the biografeels ชีวความรู้สึก - นิยาย the biografeels ชีวความรู้สึก : Dek-D.com - Writer
×

    the biografeels ชีวความรู้สึก

    หนังสือเล่มนี้ผมทำขึ้นเพื่อแสดงความรู้สึกต่อหนังสือเล่มนี้และต่อผู้คนที่จะเข้ามาอ่านมันเป็นความรู้สึกของผมม้วนๆแต่หนึ่งในนั้นเป็นความรู้สึกที่ทุกคนอาจจะรู้สึกได้ว่าคุณรู้สึกแบบนี้แล้วคุณอยากจะขยายความ

    ผู้เข้าชมรวม

    47

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    47

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 มิ.ย. 64 / 07:37 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    THE BIOFEELS ME

    1    การ Respect in relationship  คือสิ่งสำคัญ การเคารพกันกันการไม่ล้ำเส้นให้เกียรติกัน คือสิ่งที่ต้องทำหากจะอยู่ร่วมกัน มันไม่สำคัญว่าเขาจะโตหรือเด็กกว่าถ้าเราพิจารณาถึงความเป็นคน คนนั้นล้วนเท่ากัน ดังนั้นเมื่อรู้แล้วว่าคนนั้นเท่ากัน การให้เกียรติเคารพกัน

    ไม่ว่าจะอายุเท่าใดน้อยหรือมากมันควรเกิดขึ้นกับคนเราในฐานะคนด้วยกันที่เท่าเทียม

    2. เวลามันไม่เคยหลอกใคร
    เข็มมันก็วนตรงของมันอยู่นั่น

    ตามกาลเวลาธรรมชาติของมันแล้ว มันไม่เคยผ่อนปรนให้ใครเลย มันซื่อตรงตลอดมา มันไม่เคยไว้หน้าใคร บางความเด็ดขาดของคนเราก็ควรจะมีเช่นเดียวกันดังเช่นนาฬิกาที่ซื่อตรงไม่เอนเอียงให้ใครฉันใด

    ตัวเราเองก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะถูกใจใครบ้างไม่ถูกบ้างแต่ถ้าเลือกจะมีไอดอลเป็นนาฬิกาก็ต้องยอมเสียบ้างเพื่อทำตามอุดมการณ์ที่เรานั้นได้ตั้งไว้ตรงดังเข็มนาฬิกาไม่เอนเอียงและซื่อตรงและแน่นอนผู้คนอาจปวดหัวกับการตรงของนาฬิกาที่จะทำให้ คนประสาทเสียบ่อยๆเวลาทำอะไรล่าช้าไป

    ดังนั้นแล้วมันไม่ง่ายที่เป็นดั่งนาฬิกาที่ตรงเปะ แต่สิ่งที่คุณจะได้จากการเป็นนาฬิกาคือความมีระเบียบและไม่เอนเอียงกับทุกสิ่งและตรงเวลาเสมอ

     

    3. ไม่ต้อง perfect อะไรให้ใครเห็น เเค่เป็นตัวของตัวเอง

    ถ้าการตัองเพอร์เฟ็คในสายตาใคร

    และเราฟังแล้วไปทำตามที่เขาต้องการ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น เพราะคุณลองคิดดูซิว่าคุณอยู่ในสังคม คุณไม่ได้เจอเขาคนเดียว คุณจะต้องเจอคนอีกมากหากจุดยืนเช่นความเป็นตัวเองไม่มี คุณก็จะต้องเพอร์เฟ็คความคนอื่นบอกเรื่อยไปเพราะฉะนั้นคุณควรมีความเป็นตัวเองและเกาะจุดยืนตัวตนคุณให้แน่น

    4 การเเก้ปัญหา
    ถ้าจะคุยด้วยเหตุผลจะคุย
    เเต่ถ้าจะเอาอายุมาข่มเพื่อคุย
    อันนี้ไม่คุย.

     

    เข้าใจบางคนอาจบอกว่าอายุชี้วัดประสบการณ์ ใช่มันชี้วัด แต่การสื่อสารช่องว่างระหว่างวัย คุณควรแยกและใช้เหตุผลคุยไม่ใช่เอาอายุมาปิดปากคนอื่น โดยที่ไม่คำนึงถึงว่าอายุแม้เขาจะน้อยกว่า หรือเช่นเด็กทะเลาะกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่มักจะห้ามปรามเด็กพูดความจริง และห้ามต่างๆใช้อิทธิพลข่มต่างๆนา บอกว่าฉันโตกว่าเงียบปากไป หรือไม่ก็ใช้กำลังประทุษร้ายเขา

    ทั้งที่ความจิงแล้วทุกคนมีสิทธิ์โต้เถียง และไม่ควรโดนคำว่าอายุมากดทับหรือวัยมาข่มเหงในการโต้เถียงของแต่ละบุคคล ทุกคนเท่าเทียม หากจะเข้าสู่การโต้เถียงอย่าไปห้ามใครแม้เขาจะเด็กกว่าคุณ

     

    5. อะไรที่ไม่บอกก็อย่ารู้เลย ถ้าถามเเล้วไม่ตอบ ไม่ต้องถามอีก เพราะถามอีกก็ไม่ตอบอยู่ดี ปล่อยงงในดงสมองต่อไป

    จริงๆนะสำหรับเราเราคิดว่าในตัวตนของเราเนี่ย ถ้าเกิดเราไม่บอกอะไรไปหรือเราไม่พูดอะไรไปหรือถามมาเราไม่สะดวกที่จะตอบ ผมคิดว่าในกรณีของบุคคลหลายๆคนเนี่ยก็ควรจะเอาข้อคิดนี้ไปทำตามว่าสำหรับคนที่ตั้งคำถามแก่บุคคลนั้นๆว่าอย่างไรก็ตาม แต่และเขาไม่ได้ตอบนั้น ผมคิดว่าพวกคุณต้องพิจารณาแล้วว่าเมื่อเขาไม่ตอบแล้วเขาไม่เต็มใจตอบก็คงไม่ต้องไปถามซ้ำแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบ ก็คงไม่ต้องไปถามคำถามเดิมกับเขาแล้วว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

    สำหรับผมแล้วผมจะบอกว่าอะไรที่ไม่ได้บอกก็อยากรู้เลยถ้าถามแล้วไม่ตอบก็ไม่ต้องถามอีก ถ้าถามอีกก็ไม่ตอบอยู่ดี สิ่งนี้เนี่ยผมไม่ได้จะตั้งใจกวนหรืออะไรแต่มันเป็นความต้องการที่ให้เกิดความจริง หรือว่าเวลาคุณถามอะไรใครแล้วเขาไม่ตอบเลย เขาไม่เต็มใจก็ไม่ต้องถามซ้ำอีก

    เพราะคุณไม่สามารถที่จะได้คำตอบที่จริงใจจากคนที่เขาไม่เต็มใจที่จะตอบได้

     

     

    6.  เคารพคนที่ความ
    คิดไม่ใช่อายุ

     

    สิ่งนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่าการที่เราจะเคสรพใครสักคนอย่าคิดว่าอายุเป็นเหตุแห่งการเคารพอย่างเดียว ผมคิดว่าความคิดก็เป็นสิ่งที่ควรเคารพสำหรับผมแล้วต่อให้ใครที่อายุน้อยกว่าผมไม่ว่าจะ 1 ขวบหรืออะไรต่างๆมากมาย ผมคิดว่าถ้าอายุเยอะๆ อายุน้อยแต่ไม่มีความคิดการเคารพมันจะเป็นศูนย์สำหรับผมคิดว่าการที่เราจะเคารพใครสักคนแค่อายุไม่น่าจะเพียงพอแต่ต้องเคารพเขาที่ทัศนคติและความคิดของเขานั้นมีหรือเปล่าต้องคิด ส่วนหลักคิดนี้คือผมจะแชร์ออกไปเป็นประโยชน์กับทุกคน

    ได้รู้ว่าการที่ทุกคนคิดที่จะเคารพใครคงเลือกแค่อายุคงไม่ได้ เพราะบางคนอายุมาก แต่ความคิดไม่ได้มีอายุน้อยแต่ความคิดก้าวหน้าถ้าเรายังมองถึงระยะอายุคนและอยู่ในโลกสมัยใหม่ คุณควรที่จะมองว่าไม่ว่าเขาอายุเท่าไหร่เขามีความคิดนั้นเขาย่อมต้องได้รับการเคารพและควรที่จะเคารพเขาไม่ใช่เพียงเพราะเขามีอายุมากหรือน้อยแต่ถ้าเขามีความคิดเขาก็ได้รับการเคารพ และเราก็ควรจะเลือกเคารพด้วยว่าจะคบคนแบบไหน

    7. เวลาเจอคนดีๆก็พยายามรักษาไว้ เเต่ก็ไม่ได้ทำได้ 100% เเต่ก็พยายาม

    เวลาเจอคนดีๆก็พยายามรักษาไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับผมแล้วผมคิดว่าในเรื่องนี้สำหรับตัวผมจะมองทัศนะผ่านตัวผมออกไปก็คือว่าผมจะแชร์ทัศนะของผมออกไปว่าเวลาที่ผมจะรักษาใครที่ดีๆสักคนหรือซักหลายๆคนหรือทุกคนที่เจอมา มันทำได้ยากแต่สิ่งที่ผมควรจะทำและทุกคนควรจะทำก็คือว่าการรักษาคนที่ดีๆไว้ในชีวิตถึงแม้คุณจะทำได้ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ขอให้ตั้งใจทำและตั้งใจที่จะรักษาเขาไว้ผมคิดว่าคนที่ดีควรได้รับการรักษาอย่างดีส่วนคนที่ไม่ดีก็ขอให้ปล่อยเขาไปและไม่ต้องไปแยแสอะไร ผมคิดว่าการรักษาผู้คนที่ดีๆในชีวิตให้คงอยู่ไว้มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตผมและอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้สำหรับชีวิตคนอื่น ถ้าทุกคนคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมแล้วการรักษาคนดีๆไว้ผมต้องพยายามอย่างมาก ต้องพยายามไม่ให้เขารู้สึกหม่นหมองใจต้องพยายามให้เขานั้นยินดีที่จะอยู่ในพื้นที่ของเรายินดีที่จะอยู่ในชีวิตของเราไม่ใช่พลักไสเขาให้ออกไปหรือย่างไร  ผมเป็นคนที่ตั้งใจที่จะรักษาคนดีๆไว้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะทำไม่ได้หรือทำไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์

    7. • Move on : การมูฟออนไวๆมันดีอยู่เเล้ว จะได้มีเวลามาพักฟื้นใจได้มากขึ้น ถึงเเม้บางคนจะยากก็ตามที่จะ Move on ได้ไว.

    การ   Move on ไวๆเป็นสิ่งที่ดีมากเป็นสิ่งที่เราควรที่จะทำให้มันได้ถึงแม้มันจะยากก็ตาม สำหรับผมแล้วผมเป็นคนอ่อนไหวมากกับสิ่งต่างๆมากมายรู้สึกว่าผมไม่อยากจมปักตรงนั้น ถึงแม้เรื่องราวตรงนั้นจะเลวร้ายมากเท่าใด ผมไม่คิดว่าผมจะไปทำสิ่งที่บั่นทอนชีวิตตัวเอง แม้คนอะไรจะแย้งว่าก็มันเป็นเรื่องที่เราทำใจไม่ได้ ผมอยากให้มันเกิดขึ้นได้ไว ผมต้องการให้มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า Speed Action คือความไวในการออกจากตรงนั้นออกให้ไวเพิ่มแล้ว มันไม่มีใครทำง่ายๆครับ กว่าผมจะมูฟ ออนได้ ผมก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะผ่านจนชิน จนรู้ว่ามันยากนะแต่ผมก็ลองมาคิดวิวัฒนาการหรือบูรณาการความคิดใหม่ว่าจะทำไงให้เราหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ไวๆ

    ผมก็พบคำตอบว่าการมูฟออนไวนั้นเป็นสิ่งที่ตรงคอนเซ็ปตรงคำตอบสำหรับผม

     

    8 • การได้อยู่คนเดียวเงียบๆคือการชาร์จพลัง เวลาไปข้างนอกพบผู้คนเยอะจะเสียพลังมากเเละกลับบ้านคือหลับ

    การที่ผมได้อยู่กับคนเดียวเนี่ย มันถือเป็นการชาร์จพลังสำหรับผม มันถือเป็นการได้เติมพลังสำหรับผมการที่ผมได้ทำอะไรสักอย่างได้นั่งเขียนอะไรสักอย่างการค้นหาผ่าน Google หาอะไรสักอย่างการที่ผมนั้นได้นั่งอ่านหนังสือ นั่งเล่นเกมหรือนั่งฟังเพลงต่างๆมากมายมันทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งพวกนี้ในผมควรจะทำในจุดที่เรียกว่าเซฟโซนหรือไพรเวทโซน คือจุดนี้เนี่ยผมคิดว่าผมเนี่ยทำได้ดีมากแล้วผมรู้สึกว่าเวลาผมอยู่คนเดียวผมรู้สึกผมได้ชาร์จพลัง

    พอเวลาผมได้ไปพบเจอผู้คนมากมายผมรู้สึกว่าผมเสียพลังงานไปมาก ผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยผมรู้สึกว่าผมเนี่ยไม่เหมาะที่จะเข้าสังคมจะถามว่าเข้าได้ไหมเมื่อตอนจำเป็น ผมปรับตัวให้ผมเข้าได้

    ไม่มีปัญหาใดๆแต่อารมณ์และความรู้สึกผมจะฝืน ตอนอยู่คนเดียวซะหน่อยสักนิดนึงผมรู้สึกว่าผมเนี่ยเวลาอยู่คนเดียวได้ชาร์จพลังแล้วเพื่อนๆล่ะเป็นแบบผมหรือเปล่า เวลาอยู่คนเดียวได้ชาร์จพลังแล้วเพื่อนๆล่ะเป็นแบบผมหรือเปล่า

    9. ก็ไม่รู้ที่เขียนไปทุกคนได้อะไรบ้าง เเต่เราผู้เขียนนั้นได้เขียน ได้ระบายออกจากหัว ซึ่งสบายใจมากๆ

    การที่ผมได้มาเขียนหนังสือเล่มนี้

    ที่ชื่อว่า biofeels คือเป็น ความรู้สึกของผม ผมได้เขียนเรื่องราวของผมผ่านหนังสือและระบายจากสมองมันไม่ใช่เป็นเรื่องราวที่ธรรมดาธรรมดาแต่มันเป็นเรื่องเล่าที่ผมอยากจะเล่าออกไปผ่านหนังสือได้ อยากให้ทุกคนได้อ่านว่าความรู้สึกของคนคนนึงที่มีต่อชีวิตของเรา หรือมีต่อสภาพแวดล้อมต่างๆมันเป็นอย่างไร สิ่งที่ผมอยากจะสื่อมันออกไปผ่านตัวหนังสือที่เรียกว่าการทำหนังสือนี้

    ผมต้องการที่จะสื่อออกไปเล่าเรื่องในแบบของผมที่ทุกคนก็ฟังกันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือโตเพราะว่าเนื้อหามันเป็น basic basic ที่ทุกคนฟังได้ทุกเพศทุกวัย ผมต้องการที่จะเขียนให้ทุกคนได้รู้ว่าหากทุกคนถามว่าก็ไม่รู้ว่าทุกคนได้อะไรบ้าง แต่สำหรับผมนั้นในนามผู้เขียนก็อยากให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวที่ผมได้สื่อไปแต่ระบายออกจากหัวไปให้ทุกคนได้รับรู้ความสบายใจของผมที่ได้ทำออกไปเลยตรงนี้

    10 • ในชีวิตมีหลายสิ่งที่ประทับใจเยอะมาก เเละไม่ก็มาก เฟดตัวออกมาก็มากอยู่ในจุดที่โอเคเเละจะสบายใจเอง

     

    ชีวิตผมมันไม่ใช่ทางคอนกรีตที่เรียบเนียนและเราเดินไปอย่างสบายเท้าเสมอไป ชีวิตผมมีทั้งทางเดินที่เป็นคอนกรีต ทางเดินที่ขรุขระ ทางเดินที่เป็นโคลนในชีวิตของผม แม้ผมจะเกิดได้ไม่นานแต่ก็พอจะอนุมานได้ว่าผมพบอะไรมาบ้าง ผมเจออะไรมาบ้าง ประการแรกที่ 1 ผมพบสิ่งที่ยากลำบากในชีวิต ประการที่ 2 ผมพบในสิ่งที่ปานกลางในชีวิต และประการที่ 3 ผมพบในสิ่งที่ง่ายในชีวิต ผมยังไม่ลงดีเทลมากมาย แต่ผมจะบอกทุกคนว่าถ้าทุกคนพยายามเฟดตัวออกมาจากจุดที่แย่ไปอยู่ในจุดที่โอเค ทุกคนจะมีความสุขที่สมบูรณ์สำหรับผมแล้วสิ่งที่ประทับใจของผมมีมากอย่างนี้ ผมไม่ประทับใจก็มากแต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือการเฟดตัวออกมา คือการเอาตัวเองออกมาจากจุดตรงนี้แล้วไปอยู่ในจุดที่มีความสุขที่สุด

    สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรจะแนะนำทุกคนมากไปกว่าที่เรียกว่าการแสวงหาจุดที่ดีที่สุข จุดที่ตัวเองมีความสุขและอยู่ตรงนั้นอย่าฝืนทนกับสิ่งที่ตัวเองนั้นไม่ได้มีความสุขหรือไม่เป็นตัวของตัวเอง

      การเปลี่ยนเเปลงเมื่อเปลี่ยนเเล้วใช่จะจบ เราจะต้องดูเเลรักษาใจไปอีกดูเเลความรู้สึกเราไม่ให้ความหลังกลับมาทำให้ใจหม่นหมองอีก

    การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงในชีวิตนั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ว่าจะจบ เราจะต้องดูแลรักษาใจกันอีกรักษาหัวใจเราไปอีกรักษาร่างกายรักษาความรู้สึกเราไปอีกนานเปลี่ยนแปลงแล้วก็เปลี่ยนแปลงแล้วใช่ว่าทุกคนจะ Move on ได้ไวเสมอไปเพราะไม่ชาว่าทุกคนจะกลับมามีความสุขได้เสมอไป การเปลี่ยนแปลงแล้วมาเปลี่ยนแล้ว เราจะต้องปรับตัวแล้วพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆอีกทำการปรับปรุงหัวใจ ปรับปรุงสิ่งต่างๆมากมายในชีวิตเราอีก การเปลี่ยนแปลงเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วเราต้องคิดให้ดีเราต้องดูแลรักษาหัวใจเราให้มาก เราต้องรักษาใจเราไม่ให้สิ่งเก่าๆมาทำให้ใจหมองอีกไม่ทำให้สิ่งในอดีตมาทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องกลับมาเสียใจ

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น