คำเตือน
เนื้อหาวีรกรรมเยาวชน ยุคสมัยยุโรปย้อนยุค มีความรุนแรงการลงโทษ บทความที่ไม่เหมาะสมและการเหยียดเพศ / เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสมัยของ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา มีเนื้อหาเกี่ยวกับจิตวิทยา
เริ่มต้นยุคสมัยที่เต็มไปดวยการฟื้นฟูและยุคสมัยที่โหดร้านำของเหล่าขุนนางคนชั้นสูง สี่ดินแดนที่ถูกแผดเผาภายใต้เงาของจักรพรรดิมีนามว่า ดันแคน ไซฟลิน ยุคสมัยแห่งความโหดร้ายและล้มสลายก่อนกำแพงเมืองดินแดนต่าง ๆ จากดินแดนที่สงบสุขเข้าสู่ดินแดนที่แห้งแร้งมีซากศพหัวกระโหลกคนตายมากมายโดยการขาดอาหารจากสงครามที่เกิดขึ้น วันชนมากมายลุกขึ้นต่อสู้กับจักรวรรดิที่โหดร้ายและอำมหิต
เสียงฝีเท้าเดินผ่านปราสาทเพื่อลงไปที่ห้องใต้ดินห้องขังที่กล่าวขานการไม่ได้เห็นจันทร์หรือตะวัน บุรุษชายผมสีเหลืองเข้มตาแดงเอกลักษณ์จักพรรดิแห่งดินแดนกัมโปบัสโซรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะมือหนาเอื้อมลูบปลายคางตนลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์แววตาที่เปรียบเสมือนยมทูตที่มาพรากชีวิต การจ้องมองในห้องขังคือครอบครัวดยุก เอริค โนวา โจนส์ ดยุกแห่งดินแดนเหนือที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งอุณภูมิที่ติดลบ เสียงหัวเราะดังลั่นห้องขังขณะที่ทหารตามมาที่หลัง
" ดยุกที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจไหงตอนนี้โดนจับขังไม่ต่างจากสัตว์ "
ดยุกไม่สามารถตอบโต้ได้เพียงเพราะโดนตัดลิ้นและจับโซ่ตรวนตรึงที่คอ ขณะสายตาบุรุษเหลือบมองที่หญิงสาวผมสีทองจรดปลายคางที่โดนตัดไป
" วู้ว นั้นลูกสาวเจ้ารึ เราอยากเล่นพาไปเล่นเสียจริง "
คำพูดที่ทำให้ดยุกดิ้นรนเบิกตากว้างและพยามปกป้องหญิงสาวคนนั้น คือลูกสาวคนโตของเขา ขณะที่จักพรรดิจ้องมองดยุกที่ดิ้นรนอ้อนวอนขอร้อง จากผู้ที่มีฐานะสูงมากกว่าจักพรรดิตอนนี้เป็นเพียงสามัญชนคนโง่
" ไปเอาตัวมันออกมา "
" รับทราบครับ ! "
เสียงทหารที่ตอบรับก่อนจะเข้าไปในห้องขังและกระชากแขนบุตรีของดยุกออกมา เสียงร้องครวญครางโอดโอยด้วยความเจ็บปวดน้ำตาที่ไหลหยดบนใบหน้าของหญิงสาวเป็นเพียงแรงกระตุ้นที่ทำให้จักรพรรดิตื่นเต้นมากขึ้นเพียงเท่านั้น ขณะที่เขาเดินขึ้นออกจากห้องใต้ดิน เสียงดิ้นรนของดยุกยังอยู่ ชายที่เดินนำพาหญิงสาวไปดูที่ลานแสดงการสังหารเหล่าขุนนาง สองในนั้นคือน้องสาวและแม่ที่เป็นที่รักของเธอ ผู้เป็นแม่ของเธอโดนแยกชิ้นส่วนร่างกาย ดวงตาสตรีเบิกกว้างด้วยความตกใจและสิ้นหวังขณะที่ผู้น้องสาวโดนสัตว์ร้ายขย้ำกัดกินร่างกาย จักพรรดิเพียงหัวเราะขำด้วยความตื่นเต้นเพราะตอนนี้ถึงตาของสตรีที่งดงามที่สุดในแดนเหนือแล้ว
" จับตัวมันไปกับน้องสาวมันซ่ะ "
" รับทราบครับ "
เสียงดังขึ้น ขณะที่ทหารสองนายกระชากแขนสตรีไปตรึงไว้บนไม้ เสียงกรี๊ดร้องของขุนนางมากมายที่ดังเหมือนตายทั้งเป็นก่อนจักพรรดิจะได้เชยชมภาพมีสตรีหญิงงามคนหนึ่งเดินมาหาเขา
เฮเลน่า ฮาวแลนด์ สตรีที่งดงามที่สุดในจักรวรรดิ ผมสีชมพูอ่อนปลิวไสวตามลมดวงตาสีฟ้าดังท้องทะเลส่องแสงขณะที่พระอาทิตย์ตกดินหญิงที่ตีสองหน้าความ ใส่สื่อไร้เดียงสานั้นเป็นเพียงเปลือกนอก เธอนั้นเป็นเพียงลูก เคาน์ แต่ตอนนี้กลายเป็นจักรพรรดินี ไซฟลินยิ้มอย่างดีใจเหมือนเห็นสตรีตรงหน้าเขาวิ่งเข้าหาเธออย่างกับลูกหมาเลียแข้งเลียขา ขณะที่เธอลูบหัวเขาอย่างเชื่องเชยราวกับสุนัขที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พลางคนที่เดินตามหลังคือ
ดยุกแห่งเมืองไบแซนไทน์ ซิกฟรีด ราซารัส บุรุษที่มีรูปร่างสง่าผ่าเผยผมสีดำสนิทตาสีเขียวฟ้ามรกตสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็น ขณะที่จักพรรดิยังคงทำตัวเป็นหมาตัวเชื่อง ดยุกได้เดินเข้ามาหาเธอพลางเอื้อมมือและคว้าคางของเธอขึ้น
" . . . หืม เงยหน้าเจ้าขึ้นให้เราเห็นหน่อย "
เสียงที่อ่อนโยนแต่เย็นยะเยือกเอ่ยออกมา ขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เขาเห็นรอยยิ้มของบุรุษตรงหน้า
" โอเรียนน่า อาเธน่า โจนส์ . . . . "
รอยยิ้มที่ปรากฏมีความขมขืนและเจ็บปวดเพียงเป็นรอยยิ้มที่ทำให้สตรีขนลุก พลางเธอได้ยินเสียงกระซิบของบุรุษตรงหน้า
" เราจะมอบของขวัญให้เจ้าและอย่าลืมสัญญาวิวาห์ของเรา "
เธอเห็นเขาพูดเสร็จ ขณะที่เสือวิ่งเข้าหาเธอภาพก็ตัดดำมืดมิดดิ่งสู่ห้วงทะเลมีแสงสว่างอยู่ตรงหน้าเธอ ขณะที่เธอกำลังจมลงในน้ำทำให้เธอหายใจไม่ออกเธอรีบตะเกียกตะกายว่ายน้ำขึ้น แสงสว่างเริ่มจ้าขึ้นเมื่อเธอว่ายน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำเสียงกระเพื้อมน้ำ แสงสว่างที่ปรากฏเป็นเพียงกระจกบานหนึ่งในกระจกปรากฏร่างเธออีกคนขึ้น ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้น มีเพียงแสงสว่างที่ส่องตาเธอจนทุกอย่างขาวไปหมด
ความคิดเห็น