บุพนิมิตแห่งรัก - นิยาย บุพนิมิตแห่งรัก : Dek-D.com - Writer
×

    บุพนิมิตแห่งรัก

    เรื่องราวความรักของหญิงสาวกับชายหนุ่มที่ทำให้เธอได้ผจญภัยในโลกเหนือจินตนาการบทสรุปความรักของเธอและเขาจะเป็นอย่างไรติดตามกันได้นะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    88

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    88

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 65 / 15:22 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    แสงระยิบระยับสุกใสส่องกระทบพื้นที่ประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาสะท้อนเข้าตาอุษาวดีจนเธอต้องหรี่ตาลงอีกทั้งยังมีแสงสว่างจ้าทั่วอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาไร้ซึ่งขอบเขต ไม่มีใคร ไม่มีใครเลยจริงๆ อุษาวดีจะพยายามมองไปทางไหนก็มองไม่ใครที่อยู่รอบๆบริเวณนี้อีกทั้งมองไปก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดเช่นเดียวกัน

    ‘ว้าว! สวยจังที่ไหนกันนะ’ อุษาวดีรำพึงขึ้นกับตัวเอง

     แต่แล้วจู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม น้ำเสียงนั้นทุ้ม นุ่ม พูดชัดถ้อยชัดคำเป็นจังหวะจะโคนกำลังเรียกชื่อของเธอ

    “อุษา อุษาวดีที่รัก กาลมาถึงแล้วที่เราจะพบกัน”                                                                                             

    อุษาวดีพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของเสียงแต่แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือ อุษาวดีหรี่ตามองชื่อปลายสายแล้วกดรับสาย

    “ฮะโหล่ค่า”

    “นี่! อย่าบอกนะว่าอุษา หนูนอนตอนโพล้เพล้อีกแล้วนะลูก ป้าบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้นอนเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี ยิ่งตัวเองเป็นคนขวัญอ่อนอยู่ด้วย”

    “ป้าขา นี่มันปีพอศอไหนแล้วค่ะ อุษาไม่ใช่เด็กแล้วนะคะแล้วที่สำคัญมันเป็นกุศโลบายของคนโบราณอ่ะค่ะไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”

    “โอ๊ย!เด็กสมัยนี้” คุณป้าวรรณวดีอุทานแล้วถอดหายใจกับหลานสาวคนนี้เหลือเกินอุษาวดีเป็นหลานสาวคนเดียวที่คุณป้าวรรณวดีรักเหมือนลูก  ส่วนอุษาวดีก็คิดว่าเป็นปกติของคุณป้าของเธอเมื่อพูดถึงเรื่องความเชื่อแบบนี้เป็นประจำ

    “ลูกขา เรื่องแบบนี้เชื่อไว้ไม่เสียหลายนะลูก ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปดูไหว้พระออกพรรษาที่หนองคายมั้ยแล้วเก็บกระเป๋าหรือยัง”

    “อุษาไม่ไปค่ะขี้เกียจนั่งรถมันนานอ่ะค่ะ”

    “ถ้างั้นป้ากลับมาไปทำบุญกันมั้ย ป้าว่าหนูอุษาน่าจะไปขอพรจากท่านพญานาคนะเผื่อจะได้งานใหม่ที่ดีๆ”

    อุษาวดีไม่อยากจะคิดถึงงานของเธอที่โรงเรียนกวดวิชาเธอสอนตอนแรกก็ไปได้สวยรายได้ดีแต่อยู่ๆก็ปิดไปเฉยๆเจ้าของที่เป็นรุ่นพี่ของเธอดันหอบหนีไปทั้งเงินของเด็กที่มาติวพร้อมกับเงินค่าสอนของเธอไปด้วย อุษาวดีวุ่นวายอยู่กับการแจ้งความที่สำคัญกว่านั้นเธอไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายต้องหยิบยืมคุณป้ากับคุณลุง

    “ค่ะ แต่ช่วงนี้อุษายุ่งๆอ่ะค่ะมหาลัยจะเปิดเทอมแล้วค่ะ”

    “’งั้นตามใจเถอะลูก อยู่คอนโดก็ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนด้วยล่ะ” 

    “ค่า” อุษาวดีลากเสียงยาวรับปากไปแบบส่งๆเหมือนเช่นทุกครั้ง หนังสือสวดมนต์ที่คุณลุงกับคุณป้าเอามาให้วางอยู่ตรงชั้นหนังสืออย่างไรตอนนี้ก็ยังคงวางอยู่เช่นเดิม

    หลังจากวางสายจากคุณป้าอุษาวดีก็คิดถึงความฝันที่เธอฝันช่างเป็นฝันที่แปลกมากเพราะเหมือนกับเธอเข้าไปที่นั่นจริงๆเพราะทุกอย่างชัดเจนเหมือนจริง

      ‘ก็แค่ฝัน นี่!มันฝันกลางวันชัดๆ’ อุษาวดีพูดกับตัวเอง อุษาวดีพยายามไม่เก็บมาใส่ใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้  เมื่อเธออาบน้ำเสร็จแล้วก็มานอนอ่านหนังสือและดูดาวตรงประตูบานใหญ่ที่เปิดออกไปที่ระเบียงคอนโด ในค่ำคืนวันนี้ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงแสงไฟตามอาคารบ้านเรือน     อุษาวดีมองออกไปยังท้องฟ้าทั้งมืดและเวิ้งว้าง จนทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวรู้สึกเงียบสงัดผิดปกติ 

    “ตูม!”  

    เสียงระเบิดดังก้องสนั่นทั่วท้องฟ้าหน้าคอนโดทันใดนั้นเองก็มีแสงไฟหล่นมาจากเสาไฟฟ้าที่อยู่มุมรั้วที่หน้าคอนโด  เสียงระเบิดดังก้องทั่วทั้งห้องของอุษาวดี หลังจากเสียงเงียบลงถึง ไฟในห้องอุษาวดีก็ดับลงแม้จะเป็นเวลาไม่นานนักอุษาวดีก็รู้สึกตกใจกลัวที่ต้องอยู่ในความมืดที่เธอไม่คุ้นเคย    อุษาวดีพยายามเดินคล่ำไปเรื่อยๆเพื่อหามือถือจะได้เปิดโหมดไฟฉายในมือถือของเธอ แต่แล้วจู่ๆเธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดอย่างแรงจากระเบียงเข้ามาในห้องวูบหนึ่ง พลันก็มีแสงสว่างสีขาวนวลสลับกับแสงสีรุ้งปรากฏตรงหน้าของอุษาวดี เธอเอามือปิดหน้าไว้ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นไปตามสัญชาตญาณในการป้องกันตัวอุษาวดีรู้สึกว่ามีใครบางคนกอดเธอไว้ ทันใดนั้นเองอุษาวดีก็เอามือที่ปิดหน้ามาผลักอกใครสักคนที่เข้ามาในห้องของเธอ 

    “ว๊าย!”

    อุษาวดีเริ่มโวยวายส่งเสียงดังทั้งผลักและดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดนี้ แต่เธอต้องชะงักเมื่อไฟในห้องของเธอสว่างอีกครั้งจากไฟสำรองเธอเห็นชายแปลกหน้ากอดเธอไว้ในอ้อมกอด

    “ เฮ้ย!....คุณเป็นใครเข้ามาได้งัย” 

    อุษาวดีร้องสุดเสียงอีกครั้งแล้วพยายามดันตัวออกมาจากวงแขนที่แข็งแรงของเขา  ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมยาวมัดรวบไว้ด้านหลัง จมูกโด่งเป็นสันได้รูปสวย คิ้วเข้ม ดวงตาเป็นประกายสวยงามระยิบระยับเหมือนอย่างกับเพชร ก็ไม่ปาน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อรูปปากไม่หนาและบางจนเกินไป ทุกส่วนบนใบหน้างดงามไร้ที่ติเหมือนภาพวาด อีกทั้งรูปร่างที่สมส่วนสง่างามดั่งรูปปั้น  ธตรัฐภัทรนาคินทร์ ตั้งใจนฤมิตร่างให้เป็นกายเนื้อเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์เพื่อไม่ให้นางอันเป็นที่รักของเขาต้องตื่นตกใจมากนักแต่สิ่งที่เขาคิดกลับตรงกันข้ามอุษาวดีทั้งร้องโวยวายทั้งดิ้นทั้งทุบตีเขา

    “นี่....คุณเข้ามาได้งัย” 

    อุษาวดีไม่ได้รู้สึกกลัวเขา แต่ที่โวยวายใหญ่โตคงเป็นเพราะลักษณะนิสัยที่ชอบโวยวายเสียงดังเพื่อป้องกันตัวของเธอ ภายในใจอุษาวดีคิดว่า

    ‘ชายแปลกหน้าคนนี้ไม่น่าจะใช่มนุษย์ธรรมดา’

                    อุษาวดีจ้องมองเขาไม่ละสายตาแต่ยิ่งมองเข้าไปในแววตาของเขาเธอก็ยิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ทำให้เธอนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา อุษาวดีกำลังคิดว่านี่คือความฝันหรือเรื่องจริง และน่าจะเป็นความฝันถ้าเป็นเรื่องจริงชายคนนี้จะเข้ามาในห้องของเธอได้อย่างไร  ชายแปลกหน้าไม่ตอบอะไรอุษาวดีแต่กลับมองอุษาวดีด้วยใบหน้าเรียบเฉย    

    “เป็นสัมภเวสีมาขอส่วนบุญหรา ปล่อยเดี๋ยวนี้นะไม่เห็นหราว่าห้องนี้มีหิ้งพระ” 

    อุษาวดีพยายามดิ้นและกระทืบที่เท้าเพื่อให้เธอหลุดจากวงแขนของเขาให้ได้แต่ก็ไม่ได้ผล อุษาวดีจึงกัดที่แขนเขาแต่เขาก็เอามืออีกข้างมาผลักตรงหน้าผากของเธอไว้พร้อมกับจะก้มลงมาจุมพิตอุษาวดี แต่จู่ๆหน้าประตูระเบียงคอนโดของอุษาวดีก็มีแสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้วมีชายสูงอายุท่าทางคล่องแคล่ว หน้าตาใจดี ผมยาวเกล้ามวยไว้ รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดขาวปรากฏตัวขึ้นหลังจากแสงสีขาวหายไปชายแก่ท่าทางสุภาพและใจดีเดินมาหน้าตรงหน้าธตรัฐภัทรนาคินทร์แล้วพูดว่า

    “แท้จริงแล้วกิเลสในใจของเจ้าหาได้ถูกชำระให้หมดไปอย่างที่อาจารย์เข้าใจไม่ หากแต่เจ้ากดมันไว้จนกระทั่งมากขึ้นจนล้นออกมา”

    “ท่านอาจารย์ข้าพเจ้าเพียงต้องการที่หลุดพ้นไปพร้อมกับนางอันเป็นที่รักของข้าพเจ้า”

    “บัดนี้นางไม่ใช่นางอันเป็นที่รักของเจ้า และสิ่งที่เจ้าทำอยู่ก็ยิ่งจะทำให้พลังที่เจ้าเพียรมานั้นลดลงหามีประโยชน์ไม่”

    “นางอาจจะจำข้าพเจ้าไม่ได้หากแต่กาลมาถึงนางจะจำได้ด้วยตัวของนาง”

    “ถึงแม้กาลมาถึงก็ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาพบนาง เจ้ากำลังจะทำผิดกฎ ตามอาจารย์กลับไปเถอะ”

    “ข้าพเจ้ายังไม่ได้ทำอะไรและหากเป็นเพราะกาลมาถึงต่างหากทำให้ข้าพเจ้าได้พบกันหาใช่ความผิดของข้าพเจ้า”

    “เพียงแค่เจ้าพบนางและจะทำให้นางจำเจ้าได้เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่เจ้าจะทำผิดกฎแล้ว”

    อุษาวดีที่ยังมึนงงกับชายแปลกหน้าที่หน้าตาหล่อเหลาเข้ามากอดเธอแล้วยังจะมีชายสูงวัยมาตามชายแปลกหน้าอีก อุษาวดีคิดแล้วคิดอีกว่านี่คือความฝันหรือเรื่องจริง อุษาวดีจ้องชายทั้งสองที่โต้เถียงกันในห้องของเธออย่างไม่ละสายตาเมื่อชายสูงวัยพูดจบก็วาปหายไปพร้อมกับชายแปลกหน้า

    ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของอุษาวดีก็ดังขึ้น ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาอุษาวดีมองไปรอบๆห้องนอนด้วยความแปลกใจเพราะเท่าที่จำได้เมื่อคืนตอนหัวค่ำหม้อแปลงไฟที่หน้าคอนโดเกิดระเบิดเสียงดัง และเธอหวนคิดถึงฝันที่เธอคิดว่าเหมือนเกิดขึ้นจริงๆแต่ทำไมกลายเป็นความฝันและเธอนอนหลับไปตอนไหนเหตุใดจึงไม่รู้สึกตัว อุษาวดีครุ่นคิดและรับโทรศัพท์จากคุณป้า

                   “อุษาลูก ตื่นหรือยัง”

                   “ค่ะ”

                   “เพิ่งตื่นหรา”

                   “คุณป้ากับคุณลุงจะไปไหนค่ะ”

                   “อ้าว!เมื่อวานก็บอกไปแล้วว่าจะพาเด็กๆที่ร้านไปทำบุญกัน”

                   “เอ่อ! ป้าค่ะ...” อุษาวดีร้องเรียกคุณป้าเหมือนมีบางสิ่งจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

                   “มีอะไรหือ! หรืออยากจะตามมาใช่มั้ยลูก ลุงแกจะไปดูบั้งไฟพญานาคด้วยนะอุษา ลูกอยากจะมาใช่มั้ยล่ะ”

                   “ป่าวค่ะ อุษาจะบอกว่าเดินทางปลอดภัยนะคะ”         

                   อุษาวดีวางโทรศัพท์แล้วคิดถึงชายแปลกหน้าปนฝันและเธอรู้สึกอยากเจอเขาอีก อุษาวดีแน่ใจว่าตอนที่เธอเจอเธอยังไม่นอนอย่างแน่นอนอีกทั้งชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นใครกันแน่น

    'ผีหรือเทวดา'

    อุษาวดีเดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนเช่นทุกๆอาทิตย์ ห้องโถงที่เป็นทางเชื่อมเดินออกไปลานจอดหน้าคอนโด อุษาวดีก็เจอป้าเนียม หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอัธยาศัยดีระดับขั้นถึงดีมากจนเกินไปเป็นแม่บ้านคอนโด ป้าเนียมร้องเรียกทักทายอุษาวดีตามประสาคนรู้จักเม้าส์มอยทุกสิ่งอย่างในคอนโดด้วยเป็นประจำ

    “ครูอุษา ครูอุษา รู้มั้ยค่ะเมื่อคืนหม้อแปลงไฟฟ้าหน้าคอนโดระเบิด โอ๊ย! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วว่าแต่ป้าไม่เจอครูอุษาเลยครูนอนแต่หัวหราค่ะเห็นยามบอกว่าทั้งโทรหาทั้งกดกริ่งเรียกครูแล้วก็ไม่ตอบเลย”

    “หราค่ะ ไม่ได้ยินเสียงกริ่งเลยค่ะสงสัยเสีย ป้าขามีอะไรหราค่ะ”

    “อ้าว! ว่าแล้วไม่งั้นคงเห็นครูลงมาข้างล่าง อะไรกันทำไมครูหลับลึกแบบนี้ค่ะเกิดอะไรขึ้นจะหนีไม่ทันนะคะป้าเป็นห่วง”         

    อุษาวดีฟังดังนั้นก็รู้สึกเสียดายไม่น้อยที่เธอพลาดข่าวสดอินไซด์ไปได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก็น่าตกใจไม่น้อยกว่าหม้อแปลงไฟระเบิด อุษาวดีถามป้าแม่บ้านต่อว่า

    “สรุปแล้วมีเรื่องอะไรค่ะ” 

    ป้าแม่บ้านโน้มตัวเข้าหาอุษาวดีแล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า

    “ยามบอกว่าเห็นเหมือนเจ้าที่ท่านปัดเปลวไฟระเบิดขึ้นไปบนฟ้าไม่ให้เข้ามาในคอนโดค่า”

    “ป้าค่า เจ้าที่ที่ว่านี่หน้าตาเป็นงัยค่ะ” อุษาวดีนึกถึงเหตุการณ์ที่มีชายแปลกหน้าปรากฎตัวขึ้นในห้องของเธอแล้วหายไป

    “โถ! ครูอุษา ถามไรแบบนั้นค่ะ ใครจะไปเคยเห็นล่ะค่ะ”

    “อ้าว! นึกว่าป้าเคยเจอ”

    “ครูอุษา ก็ช่างพูดไปคะ เรื่องที่ไม่เคยเห็นใช่ว่าไม่มีอยู่จริงนะคะ”

    “งั้นอุษามีไรจะถามป้ามีบทสวดมนต์ไล่ผีมั้ยค่ะ”

    “ครูอุษานี่เล่นมุกอีกแล้วนะคะ ว่าแต่ถ้าเจอผีจะไล่ทำไมค่ะ”

    “อ้าว! ไม่ต้องสวดมนต์ไล่หราค่ะ”

    “ไม่ต้องค่า...ขอเลขเด็ดเลยดีกว่าค่ะ”

    ทั้งอุษาวดีป้าเนียมต่างหัวเราะแล้วอุษาวดีก็เดินมาที่รถ ขับรถออกจากคอนโดมาไม่นาน ก็ถึงสี่แยกขณะที่รถติดสัญญาณไฟจราจรอยู่นั้น เธอมองไปที่ข้างถนนด้านซ้ายซึ่งเป็นสวนสาธารณะและร้านค้าที่เป็นเหมือนตู้คอนเทรนเนอร์ตั้งอยู่สามสี่ร้านตอนนี้ร้านรวงยังไม่เปิดอาจจะยังไม่ถึงเวลา เพียงแค่ชั่วพริบตาที่อุษาวดีละสายตาจากร้านค้าเหล่านั้นกลับมามองไฟจราจร  

    “ตูม!”

    เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเข้ามาถึงในรถของเธอแรงระเบิดทำให้รถสั่นสะเทือน

    “เฮ้ย!” อุษาวดีถึงกับร้องเสียงหลงดังด้วยความตกใจ

    อุษาวดีตกใจหันไปบริเวณร้านข้างทางเห็นเพียงแสงไฟที่พุ่งออกมาจากร้านข้างถนนพุ่งตรงมายังรถของเธอที่จอดอยู่ แต่แล้วแสงไฟที่พุ่งมานั้นกลับเปลี่ยนทิศทางพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอุษาวดีถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องทั้งตกใจและโล่งใจในเวลาเดียวกันที่ไม่มีใครเป็นอันตรายจากเหตุการณ์นี้

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น