เรื่องเล่า ตอนที่1 เสียงจากสาย.....
วันนี้เรามีเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กันฟังดีกว่า แต่ปกติเรื่องที่เล่าก็ไม่เคยมีเรื่องที่หนักๆเลยซักที่ เว้นแต่เรื่องเศร้าก็อาจจะมีบ้าง เปรียบเหมือนได้ดูละครที่มีหลายรสชาติ หลายต่อหลายครั้ง เสียงตามสายโทรศัพท์ที่ผ่านเข้ามานั้นมีสไตล์คล้ายคลึงกัน เพียงแต่รสชาติในการเล่าอาจจะเปลี่ยไปบ้างตามอารมณ์และบริบทของผู้เล่าและผู้ฟัง จนป่านนี้เราก็ยังไม่ทราบว่า ผู้เล่าเข้าใจผิดหรือโทรผิดก็ไม่ทราบ จึงมีสายที่โทรเข้ามาไม่น้อยเลย ที่มักจะเข้าใจว่าเราเป็นสถานีเพลงฮิตยอดนิยม ลองยกตัวอย่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่โทรเข้ามา "ขอเพลง" วันนั้นฉันก็ค่อนข้าง งงมาก เพราะทันทีที่รับสายขึ้นมา .... เสียงชายหนุ่มก็กล่าวว่า "ขอเพลงหน่อยครับ" คะเนจากน้ำเสียง รู้สึกว่าเมื่อคืนเขาคงดื่มมาไม่น้อยเหมือนกัน ต้องสารภาพตามตรง ณ ตรงนี้ว่า ฉันเป็นคนเสียนิสัย เจอสายแปลกๆทีไร เป็นต้องอยากรู้อยากเห็นอยู่ร่ำไป อดไม่ได้ที่จะต้องถามต่อตามประสาคนขี้เล่นเป็นประจำ จริงๆ ในหัวฉันตอนนั้นก็งงอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าจะเจอสายแบบนี้(อีกแล้ว)ค่ะ จริงตอบไปด้วยความรวดเร็วว่า"ขอเพลงอะไรหรือคะ"เป็นดั่งที่คิดไว้ ชายคนดังกล่าวไม่รีรอ รีบขอเพลงโปรดที่เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วว่า วันนี้จะต้องได้ฟังอย่างแน่นอน"แก้วตาขาร็อคครับ"
"ค่ะ" ฉันรับคำมาอย่างงงงง เพราะอันที่จริงแล้ว ถ้าไม่เป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ไม่อยากจะขัดใจใครหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะว่าสถานีเราก็ไม่ได้เป็นคลื่นที่เปิดเพลง และที่สำคัญคือฉันก็ร้องเพลง "แก้วตาขาร็อค" ไม่เป็นซะด้วยสิคะ ไม่อย่างนั้นฉันก็กะจะร้องสด โชว์พลังเสียงให้ดังทะลุโสตประสาทกันไปข้างหนึ่งเลยค่ะ"ครับ ผมชื่อสุเทพนะครับ เบอร์โทร 01........... ขอบคุณมากนะครับ""ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ"
จบเรื่องแรก
เห็นมั๊ยล่ะคะว่า เรื่องที่เล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่บาง ที เรื่องแปลกๆ ที่ผ่านเข้ามานี้ก็เป็นสีสันในการทำงานให้กับฉันได้เหมือนกัน เพราะบางวันที่มีแต่เรื่องเครียดๆ การได้รับเรื่องเหล่านี้มันก็ทำให้เราผ่อนคลายได้ดีเช่นกัน
เรื่องเล่า ตอนที่2 ช่วยด้วยครับ...ผมอกหัก
"เอ่อพี่คะ นี่เพื่อนหนูน่ะค่ะ เขาอยากขอเพลงให้แฟนเค้าจะมั๊ยคะ พอดีแฟนเค้าอยู่ต่างจังหวัดด้วยค่ะ ให้เค้าคุยกับพี่นะคะ
หลังจากนั้นเสียง ซาวด์แทรคพื้นบ้าน ก็เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนสายกันอย่างชุลมุน และแล้วก็มีเสียงหนุ่มน้อยวัยกระเตาะมาสานต่อการสนทนา
"พี่ครับ ทำยังไงดีครับ แฟนผม เค้าไม่รักผมแล้วครับ"
"ทำไมล่ะคะ"
"ก็ผมโทรไปหาเค้าก็ไม่ยอมคุยกับผม"
"อืมมม....แล้วทำไมไม่ไปหาล่ะคะ"
"คือ เค้าอยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ แต่ก่อนก็เคยอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ผมมาทำงานอยู่กรุงเทพแล้ว เค้ายังอยู่ชลบุรีครับ"
เอาล่ะค่ะ ถึงตอนนี้เราก็ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสาวคนที่ทำให้น้องเค้าหวั่นไหวนี้ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ชลบุรีนี่เอง จะว่าไปก็ไม่ไกลเท่าไหร่
"เอ๊.....แล้วมันเป็นยังไงหรือคะ"
"ก็เค้าไม่รักผม แล้วเค้าไปมีแฟนใหม่แล้วครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงดีครับพี่ เดี๋ยวผมขอฝากข้อความถึงเค้าด้วยนะครับ บอกว่าผมคิดถึงมาก" (น้ำเสียงสั่นเครือและดูจริงจังมาก) ถึงตรงนี้คงบอกได้ว่าหนุ่มน้อยรายนี้กำลังอยู่ในอาการที่เรียกกันว่าอกหักอย่างแน่นอน เพราะดูสาวเจ้าจะไม่ใยดี ชนิดที่เรียกว่าตัดบัวไม่เหลือใยกันแล้วล่ะค่ะ แต่พ่อหนุ่มน้อยของเรานี่สิคะ อาจจะเป็นรักครั้งแรก แกก็เลยยังฝังใจอยู่
"เอ่อ น้องอายุเท่าไหร่แล้วคะเนี่ย" (ถามไว้ก่อน เพราะฉันก็อยากจะรู้ว่าน้องเค้าผ่านร้อนหนาวมากี่ฝนแล้ว)
"16 ครับ"
เหมือนอย่างที่คิดไว้ เพราะเท่าที่ฟังแล้ว หนุ่มน้อยของเรายังดูอ่อนต่อโลกไม่น้อยเหมือนกัน ทีนี้ก็ถึงคราวที่ฉันจะต้องทำหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาที่ดี เพราะฉันเองรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังสวมรอยเป็นศิราณีอยู่กลายๆ ที่สำคัญเขาอาจจะต้องการกำลังใจจากใครสักคนอยู่เหมือนกัน
"เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคะ น้องก็ยังอายุเพียงเท่านี้เองนะคะ อย่าเพิ่งไปยึดกับแฟนน้องเลยนะคะ
เพราะถ้าเค้ารักน้องจริง เค้าก็คงจะพูดคุยกับน้องตามปกติ เท่าที่เขาแสดงออกมาอย่างนี้ก็แปลว่าเค้าไม่ได้สนใจเราแล้วนะคะ แล้วเราจะไปสนใจเค้าอีกทำไม มันจะทำให้น้องไม่สบายใจเปล่าๆนะคะ"
"ครับพี่ ผมขอบคุณมากเลยนะครับ" (เสียงเค้าบ่งบอกมากถึงความซาบซึ้งใจ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันดีใจเหมือนกัน แต่ก็เหมือนฝันสลายในทันที เมื่อน้องเค้าย้ำประโยคนี้กับฉันว่า " แต่พี่ก็อย่าลืมบอกเค้าด้วยนะครับ ว่าผมยังรักเค้าอยู่"
!!! สรุปแล้ว ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนั้น มันไม่ได้ทำให้น้องเค้าเปลี่ยนใจเลยใช่มั๊ยคะเนี่ย !!!
จบเรื่องที่สอง
เรื่องเล่าที่สาม จากวงสุรา
ค่ำคืนหนึ่งในวันที่แสนสงบ เวลาตอนนั้น ก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว ถ้าเป็นคนปกติ เวลานี้ก็คงนอนหลับพักผ่อนกันไปแล้ว ตามผังรายการของจส.100 ในเวลาค่ำคืนนั้นก็จะเป็นการพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น ซึ่งในแต่ละค่ำคืนก็จะมีสมาชิกโทรเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างไม่ขาดสาย ตามสถิติ(ที่พูดคุยกัน)นั้น พบว่าเวลากลางคืนจะเป็นช่วงที่มีคนเมาโทรเข้ามามากที่สุด ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับเมามากไปจนถึงเมาน้อย บางคนที่เมาน้อยหน่อยเราก็อาจจะจับระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของเขาไม่ได้ ก็เลยยังสามารถพูดคุยกับเราได้ตามปกติ (โดยที่เจ้าหน้าที่ของเราก็ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับคนเมา) แต่สำหรับบางคนก็เมามาเต็มที่เหมือนกัน อย่างเช่นคืนหนึ่งวันนั้น
"สวัสดีค่ะ จส.100 ค่ะ"
"ครับ ขอเพลงหน่อยครับ"
"เพลงอะไรคะ"
"เพลงเช็ดน้ำเยี่ยวครับ" (พร้อมกันนั้นก็ได้ยินระเบิดเสียงหัวเราะแทรกเข้ามา จากเสียงที่ได้ยินประเมินได้ว่ามีกันอยู่ 3คน ทั้งหญิงและชาย)
ไม่ต้องแปลกใจนะคะ คุณอ่านไม่ผิด และฉันก็เขียนไม่ผิดเช่นกัน เพราะการเซ็นเซอร์ข้อความอาจจะทำให้อรรถรสในการอ่านเรื่องต้องสะดุดไป จึงขอถ่ายทอดสดตามที่ได้ยินมาเลยนะคะ ตอนแรกฉันก็คิดว่าตัวเองหูเพี้ยนหรือเปล่า อาจจะได้ยินผิด หรือไม่ถูกต้อง แต่เค้าก็ย้ำมาหลายครั้งจนฉันมั่นใจว่าไม่ผิดแน่ๆ พอฉันมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ยินนั้นไม่ผิดพลาดก็เริ่มรู้สึกได้ว่าถูกกวนประสาทแน่ละคราวนี้ ก็เลยโต้ตอบกลับไปว่า
"เพลงนี้ของใครหรือคะ"
คราวนี้เขาก็เปลี่ยนให้ชายอีกคนหนึ่งมารับสายต่อ
"อ๋อ ม่ายช่ายครับ เพลงเช็ดน้ำตาครับ" (ท่าทางคนนี้อาจจะเมาน้อยกว่าคนแรกเล็กน้อย เพราะยังคงรักษามารยาทในการพูดคุยได้เป็นอย่างดี)
"อืมมม.....ค่ะ งั้นเดี๋ยวรอฟังนะคะ"
"คลื่นอะไรง่ะ เอเอ็ม หรือเอฟเอ็ม"
วันนี้เรามีเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กันฟังดีกว่า แต่ปกติเรื่องที่เล่าก็ไม่เคยมีเรื่องที่หนักๆเลยซักที่ เว้นแต่เรื่องเศร้าก็อาจจะมีบ้าง เปรียบเหมือนได้ดูละครที่มีหลายรสชาติ หลายต่อหลายครั้ง เสียงตามสายโทรศัพท์ที่ผ่านเข้ามานั้นมีสไตล์คล้ายคลึงกัน เพียงแต่รสชาติในการเล่าอาจจะเปลี่ยไปบ้างตามอารมณ์และบริบทของผู้เล่าและผู้ฟัง จนป่านนี้เราก็ยังไม่ทราบว่า ผู้เล่าเข้าใจผิดหรือโทรผิดก็ไม่ทราบ จึงมีสายที่โทรเข้ามาไม่น้อยเลย ที่มักจะเข้าใจว่าเราเป็นสถานีเพลงฮิตยอดนิยม ลองยกตัวอย่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่โทรเข้ามา "ขอเพลง" วันนั้นฉันก็ค่อนข้าง งงมาก เพราะทันทีที่รับสายขึ้นมา .... เสียงชายหนุ่มก็กล่าวว่า "ขอเพลงหน่อยครับ" คะเนจากน้ำเสียง รู้สึกว่าเมื่อคืนเขาคงดื่มมาไม่น้อยเหมือนกัน ต้องสารภาพตามตรง ณ ตรงนี้ว่า ฉันเป็นคนเสียนิสัย เจอสายแปลกๆทีไร เป็นต้องอยากรู้อยากเห็นอยู่ร่ำไป อดไม่ได้ที่จะต้องถามต่อตามประสาคนขี้เล่นเป็นประจำ จริงๆ ในหัวฉันตอนนั้นก็งงอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าจะเจอสายแบบนี้(อีกแล้ว)ค่ะ จริงตอบไปด้วยความรวดเร็วว่า"ขอเพลงอะไรหรือคะ"เป็นดั่งที่คิดไว้ ชายคนดังกล่าวไม่รีรอ รีบขอเพลงโปรดที่เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วว่า วันนี้จะต้องได้ฟังอย่างแน่นอน"แก้วตาขาร็อคครับ"
"ค่ะ" ฉันรับคำมาอย่างงงงง เพราะอันที่จริงแล้ว ถ้าไม่เป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ไม่อยากจะขัดใจใครหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะว่าสถานีเราก็ไม่ได้เป็นคลื่นที่เปิดเพลง และที่สำคัญคือฉันก็ร้องเพลง "แก้วตาขาร็อค" ไม่เป็นซะด้วยสิคะ ไม่อย่างนั้นฉันก็กะจะร้องสด โชว์พลังเสียงให้ดังทะลุโสตประสาทกันไปข้างหนึ่งเลยค่ะ"ครับ ผมชื่อสุเทพนะครับ เบอร์โทร 01........... ขอบคุณมากนะครับ""ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ"
จบเรื่องแรก
เห็นมั๊ยล่ะคะว่า เรื่องที่เล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่บาง ที เรื่องแปลกๆ ที่ผ่านเข้ามานี้ก็เป็นสีสันในการทำงานให้กับฉันได้เหมือนกัน เพราะบางวันที่มีแต่เรื่องเครียดๆ การได้รับเรื่องเหล่านี้มันก็ทำให้เราผ่อนคลายได้ดีเช่นกัน
เรื่องเล่า ตอนที่2 ช่วยด้วยครับ...ผมอกหัก
"เอ่อพี่คะ นี่เพื่อนหนูน่ะค่ะ เขาอยากขอเพลงให้แฟนเค้าจะมั๊ยคะ พอดีแฟนเค้าอยู่ต่างจังหวัดด้วยค่ะ ให้เค้าคุยกับพี่นะคะ
หลังจากนั้นเสียง ซาวด์แทรคพื้นบ้าน ก็เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนสายกันอย่างชุลมุน และแล้วก็มีเสียงหนุ่มน้อยวัยกระเตาะมาสานต่อการสนทนา
"พี่ครับ ทำยังไงดีครับ แฟนผม เค้าไม่รักผมแล้วครับ"
"ทำไมล่ะคะ"
"ก็ผมโทรไปหาเค้าก็ไม่ยอมคุยกับผม"
"อืมมม....แล้วทำไมไม่ไปหาล่ะคะ"
"คือ เค้าอยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ แต่ก่อนก็เคยอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่ผมมาทำงานอยู่กรุงเทพแล้ว เค้ายังอยู่ชลบุรีครับ"
เอาล่ะค่ะ ถึงตอนนี้เราก็ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสาวคนที่ทำให้น้องเค้าหวั่นไหวนี้ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ชลบุรีนี่เอง จะว่าไปก็ไม่ไกลเท่าไหร่
"เอ๊.....แล้วมันเป็นยังไงหรือคะ"
"ก็เค้าไม่รักผม แล้วเค้าไปมีแฟนใหม่แล้วครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงดีครับพี่ เดี๋ยวผมขอฝากข้อความถึงเค้าด้วยนะครับ บอกว่าผมคิดถึงมาก" (น้ำเสียงสั่นเครือและดูจริงจังมาก) ถึงตรงนี้คงบอกได้ว่าหนุ่มน้อยรายนี้กำลังอยู่ในอาการที่เรียกกันว่าอกหักอย่างแน่นอน เพราะดูสาวเจ้าจะไม่ใยดี ชนิดที่เรียกว่าตัดบัวไม่เหลือใยกันแล้วล่ะค่ะ แต่พ่อหนุ่มน้อยของเรานี่สิคะ อาจจะเป็นรักครั้งแรก แกก็เลยยังฝังใจอยู่
"เอ่อ น้องอายุเท่าไหร่แล้วคะเนี่ย" (ถามไว้ก่อน เพราะฉันก็อยากจะรู้ว่าน้องเค้าผ่านร้อนหนาวมากี่ฝนแล้ว)
"16 ครับ"
เหมือนอย่างที่คิดไว้ เพราะเท่าที่ฟังแล้ว หนุ่มน้อยของเรายังดูอ่อนต่อโลกไม่น้อยเหมือนกัน ทีนี้ก็ถึงคราวที่ฉันจะต้องทำหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาที่ดี เพราะฉันเองรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังสวมรอยเป็นศิราณีอยู่กลายๆ ที่สำคัญเขาอาจจะต้องการกำลังใจจากใครสักคนอยู่เหมือนกัน
"เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคะ น้องก็ยังอายุเพียงเท่านี้เองนะคะ อย่าเพิ่งไปยึดกับแฟนน้องเลยนะคะ
เพราะถ้าเค้ารักน้องจริง เค้าก็คงจะพูดคุยกับน้องตามปกติ เท่าที่เขาแสดงออกมาอย่างนี้ก็แปลว่าเค้าไม่ได้สนใจเราแล้วนะคะ แล้วเราจะไปสนใจเค้าอีกทำไม มันจะทำให้น้องไม่สบายใจเปล่าๆนะคะ"
"ครับพี่ ผมขอบคุณมากเลยนะครับ" (เสียงเค้าบ่งบอกมากถึงความซาบซึ้งใจ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันดีใจเหมือนกัน แต่ก็เหมือนฝันสลายในทันที เมื่อน้องเค้าย้ำประโยคนี้กับฉันว่า " แต่พี่ก็อย่าลืมบอกเค้าด้วยนะครับ ว่าผมยังรักเค้าอยู่"
!!! สรุปแล้ว ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนั้น มันไม่ได้ทำให้น้องเค้าเปลี่ยนใจเลยใช่มั๊ยคะเนี่ย !!!
จบเรื่องที่สอง
เรื่องเล่าที่สาม จากวงสุรา
ค่ำคืนหนึ่งในวันที่แสนสงบ เวลาตอนนั้น ก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว ถ้าเป็นคนปกติ เวลานี้ก็คงนอนหลับพักผ่อนกันไปแล้ว ตามผังรายการของจส.100 ในเวลาค่ำคืนนั้นก็จะเป็นการพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น ซึ่งในแต่ละค่ำคืนก็จะมีสมาชิกโทรเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างไม่ขาดสาย ตามสถิติ(ที่พูดคุยกัน)นั้น พบว่าเวลากลางคืนจะเป็นช่วงที่มีคนเมาโทรเข้ามามากที่สุด ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับเมามากไปจนถึงเมาน้อย บางคนที่เมาน้อยหน่อยเราก็อาจจะจับระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของเขาไม่ได้ ก็เลยยังสามารถพูดคุยกับเราได้ตามปกติ (โดยที่เจ้าหน้าที่ของเราก็ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับคนเมา) แต่สำหรับบางคนก็เมามาเต็มที่เหมือนกัน อย่างเช่นคืนหนึ่งวันนั้น
"สวัสดีค่ะ จส.100 ค่ะ"
"ครับ ขอเพลงหน่อยครับ"
"เพลงอะไรคะ"
"เพลงเช็ดน้ำเยี่ยวครับ" (พร้อมกันนั้นก็ได้ยินระเบิดเสียงหัวเราะแทรกเข้ามา จากเสียงที่ได้ยินประเมินได้ว่ามีกันอยู่ 3คน ทั้งหญิงและชาย)
ไม่ต้องแปลกใจนะคะ คุณอ่านไม่ผิด และฉันก็เขียนไม่ผิดเช่นกัน เพราะการเซ็นเซอร์ข้อความอาจจะทำให้อรรถรสในการอ่านเรื่องต้องสะดุดไป จึงขอถ่ายทอดสดตามที่ได้ยินมาเลยนะคะ ตอนแรกฉันก็คิดว่าตัวเองหูเพี้ยนหรือเปล่า อาจจะได้ยินผิด หรือไม่ถูกต้อง แต่เค้าก็ย้ำมาหลายครั้งจนฉันมั่นใจว่าไม่ผิดแน่ๆ พอฉันมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ยินนั้นไม่ผิดพลาดก็เริ่มรู้สึกได้ว่าถูกกวนประสาทแน่ละคราวนี้ ก็เลยโต้ตอบกลับไปว่า
"เพลงนี้ของใครหรือคะ"
คราวนี้เขาก็เปลี่ยนให้ชายอีกคนหนึ่งมารับสายต่อ
"อ๋อ ม่ายช่ายครับ เพลงเช็ดน้ำตาครับ" (ท่าทางคนนี้อาจจะเมาน้อยกว่าคนแรกเล็กน้อย เพราะยังคงรักษามารยาทในการพูดคุยได้เป็นอย่างดี)
"อืมมม.....ค่ะ งั้นเดี๋ยวรอฟังนะคะ"
"คลื่นอะไรง่ะ เอเอ็ม หรือเอฟเอ็ม"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น