แองเจิ้ลสาวน้อยมหัศจรรย์ - นิยาย แองเจิ้ลสาวน้อยมหัศจรรย์ : Dek-D.com - Writer
×

    แองเจิ้ลสาวน้อยมหัศจรรย์

    ผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ของเด็กตัวน้อย ด้วยวัย 6 ขวบ แต่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเธอได้พบปู่ของเธอ(เบิร์นเนล) ทำให้เธอได้รู้จักดินแดนที่เป็นเหมือนเทพนิยาย และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงในโลกของความเป็นจริง

    ผู้เข้าชมรวม

    353

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    353

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  4 ก.ย. 53 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    แม่ค่ะ......เสียงใส ๆ ที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย หน้าตาน่าเอ็นดู เรียกผู้เป็นแม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารในครัวเพื่อจัดเตรียมเป็นอาหารเช้าในวันนี้   แม่เห็นลักกี้หรือเปล่าค่ะ    เมื่อกี้แม่เห็นมันอยู่หน้าบ้านจ๊ะ    ซูซานบอกลูกสาวตัวน้อยของเธอแต่ตัวเธอก็ยังคงง่วนอยู่กับการทำอาหารเหมือนเดิม เด็กน้อยหน้าตาน่ารัก กับวัยที่อยากรู้อยากเห็น สอดส่ายสายตามองไปยังหน้าบ้านเพื่อมองหาสิ่งที่ต้องการ  แองเจิ้ล เดินออกประตูหน้าบ้านมาแสงแดดอ่อน ๆ ส่องมาเหมือนทักทายใบไม้ปริวไสวรับกับลมที่พัดอย่างอ่อนโยน  เมื่อหนูน้อยมองเห็นแมวตัวโปรดก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับบ่นน้อยใจกับแมวของเธอ ลักกี้ออกมาเล่นคนเดียวอีกแล้วทำไมไม่รอฉันด้วย มือเล็ก ๆ กำลังลูบไปที่หลังพร้อมกับมองแมวที่เธอรักเหมือนตัดพ้อ เอาเถอะ ๆ  วันนี้ให้อภัยแต่คราวหน้า แกต้องโดนลงโทษนะรู้มั้ย   ลักกี้มองนายน้อยพร้อมส่งเสียงเมี้ยว.. เพื่อตอบรับคำพูด  แองเจิ้ลมองด้วยความพอใจพร้อมกับใช้มือน้อย ๆ ของเธออุ้มเจ้าลักกี้กลับเข้าไปในบ้าน.......

     

    ลักกี้เป็นแมวที่ฉลาด และแสนซนพอ ๆ กับเจ้านายน้อยของมัน   มันถูกเก็บมาเลี้ยงก่อนที่แองเจิ้ลจะเกิดเสียอีก  ลักกี้เป็นแมวสีครีม เพศผู้ไม่เชิงขาว รูปร่างทะมัดทะแมง ไม่อ้วนจนเกินไป และมีนิสัยหวงเจ้าของเหมือนว่ามันเป็นสุนัขก็ว่าได้  แต่แปลกที่ว่าไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เจ้าลักกี้ ไม่มีแก่เหมือนแมวทั่ว ๆ ไป มันยังคงสภาพเหมือนเดิมแข็งแรง  เหตุนี้ไงละที่ทำให้ลักกี้เป็นที่รักของใครต่อใครในบ้าน     แองเจิ้ลอุ้มลักกี้เดินไปยังห้องครัว   กลิ่นอาหารหอมกลุ่นลอยมาทำให้ท้องของหนูน้อยวัย 6ขวบคนนี้ท้องร้องขึ้นมาทันที.......ทุก ๆ คนตื่นได้แล้วจ้า.. ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว  อย่ามัวนอนขี้เซาเรามีอะไรต้องทำอีกมากนะเช้านี้  เสียงของซูซานเรียกสมาชิกของบ้านเสียงดังฟังชัด แองเจิ้ลกับลักกี้มาถึงเป็นคนแรกพร้อมกับนั่งรอที่โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย      มาแล้วครับแม่   มีอะไรกินบ้างฮะ.........สุดสิ้นเสียงมือก็คว้าไปหยิบน่องไก่ทอดขนมปังที่หอมชวนกิน แต่ไม่ทันได้จับซูซานก็คว้ามือไว้ทัน   อย่าเพิ่งสิบิล  รอพ่อของลูกก่อน   บิลมองด้วยสายตาอ้อนวอน....อันเดียวเองครับแม่  สายตาผู้เป็นแม่มองมาด้วยดวงตาที่สามารถจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ ได้ หากอีกคนยังจะขัดคำสั่ง...ก็ได้ก็ได้ ผมจะรอพ่อก่อน  บิลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ยังไม่วายเอานิ้วที่จับน่องไก่ไปดูดเล่น    พ่อครับผมหิวแล้ว ลงมาได้แล้วครับ   เมื่อใช้ลูกอ้อนกับผู้เป็นแม่ไม่ได้ผลจึงใช้วิธีนี้แทน  แองเจิ้ล มองพี่ชายที่อายุห่างกว่าเธอ 10 ปี  ด้วยสีหน้าตลกขบขัน พร้อมกับหัวเราะอย่างสะบายใจ   เงียบนะแองเจิ้ล ไม่มีเรื่องที่น้องต้องหัวเราะสักหน่อย   แองเจิ้ลหยุดหัวเราะแต่เปลี่ยนเป็นอมยิ้มแทนพร้อมกับพูดกับแมวของเธอว่า  ลักกี้  ฉันรู้นะว่าแกหิว แต่แกก็มีมารยาทนะฉันรู้   น้องพูดอะไรนะแองเจิ้ลว่าพี่ไม่มีมารยาทงั้นเรอะ....บิลมองไปที่น้องสาวด้วยสายตาขุ่นเคือง   พอเถอะทั้งแองเจิ้ลและบิลคุณพ่อมาแล้วจ๊ะ.... ก่อนที่จะเกิดสงครามขึ้นระฆังก็ดังได้ทันเวลาพอดี   เกิดอะไรขึ้นเสียงดังลั่นบ้านเชียว   ผู้เป็นพ่อถามพร้อมกับขยับเก้าอี้นั่ง   ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ เรื่องของเด็ก ๆ นะค่ะ ทานอาหารกันเถอะ   ทานได้แล้วจ๊ะเด็ก ๆ    ลักกี้ของแกอยู่ตรงโน้นนะ   เมี๊ยว....ลักกี้ขานรับพร้อมกับเดินไปหามุมส่วนตัวที่ซูซานจัดไว้ให้    ว่าแต่ว่าที่คุณพูดเมื่อกี้มันเรื่องอะไรเหรอ  เรื่องอะไรค่ะ! ซูซานถามสามีด้วยสีหน้าข้องใจ    เรื่องที่คุณบอกว่าเรามีอะไรต้องทำไง     คุณลืมไปแล้วเหรอค่ะ ว่าวันนี้เราต้องพาเด็ก ๆ ไปเยี่ยมพ่อของคุณไงค่ะ  สัญญากับท่านไว้แล้ว    จริงด้วยผมลืมสนิทเลยเอาละเด็ก ๆ วันนี้เราไปหาคุณปู่กัน คุณปู่อยู่ที่ไหนเหรอค่ะ   แองเจิ้ลถามด้วยความสงสัย เนื่องจากเด็กน้อยตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นหน้าคุณปู่เลยสักครั้ง    แองเจิ้ลมาหาพ่อสิลูก เด็กน้อยเดินมาหาพ่อด้วยหน้าตาสงสัยเมื่อเดินอ้อมโต๊ะอาหารมาถึงผู้เป็นพ่อก็จับอุ้มมานั่งตรงตักพร้อมกับเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดูรักใคร่  บิลก็กระเถิบเข้ามาเพื่อจะฟังสิ่งที่พ่อจะพูดได้ชัดเจนขึ้น  ปู่ของลูกอยู่ที่ โรงพยาบาลมอร์ตัน  นั่นมันโรงพยาบาลบ้านี่ฮะพ่อ   คุณปู่ไปทำอะไรที่นั่นฮะ จอนส์ทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก คุณปู่ของลูกท่านเป็นคนแปลก ๆ ท่านชอบพูดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ......ยังไงเหรอฮะ     มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้หายตัวไปจากบ้าน นานนับปี จนย่าของลูกนึกว่าท่านได้ตายจากไป  ย่าได้บอกกับพ่อว่าปู่ไปหาเพื่อนซึ่งไม่มีใครรู้ไ ด้ว่าเพื่อนของปู่คนที่ย่ากล่าวถึงอยู่ที่ไหนอยู่มาวันหนึ่งย่าของลูกได้ป่วยและจากพวกเราไป  ย่าจากเราไปไม่นานปู่ก็กลับมา นับเวลาที่ปู่จากไปก็ 2 ปี เห็นจะได้ เมื่อท่านกลับมาก็ไม่พบย่าของลูกแล้ว  หลังจากนั้นมาปู่ของลูกก็เสียใจมากท่านไม่ยอมพบกับใครปิดกั้นตัวเองอยู่แต่ในบ้าน  ไม่พบปะเพื่อนบ้านหรือใครทั้งนั้นแม้แต่พ่อกับแม่ก็เถอะ เพราะท่านคิดว่าการจากไปของย่าเป็นความผิดของท่านที่ท่านทิ้งย่าไป     แล้วท่านหายไปไหนมาเหรอค่ะ    ท่านบอกว่าท่านไปยังอีกมิติหนึ่งที่มีความมหัสจรรย์ คนที่ไปอยู่ที่นั่นจะมีแต่ความสุขสะบายบ้านเมืองร่มเย็นที่ท่านกลับมาคราวนี้ก็เพื่อจะรับคุณย่าไปอยู่ด้วย แต่ย่าก็มาจากไปเสียก่อน   แล้วมันที่ไหนเหรอค่ะสาวน้อยถามด้วยความสนใจ   พ่อไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีจริงหรือเปล่า      เหตุนี้หรือเปล่าฮะที่คุณปู่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลมอร์ตัน  ผู้เป็นพ่อพยักหน้า  วันนี้เราจะไปรับคุณปู่กัน เพราะคุณปู่จะออกจากมอร์ตันวันนี้จ๊ะ  แล้วมาอยู่กับเราเหรอฮะ   ไม่หรอกจ๊ะคุณปู่ท่านรักบ้านของท่านมาก เราจะรับท่านไปบ้านของท่านกัน     ไปจ๊ะเด็ก ๆ ไปเตรียมตัวได้แล้วเราจะออกเดินทางแต่เช้านี้เลย   แม่ค่ะหนูขอเอาเจ้าลักกี้ไปด้วยได้มั้ยค่ะ  ว่าไงค่ะคุณ  ซูซานมองหน้าสามีเพื่อขอคำตอบ   ไม่เป็นไรหรอกเจ้าลักกี้คงอยากจะไปเจอเจ้าของตัวจริงของมัน    คุณพ่อหมายความว่าไงค่ะ   ลักกี้เป็นแมวของหนูนะ      ใช้จ๊ะ...      แต่ก่อนหน้าที่จะมาเป็นของหนูมันดูแลคุณปู่มาก่อนจ๊ะ   เอาละไปเก็บของกันได้แล้ว แองเจิ้ลทำสีหน้างง ๆ แต่ก็ไปตามคำสั่งของแม่แต่โดยดี

     

    ประตูเหล็กน่ากลัวกั้นสูงประมาณ 5 เมตร สีดำทะมึนล้อมไปทั่วโรงพยาบาลมีรูปปั้นหมอถือเข้มฉีดยารายล้อมไปด้วยน้ำพุดูแล้วกึ่งตลกกึ่งน่ากลัว  พ่อค่ะ ที่นี่เหรอค่ะ มอร์ตัน ทำไมน่ากลัวจังค่ะ แองเจิ้ลเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นพ่อพร้อมกับจับมือแน่นสายตามองไปยังรูปปั้นผู้ชายที่ถือเข็มฉีดยาหน้าตาดุดัน  บิลเดินติดกับซูซาน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง   คุณค่ะ .. นั่นมีคนยืนอยู่ตรงประตูทางนั้นค่ะ   เราไปถามที่นั่นกันเถอะ  จอนส์มองตามนิ้วมือของซูซาน และพบว่ามีมีคนยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ  มาเถอะเด็ก ๆ เราไปที่นั่นกันเถอะ....ทางเดินที่ปูด้วยหินเม็ดเล็ก  ๆ กับการจัดสวนที่น่าเกรงขามผสานกับรั้วที่ดำสนิท  คิดว่าคงไม่มีใครอยากมาที่นี่เป็นแน่  เมื่อทุกคนเดินมาถึง ก็ได้พบกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ น่าเกรงขาม  2  คน ยืนคนละด้านของประตู ลักษณะการแต่งตัวเหมือนผู้คุมขังอะไรทำนองนั้น   ขอโทษครับ  ผมเป็นญาติของ  นายเบิล์นเนล   แองกิ้น   มีนัดรับตัววันนี้ ไม่ทราบจะติดต่อได้ที่ไหนครับ   สิ้นสุดคำถาม ชายคนแรกได้มองมาที่จอนส์พร้อมกับเลื่อนสายตาที่แดงดุดันไปยังทุกคน แองเจิ้ลจับมือผู้เป็นพ่อแน่นและหลบอยู่ทางด้านหลังไม่กล้าสบตา  บิลก็จับมือซูซานแน่นเช่นกัน  เมื่อเลื่อนสายตาครบทุกคนแล้วก็หันไปมองอีกด้านที่เป็นประตูถัดไปทั้งหมดรีบเดินออกและพยายามให้ตัวเองเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ   เมื่อมาถึงประตูทุกคนก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นคนเดินเพ่นพ่านหลายคน  โล่งใจไม่น้อยเมื่อคิดว่าต้องเจออะไรอีก    ทุกคนเดินตามกันไปที่ประชาสัมพันธ์   คุณครับ ผมมารับตัวนายเบิล์นเนล   แองกิ้นครับ   คุณเป็นอะไรกับเบิล์นเนล   แองกิ้นค่ะ     ผมเป็นญาติของท่านครับ    งั้นเชิญที่ห้อง26   ตรงไปขวามือค่ะ   สาวประชาสัมพันธ์ สวมแว่นผมหยิก ผายมือไปตามทิศของห้องเบอร์ที่ 26 ที่นายเบิล์นเนล   แองกิ้นอยู่      ระวังหน่อยนะค่ะ คนในนี้อาจเป็นอันตรายกับพวกคุณ    ทุกคนทำสีหน้าสงสัย     คือดิฉันหมายความว่าคนไข้ที่นี่ไม่ปกติสักเท่าไหร่นะค่ะ  พูดจบก็นั่งลงที่โต๊ะเหมือนเดิม    ทุกคนเดินไปยังห้องเบอร์ที่ 26 ต่างคิดในใจว่าคงจะไม่เจออะไรที่พิลึกพิลั่นเข้าให้หรอกนะ   ในที่สุดทุกคนก็มาถึงห้องเบอร์ที่ 26  จอนส์เคาะประตู 3 ครั้ง  พร้อมกับผลักประตูเข้าไป   สิ่งที่ทั้งหมดได้เห็นคือรูปวาดในจินตนาการต่าง ๆ  มีเตียงนอนที่ดูไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่นัก  มีกลิ่นอับ แล้วสายตาก็มองไปหยุดที่บุคคลที่อยู่ตรงโต๊ะมุมห้อง    จอนส์จำได้ดี ผู้ชายแก่  หน้าตาเป็นมิตร ผมสีขาว   แต่งชุดสีฟ้าอ่อน  คุณพ่อ!  จอนส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ที่ไม่คิดว่าจะเห็นสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ขณะนี้  นายเบิล์นเนล   ลุกขึ้นจอนส์เข้าไปหาพ่อความรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี  คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ  นายเบิล์นเนลมองลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 10  ปี  สายตายินดีและมีความสุข  พ่อสบายดี ผมมารับคุณพ่อกลับบ้านครับ   ผู้เป็นพ่อพยักหน้า  พยุงตัวเองให้นั่งลง  สายตามองไปยังเด็กสองคนที่ยืนมองรูปตามฝาผนังห้อง หนูขอโทษนะค่ะคุณพ่อที่ไม่ได้มาเยี่ยมเนื่องจาก...ไม่ทันพูดจบนายเบิล์นเนล ทำมือโบกไปมาเพื่อ ยุติการพูด  ถึงมาก็เข้าไม่ได้หรอกนะ เขาไม่ให้เข้ามาหรอก  ที่นี้เข็มงวดมาก นายเบิล์นเนลพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความชราภาพ แต่สายตายังคงมองเด็ก ๆ อยู่         ซูซานเห็นดังนั้นจึงเรียกเด็ก ๆ ให้เข้ามาหา    บิล  แองเจิ้ลมาหาคุณปู่สิจ๊ะ    เด็กทั้งสองหันกลับมาพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา    คุณพ่อค่ะ  นี้บิลค่ะ คุณพ่อคงเคยเจอแกแล้ว ตอนนั้นแกยังเด็กมาก    และนี้แองเจิ้ลค่ะ  สวัสดีคุณปู่สิจ๊ะ   สวัสดีค่ะ คุณปู่   นายเบิล์นเนลเห็นหลานสาวตัวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู นี่นะเรอะ!  นายใหม่ของลักกี้  เข้ามาให้ปู่ดูใกล้ ๆ หน่อยสิ  แองเจิ้ลเดินเข้าไปหาปู่ใกล้ ๆ  นายเบิล์นเนลมองหลานสาวด้วยดวงตาที่มีความหวังแต่ไม่มีใครทราบได้ว่านายเบิล์นเนล คิดอะไรอยู่   คุณปู่ดูแก่จังค่ะ   นายเบิล์นเนลหัวเราะชอบใจในคำพูดของหลาน  ปู่แก่แล้ว..จะให้ดูหนุ่ม ๆ เหมือนพ่อของหนูคงไม่ได้หรอกนะ  คุณปู่วาดรูปพวกนี้เองเหรอค่ะ  หนูชอบมากมันเหมือนคุ้นเคยยังไงไม่รู้  หลานชอบรูปไหน   รูปนั้นค่ะ  นางฟ้ามีปีก  ดอกไม้เต้นละบำ     อืม........นายเบิล์นเนลไม่พูดอะไรต่อได้แต่อมยิ้ม คนพวกนั้นมันมีอยู่จริงหรือเปล่าค่ะ    เอาไว้ถึงเวลาหลานจะรู้เอง...............

    โชคดีนะค่ะ คุณเบิล์นเนล แวะมาหาพวกเราบ้างนะค่ะ  อุ๊ย..!! ขอโทษที่นะค่ะดิฉันลืมไปว่าคงไม่มีใครอยากมาที่นี่สักเท่าไหร่    ไม่เป็นไรเฟร ไว้ฉันจะแวะมาหานะ  พวกเราคงคิดถึงนิทานสนุก ๆ ของคุณเป็นแน่   โชคดีนะค่ะ    ทุกคนเดินออกมาจากมอร์ตันด้วยความสะบายใจและต่างก็คิดใจเดียวกันก็คือคงไม่ต้องมาที่นี่อีกถ้าเป็นไปได้      เดินมาถึงรถเห็นเจ้าลักกี้กระโดดวนไปวนมาพร้อมส่งเสียง เมี๋ยว..เหมี๋ยวมาแต่ไกล ทันทีที่ทุกคนมาถึงรถสิ่งที่ได้เห็นและไม่เชื่อในสายตาก็คือ เจ้าลักกี้วิ่งเข้าไปหาเบิล์นเนลแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าย่อขาลงกับพื้นมือทั้งสองวางขนานกันก้มหัวลงและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม  สวัสดีลักกี้ แกคงสบายดีนะทำตัวเหมือนเดิมเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ แต่ไว้ก่อนตอนนี้คงไม่สะดวก  ขึ้นรถก่อนเถอะค่ะคุณพ่อ เราต้องขับรถไปอีกไกล....เส้นทางอีกยาวไกลกับรถคันเล็กที่อัดแน่นไปด้วยความสุขที่ได้เจอกัน กำลังมุ่งหน้าสู้นอกเมืองอันเป็นที่ตั้งของบ้านที่ทุกคนคุ้นเคยยกเว้นก็แต่ แองเจิ้ลกับบิลที่ตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวไกลและได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ    รถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านไม้เก่าๆ ขาดการดูแลแต่ยังคงสภาพไว้ได้อย่างดี รอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หาไม่ได้ในเมืองมีสวนหย่อมหน้าบ้านที่ตอนนี้หญ้ารกมาก ๆ ยังอยู่ดีเสียงนายเบิล์นเนลพูดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านเสียงเปิดประตู้ดังสะท้อนแสดงให้รู้ประหนึ่งจะรับรู้ได้ว่าเจ้าของกลับมาแล้ว   เมื่อเข้ามาในบ้าน ทุกคนต่างถึงกับตะลึงกับสภาพของบ้านที่แตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง ในบ้านทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังใหม่ เหมือนมีคนคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาผ้าม่านสีขาวทอประกายกระทบกับแสงแดดที่ส่องมาเหมือนรู้ใจ  ดอกไม้มุมห้องบานสะพรั่งเหมือนเพิ่งตัดมาจัดแจกันใหม่ ๆ โซฟากำมะหยี่สีแดงเย้ายวนให้คนมองเห็นอยากสัมผัส   แองเจิ้ลปล่อยลักกี้ลงพร้อมกับวิ่งไปหาโซฟาอันนุ่มน่าหลงไหล   บิลเดินไปที่มุมเครื่องดนตรี ที่มีลักษณะเหมือนใบไม้  และรูปปั้นหินมนุษย์ตัวเล็ก ๆ   คุณพ่อครับ คุณพ่อให้ใครมาอยู่ตอนที่คุณพ่อไม่อยู่หรือเปล่าครับ  เบิล์นเนล อมยิ้มแต่ไม่พูดอะไร  พลางเดินสำรวจรอบ ๆ บ้าน   คุณค่ะ ซูซานเรียกสามีของเธอ   คุณต้องช่วยจัดแต่งหน้าบ้านให้คุณพ่อสักหน่อยแล้วละค่ะ มันรกเหลือเกิน ดีเหมือนกันนานแล้วนะที่ไม่ได้ทำประโยชย์อะไรให้กับบ้านหลังนี้เลย   บิลมาช่วยพ่อหน่อยเรามีงานใหญ่ที่ต้องทำให้เสร็จก่อนค่ำนี้     เดี๋ยวดิฉันจะเตรียมอาหารไว้รอนะค่ะ   ซูซานเดินไปยังโต๊ะเพื่อหยิบถุงอาหารที่ได้ซื้อมาจากร้านค้าก่อนเข้ามาในหมู่บ้านและเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับเย็นนี้แองเจิ้ลเดินขึ้นไปชั้น2ของบ้าน พบรูปวาดเหมือนที่เห็นตอนอยู่ที่มอร์ตัน แต่ภาพที่เห็นเหมือนมีชีวิตกว่าที่มอร์ตันมากผู้หญิงแต่งตัวด้วยชุดแฟนซีหน้าตาใจดี ดูอ่อนโยน  ถ้าเธอมีชีวิตก็ดีนะ ฉันจะได้คุยกับเธอได้ เด็กน้อยพูดออกมาน้ำเสียงผิดหวังที่บุคคลในภาพไม่มีอยู่จริง    อีกมุมหนึ่งของบ้าน  เบิล์นเนลนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โดยมีลักกี้นั่งท่าเดียวกับที่เจอเบิล์นเนลในครั้งแรก เบิล์นเนลเอามือลูบหัวลักกี้เบา ๆ  สะบายดีหรือเปล่าลักกี้ ไม่ได้เจอตั้งนาน   ฉันอยากกลับไปที่ฟราวเวอร์มูลเหลือเกินลักกี้แกคิดแบบเดียวกับฉันมั้ย  มันยากเหลือเกินที่จะหากุญแจนำทางเพื่อกลับไปยังที่นั่น อีกอย่างฉันก็แก่มากแล้ว  นายท่านยังแข็งแรงนะขอรับ  เบิล์นเนลอมยิ้มมือก็ยังคงลูบหัวลักกี้  เจ้าคงลำบากที่จากบ้านมาเพื่อมาดูแลเรา  แต่เราก็ทิ้งเจ้าไปเสียนาน  นายท่านอย่าพูดแบบนั้นนะขอรับ นายท่านมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตข้าไว้ชีวิตนี้ต่อให้ลำบากแค่ไหนข้าน้อยก็ยอมขอรับขอเพียงนายท่านไม่ไล่ข้าให้ข้าอยู่รับใช้นายท่าน อย่าลืมสิแกมีนายคนใหม่แล้ว   นายท่านหมายถึงนายน้อยแองเจิ้ลหรือขอรับ นายน้อยฉลาดมาก ๆ ขอรับไม่แน่ผู้ประสานสัมพันธ์ระหว่าง 2 ภพอาจจะเป็นนายน้อยก็ได้นะขอรับ เบิล์นเนลทำท่าคิดสายตามองไปไกลแสนไกลไม่มีจุดหมาย   ฉันก็คิดเช่นนั้น.........ในโลกที่เป็นความจริงจะมีใครสักกี่คนที่จะเข้าใจและยอมรับว่าโลกที่2เหมือนเทพนิยายนั้นมีอยู่จริง...........

    ทุกคน อาหารเย็นพร้อมแล้วจ๊ะ....ซูซานตะโกนบอกสมาชิกในบ้านเมื่อได้เวลาอาหารเย็น  จอนส์กับบิลตัดหญ้าหน้าบ้านเสร็จพอดี  แองเจิ้ลเดินลงมาจากข้างบนหลังจากได้เดินดูภาพจนทั่วบ้าน   เบิล์นเนลกับลักกี้เดินมาจากหลังบ้าน   ไม่นานนักทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร   หอมจังเลยค่ะแม่   แองเจิ้ลทำจมูกฟุตฟิตเพื่อดมกลิ่นอาหารที่ชวนลิ้มรส   โอ้โห....อาหารน่ากินมาก ๆ เลยฮะแม่   บิลมองอาหารบนโต๊ะไก่งวงอบเนยจัดอย่างสวยงาม  น้ำซุปเห็ดหอมกรุ่น  ขนมปังลาดด้วยนมข้นตกแต่งด้วยชีสชิ้นพอคำ   มื้อนี้เป็นมื้อพิเศษจ๊ะแม่ทำสุดฝีมือ    ทุกคนทานได้แล้วจ๊ะ......      เมี้ยว...ว......ว       ซูซานหันไปมองพร้อมกับทำหน้าตกใจที่ลืมอาหารของลักกี้       โอ้ลักกี้ ฉันไม่ได้ลืมของแกนะ   อยู่ตรงโน้นจ๊ะ     ปลาซามอลอบน้ำผึ้งเลม่อน  หวังว่าแกคงชอบ   ลักกี้วิ่งไปที่จานอาหารส่วนของตน และเริ่มต้นกินอย่างอร่อย  ทุกคนเห็นลักกี้กินอาหารไปส่ายก้นไปเป็นทำนองเพลง  ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน  เจ้าลักกี้คงมีความสุขนะค่ะ   พวกเราก็มีความสุขจ๊ะแองเจิ้ลบรรยากาศอบอุ่นที่ขาดหายจากบ้านนี้ไปนานแสนนานกำลังกลับมาอีกครั้งแล้วสินะ     ว่าแต่ว่าพวกเธอจะพักที่นี่กี่วันละ     ซูซานมองหน้าจอนส์  ที่จริงผมกับครอบครัวกะจะย้ายมาอยู่ที่นี่ครับ   เพราะว่าอยากมาดูแลพ่อครับ  ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย พ่ออยู่ได้    แต่พวกผมตั้งใจไว้แล้วครับ   แล้วงานของเธออีกทั้งเด็ก ๆ ละ  คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับผมได้ขอย้ายมาทำที่นี่แล้วครับ ส่วนเด็ก ๆ ผมก็เตรียมการไว้แล้ว   คุณพ่อไม่เห็นบอกพวกผมเลยนี่ฮะ     พ่อคิดว่าจะบอกลูกเมื่อถึงเวลา  แล้วเรื่องโรงเรียนของผมละฮะ   บิลพ่อจะส่งลูกไปเรียนไฮสคูลที่ลอนดอน พ่อได้ติดต่อโรงเรียนไว้แล้ว  ปิดเทอมลูกก็สามารถมาหาพ่อกับแม่ที่นี่ได้  ผมจะได้ไปลอนดอนหรือฮะแม่ ดีใจจังฮะเพื่อนของผมไปเรียนที่นั่นหลายคน ขอบคุณฮะพ่อ   ส่วนแองเจิ้ล อีกไม่นานลูกก็ต้องเข้าเรียนเหมือนกันจ๊ะรอให้โตกว่านี้ก่อนนะ   หลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ขึ้นไปดูห้องของตนเพื่อเตรียมการที่จะย้ายข้าวของมาแองเจิ้ลเลือกห้องริมหน้าต่างที่สามารถมองไปเห็นทะเลสาบที่สวยงามได้  บิลเลือกห้องใต้หลังคา เพื่อจะได้มองเห็นท้องฟ้าตอนค่ำคืน    แกชอบห้องนี้หรือเปล่าลักกี้   แองเจิ้ลถามเสียงใส   ลักกี้กระโดดขึ้นไปบนที่นอนที่แสนนุ่ม  พร้อมส่งเสียง เมี้ยว...ว   เพื่อแสดงให้รู้ว่าชอบ  แองเจิ้ลยิ้มพร้อมเอามือเกาไปที่คางของลักกี้เบา ๆ  ฉันก็ชอบห้องนี้เหมือนกัน....เราไปข้างนอกกันเถอะนะลักกี้ไปสำรวจบ้านใหม่กัน     เมื่อลงบันไดมาแองเจิ้ลก็เห็นเบิล์นเนล นั่งอ่านหนังสืออยู่   คุณปู่ค่ะ   ว่าไงองค์หญิงตัวน้อย  พร้อมกันนั้นแองเจิ้ลก็เข้าไปนั่งใกล้ ๆ ปู่ที่ตัวเองรู้สึกคุ้นเคยถึงแม้ไม่เคยเจอกันมาก่อน   หนูมีเรื่องอยากจะถามคุณปู่ค่ะ   คือหนูเห็นภาพวาดตรงทางเดินที่เป็นผู้หญิงเธอมีตัวตนหรือเปล่าค่ะ   หนูชอบเธอมาก เบิล์นเนลมองไปยังภาพวาดที่หลานสาวตัวน้อยบอกพร้อมกับอมยิ้ม  แล้วหลานว่าอย่างไรละ  เบิล์นเนลถามหลานสาวเพื่อต้องการสังเกตุอะไรบางอย่าง    หนูอยากให้เธอมีชีวิตค่ะ รวมถึงภาพอื่น ๆ ที่แขวนอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย   หลานอยากฟังนิทานมั้ยแองเจิ้ล ปู่จะเล่าให้ฟัง...จริงเหรอค่ะ  งั้นคืนนี้หนูขอนอนกับคุณปู่นะค่ะ  ลักกี้ด้วยใช่มั้ย เมี้ยว...ว   ลักกี้ขานรับพร้อมกับเอาหัวมาถูตรงขาของเบิล์นเนลผู้เป็นเจ้านาย

                    ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าอากาศเย็นสะบาย  ทุกคนต่างแยกย้ายกันเพื่อไปนอนบิล แองเจิ้ลไปนอนได้แล้วลูก ดึกแล้วจ๊ะ   ห่มผ้ากันด้วยนะจ๊ะ    หนูขอนอนกับคุณปู่นะค่ะแม่ อย่าลบกวนคุณปู่สิจ๊ะ ท่านคงอยากพักผ่อน   ไม่เป็นไรซูซานเราได้นัดกันไว้แล้ว   แต่คุณพ่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะค่ะ  ไม่เป็นไรหรอกเธอไปนอนเถอะ ตามใจคุณพ่อนะค่ะ  อย่าดื้อกับคุณปู่นะลูก   ค่ะแม่.....   หลังจากซูซานเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วเบิล์นเนลก็จูงมือหลานสาวมาที่ห้อง   เอาละนอนตรงนี้คงไม่อึดอัดนะ ห้องคงไม่เล็กไป  เมื่อไหร่คุณปู่จะเล่านิทานสักที่ละค่ะ หนูอยากฟัง    เอาละๆ  เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า   ณ ดินแดนที่สวยงามที่หนึ่ง ปกคลุมไปด้วยร่มไม้ดินแดนนั้น ชื่อว่าฟราวเวอร์มูล   ฟราวเวอร์มูลมีราชินีพระนามว่า มีเรีย  พระองค์ทรงงดงามมากพระองค์ทรงเป็นที่รักของประชาชนทั่วไป   มีอยู่วันหนึ่งมีบุรุษนายหนึ่งได้ข้ามเส้นเวลาไปและได้ไปเจอกับเมืองฟราวเวอร์มูล นี้เข้า ได้พบปะผู้คนที่แปลกแตกต่างจากเรา ๆ ผู้คนดังกล่าวใบหน้าเรียวยาวได้รูป ใบหูยาวแหลมตั้งตรง แต่งกายด้วยผ้าพริ้วไสวและที่สำคัญทุกคนมีปีกบินได้เหมือนนก.. เขาคนนั้นเข้าไปได้อย่างไรค่ะ  หลานสาวถามด้วยความสนใจ  ทุกๆ วันที่พระจันทร์เต็มดวงมิติต่างเวลาได้มาบรรจบกันพอดี คนที่อยู่ตรงเส้นเวลานั้นก็จะสามารถข้ามเวลามาอีกโลกนึงได้   แล้วอย่างไรต่อค่ะ เขาเดินไปอย่างไร้จุดหมายไม่รู้ทิศทางที่จะไป สายตาก็มองบรรยากาศข้างทาง   สิ่งที่ทำให้ชายผู้นั้นต้องแปลกใจก็คือ ดอกไม้ร้องเพลงอย่างร่าเริง ฝูงผึ้งร้องเพลงประสานเสียง ต้นไม้พริ้วไสวไปตามทำนองเพลงเดินมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มผู้นั้นยืนมองซ้ายมองขวาก็ไม่มีต้นเหตุที่มาของเสียง    ช่วยด้วย .....    ชายผู้นั้นเดินไปยังที่มาของเสียงแต่ก็ไม่เจอใครนอกจากแมวตัวหนึ่งโดนกับดักตาข่ายบีบให้นอนอยู่กับพื้น  ท่านช่วยข้าหน่อย ข้าหายใจไม่ออกไอ้กับดักอันนี้มันรัดข้าแน่นมาก ๆ   ชายผู้นั้นมีสีหน้าตกใจที่เห็นแมวพูดได้ร้องขอความช่วยเหลือ   เจ้าเรียกข้ารึ  ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ  ท่านนั่นแหละ ช่วยข้าทีเถอะได้โปรด  ชายดังกล่าวเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเข้าไปเพื่อหวังที่จะแกะตาข่ายออกแต่ไม่เป็นผล  ท่านแกะอย่างนั้นไม่ออกหรอก  แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า   ท่านเห็นแอ่งน้ำนั่นหรือไม่   เห็นแล้วยังไง   เจ้าจะกินน้ำเหรอ จะบ้าหรือไง...เจ็บอย่างนี้ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น   ท่านช่วยเอาใบไม้ตักน้ำนั่นมารดตัวข้าหน่อย น้ำจะทำให้ตาข่ายสลายฤทธิ์ลง  ว่าแล้วชายผู้นั้นก็ทำตาม  ตาข่ายเมื่อโดนน้ำก็สลายตัวอย่างที่แมวตัวนั้นบอกจริง ๆ เมื่อมันกลับสู่ภาวะปกติ  มันก็จ้องหน้าชายผู้นั้นด้วยความสงสัย  หน้าตาเจ้าทำไมมันพิลึกกึกกืออย่างนั้น  ยังไง?  เจ้าไม่เหมือนคนเมืองนี้นี่  เจ้าเป็นใครกันคิดร้ายกับเมืองนี้หรือไม่      ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ ข้าหลงทางมาต่างหากละ   หลงทางมาอย่างนั้นเหรอะ !!  พิรึกจริงข้าจะพาเจ้าไปหาผู้ที่ปกครองเมืองนี้  แล้วหนึ่งคนกับหนึ่งแมวก็เดินคุยกันไป จนถึงพระราชวัง  และได้เจอกับพระราชินีมีเรีย  องค์ราชินีมีสิริโฉมงดงามมาก นางแปลกใจที่แมวของพระองค์พาใครมาด้วย   นางได้ถามและซักประวัติชายผู้นั้นอยู่นานจนเวลาผ่านไปทั้งหมดก็กลายเป็นเพื่อนกัน  จนตราบนานเท่านาน   สนุกจังค่ะคุณปู่ หนูอยากไปที่นั่นบ้างจังค่ะ  แมวตัวนั้นจะเหมือนลักกี้ของหนูหรือเปล่าค่ะ  หลานจะได้ไปแองเจิ้ลตราบใดที่หลานยึดมั่นว่าสิ่งที่ปู่เล่ามาเป็นความจริงหลานจะได้เจอมันอย่างแน่นอน เอาละนอนได้แล้วเด็กน้อยดึกมากแล้ว  ฝันดีนะ........ค่ะคุณปู่     ที่รัก.....จอนส์เรียกซูซาน    อะไรเหรอค่ะ.... ซูซานถามสามีที่มีสีหน้าดีใจ   เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ..       คุณต้องดีใจกับผมเป็นแน่ถ้าได้รู้ข่าวนี้  ข่าวอะไรค่ะ...ซูซานมองตามสามีทีกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก ๆ  หยุดก่อนค่ะ ข่าวอะไรเหรอค่ะ  คุณกำลังทำให้ฉันตื่นเต้นนะค่ะเนี๊ยะ    จอนส์หยุดเต้นแล้วหันมามองซูซานด้วยสีหน้าที่เบิกบาน   ผมได้เป็นผู้บริหารบริษัท แล้วละที่รัก 

    จริงเหรอค่ะ..ซูซานพูดเสียงดังพร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่.....แต่..อะไรค่ะ   ผมต้องไปอยู่นิวเจอร์ซี่    ซูซานทำสีหน้าหดหู่  ไม่ดีเลยนะค่ะ ที่ต้องเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่อยากจะไปที่ไหนที่มันทำให้ครอบครัวเราต้องห่างกันหรอกนะ แต่มันอนาคตของเรานะซูซาน  ไหนจะลูก ๆ อีก  ขืนเราอยู่อย่างนี้ คุณและลูกก็ต้องลำบาก   คุณคิดดีแล้วเหรอค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณไปเลย   ผมสัญญานะที่รักหากมีวันหยุดผมจะรีบกลับมาหาคุณและลูก ๆ ฉันคงห้ามคุณไม่ได้แล้ว  คงต้องแล้วแต่คุณค่ะ ....แล้วคุณจะออกเดินทางวันไหนค่ะ  วันเสาร์หน้าจ๊ะ   คุณต้องไปขึ้นเครื่องที่ไหนค่ะ  ลอนดอน  ตอน 5โมงเย็น   งั้นคงต้องไปพร้อมบิล  ฉันจะไปส่งบิลเรียนต่อวันนั้นพอดีค่ะ  แล้วแองเจิ้ลละ......... จอนส์ถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว   

     ฉันจะฝากพ่อของคุณไว้ก่อนค่ะ คุณได้พูดกับท่านหรือยัง   ยังค่ะ....... คิดว่าจะพูดตอนใกล้ ๆ ถึงเวลาค่ะ

    คุณแม่คุณพ่อจะทิ้งหนูเหรอค่ะ   แองเจิ้ลพูดออกมาด้วยความน้อยใจ น้ำตาจากดวงตาใส ๆ ตอนนี้กำลังเอ่อล้นไหลลงมาที่แก้มชมพู  แองเจิ้ลฟังแม่นะ  ซูซานเดินเข้าไปหาพร้อมกับเอามือลูบน้ำตาที่แก้มออก แม่กับพ่อไม่เคยคิดที่จะทิ้งหนูหรอกลูก  แต่พ่อต้องไปทำงานเพื่ออนาคตของเราทุกคน ส่วนแม่ต้องไปส่งพี่ชายของลูกไปเรียนต่อ แม่สัญญาถ้าแม่เสร็จธุระเรื่องพี่ของลูกเมื่อไหร่แม่จะรีบกลับมาทันที่จ๊ะ  หนูน้อยแองเจิ้ลปาดน้ำตาที่ข้างแก้มทิ้ง  คุณแม่สัญญาจริง ๆ นะค่ะ    ซูซานจับมือน้อย ๆ ของลูกและบีบเบา ๆ เพื่อเป็นการตอบรับคำสัญญาที่เธอมีให้กับลูกสาว  คุณแม่จะไปกี่วันค่ะ แม่ให้คำตอบลูกไม่ได้ในตอนนี้แต่แม่สัญญาว่าระหว่างที่แม่อยู่ที่โน่น แม่จะโทรมาหาหนูบ่อย ๆ จ๊ะ  แองเจิ้ลโอบกอดซูซานแน่น  จอนส์มองคนทั้งคู่แล้วรู้สึกใจหายที่ต้องไปทำงานที่ไกล ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เพื่ออนาคตที่ดีของทุกคน     ผมไปก่อนนะครับพ่อ ฝากแองเจิ้ลด้วยนะครับ   แม่ไปก่อนนะแองเจิ้ล แล้วแม่จะรีบกลับมาจ๊ะ  ฝากด้วยนะค่ะคุณพ่อ   บิลไปขึ้นรถได้แล้วลูก เราต้องไปกันแล้วลาคุณปู่ด้วยละ     ผมไปนะครับคุณปู่  รถวิ่งออกไปพร้อมสายตาตนในรถที่มองมายังคนทั้งสองด้วยความเป็นห่วง รถค่อย ๆ ลับหายไปในที่สุดคุณปู่ค่ะเราจะทำอย่างไรกันดีค่ะ   ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยแองเจิ้ล  ปู่จะดูแลหนูเองนะ เราเข้าบ้านกันเถอะ สองปู่หลานพากันเดินเข้าไปในบ้านแต่สายตาของแองเจิ้ลก็ยังคงหันมามองรถที่เพิ่งออกไป         ในคืนที่ปู่และหลานต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง แองเจิ้ลก็ให้เบิล์นเนล เล่านิทานเรื่องเดิมให้ฟังทุกครั้ง และก็หลับไป   เงาสีดำได้เคลื่อนตัวเข้ามาเห็นได้ชัดเมื่อสะท้อนกับแสงพระจันทร์เต็มดวง  ลากู..ตื่นได้แล้วเกิดเรื่องใหญ่แล้ว  ลากู  พร้อมกันนั้นได้มีมือเล็ก ๆ ดึงหูลักกี้ไปมา เมี้ย...ว เสียงลักกี้ร้องออกมาดังลั่นห้องแต่มีมือเล็ก ๆ นั้นช่วยกันปิดปากเสียก่อนที่เบิล์นเนลและแองเจิ้ลจะตื่น   เมื่อลักกี้ลืมตาขึ้นมองก็ได้เห็นบัฟฟี่  บัฟฟี่ มีลักษณะเป็นมนุษย์ผู้ชายตัวเล็กสูงประมาณ 1 เมตร รูปร่างบอบบางแต่งกายด้วยการใส่กระโปรงใบไม้ มีผมยาวสีเหลืองทองสวมที่รัดหน้าผากเป็นใบไม้เล็ก ๆ  มือทั้งสองข้างแข็งแรง  เท้าใหญ่แบนราบเพื่อให้สามารถเดินบนน้ำได้ เอร่อน... เจ้ามาได้อย่างไร  ทำไมเจ้าทิ้งองค์ราชินีมานี่ได้  แล้วเกิดอะไรขึ้น  ลักกี้ถามด้วยความเป็นกังวลและประหลาดใจที่ เห็นองครักษ์ของพระราชินีมาอยู่ต่อหน้าตน ณ ที่นี้   

    ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านที่นี่เหมือนกันท่านลากู  ได้ข่าวว่าท่านได้ย้ายไปอยู่ดูแลครอบครัวของท่านเบิล์นเนลไม่ใช่รึ หลังจากที่ท่านเบิล์นเนลได้โดนจับตัวไป ก็เป็นจริงอย่างที่ท่านพูดนั่นแหละเอร่อนแต่ตอนนี้นายท่านเบิล์นเนลได้ออกมาจากที่นั่นแล้ว ข้าก็คิดเช่นนั้นถึงได้มาที่นี่ เอร่อนทำสีหน้าเศร้า......    เกี่ยวกับพระราชินีหรือเปล่าท่าน  เอร่อนพยักหน้าองค์ราชินีเป็นอะไรหรือท่าน  ท่านลากูช่วยไปตามท่านเบิล์นเนลให้ข้าที่เถิด ข้าจะรอท่านที่นี่   ลักกี้เดินไปยังห้องของเบิล์นเนลเอาเท้าพลักประตูเบา ๆ นายท่านขอรับ ลักกี้กระซิบตรงข้างหู นายท่านขอรับตื่นเถอะขอรับ  เบิล์นเนล ลืมตาขึ้นมองลักกี้          มีอะไรเหรอลักกี้ปลุกเสียกลางดึกอย่างนี้  ท่านเอร่อนมาขอรับ  ท่านเอร่อนรึ  เบิล์นเนลทวนคำด้วยสีหน้าตกใจ  ท่านเอร่อนอยากพบนายท่านขอรับบอกว่ามีเรื่องด่วน   แล้วท่านเอร่อนอยู่ที่ไหน  อยู่ห้องคุณหนูขอรับ เจ้าไปก่อนเดี๋ยวเราจะตามไป    หลังจากที่ลักกี้ได้ออกพ้นไปจากประตูแล้วเบิล์นเนลก็มองหลานสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ  พร้อมกับลุกจากเตียงเบา ๆ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด  เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้วก็เดินออกไปจากห้อง    ท่านเอร่อน... เบิล์นเนลเอ่ยชื่อด้วยความดีใจ  ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านมา เอร่อนยืนและก้มศีรษะลงเพื่อเป็นการคำนับ  เบิล์นเนลก็ทำเช่นกัน   ข้าก็ดีใจที่ได้เจอท่านอีกครั้ง ท่านซูบลงไปมาก ๆ  มันก็เป็นไปตามการเวลานั่นแหละเอร่อน  ว่าแต่ท่านมีอะไรรึคงไม่ได้มาเยี่ยมเราอย่างเดียว  เอร่อนทำสีหน้าเศร้าอีกครั้ง มีอะไรเหรอท่านบอกข้าได้หรือไม่   องค์ราชินีทรงป่วยหนักเพราะทรงโดนคนไม่หวังดีวางยา แล้วอีกอย่างทรงทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยร่างกาของพระองค์ทรงอ่อนแรง    ตอนนี้มีผู้ไม่หวังดีจะชิงราชบัญลัง   ท่านหมายถึงใครรึ  ลักกี้ถามด้วยความข้องใจ ก็จะใครเสียอีกนอกจาก  บลูดอล พระองค์น้าของพระชาชินีมีเรีย  ตอนนี้ที่ข้าทำได้คือพาท่านเบิล์นเนลกลับไปอีกครั้งเพื่อไปรักษาองค์ราชินีให้หาย....เพล้ง!!!.......เสียงของตกดังมาทางประตู  ทุกคนหันไปมองเป็นสายตาเดียวกัน  นั่นใคร..? เบิล์นเนลถามเสียงแข็ง  หนูเองค่ะคุณปู่  เมื่อประตูเปิดออกแองเจิ้ลเดินเข้ามาด้วยความสำนึกผิด  หนูขอโทษค่ะคุณปู่ที่เสียมารยาทแอบฟัง  หลานได้ยินที่ปู่คุยกับเพื่อนแล้วใช่มั้ย   ค่ะ. แองเจิ้ลมองไปที่เอร่อนสำรวจไปมา  เพื่อนคุณปู่ทำไมตัวเล็กจังค่ะ ไม่เหมือนเรา ๆ เลย แล้วยังเจ้าลักกี้อีกทำไมถึงพูดได้ละค่ะ หนูไม่ยักรู้มาก่อน ลักกี้ขอโทษนายน้อยที่ไม่ได้บอกความจริง ลักกี้กลัวนายน้อยเป็นอันตรายขอรับ ลักกี้พูดอย่างนอบน้อม มาทางนี้สิแองเจิ้ล หลานจำนิทานที่ปู่เคยเล่าให้หลานฟังได้มั้ย   เรื่องดินแดนมหัสจรรยเหรอค่ะ   ใช่ ใช่   เบิล์นเนลพยักหน้าเล็กน้อย ทำไมเหรอค่ะ.....ปู่จะบอกหลานว่าเรื่องทั้งหมดที่ปู่ได้เล่าให้หลานฟังมันเป็นเรื่องจริง  งั้นผู้ชายคนที่คุณปู่พูดถึงก็คือ...ใช่แล้ว..... เบิล์นเนลตอบหลังจากที่ได้มองสายตาที่ต้องการคำตอบของหลานสาว  แล้วแมวที่เป็นเพื่อนของเขาก็คือ ขอรับนายน้อยลักกี้เองขอรับ  ลักกี้ตอบอย่างนอบน้อม  แล้วเพื่อนคุณปู่คนนี้ก็คือคนที่อยู่ที่เมืองฟราวเวอร์มูลอย่างนั้นเหรอค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจมีอยู่จริง ๆ  งั้นองค์ราชินีที่งดงามก็มีอยู่จริง ๆ นะสิค่ะ   หลานเห็นรูปวาดที่ปู่ติดไว้ตรงบันไดหรือเปล่า เห็นค่ะ  ผู้หญิงสวยมีปีกสีขาวราวกับผีเสื้อ นั่นคือองค์ราชินีเหรอค่ะ  เบิล์นเนล พยักหน้าหนูอยากพบท่านค่ะคุณปู่  เอ่อ.....เบิล์นเนลทำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ ไม่ได้หลานต้องอยู่ที่นี้ ปู่จะรีบกลับมา   คุณปู่จะทิ้งหนูไปอีกคนเหรอค่ะ แองเจิ้ลทำสีหน้าน้อยใจ  เราเอานายน้อยไปด้วยก็ได้นี่ขอรับ  เอาไปได้งั้นรึ  ท่านเอร่อนคิดอย่างไร   ไมเป็นไรหรอกท่านทาทางคุณหนูตัวเล็กคนนี้จะฉลาดไม่น้อยคงจะเอาตัวรอดได้ยามคับขัน  แปลว่าหนูได้ไแล้วใช่มั้ยค่ะ ทุกคนพยักหน้าดีใจจังเลยค่ะ ลักกี้ขอบใจนะ ทุกคนมองท่าทางดีใจกระโดดโลดเต้นของเด็กน้อยพลางอมยิ้มเล็กน้อยที่ได้เห็นเช่นนั้น    แล้วเราจะไปกันเมื่อไหรค่ะ ไปอย่างไรกัน  เรารอไม่ได้แล้วแองเจิ้ล องค์ราชินีต้องการความช่วยเหลือจากปู่ของเจ้าเราต้องออกเดินทางกันคืนนี้  คืนนี้..?  หนูยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยนะค่ะ   ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้นที่โน้นจะมีทุกสิ่งที่คุณหนูอยากได้ และอีกอย่างเรารอไม่ได้แล้วด้วยประตูเวลาจะปิดแล้วพลางหันไปดูตรงเส้นกั้นระหว่างมิติที่เป็นสีเขียวระเรื่อตรงมุมห้องที่แสงจันทร์ส่องถึง เร็วเข้าเถอะหากหมดแสงจันทร์เมื่อไหร่เราก็จะกลับไปไม่ได้ เร็วมาทางนี้เถอะ แล้วเราจะไปยังไงค่ะหนูนึกไม่ออก  นายน้อยจับมือคุณปู่ไว้ให้แน่น ๆ แล้วหลับตาก็พอขอรับลักกี้บอกพร้อมกับเดินเข้าไปเอาหางพันกับเท้าของเอร่อน   เอร่อนเดินเข้าไปก่อนกับลักกี้ แล้วทั้งคู่ก็หายไป เบิล์นเนลกับแองเจิ้ลตามเข้าไปติด ๆ ความรู้สึกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศทำให้แองเจิ้ลรู้สึกหนัก ๆ ที่หัวลมในท้องปั่นป่วนไปหมด ปอดเริ่มไม่ทำงานเนื่องจากไม่มีอากาศสักอึดใจทั้งหมดก็มายืนอยู่ที่ห้องกว้าง ๆ แสงจันทร์ได้เลือนหายไปแล้วแองเจิ้ลทำสีหน้ามึน ๆ ทุกคนเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้  เอาละทุกคนเชิญทางนี้ดีกว่าองค์ราชินีกำลังรอพวกเราอยู่ ระหว่างเดินทางเพื่อไปเจอกับองค์ราชินี แองเจิ้ลได้มองดูข้างทางเดินที่ประดับด้วยคบไฟตามมุมต่าง ๆ ของทางเดิน แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไรมากนักเพราะบรรยากาศ รอบ ๆ มืดจนมองอะไรไม่เห็นมีเพียงแต่แสงสว่างจากคบไฟเท่านั้นเดินมาได้สักระยะหนึ่งทุกคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องใหญ่ มีบุคคลดูเหมือนจะเป็นองค์รักษ์เหมือนท่านเอร่อนยืนอยู่หน้าห้อง เอร่อนเดินเข้าไปเจรจาด้วย  สักพักก็เดินกลับมา  เราคงต้องไปพักผ่อนกันก่อนแล้วละเพราะว่าองค์ราชินีทรงเสวยยาและบรรทมหลับไป เชิญท่านทางนี้เถอะองค์ราชินีได้เตรียมห้องพักให้กับพวกท่านแล้ว  แล้วทุกคนก็เดินตามผู้นำทางไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้   ห้องที่เตรียมไว้อยู่ไม่ไกลจากห้ององค์ราชินีมากนัก  ท่านเบิล์นเนล กับคุณหนูแองเจิ้ล เชิญพักที่ห้องนี้ตามสบายนะท่าน ท่านด้วยลากู ห้องคงไม่เล็กเกินไปนะท่าน  แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมารับพวกท่านไปเข้าเฝ้าแต่เช้า  ข้าต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน    การเดินทางข้ามมิติแบบนี้ทำให้ข้าอ่อนแรงลงเหลือเกิน   เชิญท่านเถอะท่านเอร่อนทางนี้ข้าจะดูแลนายท่านทั้งสองเอง ลักกี้บอกกับเอร่อน งั้นข้าขอตัวก่อน  เอร่อนเดินเลี่ยงออกไปอีกทางนึง  เชิญนายท่านข้างในดีกว่าขอรับ  ลักกี้พูดพร้อมกับเหยียบสลักอัตโนมัติให้ประตูเปิดออก  แสงสว่างจากภายในห้องได้ส่องกระทบตาของทุกคนแองเจิ้ลมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความสนใจ ห้องกว้างขวางมากแต่น่าแปลกที่มีดวงไฟกลม ๆ แค่ดวงเดียวแต่ให้แสงสว่างได้เหมือนแสงไฟนีออนลายดวง โต๊ะต่าง ๆ ทำจากไม้ทั้งหมดและที่สำคัญต้นไม้ที่ทำเป็นโต๊ะนั้นยังไม่ตายยังมีชีวิต มันมีกิ่งก้านออกมาให้เห็นและมีใบสีเขียวพริ้วไปมา    เตียงนอนก็เหมือนกันเหมือนดอกไม้ขนาดใหญ่แผ่ดอกบานออกมองให้เห็นพื้นที่กว้างที่สามารถนอนได้ หมอนทำมาจากเห็ดสีสวยสะดุดตา ผ้าห่มก็เป็นกรีบดอกไม้ของดอกเดียวกัน ที่สำคัญคือมันนุ่มเหมือนปุยนุ่นเมื่อได้สัมผัส   ลักกี้เจ้าบอกเราหน่อยสิว่าเราไม่ได้ฝันไป  มันเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่    ลักกี้มองนายน้อยของต้นด้วยความเอ็นดูและชื่นชมในความน่ารักใสซื่อ  แองเจิ้ลเอื้อมมือไปจับเก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ พอเหมาะกับเธอแล้วเอามือลูบไปมาใบไม้สีเขียวก็โน้มลงมายกตัวเธอแล้ววางนั่งลงอย่างนุ่มนวล เมื่อแองเจิ้ลนั่งดีแล้วตรงกิ่งก้านที่มีเพียงใบได้เปลี่ยนเป็นดอกไม้สีสันงดงาม มีกลิ่นหอมขึ้นเต็มไปหมด ลักกี้ทำไมมันมีดอกไม้ด้วยละ  แองเจิ้ลามด้วยความเพลิดเพลินใจที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก  ต้นไม้พวกนี้เขารู้ว่าใครเป็นมิตรกับมันนะขอรับ   แองเจิ้ลหนูมานอนที่นี่เถอะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกมาก แองเจิ้ลหันไปมองพร้อมกับเอามือลูบที่ต้นไม้เบา ๆ ต้นไม้ก็กลับไปอยู่ในสภาพดังเดิม  แองเจิ้ลเดินไปยังดอกไม้ดอกใหญ่ที่เธอจะใช้เป็นเตียงนอนในคืนนี้ เธอล้มตัวลงนอนหัวหนุนหมอนเห็ดที่นุ่มผ้าห่มกลีบดอกไม้ที่หอมกลุ่น พลางคิดว่านี่คงไม่ใช่ฝันนะ ขอให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเมื่อเธอตื่นขึ้นมา.......................

                    เสียงนกร้องคุยกันทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมา แกดูนั่นสิ ตัวอะไรนะ  แกรู้หรือเปล่า  แปลก ๆ พิกลองค์ราชินีมีแขกเหรอ ทำไมหน้าตาไม่เหมือนเรา ๆ เลย เสียงนกสองตัวกำลังคุยกันส่งเสียงกระซิบกระซาบแต่ไม่ได้ลอดผ่านไปจากหูของแองเจิ้ลได้  ตอนนี้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้ที่โต๊ะไม้ต่าง ๆ ได้ออกดอกประชันกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ได้ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง บนโต๊ะมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟแล้วกลิ่นหอมเหมือนนมผสมน้ำผึ้งกับผลไม้สีสันสดใสชวนให้หิวซะงั้น  แองเจิ้ลมองไปยังนกที่กำลังเถียงกันอย่างดุเดือดถึงที่มาที่ไปของบุคคลที่นอนอยู่ในห้องนี้  เจ้าสองตัวพูดได้เหรอ แปลกจริง สัตว์ทุกตัวที่นี่พูดได้หมดเลยเหรอ แองเจิ้ลลุกจากที่นอนดอกไม้อันแสนนุ่ม แล้วเดินมายังนกสองตัว   พวกเจ้าชื่ออะไร   เธอคุยกับเราด้วยแกได้ยินมั้ย นกสองตัวเริ่มที่จะเถียงกันอีก  ไม่ต้องเถียงกันได้มั้ย เราชื่อแองเจิ้ล เจ้าสองตัวละชื่ออะไร   ฉันชื่อกิวและนี้น้องชายฉันชื่อเกรอ  น้องฉันไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไรหรอกนะ อะไรพี่ว่าอะไรนะพี่สิไม่ฉลาดแค่บินให้พ้นกำแพงพี่ยังบินไม่ได้เลย แกว่าฉันโง่ใช่มั้ยไอ้น้องงี้เง้า ถ้าแม่ไม่ฝากแกไว้กับฉันตอนเขาตายฉันคงมีความสุขมากกว่านี้พี่พูดอะไรนะ  เอาละ ๆ พอได้แล้วไม่ต้องเถียงกัน นกพูดได้ก็แปลกพอแล้วยังต้องเจอนกทะเลาะกันแปลกเข้าไปอีก  เจ้าไม่เคยเห็นนกทะเลาะกันหรือไง  เคยแต่ไม่มีเสียงแบบนี้  มันเป็นใบ้รึไง  ปล่าวเพียงแต่ว่าโลกของเราสัตว์ต่าง ๆ จะพูดไม่ได้เท่านั้นเอง  พูดไม่ได้เหรอ นกพี่น้องอุทานพร้อมกัน  ใช่  แองเจิ้ลตอบพร้อมกับพยักหน้า  แสงแดดอ่อน ๆ กระทบกับสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องทำให้ตอนนี้มองเห็นได้ชัดว่าห้องที่เธอใช้นอนเมื่อคืนนี้ช่างเหมือนความฝันเหลือเกิน  และหวนคิดไปถึงครอบครัวเธออยากให้พ่อ แม่และพี่ชายของเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยกันจริง ๆ  เดินสำรวจรอบ ๆ ห้อง มองดอกไม้ที่บานเต็มห้องส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วห้องเดินมองไปยังหน้าต่างข้างนอก แองเจิ้ลทำตาลุกวาวเนื่องจากสิ่งที่เธอได้เห็นไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง ๆ มนุษย์ตัวเล็ก ๆ เท่าเธอ แต่ทุกคนมีปีกสีสันสวยงามมากต้นไม้ออกดอกกันเต็มพื้นที่ ดอกไม้บางดอกของที่นี่ใหญ่เสียกว่าดอกไม้ในโลกที่เธอจากมาหลายพันเท่านัก ขนาดว่านอนเล่นได้สบาย ๆ เหมือนที่เธอได้นอนเมื่อคืนนี้  อุ๊ย! คุณปู่ ตื่นแล้วเหรอค่ะ  หนูกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เลยค่ะ  แองเจิ้ลอุทานหลังจากที่มือใหญ่ ๆ ของปู่เธอมาวางอยู่ตรงบ่า   คิดอะไรอยู่เหรอแองเจิ้ล หนูอยากให้ทุก ๆ คนมาเห็นอย่างที่หนูได้เห็นในตอนนี้ค่ะ ไม่ต้องห่วงหลอกหลานปู่สักวันนึงพวกเขาต้องได้รู้ได้เห็นเหมือนที่หลานได้เจอ  นายท่าน นายน้อยตืนแล้วหรือขอรับ  มาทางนี้เถอะข้าน้อยได้เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ได้ผลัดเปลี่ยนแล้ว เราต้องทำเวลาหน่อยนะขอรับเพราะอีกสักพักท่านเอร่อนจะมารับพวกเราไปเข้าเฝ้าองค์ราชินีขอรับ  

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก    เสียงเคาะประตูดังขึ้น ท่านเอร่อนคงมาแล้วนะขอรับ   ประตูเปิดออก   พวกท่านคงนอนหลับสบายกันดี  สบายมาก ๆ เลยค่ะท่านเอร่อน    เอร่อนมองเด็กน้อยที่ตอนนี้ได้แต่งตัวเป็นชาวเมืองนีไปเรียบร้อยแล้วเพียงแต่ว่าไม่มีปีกเหมือนคนทั่วไปเท่านั้นเอง  เด็กน้อยช่างพูดช่างเจรจาตอนนี้ได้แต่งองคทรงเครื่องใหม่ด้วยผ้าระบายเข้ารูปสีเขียวอ่อน  ร้องเท้าแบบสานรัดมาถึงน่าแข็ง ผมที่ยาวได้รวบไว้ด้านหลังติดด้วยกิ๊ปแบบรากไม้สวยงามและดูคล่องตัว  เจ้าดูดีและน่ารักมาก       ขอบคุณค่ะ  แองเจิ้ลเขินในคำชมของเอร่อน ท่านละเบิล์นเนล   เรียบร้อยดีหรือไม่   ทุกอย่างยังเรียบเรียบร้อยดีเหมือนเดิม  ขอบคุณท่านมากท่านเอร่อน   งั้นก็เชิญท่านทั้งหมดไปเฝ้าองค์ราชินีกับข้าเถิด    ทุกคนเดินมาตามทางเดินเดิมอีกครั้งเพียงแต่บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อคืนนัก  ทางเดินที่มีแต่แสงคบไฟตอนนี้ได้หายไปแล้ว เหลือแต่ดอกไม้หลากสีที่ตกแต่งไปทุกระยะของทางเดิน  แล้วทุกคนก็มาหยุดที่หน้าห้องใหญ่ ประตูเป็นไม้ที่มีเถาไม้เลื้อยจัดเรียงอย่างสวยงาม พร้อมกับออกดอกหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณนั้น  แองเจิ้ลสูดกลิ่นหอมของดอกไม้เข้าไปเต็มปอด พร้อมกับเตรียมใจที่จะได้เจอผู้หญิงที่เธออยากจะคุยด้วยมากที่สุด เธอจะหน้าตางดงามอย่างในภาพเขียนของปู่เธอหรือไม่นะ..........

     

    เอร่อนได้เข้าไปหาองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู   สักพักองครักษ์คนหนึ่งก็ได้เปิดให้ทุกคนเข้าไปข้างในเหมือนว่าคนข้างในกำลังรออยู่แล้ว   ทุกคนเดินผ่านประตูไม้เข้าไป

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น