หรือว่ามันช้าไป - นิยาย หรือว่ามันช้าไป : Dek-D.com - Writer
×

    หรือว่ามันช้าไป

    ผู้เข้าชมรวม

    67

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    67

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ย. 67 / 17:14 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “ หรือว่ามันช้าไป ? ”

    “งานวัดเกิดโรงเรียนประจำจังหวัดในปีนี้จัดได้ยิ่งใหญ่สมกับศักดิ์ศรีของโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดที่มีอายุยืนยาวมาครบร้อยปี  ศิษย์เก่าที่มาในงานวันนี้มีทั้งนักการเมืองระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ  ทั้งข้าราชการระดับสูง รวมไปถึงนักธุรกิจที่มีขื่อเสียงของประเทศ   และที่เรียกสีสันของงานได้มากที่สุดน่าจะเป็น “ ป๋อ-ณัฐวุธ สะกิดใจ “ ดาราดังของช่อง๗สีศิษย์เก่าที่มาช่วยเป็นพิธีการบนเวทีตลอดงาน

     สำหรับศิษย์เก่ารุ่นผม  เรารวมตัวมากันได้ร่วม๕๐คนและดูน่าจะมากที่สุดในทุกทุกรุ่นแต่ยังดูน้อยมากเมื่อเทียบกับศิษย์เก่าทั้งรุ่น๕๐๐คนที่จบออกไป คือมาแค่เพียง๑๐เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะว่ารุ่นเรานั้นเป็นศิษย์เก่าที่จบแล้วเกือบ๓๐ปีเลยทีเดียว  และรุ่นเราเองก็เพิ่งจัดงานเลี้ยงกันที่กรุงเทพฯไปกันก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว

    งานเลี้ยงของโรงเรียนในครั้งนี้   สำหรับผมดูดูจะจืดชืดกว่าทุกครั้งเพราะขาดสุราในการเติมรสชาติในวงสนทนาอาจเป็นเพราะอายุพวกเราที่เริ่มมากกันแล้ว  ชวนใครดื่มก็จะพากันบอกว่าหมอห้ามหรือก็อ้างไปว่าร่างกายเจ็บป่วยโน่นนี่นั่นแล้วแต่จะอ้างกัน   ผมเลยหาเพื่อนดื่มเหล้ายากพอควร  จนเดินไปพบวงเหล้าโต๊ะหนึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงอีกห้องหนึ่งจึงขอเข้าไปร่วมวงด้วย ถือว่ายังโชคดีที่มีเพื่อนร่วมวงสุราแม้จะเป็นผู้หญิงก็เถอะ

    “ พิม  ห้อง๓ ค่ะ “

    “ ยินดีที่รู้จักครับ  ผมชาตรีห้อง๑ ประธานรุ่นครับ ”

    “ หวัดดีค่า  เห็นเพื่อนพูดถึงแต่ยังนึกหน้าไม่ออก  ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองถือว่าเป็นคนที่ทำกิจกรรมมากคนหนึ่งในโรงเรียน  เพราะอะไรนะจึงทำให้เราได้เจอกันเลย ”

    “ ตอนนั้นโชตชคชะตายังไม่เข้าข้างกระมัง และใครจะไปสู้ดาวโรงเรียน คนสวยอดีตดรัมเมเยอร์คนนี้ได้ล่ะครับ “

    “ ขอบคุณค่ะที่ยังจำพิมได้ตอนนี้วัยเรามากกันแล้วไม่ใช่สาวสาวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว “

     

    “ แต่ดูคุณพิมแล้ว  เวลาทำอะไรกับความสวยของคุณพิมไม่ได้เลย “

    “ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  เรียนเก่งและยังปากหวานด้วยแต่เรียกชื่อว่าพิมเฉยเฉยก็พอค่ะ “        และนั่นเป็นบทสนทนาเริ่มต้นในคืนนั้นที่ทำให้เรารู้จักกันและพูดคุยกันถูกคอกัน  หลังจากเลิกงานเลี้ยงของโรงเรียนเราก็เลยไปกินเหล้าต่อกันในตัวเมืองเสียจนจนดึกดื่น ทำให้เช้านี้ผมตื่นสายมาก จนแทบไม่ทันไปประชุมงานที่ผมเสนอตัวจะทำให้กับโรงเรียนเพราะเกี่ยวข้องในสาขางานวิชาชีพที่ผมทำอยู่

    “ จบงานในคืนนั้น โรงเรียนได้รับเงินบริจาค เพิ่มมามากเลยทีเดียว  ตอนนี้เราก็ได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่เท่าที่ชาตรีประมาณการคร่าวคร่าวให้ครูแล้วล่ะ   นี่ชาตรีเธอต้องแน่ใจนะว่างบประมาณแค่นี้เพียงพอ  ครูก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเพิ่มได้อีก “   ครูสมหมาย อดีตครูพละ  ตอนนี้แกเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าของโรงเรียนพูดย้ำขึ้นมาเพื่อขอความมั่นใจกับ ตัวเลขงบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่จากผมเพราะเรามีงบประมาณที่จำกัดมาก

    “ ได้แน่นอนครับ  แต่ผมจะเข้าไปปรับแก้แบบโครงสร้างและลดขนาดห้องลงอีกนิดหน่อยแต่การใช้งานยังคงเดิมเพราะผมอยากจะกันงบไว้บ้างเผื่อมีงานต่อเติมที่สำคัญในอนาคตครับ ”  ผมตอบครูสมหมายแต่สายตาผมกลับจ้องไปยังเธอ  ไม่คิดว่าหลังจากงานเลี้ยงเราจะได้เจอกันอีก

     “อ้อ ครูลืมแนะนำเธอไป  นี่พิมพาเธอจะมาช่วยครูในงานธุรการของสมาคมทั้งหมดรู้จักกันเสียสิ  ศิษย์เก่าด้วยกัน “

    “ เรารุ่นเดียวกันและเป็นเพื่อนกันด้วยครับ(ค่ะ) “  ผมและเธอเราตอบครูสมหมายพร้อมพร้อมกัน ดูแกแกทำหน้างงเลยทีเดียว

    “ รุ่นเดียวกันก็ดีแล้ว  ครูก็ฝากชาตรีคุยเรื่องรายละเอียดของสัญญา/การเบิกจ่ายงวดงานก่อสร้างกับพิมเขาด้วย  เดี๋ยวครูขอตัวไปประชุมกับกับท่านผอ.ก่อนนะ “ 

    เมื่อครูสมหมายออกจากห้องไป  ผมดีใจมากที่ได้มาคุยกับเธออีกครั้งและดูเธอเองก็คงมีใจด้วยเช่นกัน

    “ เป็นถึงเลขาของบริษัทฝรั่งใหญ่โตที่อเมริกา แต่กลับมาเมืองไทยเพื่อมาทำงานอุทิศตนด้วยงานเสมียนสมาคมของโรงเรียนเล็กเล็กในต่างจังหวัด “

    “ ก็พอพอกับวิศวกรใหญ่ออกแบบตึกสูงถึง๔๐ชั้น กลับมาทำงานออกแบบตึกเรียน ๔ชั้นเล็กเล็ก “  เราตอบโต้ได้ทันกันเพราะเราต่างก็แอบสนใจกันจึงแอบหลอกถามประวัติส่วนตัวกับเพื่อนเพื่อนในวงเหล้าเมื่อคืนก่อน

    “ สวรรค์คงกำหนดโชคชะตาให้ใครสักคนข้ามน้ำข้ามฟ้า เพื่อมาหาใครคนหนึ่งสักคนบนฝั่งกระมัง “

    “ บ้า” 

    คำพูดเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่ผมพูดหยอกเล่นกับเธอในวันนั้น   ดูเหมือนจะกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา คงจะเป็นเพราะด้วยว่าเราทั้งสองต่างก็ผิดหวังในชีวิตคู่มาด้วยกัน  ความสัมพันธ์จึงเริ่มมาจากความเหงาเป็นเบื้องต้นและมาบานปลายเอาทีหลัง เธอออกจากงานที่นิวยอร์กคงเบื่อสังคมที่วุ่นวายในโลกตะวันตก และกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อมาใช้ชีวิตในบรรยากาศเก่าเก่าที่คุ้นเคยแบบเงียบๆ  เรามีอะไรที่คล้ายๆกันมาก  ผมเองได้ลาออกจากบริษัทใหญ่ระดับประเทศแห่งหนึ่งมาตั้งบริษัทออกแบบก่อสร้างที่บ้านเกิดและกำลังวางแผนรีไทร์ชีวิตด้วยการไปซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง เพื่อจะได้ทำสวนป่าเกษตรพอเพียงในบั้นปลายของชีวิต  และเราต่างถูกครูสมหมายตามมาช่วยงานโรงเรียนด้วยกันทั้งคู่ทำให้เราสนิทกัน  และเริ่มเกิดที่จะมีความสัมพันธ์ในใจร่วมกัน  ซึ่งตอนนี้เราสนิทกันมาก จนผมกล้าที่จะถามถึงสาเหตุจริงจริงที่เธอทิ้งเงินเดือนร่วม๔แสนบาทที่นิวยอร์ก มันน่าจะมีเหตุผลที่มากกว่าที่จะกลับมาบ้านเกิดที่นี่เพราะอีกแค่๕ปีเธอก็จะเกษียณแล้ว   ๕ปีกับเงินเดือน๔แสนบาทต่อเดือนดูรวมจะเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว

    “ พิมต้องขอโทษชาตรีด้วย  ที่ไม่ได้บอกความจริง “

    “ ไม่เป็นไรครับ  บอกวันนี้หรือก่อนหน้านี้คงไม่แตกต่างกันเท่าไร “

    “ แตกต่างกันซีคะ “

    “ จริงจริงแล้วที่พิมกลับมาที่เมืองไทยก็เพื่อจะมาแก้ไขเรื่องในอดีตที่ค้างคาไว้ “

    “ อย่างไงครับ”

    “ เมื่อ๒๐ปีที่แล้ว พิมหนีปัญหาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและจากที่นี่ไป  โดยเฉพาะครอบครัว เพราะตอนนั้นพิมยอมรับไม่ได้ที่มีมือที่สามเข้ามาในชีวิตรัก ”

    “ ชีวิตอิสระเดียวดายที่ไม่ต้องรับรู้ต่อปัญหาในต่างแดน อาจทำให้เราลืมมันลงไปได้ แต่สุดท้ายเมื่อถึงวัยอันเป็นจุดที่ต้องทบทวนต่อชีวิต  พิมถึงได้รู้ถึงสัจธรรมของชีวิตและกลับมาเพื่อมาซ่อมแซมอดีต  จริงอยู่ความรักเกิดขึ้นได้ด้วยความต้องการของคนสองคน แม้มันจะเคยถูกทำลายด้วยคนเพียงคนเดียวก็ตาม “

    เมื่อผมฟังเธอพูดจบผมรู้สึกอึ้งและงงต่อเรื่องที่เธอเก็บเอาไว้ไม่ยอมบอกผมจนทำให้เราเผลอใจต่อกันจนยากที่เราจะแยกจากกันได้  ความสัมพันธ์ของเรามันไปเร็วมากแม้ว่ามันเพียงแค่จะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น  โดยปราศจากคำพูดใดใด เราต่างพากันเงียบและมองหน้ากันอยู่นานจนผมพูดทำลายความเงียบขึ้นมา 

    ” แต่ตอนนี้ความรักของพิมกำลังถูกทำลายลงอีกครั้งด้วยเราสองคนอยู่นะแล้วเรื่องระหว่างเราพิมคิดว่ามันสายเกินไปไหม? ”

    “ พิมยังไม่รู้ค่ะ   แต่ขอเวลาพิมหน่อยนะคะ “ 

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราร่วมกันทำงานตามที่ครูสมหมายมอบหมายก็คือเรื่องสัญญาและงวดการเบิกจ่ายจนเป็นที่เรียบร้อยเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย   ส่วนเรื่องแบบก่อสร้างผมนำมันกลับมาทำที่ออฟฟิศผมเอง โดยเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาปรึกษาหารือกันที่ออฟฟิศผมแทนที่จะเป็นสมาคมเหมือนเมื่อก่อน

    ส่วนพิมเธอยังคงช่วยงานสมาคมอยู่เหมือนเดิม  และแน่นอนพิมเองก็พยายามเลี่ยงที่จะมาออฟฟิศผมเหมือนกัน เราอยากให้เวลาและความห่างเหินได้อธิบายความหมายของความรักระหว่างเราด้วยตัวของมันเอง

     

    หลังจากทำบทสรุปในเรื่องงานก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้ครูสมหมายจนเรียบร้อยแล้ว   ผมก็กลับมาพัฒนาที่ดินที่ผมจะทำเป็นศูนย์เรียนรู้ในเรื่องสวนป่าและการเกษตรในพระองค์ท่านต่อ ผมได้ลงประกาศแบ่งขายที่ดินออกครึ่งหนึ่งกับเพื่อนวิศวกรที่เรียนมาด้วยกัน  ส่วนหนึ่งผมต้องการใช้เงินทุนในการดำเนินการแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนอะไรเพราะผมยังสามารถหมุนเงินในส่วนอื่นมาทำได้   ผมแค่อยากได้เพื่อนมาร่วมอุดมการณ์มากกว่า

    เวลาที่ผ่านมาสมควรโดยที่ผมและพิมเราไม่ได้พบกันอีกเลย  คงอนุมานได้แล้วว่าอุดมการณ์ของพิมและผมที่จะมาร่วมพัฒนาที่ดินผืนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ   และผมก็พร้อมที่จะทำใจยอมรับมัน

    ผมได้ไอ้กรเพื่อนร่วมรุ่นวิศวกรมหาวิทยาลัยเดียวกัน  ดูเหมือนมันพอจะสนใจที่จะมาร่วมในอุดมการณ์อยู่บ้าง มันเป็นคนราชบุรีแต่ไปทำงานที่แม่เมาะลำปางเสียนาน ในบั้นปลายชีวิตคงอยากกลับบ้านเกิดเหมือนผมแต่มันหาซื้อที่ดินที่ราชบุรีไม่ได้เพราะที่นั่นราคาแพงที่ดินแพงมากกว่าเพชรบุรีเยอะเลย

    ไอ้กรแม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิศวกรแต่เราเรียนคนละภาควิชากัน  มันจบภาคไฟฟ้าส่วนผมจบภาคโยธาถึงแม้เราจะไม่ได้เรียนวิชาเหมือนกันแต่เราสนิทกันมากตอนเรียน  ก็ในวงเหล้าในคณะนั่นแหละ  แต่หลังเรียนจบแล้วผมไม่เคยเจอมันเลย  เคยแต่ได้ข่าวเรื่องมันขอEarlyretireจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่แม่เมาะ  มันคงผิดหวังในการลุ้นตำแหน่งผู้อำนวยการทั้งที่ผลงานมันมาเต็งหนึ่ง  เจอเส้นสายมันเลยลาออกเพื่อประชดชีวิตการทำงานซะอย่างนั้น อีกอย่างบ้านที่ราชบุรีของมันก็มีธุรกิจใหญ่โตจากพ่อมันอยู่แล้ว

    “ กูได้ข่าวว่ามึงจะออกจาก อีแกตจริงหรือหรือเปล่า? “

    “ กูเอาใจนายไม่เก่ง  ที่ผ่านมากูพยายามทุ่มเท สุดท้ายก็สู้คนที่ทำงานด้วยปากไม่ได้  กูเลยประชดยื่นใบลาไว้สิ้นเดือนนี้  ต้นเดือนหน้ากูจะลงไปบ้านกูที่ราชบุรีพอดีมีธุระด่วนที่นั่น   กูจะแวะไปดูที่ดินมึงก่อน    คิดว่าถ้าทุกอย่างโอเคเราคงได้ร่วมอุดมการณ์กัน “

    “ มึงรีบมาก็แล้วกัน   งานนี้กูอยากจะทำเป็นศูนย์เรียนรู้แบบสวนป่าและการเกษตรทฤษฎีใหม่   เพื่อเป็นแนวทางเลือกให้แก่เพื่อนเพื่อนเกษตรที่มีที่ดินข้างเคียงข้าง๔หมื่นกว่าไร่  คนที่นี่เขาปลูกแต่สับปะรดซึ่งราคาไม่ใช่ว่าจะดีทุกปี  อีกอย่างไร่สัปปะรดมันปล่อยสารพิษยาฆ่าหญ้าลงในแก่งกระจาน แล้วเขาก็เอาน้ำในแก่งมาทำน้ำประปาให้คนเพชรบุรีได้ดื่มกิน   กูเลยอยากจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างกับบ้านเกิดตัวเอง “

    “  ที่กูมาร่วมอุดมการณ์กับมึงเพราะเห็นว่างานนี้win winกันหมด  ต้นเดือนหน้ากูลงไปแน่นอน “

    เวลาผ่านไปร่วมเดือนครูสมหมายแกขอนัดผมที่สมาคมตอนสิ้นเดือน   แกบอกว่าผอ.จะขอสรุปกับทุกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายที่หอประชุมของสมาคม  และก็เป็นเวลาที่ยาวนานที่ผมและพิม   เราพยายามหนีที่ไม่ยอมเจอหน้ากัน  ครั้งนี้คงเลี่ยงที่จะไม่เจอกันคงไม่ได้  การประชุมเลิกเอาเกือบเย็นท่านผอ.เลยนัดไปเลี้ยงขอบคุณให้กับทีมงานทุกทุกคน   ผมเห็นพิมเธอยังคงนั่งกินเหล้าอยู่ตามลำพังเหมือนในวันแรกที่เราเจอกันในงานวันเกิดโรงเรียนจึงเดินเข้าไปทักทาย

    “ ตรงนี้มีคนนั่งไหมครับ “

    “ เชิญค่ะ  พิมอยากจะคุยกับชาตรีอยู่พอดี “

    “ พิมตัดสินใจแล้ว   ด้วยความจริงอย่างที่ชาตรีเคยว่าวัยของเราตอนนี้เป็นวัยของการทบทวนในชีวิตก็จริงอยู่  และการเข้าไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตก็ดูจะสำคัญ   แต่ชาตรีอย่าลืมนะว่า การมีชีวิตต่อไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตด้วยการต้องไปอยู่กับคนที่เคยทรยศในความรักต่อกัน    เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการได้ร่วมใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีความหมายต่อชีวิตที่เหลือ  พิมขอเลือกที่จะอยู่กับคนที่เรารักจะดีกว่าค่ะ “

    “ ผมไม่อยากที่จะได้ชื่อว่ามาทำลายครอบครัวของพิมนะ “

    “ ครอบครัวของพิมมันถูกทำลายไปนานแล้วล่ะ   เพียงแต่ว่าเรามาอุปโลกน์คิดกันเองว่าเรายังสามารถที่จะทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิม  ทั้งที่เรื่องมันผ่านมาตั้ง๒๐ปีมาแล้ว   เวลามากมายขนาดนั้นคิดว่าทุกคนในครอบครัว  คงเข้าใจและยอมรับมันได้ตั้งนานแล้ว “

    “ ชาตรีต่างหากต้องถามตัวเองด้วยเหมือนกันที่ว่าตกลงใจแน่นอนแล้วหรือที่จะมาใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน “

    “  ผมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เราจะตัดสินใจในชีวิตคู่กันอีกครั้ง   เราต่างมีประสบการณ์และมันก็เคยผ่านมาแล้วหลายครั้งแล้ว  จนครั้งนี้เราถึงมาเจอคำตอบร่วมกัน “

    “ เมื่อชะตาชีวิตกำหนดให้เรามาเจอกัน  ชะตาชีวิตเองก็คงมีคำตอบเหมือนกันกับคำตอบของพวกเรา เพียงแต่ว่าเราต้องไปค้นหาต่อร่วมกันเอาเอง และไม่ว่าเราจะหาเจอคำตอบหรือไม่ ก็ขอให้เราได้มีความสุขร่วมกันระหว่างการค้นหา ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะกับชีวิตที่เหลือ “

    “ทุกความรักย่อมมีเรื่องเล่า   พิมก็หวังว่าเราจะสร้างเรื่องราวในความรักที่ดีต่อกัน “

    “ เช่นเดียวกันกับทุกทุกเหตุการณ์ในชีวิตปัจจุบันมันก็คืออนาคตนั่นเอง   เราจะร่วมทำความรักในปัจจุบันให้ดีที่สุด “  เมื่อผมพูดจบเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขออกมาจากแววตาของเธอ ผมจับมือเธอขึ้นมากุมไว้  และปล่อยให้สายตาเราพูดคุยกันตามลำพังอยู่นาน   คืนนั้นหลังงานเลี้ยงเราพากันไปดื่มต่อด้วยกันจนดึกเหมือนเคย  กว่าผมจะไปส่งเธอที่บ้านก็ตี๔กว่าแล้ว    กลับมาบ้านผมก็นอนรวดเดียวมาตื่นเอาเกือบบ่ายสาม   เพราะมีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือปลุกจนผมตื่น

    “ไอ้ห่า  มึงโทรมาปลุกกูแต่เช้าเลยนะ “

    “ เช้าห่าอะไรนี่มันตอนเย็นแล้วนะโว้ย กูจะโทรมาบอกมึงว่ากูเก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จ กูก็จะขับรถไปหามึงคืนนี้เลย คงไปถึงที่ไร่มึงตอนเช้าพอดี “

    “ มึงมึนหรือเมาเปล่าวะเนี่ยที่มาก่อนวันนัดตั้งสองวัน “

    “ พอดีกูมีธุระเร่งด่วนที่ราชบุรีในตอนบ่ายวันพรุ่งนี้แล้วเจอกันนะเพื่อน “ ไอ้กรพูดจบก็วางสายดูเหมือนมันจะรีบร้อนคงกลัวจะดึกเกินไป   ผมอดที่จะห่วงมันไม่ได้แต่ช่างเถอะสมัยเรียนเรากินเหล้าเมากันตอนเที่ยงคืนยังพากันขี่มอเตอร์ไซค์ไปห้วยน้ำดังด้วยระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรกันสบายสบายและไอ้คนขี่มอเตอร์ไซค์ให้ผมซ้อนท้ายก็ไอ้กรนี่แหละ

    เย็นนั้นผมว่าจะนัดพิมกินข้าว แต่เมื่อโทรศัพท์ไปหาเธอสายไม่ว่าง  ผมเลยเปลี่ยนแผนว่าจะไปหาเธอพรุ่งนี้เช้าแทนและจะชวนเธอไปดูไร่ของผมด้วยกัน  เห็นเธอสนใจในอุดมการณ์ของผมมาก   เพราะตั้งแต่ที่เราพยายามหนีหน้ากันก็ไม่มีโอกาสพาเธอไปที่ไร่เสียที      เมื่อกินข้าวเสร็จดูทีวีนิดหน่อยผมก็หลับยาวเลย     เดี๋ยวนี้เวลาผมกินเหล้าถ้าได้เมาจริงจังล่ะ  โน่นแหละ๒-๓วันถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ  สงสัยตัวเองจะแก่แล้วจริงจริง

    เช้าวันนี้ตื่นมาผมก็จับโทรศัพท์ก่อนเลยด้วยความเคยชิน  หลังจากดูเม้นในเฟสบุคเสร็จ เห็นข้อมูลในไลน์กลุ่มวิศวกรมีข้อความค้างไว้เกือบร้อยข้อความทั้งที่แค่ช่วงคืนเดียว  ผมเข้าไปเปิดดูมีการลงข้อความแสดงความเสียใจกันยาวเหยียด  สงสัยพ่อแม่ใครคงตายเหมือนอย่างที่เคยเป็น   แต่เมื่อผมไล่ไปดูเรื่องราวในตอนต้นเมื่อรู้ข่าวแล้วผมแทบช็อค  มันเป็นข่าวไอ้กรที่มันขับรถตกเขาตายที่จังหวัดตากตั้งแต่เมื่อคืนและกำหนดจะรดน้ำศพในเย็นวันนี้    ผมรู้สึกเสียใจมากที่มีส่วนในเรื่องนี้  ผมจึงรีบขับรถเข้ากรุงเทพฯในทันที  เพื่อไปให้ทันเครื่องบินเที่ยวบ่าย๒ ที่จะไปถึงเชียงใหม่ในเย็นวันนี้

    ที่งานรดน้ำศพไอ้กร  เพื่อนร่วมรุ่นพากันมากเต็มไปหมด ทุกคนพากันเสียใจและอดสงสัยไม่ได้ที่ผลการชันสูตรจากเจ้าหน้าที่บอกว่าไอ้กรมันเมาขับรถตกเขา  มันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะมันเลิกกินเหล้ามาตั้ง๕-๖ ปีแล้ว   ผมรู้สึกผิดที่มีส่วนในการตายของมันเพราะถ้ามันไม่มาหาผมมันก็คงไม่ตาย  เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้วผมว่าจะเอาเงินสักก้อนใส่ซองให้เมียมัน เผื่อเงินก้อนนี้ได้ช่วยเหลือครอบครัวมันได้บ้างและมันคงทำให้ผมสบายใจขึ้น    ผมเลยเดินไปที่โต๊ะรับแขกของเจ้าภาพงาน  แต่ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมถึงกับเข่าทรุดไม่มีแรงจะเดินต่อ.........มันเป็นภาพของพิมกับลูกชายสองคนที่กำลังต้อนรับแขกด้วยความโศกเศร้า ฯ.
    --จบ--

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น