Love me do
By ตุ๊กตาไล่ฝน=^^=
คุณเคยรักใครมากๆ มั้ย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือความสุข
เวลาที่เขาหันมาคุยกับเรา ยิ้มให้เรา หรือแค่ปรายสายตามาทางเรา ...
มันคือความสุขจริงๆ นะ เวลาที่ได้รักใครซักคน...
“อ้าวพี่จ้าน ยังอยู่อีก?” เสียงหวังอี้ปั๋วถามอย่างประหลาดใจ ที่เห็นผมนั่งรออยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อของชมรมฟุตบอล....ที่ที่อี้ปั๋วจะต้องมาทุกเย็น....ส่วนผมก็จะแวะมาบ้างนานๆ ครั้ง....
“รอนายนั่นแหละ” ผมพูดอย่างเซ็งๆ ......เมื่อตะกี้ในขณะที่อี้ปั๋วเล่นบอลอยู่กลางสนาม ผมก็เอาแต่คิดย้อนเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ผู้หญิงที่ผมแอบรัก เดินมากับผู้หญิงอีกคนที่ไม่คุ้นหน้า เดินคุยกันหนุงหนิง และผมก็ได้แต่แอบมองเช่นเคย ....มหาลัยของผมไม่มีกฎห้ามนักศึกษาคบกัน คู่รักรอบตัวผมนับวันรังแต่จะเพิ่มพูน จนแทบจะเหลือผมคนเดียวที่ยังไม่กล้าจีบใครซักที
หวังอี้ปั๋วเปิดตู้ล็อคเกอร์และเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลือยร่างตรงนั้น แต่ผมเองไม่มีแก่ใจจะคิดอะไรมากไปกว่า ภาพของเธอคนนั้นจูบกับเพื่อนหญิงในที่ลับตาคน ...เต็มตาผมเลยทีเดียว ความจริงแล้วความรักแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งในสมัยนี้ก็ยิ่งเปิดเผยกันมากขึ้น.....
มันไม่แปลกเลยใช่มั้ย
แต่ใจของผมนี่สิที่เต้นแปลกไป.....มันมึนงง โหวงเหวง เหมือนอยากจะเป็นลมยังไงพูดไม่ถูก......
“รอผมทำไมครับ?” หวังอี้ปั๋วจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาหยุดตรงหน้าผมที่กำลังเหม่อลอย
“ฉันอกหักอีกแล้ว.....” อี้ปั๋วรู้ดีว่าผมแอบชอบใคร....และเขาก็รู้ดีว่าผมกำลังจะทำอะไร…
“คืนนี้จะค้างบ้านผมล่ะสิ” ผมพยักหน้าหงอยๆ เห็นอี้ปั๋วยิ้มขำ ส่ายหัวสองที เหมือนอยากจะบอกว่าผมมันไม่ได้เรื่องงั้นล่ะ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้ซักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้…
ผมกับหวังอี้ปั๋วเราเพิ่งรู้จักกันได้สี่เดือน แต่ด้วยความที่เขาดูเชี่ยวชาญในด้านความรัก ผมเลยใช้เป็นที่พึ่งทางใจอยู่บ่อยครั้ง พูดได้เลยว่าเขารู้จักความรักของผมมากกว่าใครๆ และผมก็รู้จักบ้านของเขามากกว่าใครๆ ด้วย....
“ห้องรกหน่อยนะ แต่ไม่ต้องมายุ่งเลยนะพี่จ้าน พี่จัดของแล้วผมหาไม่เจอทุกที ขี้เกียจโทรถามด้วย” อี้ปั๋วอยู่คนเดียวในอพาร์ทเม้นค่อนข้างมีพื้นที่ แต่มันก็รกจนผมทนไม่ได้ทุกครั้ง....ขนาดที่เดินยังไม่มี..ผมก็ต้องช่วยจัดให้เป็นที่เป็นทางซักหน่อย.....
“วันหลังใช้แล้วเก็บให้ดีสิ ถึงจะอยู่คนเดียวก็เถอะ” อี้ปั๋วนั่งตาขวางมองผมจัดของไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ต้องมาช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งระหว่างผมกับหวังอี้ปั๋ว ไม่เคยปรึกษาอะไรมากมาย...แต่พอตื่นขึ้นตอนเช้า เขาจะเข้าใจผมที่สุด ผมคิดแบบนั้น....
“ผมว่าพี่หาคนใหม่เถอะ ม. หญิงล้วนฝั่งตรงข้ามเป็นไง?” และมันก็เป็นแบบนั้น....ทันทีที่ตื่นเช้าขึ้นมา หวังอี้ปั๋วก็แนะนำเหมือนกับผมจะทำใจไปรักคนใหม่ได้ง่ายๆ …ส่วนผมก็พยักหน้าเหมือนลืมคนเก่าไปได้ง่ายๆ เหมือนกัน....
ผมนอนกลิ้งอยู่กับพื้น ระหว่างที่อี้ปั๋วเข้าไปอาบน้ำ ทั้งที่เตียงก็ตัวใหญ่พอสำหรับสองคน แต่เขามักจะนำฟูกมาปูนอนเสมอเวลาที่ผมมา อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าเขาทำแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นด้วยหรือเปล่า....อี้ปั๋วเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดมากนักเวลาอยู่กับผม ส่วนใหญ่จะเป็นผมฝ่ายเดียวที่บ่นอะไรไปเรื่อยให้เขาฟัง....เขาก็เอาแต่ฟังเหมือนมันเป็นเรื่องน่าสนใจนักหนา แต่เวลาอยู่กับคนอื่น ก็เห็นเขาร่าเริงเป็นปกติดี....อาจจะเป็นเพราะเราไม่สนิทกันก็ได้มั้ง....คุยกันทีไร ผมก็อกหักมาทุกครั้ง ถึงจะรู้สึกเกรงใจ แต่ถ้าไม่ใช่เขา ผมก็ไม่รู้จะไปหาใครเลยจริงๆ เพื่อนในกลุ่มต่างมีแฟนกันไปหมด ผมเองเข้าใจว่าพวกนั้นต้องคอยเอาใจแฟน ผมก็เลยถูกเพื่อนทิ้งเป็นหมาหัวเน่า ไร้คนสนใจ....
“วันนี้ว่างมั้ยครับ” อี้ปั๋วเดินผมเปียกออกมาในชุดนักศึกษายับๆ ผมที่นอนกลิ้งไปมาจนหัวยุ่งไปหมดก็ลุกขึ้นนั่งและพยักหน้า
“เย็นนี้ไปเกะกัน....เผื่อพี่จะได้เจอคนถูกใจ.....ไปมั้ย” ผมนึกถึงร้านคาราโอเกะแสงสลัว กับนักศึกษาหญิงจำนวนไม่ถ้วนที่กำลังรายล้อม.....
“อืม ก็ดีนะ” เอาเป็นว่าผมตอบตกลงและเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง ได้ยินเสียงคุยของอี้ปั๋วดังเข้ามา คิดว่าคงจะคุยโทรศัพท์....แปลกที่ไม่รู้สึกคิดถึงเธอคนนั้นอีกเลย ไม่เลยนับตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามาในห้องนี้...คาราโอเกะเย็นนี้ผมจะปลดปล่อยให้เต็มที่ และหาสาวคนใหม่มาให้ได้เลยคอยดู....
แต่มันจะเป็นอย่างนั้นได้ไง...
ในเมื่อนัดของอี้ปั๋วมีแต่เพื่อนผู้ชายมาทั้งนั้น....
ไม่มีสาวให้ผมเลยซักคน !!!!
เพื่อนของอี้ปั๋วคนนึงชื่อโทรุ....ลูกครึ่งญี่ปุ่น…ผมเกลียดเจ้านี่เวลาเมาที่สุด...คนเมาพูดได้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง อย่างที่โทรุกำลังพิสูจน์ให้ผมเห็นอยู่นี่ไง....
“ฉันรักนายนะเซียวจ้าน...นายสวยมากเลยรู้มั้ย ฉันรักนายมาก่อนอีก ทำไมนายไม่เลือกฉัน ทำไมล่ะ อี้ปั๋วมันดีตรงไหน ฉันรักนายกว่ามันอีก ฉันรักนาย.....” คิดไปมากมายว่าผมกำลังคบอยู่กับหวังอี้ปั๋ว....ฉันรักนายมากกว่ามัน...คำที่โทรุเอาแต่พูดใส่ผม...แถมมือไม้ก็กอดมั่วไปหมด.... มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว รักบ้าอะไรกัน ก็เพิ่งรู้จักกันเมื่อกี๊ !!!!
“กลับได้แล้วโทรุ” เสียงของอี้ปั๋วมาจากไหนไม่รู้...กระชากตัวหมอนั่นไปจากผม....
ผมมองหวังอี้ปั๋วอย่างโกรธๆ แต่ก็ไม่รู้จะต่อว่ายังไง....จนสุดท้ายคนเริ่มพูดก่อนก็คือเขา...
"ไม่สนุกแล้วสิ กลับกันมั้ย?” อี้ปั๋วยิ้มมุมปากแบบเดิมให้กับผม...แล้วก็เดินนำออกไปทั้งอย่างนั้น...เขาเป็นคนเพื่อนเยอะ มีปาร์ตี้ไม่เคยขาด....และถึงผมจะอายุมากกว่า แต่อี้ปั๋วกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นเด็กที่เขาต้องคอยดูแล...อี้ปั๋วกำลังทำให้ผมรู้สึกอยากอ้อนใครซักคน.....ผมเองก็กรอกแอลกอฮอล์ลงไปมากพอดู....พอออกมาเจออากาศบริสุทธิ์ภายนอกก็ทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะ....
“เมาหรอครับ” มือร้อน ๆ ของอี้ปั๋วแตะข้อศอกผมเหมือนจะเตือนให้มีสติ...ผมไม่เคยเมาเลยนี่นา...สงสัยคราวนี้จะยัดมากเกินไปจริง ๆ....ตามันเบลอ หน้าก็ร้อนไปหมด หัวหนักอึ้งแถมแสบท้องอีก เห็นทีจะไม่ไหวซะล่ะมั้ง ได้ยินเสียงของอี้ปั๋วอยู่ข้างหูบ่อยครั้ง...จนสำนึกสุดท้ายผมก็ไม่ได้เดินเองอีกต่อไป....
ผมไม่เคยรู้จักความรักหรอก
ก็คนที่ผมรัก ไม่เคยรักผมตอบเลยซักคน.....
ผมไม่รู้หรอกว่าการมองตามันจะอุ่นเข้าไปถึงหัวใจได้ยังไง ผมไม่รู้ว่าแค่มือที่จับกันมันจะมีอะไรพิเศษตรงไหน แต่ถ้าเรื่องแอบรักล่ะก็.....
ความสุขของการแอบรักของผมก็คือ - ความบังเอิญ -
...เคยเป็นมั้ย บังเอิญเดินสวนกันหน้าห้องน้ำ...บังเอิญสบตากันในโรงอาหาร....บังเอิญไปดูหนังเรื่องเดียวกัน.... บางทีคิดถึงอยู่ดี ๆ เธอก็บังเอิญเดินมา.....คุณก็เคยคิดใช่มั้ยล่ะ ว่านี่แหล่ะ พรหมลิขิตชัดๆ ! ทั้งที่ไม่รู้จักกัน ไม่ได้นัดแนะกัน ฟ้ายังพาให้บังเอิญมาเจอกันได้....
แต่ก็แค่นั้นแหล่ะ...ชีวิตการแอบรักของผม...มีแค่นั้นจริง ๆ ...
ผมเคยแอบรักเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกันคนนึงชื่อเจิ้งส่วง...เธอไม่เคยรู้ว่าผมคิดยังไง และผมก็ไม่เคยบอก....ทุกครั้งที่เธอคุยเล่นกับผม ผมหัวเราะอย่างกับโลกนี้มีแต่เรื่องน่าอภิรมย์ ทุกครั้งที่เธอยิ้มให้ผม...ผมจะยิ้มตอบได้กว้างที่สุดเหมือนไม่เคยรู้จักการร้องไห้...และเมลทุกฉบับที่เธอส่งเข้ามือถือของผม...ผมก็เซฟมันไว้จนไม่มีที่เหลือสำหรับเมลของคนอื่น....แต่สุดท้าย เธอก็ไม่ได้เลือกผม แต่กลับไปคบกับอี้ปั๋ว....นั่นเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผมได้รู้จักหวังอี้ปั๋ว แต่แทนที่ผมจะติดความรู้สึกในแง่ลบ....อี้ปั๋วมีบางอย่างที่ทำให้ผมไม่รู้สึกโกรธ ไม่รู้สึกอิจฉาหรืออะไรเลยทั้งนั้น....อาจจะเป็นเพราะความดูดีหรือความโด่งดังอยู่ก่อนแล้วของเขา....ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ย่อยยับ....มีเพียงสิ่งเดียวที่ติดใจ ผมกลับรู้สึกเพียงว่าอี้ปั๋วไม่ได้รักเจิ้งส่วง.....และคำถามก็มักจะเกิดขึ้นกับผมตลอดเวลา ยามที่ได้สบตาเขา.....ผมอยากถามอี้ปั๋วเหลือเกิน ว่าเขารักใคร......
สมองหนักอึ้ง ปวดตามเนื้อตัว ทั้งที่ยังไม่ทันลืมตา เมื่อคืนผมคงซัดเหล้าเข้าไปมากพอดู ถึงจำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง อาการยอกเริ่มเจ็บขึ้นเป็นริ้ว ผมจึงต้องขยับตัวเปลี่ยนท่านอนเสียใหม่...ทั้งที่หัวก็ปวดไปหมด บางทีนี่อาจจะเป็นเวลาเย็นของอีกวันแล้วก็ได้ คุณเคยเมาตายมั้ย....ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ตอนที่เมาเนี่ย อาการมันเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนตื่นขึ้นมาและยังไม่สร่างเมานี่สิ แย่ยิ่งกว่าแย่....เปลือกตามันหนัก...มันเหมือนจะหนาขึ้นกว่าปกติหลายเท่า....ทำให้ลืมตาลำบากเหลือเกิน สมองก็เบลอจนปวดหัวไปหมด...รู้สึกถึงการบีบตัวของเส้นเลือดที่เต้นตุบ ๆ ไปทั่วร่าง....อ่อนเปลี้ยไปหมด....มันเป็นอาการที่แย่จริง ๆ....แต่คุณจำไว้นะ....ตราบใดที่คุณมีอาการเพียงเท่านี้ นับว่ายังโชคดีอยู่โขเลยล่ะ....คุณคงนึกไม่ออกว่าการเมา และตื่นขึ้นมาเปลือยเปล่าและเจอคนนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้าง ๆ กันนั้น มันเป็นยังไง....
มันเป็นยังไง และควรทำยังไง..........
“หวังอี้ปั๋ว!!!!!!”
ผมคิดอยู่เสมอถ้าวันไหนมาค้างบ้านอี้ปั๋ว และอี้ปั๋วให้ผมได้นอนบนเตียงเมื่อไหร่ วันนั้นคงเป็นวันที่เราได้เป็นเพื่อนสนิทกัน.......แต่วันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า เราคงได้เป็นมากไปกว่านั้นกันซะแล้ว !
บรรยากาศอึมครึมทั้งภายในและภายนอก...ผมนั่งจุกอยู่บนโซฟา ส่วนหวังอี้ปั๋วยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมไม่รู้ว่าอี้ปั๋วคิดยังไง อี้ปั๋วที่มักจะนิ่งขรึมเสมอเวลาอยู่กับผม อี้ปั๋วที่มักจะยิ้มแกมเยาะใส่เวลาที่ผมผิดหวัง อี้ปั๋วที่มักจะห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับของในห้องของเขา แต่กลับไม่เคยปฏิเสธเลยซักครั้งถ้าผมยืนยันที่จะทำ แผ่นหลังในเสื้อยืดสีขาวที่ยืนอยู่นอกระเบียงนั่นไม่พูดอะไรกับผมเลยตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา เอาแต่หลบตา....แล้วทำท่าเหมือนโกรธอะไรซักอย่าง....มันต้องเป็นผมไม่ใช่หรือไงที่จะทำท่าทางแบบนั้น......เขาคิดอะไรอยู่กันนะ....
<<<<<<<<<
คุณเคยรักใครมาก ๆ มั้ย...รักจนอยากเจอทุกวัน อยากมองทุกวัน ไม่อยากให้ห่างไปไหนไกล คุณว่าถ้ามีคนที่กำลังแอบมีความรักอยู่เหมือนคุณ...คุณจะมองเขาออกมั้ย....ถ้าคนที่คุณแอบรัก กำลังแอบรักคนอื่นอยู่ คุณจะทำยังไง....จะทำเหมือนผมมั้ย...ทำให้เขาแยกออกจากกัน.....โศกนาฏกรรมของการแอบรัก ก็คือความบังเอิญ บังเอิญเดินสวนกันหน้าตึกเรียน ห่างกันแค่คืบ...มีแต่เราฝ่ายเดียวที่แอบมอง...มีแต่เราฝ่ายเดียวที่ทึกทักไปเองเหมือนคนบ้า ทั้งที่อีกฝ่ายอาจไม่เคยมองเห็นเลยด้วยซ้ำ
ผมกับเซียวจ้านรู้จักกันมาสี่เดือน แต่ผมรู้จักเขามานานกว่านั้น ทั้งละครเวทีเรื่องแรกของเขา ทั้งการประกวดร้องเพลงครั้งแรกของเขา ผมรู้จักเขามานาน แต่เราไม่เคยรู้จักกันเลยซักครั้ง จนเมื่อผมสังเกตเห็นแววตาของพี่จ้านที่มีให้กับเพื่อนสนิทต่างรุ่นของผม....เจิ้งส่วงตกลงคบกับผมทันทีที่ผมแกล้งสารภาพรัก...ผมไม่ใช่คนดี ผมไม่ใช่คนกล้า ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปบอกพี่จ้านว่าผมรักเขา....ผมจึงเลือกวิธีทำความรู้จักเขาผ่านทางเจิ้งส่วงในฐานะแฟน.....แล้วผมก็ได้เข้าไปอยู่ในสายตาของพี่จ้าน...ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต... ผมกับเจิ้งส่วงก็เลิกกันทันทีหลังจากนั้นโดยไม่มีอะไรยืดเยื้อ… ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรู้จักความรักของเซียวจ้านดีกว่าใคร....แต่ไม่เคยได้มันมาเลยซักครั้ง...ทั้งที่อยากพูดคุยให้มากกว่านี้ อยากสนุกสนานให้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่ยิ้มและรับฟัง....ทุกครั้งที่พี่จ้านมาบ้าน....ผมชอบมองแผ่นหลังเล็กๆ ก้มๆ เงยๆ พยายามเก็บของให้เข้าที่ พี่จ้านทำงานเหมือนมดในความรู้สึกของผม....ตราบใดที่งานยังไม่เสร็จก็รั้นที่จะทำต่อให้เสร็จจนได้ ดังนั้นจึงไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะทนอยู่ได้โดยไม่เข้าไปช่วย....ข้อศอกที่บังเอิญสัมผัสกันในเวลาเก็บของ...หลังมือที่บังเอิญโดนกันเวลาจัดของให้เข้าที่....สิ่งเหล่านี้เป็นโศกนาฏกรรมทางความคิดที่ไม่สามารถแสดงออกให้มากกว่านี้ได้.....แต่ความรักไม่ได้มีไว้เพื่อเก็บไว้กับตัวเอง ความรักจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก...และเซียวจ้านคือคนที่ผมรัก รักจนไม่เคยรักใครได้อีกเลย...
ควันบุหรี่ฟุ้งกระจายไปตามสายลมอ่อนๆ ริมระเบียงตึกสูงที่ไร้เงาแดด ผมไม่กล้าหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่ผมรัก หลังออกจากร้านคาราโอเกะ พี่จ้านก็เอาแต่เมาเพ้อถึงคนนั้นคนนี้ แต่ไม่มีชื่อผมเลยซักครั้ง...พี่จ้านที่ไม่มีสติ ทำให้ผมต้องอุ้มเขาจนมาถึงห้อง...วางร่างบอบบางลงบนเตียงอย่างไม่อยากปลุกให้ตื่น คุณจะทำยังไง ถ้าเซียวจ้านที่ใบหน้าแดงระเรื่อ ปรือตาขึ้นมามองคุณซะหวานเยิ้ม....แล้วปากอิ่มสีสดก็กระซิบถามคุณว่า “หวังอี้ปั๋ว นายรักใครอยู่หรอ?” นอกจากสิ่งที่ผมได้ทำลงไปแล้ว ผมนึกไม่ออกเลยว่าพวกคุณจะทำอะไรนอกเหนือจากนี้......
ถ้าผมหันกลับไปมองเซียวจ้านที่นั่งอยู่บนโซฟาล่ะก็ ผมจะคิดถึงแต่ผิวนุ่มนวลตา...และเรื่องราวเมื่อคืนก็จะผุดขึ้นมาเต็มไปหมด.....โกรธตัวเองเหลือเกินที่เอาแต่ขี้ขลาด ทั้งที่ทำเป็นเก่งในเวลาที่เขามาปรึกษาเรื่องความรัก....ความจริงผมมันไม่เอาไหนเลยซักนิด.....โทรศัพท์แผดเสียงขึ้นในเวลาที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง...ผมเดินงุ่นง่านเข้าไปควานหาโดยไม่มองหน้าคนบนโซฟา....คว้าได้ก็เดินออกไปกดรับโดยไม่ทันดูหน้าจอ....
“หวังอี้ปั๋ว นายรักใครอยู่หรอ?” เสียงกังวาลปลายสายนั่นเหมือนจะเป็นของคนที่ผมกำลังหลบหน้าอยู่ตอนนี้....เซียวจ้านยังคงนั่งอยู่ที่เดิม...ผมก็ยังคงยืนหันหลังให้เหมือนเดิม...แต่เสียงกระซิบจากปลายสาย ทำให้รู้สึกเหมือนเราอยู่ใกล้กันเหลือเกิน...เซียวจ้านเรียกผมซ้ำเมื่อผมเงียบไม่ตอบอะไร...และก็เรียกซ้ำอีกเมื่อผมยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม....
“ถ้านายยังไม่รักใคร เราลองมารักกันดูมั้ย”
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง....ถ้าคุณได้ยินประโยคนี้ และหันไปเจอเซียวจ้านที่ดวงตาสดใสเป็นประกาย...กำลังเอียงคอถามพร้อมยกยิ้มให้อย่างน่ารัก.....
ผมนึกไม่ออกเลยจริง ๆ พวกคุณจะทำอะไรนอกเหนือไปจากนี้....นอกจากจะเดินเข้าไปจูบให้หนำใจ
จนถึงตอนนี้เซียวจ้านก็ยังไม่รู้จักว่ารักคืออะไร...แต่เขารู้แล้วว่าควรมองตาใครเพื่อให้มันอบอุ่นไปถึงข้างใน รู้แล้วว่าควรจับมือใครเพื่อให้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นไปทั่วร่าง...รู้แล้วว่าความสุขโดยตั้งใจน่ะ มันดีกว่าการรอโชคชะตาเป็นไหนๆ …ก็เจอแล้วนี่นา คนที่ดูแลความรักของเขาได้ดีกว่าใครๆ
จะบอกความลับของฟูกบนพื้นให้ก็ได้....
ถ้าคุณเคยนอนเตียงเดียวกับใครล่ะก็....บางทีแค่อีกคนขยับตัว...ก็สามารถปลุกคุณให้ตื่นได้แล้ว....แต่ว่าถ้าเป็นฟูกคนละผืนที่อยู่บนพื้นล่ะก็.....แอบขยับเข้าไปจูบตั้งหลายครั้ง....จ้านจ้านก็ยังไม่เคยรู้ตัวเลยซักที ^__________________________^๑
Love me do
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น