บ้านอะโฟรไดท์ Aphrodite
บ้านอะโฟรไดท์จาก Half-Blood ค่ายฮาล์ฟบลัด (เวอร์ชั่นคนตั้ง) ทุกอย่างภายในบ้านเปลี่ยนไป บ้านถูกขยายใหญ่ขึ้นเพื่อให้เหล่ามนุษย์ครึ่งเทพใหม่ๆ ได้มาอยู่
ผู้เข้าชมรวม
155
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บ้านอะโฟรไดร์
บ้านพักหลังนี้ถูกจัดแต่งขึ้นใหม่อย่างหรูหราอลังการงานสร้างกว่าเดิมแต่มีเพียงชายร่างสูงโปร่งผมสีดำ ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากคล้ายกลีบกุหลาบ ที่เป็นจุดเด่นของสายตาทุกคู่ในบ้านพักหลังนี้ เขาเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั่วคราวเหมือนบ้านพักหลังอื่นๆ ก่อนที่จะมีการจัดเลือกหัวหน้าบ้านพักจริงๆ
บ้านพักหลังนี้เต็มไปด้วยพี่สาวและน้องสาวของเขาที่กำลังวุ่นวายกับธุระของตัวเอง เขามองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีใครเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไร
“เฮ้ ยิ้มหน่อยสิทูร์ริน” หญิงสาวดีราวกับนางแบบในปกนิตรสารดังๆ คนหนึ่งเดินเขามานั่งลงข้างๆ เขา
เวลส์สัน ทูร์รินมองคนที่ได้ศักดิ์ว่าเป็นพี่สาวที่นั่งลงข้างๆ ก่อนเอ่ยขึ้น “มันมีอะไรแปลกๆ” เขาเบือนหน้าจากคู่สนทนาพลางทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านลายสดใสที่ม้วนมัดติดไว้กับข้างๆ บานหน้าต่าง
หญิงสาวตรงหน้าเขายิ้มน้อยๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาก็ตาม เธอเจอแบบนี้จนชินซะแล้ว ถ้าจะมีใครทำให้เขาเปลี่ยนไปล่ะก็คงต้องขอบคุณโดยการใหญ่แน่นอน
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ บ้านพักแต่ละหลังมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาแทบทุกหลัง เวลส์สันปลีกตัวออกมาจากการตื่นเต้นของบรรดาคนในสายเลือดในบ้านพักออกมาเดินสำรวจรอบค่าย มีบ้านพักหลังนึงที่ไฟปิดสนิท ตัวบ้านอาจดูไม่หรูหราเท่าบ้านพักเขาแต่ความมืดนั้นทำให้เขาเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้
เมื่อเวลส์สันเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น เขากลับเห็นแสงเทียนเล็กๆ สว่างอยู่ตรงกลางที่มีผู้คนนั่งล้อมรอบ เด็กสาวคนหนึ่งผมน้ำตาลลอนยาวประบ่า ใบหน้าเรียวสวยยิ้มแย้มกำลังเล่าอะไรบ้างอย่างที่ทำให้คนที่นั่งอยู่รอบๆ เทียนเล่มเล็กๆ นั้นอมยิ้มออกมา
เวลส์สันเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
แกร๋บ!!
เท้าของเวลส์สันเทียบเข้ากับกิ่งไม้ก่อนี่เจ้าตัวจะรีบยกขาออกอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นเหงยหน้าขึ้นมาจากการมองเทียน ซึ่งทุกคนที่นั่งล้อมเทียนดวงนั้นก็เหงยหน้ามองมาทางเขาตามเธอ
ดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวผมน้ำตาลเบิกโพลง “ผี!!!” เธอชี้มาที่เวลส์สันก่อนลุกพรวดวิ่งเจ้นหายไป ทุกคนที่เห็นอย่างนั้น ด้วยความมืดที่เข้ากับบรรยากาศ พวกเขาลุกขึ้นผึงแล้ววิ่งไปมาก่อนจะพากันฉุกคิดได้ว่าที่เห็นไปเมื่อกี้ไม่ได้จริงอย่างที่เด็กสาวผมน้ำตาลบอกเลย ทุกคนพากันมองหน้าเลิ่กลั่กก่อนหัวเราะเสียงดังกันยกใหญ่ให้กับความบ้าของหัวหน้าบ้านพักชั่วคราวของพวกเขา
เด็กชายผิวแทนผมม่วงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เวลส์สันก่อนจะมองพินิจให้แน่ใจพร้อมกับสองนิ้วลูบคางตัวเองให้เหมือนกับสายสืบ
ทุกคนพากันมองฟรอส คริสตอฟที่กำลังเหมือนจะใช้ความคิดอยู่ “อ้อ โทษทีนะครับ ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดอะไรกันไปหน่อย” เขาเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร” เวลส์สันบอกกับฟรอสก่อนที่จะเห็นร่างเล็กเมื่อก่อนหน้าที่วิ่งหนีเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นผีค่อยๆ แหวกบรรดาพี่น้องออกมายืนตรงหน้าเขา
“เมื่อกี้เป็นการซ้อมสถานการณ์การเอาตัวรอดเฉยๆ” เด็กสาวผมน้ำตาลเอ่ยพร้อมกับพยายามทำหน้าให้จริงจังข่มความรู้สึกอายที่มีอยู่
“แหลมาก”
“นั่นสิ แหม๊ วิ่งแจ้นก่อนใครเลย”
“จริงด้วยเนอะ ฮ่าๆๆ เธอก็วิ่งหนีไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้ เธอเองก็วิ่งตามยัยนั่นไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ”
“เออ วิ่งกันทั้งคู่นั่นแหละ” สายตาเย็นยะเยือกของเด็กสาวผมน้ำตาลถูกส่งมายังบุคคลที่นินทาผู้อื่นระยะเผาขนจนทั้งสองคนรีบหยุดพูดทันที
“ฮ่าๆๆ” เสียงผู้คนในบ้านพักดังหัวเราะชอบใจก่อนจะหยุดเมื่อเด็กสาวผมน้ำตาลนามว่าเอสเทอร์ ไวซกำลังจะถามบุคคลตรงหน้าที่ทำสีหน้าแปลกๆ จากตอนที่เห็นครั้งแรก
“นายไหวรึเปล่าเนี่ย” เอสเทอร์หันกลับมาเอ่ยถามเวลส์สันที่กำลังเงี่ยงหูฟังอะไรบางอย่าง
“มันเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง” เวลส์สันพูดขึ้นจึงทำให้ทุกคนพากันเงียบสนิทแล้วฟังอะไรที่เขาบอกว่าแปลก
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“นั่นดิ ปะๆ กลับห้องพักกันดีกว่า”
“ใช่ๆ ฉันก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน”
ทุกคนพากันบ่นอุบอิบก่อนจะแยกย้ายกลับห้องพักของตัวเองทิ้งเหลือเพียงแขกที่ไม่ได้รับเชิญให้ยืนอยู่อย่างนั้นเอสเทอร์
“เอาน่า จะกังวลอะไร ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเราทุกคนช่วยเหลือกันอยู่แล้ว” เอสเทอร์กล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับส่งยิ้มให้เวลส์สันก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากที่หาวแล้วเดินจากไป
เขายืนนิ่งกับการกระทำของเธอก่อนจะเห็นผู้คนกลุ่มใหญ่ที่กำลังทยอยเข้าบ้านพักอะโฟรไดร์ไป ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งกลับบ้านพักของเขา
“บ้านพักหลังนี้ก็เหมือนกันบ้านพักหลังอื่น” เวลส์สันพูดขึ้นพลางมองสังเกตุผู้คน
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขา และใช่ ครั้งนี้ไม่ได้มีเขาที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้านพักหลังนี้อีกแล้ว
“นายจะพูดแค่นี้เหรอเวลส์สัน” พี่สาวที่ชอบมายุ่งวุ่นวายกับเขามากี่สุดเอ่ยขึ้น
“พวกเราสายเลือดเดียวกัน...พวกเราอยู่ในค่ายเดียวกัน...สัญญาสิ ว่าจะช่วยเหลือกัน” เขามองออกไปนอกหน้าต่างยังบ้านพักที่ปิดไฟสนิทก่อนยิ้มน้อยๆ เพียงแวบเดียวที่ใบหน้าคมคายเปลี่ยนไปก่อนกลับเป็นแบบเดิม
“พวกเราสัญญา!” ทุกคนพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศภายในบ้านพักหลังนี้ดูอบอุ่นขึ้นโดยไม่ต้องใช้ฝืนจุดไฟเลยทีเดียว
ปลล. กฎก็คือ...เดี๋ยวจะบอกอีกทีที่บทความกิจกรรมละกันเน้อ อยู่ไปแบบนี้ก่อนละกันนะ ตื่นเต้วดีออก
ผลงานอื่นๆ ของ Half-Blood ค่ายฮาล์ฟบลัด ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Half-Blood ค่ายฮาล์ฟบลัด
ความคิดเห็น