ปี2xx1
คุณเคยได้ยินคำว่า”ตลก แต่ไม่ตลอด” ไหม?
ในตอนนี้ผมก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน
ผมชื่อเบฟ ผมทำงานในโรงละครเกี่ยวกับการแสดงคนแทบทุกประเภท มาตั้งแต่อายุ13ปี จนกระทั่งตอนนี้ผมอายุ23
จะว่ายังไงดีล่ะ ในตอนนี้ชีวิตผมค่อนข้างย่ำแย่ “มากๆ”
ผมอาศัยอยู่กับป้า เพราะพ่อแม่ผม เค้า… ทะเลาะกันแล้ว…
คุณคงจะคิดว่าพวกเขาเลิกกันใช่ไหม?
ผิดแล้ว….
พวกเขาต่างอำลากันตลอดไป ตั้งแต่ผมอายุ9ปี ผมจึงมาอยู่กับป้า
แต่จริงๆแล้วป้าผมก็อยู่กับผมตั้งแต่เกิด
ตอนนี้ท่านเป็นอัลไซเมอร์ และกำลังป่วยเพราะท่านกินเหล้ามากไป
ผมคอยเฝ้าดูท่านมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ว่า ป้าผมเค้าดูติดเหล้ามาก ในทุกๆวันที่ท่านออกจากบ้าน ผมก็จะ
แต่ ผมก็รักป้านะ
ถึงเค้าจะไม่ค่อยสนใจผม แต่ว่าเค้าก็ยังอยู่กับผมเป็นสุดท้ายในครอบครัว
ฮะๆ ฟังแล้วน่าขำ เราพล่ามอะไรกันนะ?
ผมได้ไปกู้หนี้นอกระบบมาเพื่อรักษาป้า
เพราะผมก็ไม่อยากเสียท่านไปเพียงเพราะผมไม่มีเงินมากพอที่จะรักษาท่าน
เหมือนกับที่ท่าน ไม่ทิ้งผมไปตอนที่พ่อแม่ผมตาย ผมคิดว่าน่าจะต้องไปอยู่สถานเด็กกำพร้าด้วยซ้ำ เพราะป้าดูไม่สนใจผม
ผมรู้
เกิด
แก่
เจ็บ
ตาย
.
.
มันเรื่องธรรมชาติ แต่ก็คงไม่มีใครอยากให้คนที่รักเป็นไปตามตอนจบของธรรมชาติหรอกใช่ไหมล่ะ?
และเพราะแบบนั้นผมถึงได้ต้องวิ่งหนีคนกลุ่มนึงทุกๆวัน
ผมกู้มา300000แต่ว่าดอกเบี้ยมันบานเลยล่ะ
จนตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าหมอจะรักษาป้าได้ไหม
ผมรู้แค่ว่าผมต้องวิ่ง
หนี
และหนี
ไปจนกว่าจะหาเงินมาคืนได้
ตอนนี้มันเริ่มวิ่งเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆแล้ว!!!
ผมว่าถ้าไม่หนี มีหวังได้ลงโลงเพราะพวกมันแน่ๆ
เสียงหายใจและเสียงที่ดังมาจากอกผม มันเร็วพอๆกัน
ผมวิ่งขึ้นบรรไดข้างนอกของอาคารอาคารนึงขึ้นไปชั้นสองเพราะข้างล่างดูเหมือนจะไม่มีประตู
ผมทุบกระจกข้างของอาคารเพื่อที่ผมจะไปหลบในสิ่งแรกที่ผมเห็นและพอผมทุบเข้าไปก็พบกับโต๊ะที่มีผ้ามุ้งปูโต๊ะสีดำ
“ฮา…ฮา…..”(เสียงหอบ)
ผมวิ่งไปหลบในผ้าปูโต๊ะตรงโต้ะริมหน้าต่างสักพัก ผมคิดว่าพวกมันคงไปแล้ว และกำลังจะเปิดผ้าชะโงกไปดูให้แน่ใจ
“ตึก ตึก ตึก ตึก”
เสียงฝีเท้าปริศนา มันดังขึ้น ผมคิดว่า น่าจะเป็นคนกลุ่มนึงได้เลย ที่อยู่ใกล้ๆผม
“หะ….ห้ะ ไปสักทีสิวะ”
ผมกระซิบกับตัวเองอย่างเสียงสั่นแบบไม่รู้ตัว
จู่ๆเสียงฝีเท้านั้นก็เงียบไป
สักพักมันก็ดูเหมือนจะไปอยู่ข้างบนเพดานแทน
“เอี้ยด เอี้ยด เอี้ยด เอี้ยด”
เสียงนั้นดูเหมือนราวกับมีคนคนนึงแยกออกจากกลุ่มเพื่อไปดูว่าใครอยู่ข้างบนชั้นสามไหม
“ปัง!!!”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ราวกับเสียงใครกระทืบเท้าแรงๆบนพื้นไม้ ผมก็สะดุ้งทันทีแล้วหัวผมก็ไปกระทุ้งโต๊ะจนโต๊ะเริ่มขยับนิดหน่อย
ผมเกือบร้องออกไปแล้วแต่ผมก็ตั้งสติและเอามือปิดปากตัวเอง
“ใครมันทุบกระจกบ้านกุวะ!!! ป๊อง!!!” เสียงชายคนนึงตะคอกอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเสียงเหมือนกับขวดเหล้ากระแทกพื้นกระเบื้องอย่างรุนแรง
เกิดอะไรขึ้นข้างบน ผม …ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้คิดว่าอีกสักพักผมต้องชะโงกออกไปมองรอบๆว่ามีที่พอจะให้หนีได้ไหม นอกจากหน้าต่างที่ผมทุบเข้ามา
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังหลบซ่อนจากภัยอันตรายที่มาพร้อมๆกันทั้ง2อย่าง อย่างแรก ผมคิดว่า คนที่กระแทกขวดเหล้าน่าจะเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ
และเสียงฝีเท้าที่เดินมาใกล้ๆผมเมื้อกี้นี้คือเจ้าหนี้เพราะที่นี่คือถิ่นมัน
เราต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไง เพราะถ้าเจ้าของบ้านเห็นผมในสภาพที่เขาเมา ผมว่าเขาเอาขวดเหล้าฟาดหัวผมเละแน่ๆ
“โหยแม่งเอ้ย ปล่อยไปจนได้ แม่งอยู่ไหนวะไวชิหัย มึงไปหามันให้เจอ ไม่งั้นกูกระทืบมึงแน่!!!”ชายคนนึงที่มีเสียงทุ้มพูดขึ้นมาอย่างโมโห
ท่าทางเขาน่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ ถึงแบบนั้น ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนอกจากต้องหนีและหนี ผมกลั้นหายใจและถลกผ้าสีดำแล้วมองดูรอบๆอีกครั้ง
มีหน้าต่างบานไหน พอที่จะทำเวลาให้พวกเขาวิ่งตามผมไม่ทันบ้างนะ ผมเจอหน้าต่างบานนึง อยู่ตรงบันไดพอดี ผมไม่รู้ว่าข้างล่างมันเป็นยังไปแต่คงต้องกระโดดลงไปอย่างไม่มีทางเลือก
แล้วผมก็คิดแผนได้อยากนึงคือผมต้องวิ่งออกไปจากโต๊ะ กระโดดถีบมันและวิ่งไปที่หน้าต่างที่อยู่ระหว่างบันไดขึ้นไปชั้น3
“ฟืดดดด~”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วทบทวนแผนสักพัก
แล้ววิ่งออกไปปะจันหนเากับมัน2คนอย่างจังๆ
ผมกระโดดก้านคอคนแรกที่ท่าทางคล้ายลูกน้องได้สำเร็จเหลือแค่หัวหน้าที่กำลังตกใจและทำท่าจะกระโจนรัดคอผมที่กำลังจะต่อยซ้ำลูกน้องของมัน และจู่ๆเจ้าของบ้านก็เดินลงมาบันได้พอดีพร้อมกับขวดเหล้าแตกๆ
ทั้งสองคนนั้นวิ่งไล่ผมในบ้าน และผมก็สติหลุดกระโดดออกไปทางหน้าต่างตรงบันไดชั้น3พอดี
ผมวูบไปชั่วครู่นึง
และผมก็ตื่นมาในที่มืดเปียก และเหม็นสาบมากๆ
โอ้เชี่ยแล้ว!!พระเจ้าบอกผมทีว่าผมไม่ได้อยู่ในส้วมมมมม!!!!
ผมตื่นมาและพยายามดันบางอย่างที่ดูเหมือนฝา มันเหมือนกับว่าผมอยู่ในโลกศพที่มีศพเน่าอยู่เลย
แต่ไม่มีแย่กว่าการหันข้างไปแล้วเจอกับ ….
“เชี่ยไรเนี่ยยยยยยย ปล่อยกุออกไปปปปใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!!!”
ผมเจอกับผ้าอ้อมเด็ก ที่ใช้แล้วและลืมห่อ วางอยู่ใกล้ๆหัวผม!!!วันนี้แม่งวันไรวะเนี่ยยยย
“ฮึก ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมรีบปิดจมูกและเคาะฝาบางอย่างที่มันทำให้ผมอึดอัดอย่างสุดแรงเกิดเคาะจนผมกำลังจะวูบไปอีกครั้งเพราะกลิ่นมันแรงและเหม็นมากๆเข้าใจความรู้สึกของอาชีพพี่เลี้ยงเด็กเลยล่ะว่ามันทรมานขนาดไหนผมแค่ดมเฉยๆก็รู้สึกตายทั้งเป็น
“ตึกๆๆๆ”เสียงคนข้างนอกเดินมาใกล้ๆ ท่าทางจะเป็นเจ้าหนี้แน่ๆ ผมไม่น่าแหกปากไปเลย!!
“ก่อกแก่กๆๆ” เสียงราวกับคนไขกุญแจที่อยู่ใกล้ๆกับผม
“เอี๊ยดดด ปึงงง”
เฮือกกกก ในที่สุด ผมก็ได้เห็นแสงสักที!!ไปอยู่ในเอ่อออ…
ผมมองดูรอบๆแล้วพบว่าที่ที่ผมตกลงมามันคือถังขยะข้างตึกตึกนึง
แต่เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่เวลามาดีใจสิเราต้องหนีก่อนนนน
//หันไปเจอชายคนนึงที่กำลังถือแม่กุญแจและ กำลังตกใจ
“เชี่ยยยเจ้าหนี้!!!ผมขอโทษอย่ากระทืบผมนะๆผมขอล่ะ ผมมีป้าต้องรักษา!!!”
ผมรีบมองหาของด้านข้างเพื่อเอามาขู่ชายข้างหน้าผม และผมก็เจอมีดพลาสติหั่นอาหาร
“นี่คุณ ใจเย็นๆนะ ๆค่อยๆเล่าโว้ยยย ที่ควรตกใจควรเป็นผมไม่ใช่หรออออ!!!”
ชายคนนั้นพูดตะโกนดับความกลัวจนพล่ามอะไรบ้าๆของผม
และผมก็เงียบไปสักพัก คิดว่า ไอ้นี้มันเป็นเจ้าหนี้ชัวร์ แต่งตัวนี่ใช่เลย
“แกเป็นเจ้าหนี้ใช่ไหม อย่าๆๆๆ …อยู่ตรงนั้นเลยนะ ไม่งั้นผมแทงแน่ ลูกน้องแกอยู่ไหน!!!!!!”
ผมตะโกนออกไปอย่างไร้สติพร้อมเอามีดจี้หน้าเขา
เขามองมาที่มีดสั้นๆแถมยังเป็นพลาสติกของผม
“นี่คุณ บ้ารึป่าวเนี่ย ไปนอนในถังขยะ จนมันล๊อคอัตโนมัติ แล้วพอผมมาช่วยก็ดันเอามีดสั้นๆนั่นมาจี้ผมเนี่ย เสียสติหรอ?ฮ่าๆๆๆๆ”
ในช่วงจังหวะนั้นผมก็สตั๊นไปสักพัก
“หะ ห้ะะะะะ” ผมพูดออกไปอย่าง งงๆและตกใจ
(ติดตามตอนต่อไป)
ความคิดเห็น