“ไง มาสายไปหน่อย นี่ยังไม่ได้อาละวาดใช่ไหมเนี้ย (-_- )( -_-)” พูดถึงก็มา ตายอยากชะมัด
“ยัง แต่กำลังจะอาละวาด คิดได้ยังไง ห๊ะ! ถึงปล่อยให้เด็กสาวมายืนรออยู่แบบนี้น่ะ ห่วงฝ้ายรึเปล่าเนี้ย ถ้าเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ มั่วแต่อี้อ่อกับอีหนูอยู่หรือไง แล้วทำอะไรอยู่ทำไมถึงได้มาช้าขนาดนี้” ขอปล่อยของนิด
“แหมๆ อน่าเพิ่งวีดสิ มาช้าก็ดีกว่าไม่มานะจ้ะ รีบกลับบ้านกันเหอะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน ต้นหอมกับแพรกำลังรออยู่ที่บ้านนะ”
“เป็นห่วงกันจริงนะ ยอมยกโทษให้สักครั้งก็ได้ แต่ถ้ามีคราวหน้าละก็ คงรู้นะว่าเป็นยังไง”
ฉันพูดพร้อมชี้หน้าพี่กิตอย่างไม่เกรงกลัวและไม่มีสัมมาคารวะเลยด้วย พี่กิตแค่ยักไหล่แล้วเดินฮัมเพลงควงกุญแจรถไปที่รถ ฮึ่ย ท่าทางแบบนี้มันกวนประมาทฉันชะมัด ฉันละเกลียดที่สุดเลยคนชอบกวนประสาทที่สุด แม้ว่าฉันชอบกวนประสาทคนอื่นก็ตามที พี่กิตใช้เวลาไม่มากในการขับรถ เพราะพี่กิตเล่นขับซิ่งมาซะขนาดนั้น สงสัยคงเก็บกด เพราะพี่ต้นหอมไม่ชอบความเร็วแน่ๆ
จะว่าไปฉันเจอหน้าพวกพี่เขาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่พี่ต้นหอมคลอดลูกหรือน้องแพรนั้นเองคงเมื่อประมาณ 12 ปีก่อนนั้นแหละ เพราะหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้มาเยี่ยมพี่กิตอีกเลย
“เอาล่ะถึงบ้านแล้ว บ้านหลังแค่นี้เธอคงอยู่ได้ใช่มั้ย”
“สบายน้า ฝ้ายไม่ได้พวกคุณหนูเรื่องมากนะ” แต่ขี้บ่นกับชอบวีดแค่นั้น
“เอ้า ลงไปได้แล้ว ถ้าเธอนั่งนานกว่านี้พี่คงได้ไปล้างรถใหม่อีก มันเปลืองตังค์” ฉันไม่ใช่ตัวเสนืยนสักหน่อย
“ไม่ต้องเปลืองน้ำลายมาสั่งหรอก ชิ”
ฉันเดินลงมาพร้อมปิดประตูรถชนิดกะจะให้ประตูพังคามือเลย ฉันเดินมาในบ้านโดยไม่รอเจ้าของบ้านตัวจริง พอเข้าไปในครัวก็เจอผู้หญิงในชุดนอนพร้อมผ้ากันเปื้อน กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ จะว่าไปเมือกี้ก่อนมาถึงบ้านพี่กิตโทรมาหาพี่ต้นหอมนี่นา สงสัยคนนี้จะเป็นพี่ต้นหอมแน่เลย เปลี่ยนไปเยอะ
“กลับมาจากไปรับปุยฝ้ายมาแล้วเหรอค่ะที่รัก” เอ่อ นี่ยังไม่เปลี่ยนวิธีเรียกคู่รักของตัวเองเลยเรอะเนี้ย เลียนอ่ะ
“จ้ะ ผมไปรับยัยวายร้ายมาแล้วนะ นี่ไง เตี้ยขี้เหร่เหมือนเดิมเลย” แล้วทำไมต้องเอามือมากดหัวฉันด้วยย่ะ
“ไหน ว้าว ปุยฝ้ายสวยขึ้นเยอะเลย ไหนที่รักบอกว่าปุยฝ้ายเตี้ยไง นี่เขาเรียกว่าสูงสวยเลยนะ” ว้าย เขิน >///<
“โหย ผมว่ายังไงก็เตี้ยอยู่ดีนั้นแหละ แน่ะ ไม่คิดจะพูดแนะนำตัวเองหน่อยหรือไง” เอาอีกแล้วนะคุณพี่กิตริดสีดวงแตก ทำไมต้องหันมาพูดกับฉันด้วยประโยคห้วนๆ แต่กับพี่ต้นหอมพูดซะสุภาพบุรุษ
“เรื่องของฝ้าย พี่ต้นหอมดูสามีของพี่สิค่ะ ชอบพูดหยาบคายกับฝ้ายตลอดเลย ตอนอยู่บนรถก็เหมือนกัน T^T”
“อะไรนะจ้ะ! ที่รัก! ทำไมทำตัวไม่น่ารักอย่างนี้ล่ะค่ะ ดูสิปุยฝ้ายเสียใจเลยนะ” สำเร็จ พี่ต้นหอมหันไปต่อว่าพี่กิตเลย สมน้ำหน้า อีกเดี๋ยวพี่กิตก็ต้องบอกว่า อะไรกันที่รัก ยัยวายร้ายน่างหากที่บ่นผมตลอดทางน่ะ ชัวร์
“อะไรกันที่รัก ยัยวายร้ายต่างหากที่บ่นผมตลอดทางน่ะ” นั้นไง ฉันคิดผิดที่ไหน
“อย่ามาเถียงนะค่ะ เดี๋ยวต้องเคลียร์กันเลย แล้วอย่าไปเรียกปุยฝ้ายว่ายัยวายร้ายสิค่ะ เดี๋ยวปุยฝ้ายจะเสียใจอีก อ้อใช่ ปุยฝ้ายจ้ะ ห้องปุยฝ้ายอยู่ทางริมสุดด้านขวานะจ้ะ แล้วก็ช่วยไปตามน้องแพรให้ด้วยได้ไหมจ้ะ”
“ได้อยู่แล้วค่ะ :)” พูดจบฉันก็หันหลังให้แต่ยังอุตส่าห์เหล่ไปดูพี่กิตด้วย สิ่งที่เห็นคือพี่กิตมองฉันด้วยสายตามีเคืองเลย ฮิฮิ น่ากลัวตายล่ะ ฉันเดินมาถึงห้องตัวเองจัดการโยนกระเป๋าไปริมประตูก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนที่เตียงนอนเดี่ยว จะว่าไปห้องนี้ก็มีของใช้เครื่องประดับครบครันเลยแฮะ ส่วนห้องนี้ก็ไม่ได้แคบมาก อยู่ได้อย่างสบาย เอาเถอะไว้ค่อยค้นห้องอีกที
ฉันเดินไปยังห้องที่มีป้ายชื่อว่าแพรอยู่หน้าห้อง แต่ยังไม่ทันได้เคาะประตูก็มีเด็กสาวออกมาจากห้องด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกแถมยังมองหน้าฉันอีกด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
เด็กสาวที่มีลักษณะโด่ดเด่นกว่าเด็กคนไหน เพราะเธอมีดวงตาที่สวยงาม ผมยาวประบ่า จมูกเรียวเป็นสัน แก้มอมชมพูโดยไม่มีการเติมแต่ง แต่ก็อย่างที่บอกสายตาของเธอมันอ่านไม่ออกเลยจริงๆ
“พี่แค่จะมาตามน้องให้ไปข้างล่างน่ะ ว่าแต่น้องชื่อแพรใช่มั้ย” ถามได้โง่มากๆ เลยฉัน ป้ายที่หน้าห้องก็บอกชื่อให้อยู่แล้วแท้ๆ
“ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นใครเหรอค่ะ”
แพรถามกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยิ้มหน่อยได้ไหมเนี้ย เสียดายหน้าน่ารักๆของน้องอ่ะ (เอ่อ จะว่าไปหน้านิ่งๆแบบนี้ก็มีเสน่ห์นะ)
“เรียกพี่ว่าพี่ปุยฝ้ายล่ะกัน พี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่กิต คุณพ่อของน้องแพรไง ^_^”
“งั้นพี่ปุยฝ้ายก็เป็นคนที่จะมาอยู่ที่บ้านหลังนี่ใช่มั้ยค่ะ -_-“ พี่กิตมันพูดเผาฉันให้ครอบครัวฟังหรือเปล่าเนี้ย
“ใช่จ้ะ พี่ขอรบกวนหน่อยนะ ไปข้างล่างกันเถอะจ้ะ ทุกคนรออยู่นะ” ฉันพูดแค่แล้วเดินนำไปก่อนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือเล็กๆของน้องแพรมาจับมือฉันไว้ มองหน้าฉันแล้วพูดอย่างประหลาดขึ้นมา
“ตั้งแต่พี่มาเหยียบที่ประเทศไทย ปัญหามันจะถาโถ้มเข้ามามากมาย แต่จะมีคนไม่กี่คนแถวนั้นที่พี่จะเชื่อใจได้ และคนๆ นั้นเขาอยู่ใกล้พี่ แต่ในตอนนี้พี่ยังไม่เจอเขา แต่อีกไม่นานพี่ก็จะเจอเขาเอง อย่าลืมที่แพรพูดนะค่ะ”
พูดจบน้องแพรก็เดินไปโดยทิ้งฉันไว้ให้อึ้งกึ่มกี ปัญหา? คนที่ไว้ใจได้? เขาคนนั้น? พูดถึงอะไรกันแน่นะ ฉันสบัดความคิดในหัวทิ้ง จะไปคิดมากทำไมกันนะฉัน เป็นแค่คำพูดของเด็กอายุ 12 ขวบแท้ๆ ฉันเดินลงไปที่ห้องครัวเพื่อทานข้าวกับคนในบ้านและพูดคุยแบบปกติ ฉันที่กินเสร็จก็โดนพี่กิตลากออกมาที่ห้องรับแขก แล้วยืนกระดาษมาให้ เพื่อ?
“อะไร จะให้ใบประกาศจับหรือไง ถึงได้ยืนมาโดยไม่พูดอะไรเนี้ย แล้วจู่ๆ ก็ลากฝ้ายมา ทั้งๆ ที่ฝ้ายยังไม่ได้ช่วยเก็บจานเนี้ย มันไม่ดีเลยนะรู้ไหม” ไม่รอให้อ้าปากพูดแล้ว ประเคนคำบ่นให้เลย
“เออ เอาเข้าไป ใบประกาศจับบ้านเธอสิ” บ้านฉันอยู่ที่ลอนดอนย่ะ “พี่จะให้เธอดูต่างหากว่าโรงเรียนที่ต้องเข้าไปเรียนชื่ออะไร อ้อ แล้วนี่สมุดกฎระเบียบโรงเรียน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับชั้นเรียนเธออยู่ในกระดาษใบนี้ อีกอย่างนะ น้ำหน้าอย่างเธอไม่มีอะไรดูดีอยู่แล้ว”
ปากมันวอนหาเรื่องเสียจริง ฉันทำหน้าระอาก่อนจะไปนั่งที่โซฟาเพื่ออ่านรายละเอียด โรงเรียนเป็นโรงเรียนนานาชาติ อันแรกก็จะบ้าตาย เรียนห้องเรียน 1 / c เลขที่ 32 ตารางเรียนขอข้าม ไว้ค่อยอ่าน กฎระเบียบของโรงเรียนเหรอ อย่างรู้จริงๆ ว่าโรงเรียนนี้มีกฎระเบียบอะไรบ้าง
1.นักเรียนทุกคนต้องแต่งกายให้เรียบร้อย
2.ห้ามพกเครื่องสำอาง เครื่องประดับมาโรงเรียนโดยเด็ดขาด
3.กิริยามารยาทต้องาม คำพูดต้องไพเราะอยู่เสมอ ห้ามพูดคำหยาบคาย
4.ต้องทำตามกฎระเบียบที่ ตั้งขึ้น
ขอบอกว่ากฎโรงเรียนนี่น่ะยังมีอีก แต่ฉันขี้เกียจอ่านแล้ว แต่บัดนี้ที่ฉันสงสัยมีอยู่สองอย่างคืออย่าแรก
“ใครเป็นเลือกโรงเรียนให้ฝ้าย -_-“ ใช่ ไอ้ใครหน้าไหนมันเลือกโรงเรียนนี้ให้ฉันกัน
“บุพการีเธอนั้นแหละ เฮ้ย ทำหน้ายังงี้ อย่าบอกนะว่าไม่ชอบใจโรงเรียนที่พ่อแม่เลือกให้น่ะ”
ถ้าชอบหน้าฉันคงจะไม่สบอารมณ์แบบนี้มั้ง ฉันไม่ตอบคำถามแต่เดินไปที่ห้องตัวเองแล้วปิดประตูให้ยังพอไม่พัง และกดโทรศัพท์ต่อปลายสายไปที่ลอดดอนที่ประเทศอังกฤษโดยทันที และแน่นอนคนที่ฉันจะคุยด้วยคงมีแต่พ่อกับแม่นั้นแหละ
(ฮัลโหล มีอะไรหรือเปล่าจ้ะลูกรัก) เสียงของแม่ดังเข้ามาในหูฉัน และฉันคิดว่าแม่คงรู้ว่าฉันโทรมาเรื่องอะไร
“ฝ้ายคิดว่าแม่น่ารู้นะ ว่าฝ้ายโทรมาเพราะอะไร ใครเป็นคนเลือกโรงเรียนให้ฝ้ายกันค่ะ”
(แม่เองล่ะจ้ะ หุหุ ถูกใจใช่ไหมล่ะจ้ะ) ถ้าถูกใจเสียงฉันมันคงอารมณ์ดีกว่านี้ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าไม่ถูกใจนะ แต่ที่ไม่ค่อยปลื้มก็ตรงที่มันเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติแบบคุณหนูน่ะสิ เป็นนานาชาติธรรมดาฉันจะไม่บ่นสักคำ ส่วนที่รู้ว่าเป็นโรงเรียนคุณหนูได้ก็เพราะรูปภาพในสมุดกฎระเบียบนะสิ ผู้ปกครองแต่ล่ะคนใส่เครื่องประดับเพชรพลอยทั้งนั้น
และนักเรียนก็แต่งชุดได้เรียบร้อยเกิน มีบางส่วนที่ใส่แว่นเพราะเรียนหนัก และฉันก็ไม่ชอบเด็กเรียนสักเท่าไร บางคนชอบอวดเก่ง บางคนก็อ่อนแอโดนรังแกเป็นประจำ ฉันเลยเป็นคนที่อยู่อย่างพอดียังไงล่ะ
“หนูจะถูกใจมากเลย ถ้ามันไม่ใช่โรงเรียนคุณหนูน่ะ แม่ก็น่าจะรู้นะ ว่าฝ้ายไม่ชอบโรงเรียนแบบคุณหนูนะ แล้วทำไมถึงยังเลือกโรงเรียนนี้ให้ฝ้าย” ถ้าแม่มาอยู่ตรงหน้าฉันปานนี้คงนั่งนิ่งแน่ เพราะปกติฉันก็ทำตัวเหมือนไม่เคารพพ่อแม่แต่ที่จริงแล้วฉันเคารพนะ แต่พออารมณ์เสียมันควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ทำได้อย่างเดียวคือทำใจ
(กะแล้วเชียว แต่ว่าโรงเรียนนั้นน่ะ เขามีมาตรฐานดีมากเลยนะ และถึงลูกไม่ชอบลูกก็ต้องไปแล้วล่ะ)
“หมายความว่ายังไงค่ะ” ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนใหม่ได้นี่นา แล้วทำไมยังต้องไปอีก
(ก็หมายความว่าแม่น่ะจ่ายเงินค่าเล่าเรียนไปหมดแล้ว และที่สำคัญพรุ่งนี้ลูกก็ต้องไปเรียนแล้ว)
“อะไรนะ O_O พรุ่งนี้เหรอ แม่ นี่แม่กำลังล้อเล่นกับหนูอยู่หรือไงกันน่ะ หา!!”
(เฮ้อ โชคดีนะที่ลูกไม่อยู่ตรงหน้าแม่ ถ้าลูกอยู่ตรงหน้าแม่ แม่คงจะไม่กล้าทำอะไรเพราะอารมณ์ของลูก แต่ตอนนี้น่ะ ลูกอยู่ที่ไทยส่วนแม่อยู่ลอนดอน เพราะงั้นเลยปลอดภัย ไม่รู้ล่ะ ยังไงพรุ่งนี้ลูกก็ต้องไปเรียน แล้วอย่าไปวีดใส่พี่กิตเขาแทนล่ะ Good night จ้ะ)
เฮ้ยๆๆ แง้ๆๆ T^T เป็นแม่ที่รอบคอบเสียจริง รู้ทันว่าฉันต้องขอเปลี่ยนโรงเรียนใหม่แน่ๆ เลยจ่ายเงินไปเรียบร้อย ถ้าไม่ติดว่าพี่กิตเขามีลูกเมียล่ะก็ฉันจะไปวีดใส่พี่กิตแทนแม่เลย ในขณะที่ฉันกำลังวีดแตกเพราะเรื่องโรงเรียน ก็มีเสียงเสียงเคาะประตูและเสียงเปิดประตูทำให้ฉันต้องหันไปมอง ก็พบว่าพี่ต้นหอมถือกล่องอะไรสักอย่างมาพร้อมยิ้มให้ฉัน ฉันเลยยิ้มให้ดีที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้กลับ
“พี่เอาอุปกรณ์การเรียนของโรงเรียนที่ปุยฝ้ายจะไปเรียนมาให้น่ะจ๊ะ แล้วก็ข้างในเนี้ยมีทั้งหนังสือเรียน สมุด ปากกาดินสอครบ พร้อมชุดนักเรียนจ้ะ” เอามาให้ได้ถูกเวลาจริงๆเลยพี่ต้นหอมเนี้ย “คือกิตฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้จะไปส่ง ให้แต่งตัวเร็วๆด้วยน่ะจ้ะ อ๊ะ จริงสิพรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมจ้ะ” ฉันส่ายหน้าให้สองสามทีพี่ต้นหอมก็พยักหน้ายิ้ม และเดินออกไป
ฉันได้แต่มองของที่พี่ต้นหอมเพิ่งเอามาให้อย่างเหนื่อยใจ เฮ้อ ฉันถอดหายใจแบบเซ็งๆ ก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน ฉันก็จัดของทั้งหมด และมันก็มีของบางอย่างที่ฉันดันหยิบติดมือมาจากลอนดอน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามจะทิ้งมัน แต่กลับยังหยิบมันมา ให้ตายสิ นี่ฉันจะหยิบมันมาดูให้ชำใจเพื่ออะไรกัน ฉันวางมันไว้บนชั้นและอาบน้ำเข้านอนอย่างอ่อนล้า แต่ฉันมันเป็นคนหลับยากเลยคิดอะไรไปเรื่อยๆจนกระทั่งหลับไป
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ฉันที่กำลังฝันดีว่าได้เจอกับเพื่อนสมัยเด็กเป็นอันต้องพังทลาย พอเหลือบไปมองนาฬิกาก็ต้องตกใจรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวทันที โดยไม่สนใจว่าจะมีการเคาะประตูขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ใครมันจะมาสนเวลานี้ล่ะ นาฬิกามันบอกเวลาเจ็ดโมงสามสิบแล้วนะ อาบน้ำเสร็จฉันก็รีบมาเปิดประตูก็พบว่าคนที่เคาะประตูคือพี่กิตที่ทำหน้าเหมือนหุ้นบริษัทตกต่ำอย่างแรง
“รีบไปอาบน้ำเชียวนะ ให้ตายเถอะ รีบไปกินข้าวซะเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย” หน่อยทำมาข่มกันนะ ถ้าฉันไม่ผิดจริงฉันเถียงไปนานแล้ว แต่คราวนี้ฉันผิดจริงเลยไม่เถียงหรอก ฉันเดินตามพี่กิตมากินข้าวที่ห้องครัวและเพราะฉันตื่นสายเลยไม่ได้พูดคุยกับใครตั้งหน้าตั้งตากินลูกเดียว
“แหม ปุยฝ้ายอย่ารีบกินนักสิจ้ะ เดี๋ยวจะติดคอเอานะ” เสียงของพี่ต้นหอมทำให้ลดความเร็วในการยัดข้าวทันที “จะไม่ให้รีบได้ไงค่ะ ก็ฝ้ายดันตื่นสายนี่นา ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะไปเรียนสายเอาน่ะค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับกินข้าวต่อ
“สายเหรอจ้ะ? พูดอะไรกันจ้ะ นี่มันเพิ่งหกโมงครึ่งเอง แล้วก็นะถ้าเดินทางจากที่นี่ไปโรงเรียนมันก็แค่15-20นาทีเอง เพราะงั้นไม่ต้องรีบกินก็ได้จ้ะ ยังทัน” คำพูดนั้นทำเอาฉันสะดุดการกินข้าว แล้วเงยหน้าขึ้นมองที่นาฬิกาข้อมือ และมันก็เป็นอย่างที่พี่ต้นหอมบอกเลยนี่มันเพิ่งหกโมงครึ่ง แต่นาฬิกาที่ห้องมันบอกเวลาเจ็ดโมงสามสิบนี่
“คุณพ่อเป็นคนไปเปลี่ยนเวลาของนาฬิกาปลุกพี่ปุยฝ้ายค่ะ คงออกไปเปลี่ยนเวลาตอนที่พี่นอนนั้นแหละค่ะ”
“ขอบใจจ้ะน้องแพร พี่กิตค่าเดี๋ยวตอนอยู่บนรถฝ้ายว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ล่ะ ไม่มีปัญหาสิน่ะค่ะ ^^+++” ฉันพูดขอบคุณแพรก่อนจะหันไปพูดยิ้มๆ กับพี่กิตและที่สำคัญฉันยิ้มแบบที่พี่กิตรู้ชะตากรรมล่วงหน้าเลย จากนั้นฉันก็มาสำเร็จโทษพี่กิตที่บนรถแต่ขอไม่บอกนะค่ะว่าสำเร็จโทษยังไง เอาเป็นว่าหลังจากนั้นพี่กิตก็ขับรถมาส่งฉันด้วยหน้าบูดเมื่อตูดลิงเลย
“ขอบคุณที่มาส่งนะค่ะ เดี๋ยวตอนเย็นฝ้ายเดินกลับบ้านเองก็ได้”
ฉันพูดทันทีที่มาถึงโรงเรียน จะว่าไปโรงเรียนนี้ก็ใหญ่เอาการเลยแฮะ แต่ว่าฉันพอเดาได้ตั้งแต่เห็นชุดนักเรียนแล้วล่ะ เสื้อนักเรียนสีขาวแขนยาวมีเสื้อโค้ตให้ใส่ทับอีกชั้น (ขอบอกว่ามันร้อนสุดๆ ) กระโปรงนักเรียนเป็นกลีบจีบรอบจะว่าไปเครื่องแบบมันคล้ายๆของเด็กเรียนญี่ปุ่นเลย รองเท้าจะใส่แบบไหนก็ได้ ฉันเลยใส่ส้นสูงสีแดงให้ตัดกับชุดนักเรียนเพราะชุดนักเรียนเป็นสีน้ำเงิน
“เออ รีบๆ ไปเลย แต่ว่ายังไงตอนเย็นพี่ก็ต้องมารับเธออยู่ดีนั้นแหละ เอ้า รีบเข้าโรงเรียนไปได้แล้ว”
“ค่า งั้นไปนะ เอาเป็นว่าวันนี้จะยอมเป็นเด็กดีสักวันก็แล้วกันนะ :)”
“ไอ้เด็กดีของเธอเนี้ยทำพี่เหนื่อยใจทุกทีเลยนะขอบอก” ฉันยักไหล่ให้พี่กิตแล้วเดินลงจากรถเข้าโรงเรียน แต่พอย่างกรายเข้าโรงเรียนเท่านั้นแหละ ทำไมฉันถึงตกเป็นเป้าสายตานักนะ หรือเป็นเพราะฉันสวยเกินไป (เอ่อ อันนี้คงไม่ใช่หรอก -_- ) แต่ก็ช่างมันเถอะ จะว่าไปแล้วโรงเรียนนี้รู้สึกเด็กจะมีระเบียบจัดโคตรๆ เลย เดินกันเป็นแถวเชียวทั้งเด็กปีเก่าแก่หรือแหมแต่เด็กใหม่
แต่เด็กใหม่น่ะยกเว้นฉันคนเดียวที่ขี้เกียจเดินต่อแถวเพราะมันช้าได้ใจ
“นี่เธอน่ะ เดินให้เป็นแถวสิ”
ลั้ลลั้ลลา เรื่องอะไรต้องฟังอาจารย์ด้วยล่ะค่ะ เดินหน้าต่อไป
“นี่ธอ ครูบอกให้เธอเดินเข้าไปในแถวนะ ทำไมถึงยังเดินอยู่นอกแถวอีก” และยังเฉยชาเหมือนเช่นเดิมจ้า
“นี่เธอ หยุดนะ” ดูเหมือนอาจารย์คนเดิมจะทนไม่ไหวถึงกับเข้ามาจับแขนฉันเลย
“อ้าว อาจารย์เรียกหนูเหรอค่ะ” หน้าด่านได้ด่านไปเลยจ้า ^O^ เด็กๆ ที่ดีไม่ควรทำตามนะจ้ะ
“อะไรนะ นี่เธอหูหนวกหรือไงกัน ครูเรียกตั้งหลายครั้งแล้วนะ ทำไมถึงไม่ยอมหัน”
แหม สงสัยจะโกรธมากเลยนะ
“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะค่ะ ในเมื่อหนูไม่ได้ชื่อเธอน่ะ ถ้าอาจารย์จะเรียกเด็กนักเรียน ก็ควรจะเรียกชื่อมากกว่านะค่ะ” ทำไมอ่ะ ฉันพูดอะไรผิดเหรอ ทำไมทุกคนถึงเงียบกันหมดล่ะ
“ละ..แล้วเธอชื่ออะไร” แหม ถึงขั้นเสียงสั่นเลยเหรอ ^^
“มนต์นภา มาณิญากุลค่ะ เป็นเด็กใหม่ เรียนปีหนึ่ง ขอฝากตัวด้วยนะค่ะ” พูดจบฉันก็เดินไปต่อแบบเดิม และก็มีคนมองกันตลอดทางเช่นเคย เวร อยากรู้จริงๆ ว่าฉันมีอะไรแปลกหนักหนา ฉันทำเป็นไม่สนแล้วเดินมาถึงห้องเรียนของตัวเอง อืม ห้อง1 / c ฉันเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าที่นั่งมีเหลืออยู่แค่ด้านหลัง ขนาดเด็กห้อง c ยังเป็นเด็กเรียนเลยเหรอเนี้ย
ฉันเอากระเป๋าไปวางไว้ที่นั่งริมหน้าต่างหลังสุดห่างจากคนอื่นประมาณสองแถว แล้วทำไมฉันถึงโดนมองอีกแล้วเนี้ย ชักหงุดหงิดแล้วนะย่ะ ฉันไม่ใช่นักร้องค่าย JYP นะย่ะ
“มองอะไรกันหนักหนา ถ้าอยากเรียนหนักก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเล่มหนานั้นต่อไปซะสิ ไอ้เด็กเรียนทั้งหลาย” พูดแค่นี้ก็หันกลับไปอ่านหนังสือเรียนแทบไม่ทันแล้ว ป๊อดมากๆ เลย แต่แบบนี้แหละ จะได้แกล้งสนุกๆ
“แน่ะหล่อน หล่อนกล้าดียังไงมาทำอวดดีในห้องของฉันย่ะ” เสียงใครมาแว้ดๆ ข้างเนี้ย
“เฮ้ พวกนาย ใครสักคนไปเหยียบหางยัยนี้หรือไง มาพากลับเข้ากรงไปเดี๋ยวนี้เลย” ฉันตะโกนถามคนทั้งห้องและทุกคนก็พร้อมที่จะสะดุ้งโหยงแถมหันหน้ามาหน้างี้ซีดเผือกเลย จะกลัวอะไรหนักหนานะ
“กรี๊ดดดดดด!!! หล่อนว่าไงกันย่ะ นังคนไร้มารยาท” จะว่าไปก็เซ็งๆ อยู่เหมือนกันแฮะ เอายัยนี้เป็นของแก้เซ็งดีกว่า ถ้าจะช่วยให้หายเครียดได้ดีเลย (ร้ายจริงๆเลยฉัน) และยัยนี่ก็มาหาเรื่องฉันด้วยสิ
“แหม ถ้าคนมีมารยาทเขามายืนกรี๊ดกร๊าดแบบนี้ล่ะก็ ฉันขอเป็นคนไร้มารยาทดีกว่านะ ยัยจิ้งหรีด ^^”
“กรี๊ดดด!! ใครเป็นยัยจิ้งหรีดกันย่ะ ยัยคนไร้มารยาท นี่หล่อนรู้มั้ยว่าฉันเป็นลูกหลานใครน่ะ ถ้ารู้แล้วจะหนาว”
“เธอก็เป็นลูกหลาน…” ฉันหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแล้วยิ้มขึ้นอย่างแจ่มใส “จิ้งหรีดที่เสียงแหลมที่สุดในโลกไง แต่ฉันรู้แล้วแท้ๆ ฉันดันไม่อยากได้ผ้าห่มมาแก้หนาวแต่อยากได้ที่อุดหูมากันเสียงแหลมๆของเธอมากกว่านะ ^_^”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนที่หล่อนเรียนอยู่ต่างหากล่ะ ใครๆ เขาก็รู้กันหมด นี่หล่อนไปเพิ่งออกมาจากรูที่ไหนกันย่ะ”
มิน่าล่ะ เด็กในห้องถึงหน้าซีดกันหมด แต่ว่า ฉันไม่ได้อยู่ในรูที่ไหนทั้งนั้นแหละ
“มันก็เรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว ยัยจิ้งหรีด”
สงสัยยัยจิ้งหรีดจะทนไม่ไหวถึงกับเข้ามาตั้งท่าเตรียมจะฝาดมือใส่หน้าฉันอย่าแรง แต่ฉันไหวกว่าจึงจับแขนยัยจิ้งหรีดมาบิดจนหน้ายัยจิ้งหรีดบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
“อย่าคิดว่าเธอเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียนแล้วทำได้ทุกอย่างนะ” ฉันพูดน้ำเสียงเรียบๆจนยัยนั้นถึงกับตัวสั่น
“ถะ...ถ้าเธอทำอะไรฉันแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ฉันจะฟ้อง Light at Night แน่ เธอถูกไล่ออกแน่นอน”
“โอ๊ย นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าฉันเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่โรงเรียนนี้อยู่แล้วล่ะย่ะ ออกได้ยิ่งดี”
“แล้วโรงเรียนนี้มีอะไรที่ทำให้เธอถึงกับอยากออกนักหรือไง”
เสียงเข้มๆ ของใครบ้างคนดังขึ้นจากด้านหลังฉัน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือทำไมตาขวาฉันถึงได้กระตุกล่ะเนี้ย
ความคิดเห็น