พรหมซ่อนลวง - นิยาย พรหมซ่อนลวง : Dek-D.com - Writer
×

พรหมซ่อนลวง

แนวชีวิตรัก กึ่งดราม่า

ผู้เข้าชมรวม

2,019

ผู้เข้าชมเดือนนี้

7

ผู้เข้าชมรวม


2.01K

ความคิดเห็น


2

คนติดตาม


13
จำนวนตอน : 28 ตอน
อัปเดตล่าสุด :  4 ส.ค. 60 / 11:11 น.

อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

Gพระพรหมใยซ่อนคมลวง

 

บทที่ 1

 

สีส้มอมเพลิง ที่ส่งดอกออกพราว ตามกิ่งที่ไร้ใบ ยามเมื่อถึงฤดู ที่ทองกวาวหรือดอกจาน ผลัดเปลี่ยนใบ ลมไร่ หอบเอากระแสลมเย็นซ่าน อยู่เหนือคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่โดดเด่น งดงามทางสถาปัตย์

และ แทนธัตร ภูสถากร เขานั้นกำลังนั่งอยู่ใต้โคนดอกจาน ต้นที่ว่า แต่ว่า ความแล้ง ทำให้บรรยากาศทั่วไป ดูร้อนรุ่ม แทนธัตร เป็นลูกหลานของชาวไร่ที่นี่ รวมทั้งบริเวณ ที่เขายืนอยู่ก็เช่นกัน

แทนธัตร สวมใส่หมวกปีกกว้าง และสวมเสื้อเชิ้ต สีตาหมากรุก และมีสีสันเป็นลายสก๊อต รวมทั้งกางเกงยีน สีซีด จนเก่าปอน ข้างกายที่เขายืนอยู่ คือรถจี๊ป กลางเก่ากลางใหม่

เป็นยามเช้า ที่เขาตั้งใจจะมา ตรวจไร่ ซึ่งเป็นไร่ฝ้าย และไร่ถั่วเขียว อย่างที่สามารถมองเห็นได้ จนสุดลูกหูลูกตาในยามนี้

 

และสีส้มอมเพลิงของดอกไม้ ที่มีสีสัน บาดอารมณ์ บาดความรู้สึก ราวกับกองเพลิง ในเมื่อ มันแต้มแต่งเป็นธรรมชาติเช่นนี้ ทำให้ วิวาลย์ ที่เธอขับรถผ่านเข้ามา ในเส้นทางนี้ โดยบังเอิญ

วิวาลย์ เป็นผู้หญิงสาว จากเมืองกรุง หล่อนไม่เคยเดินทางมาที่ชนบท แห่งนี้เลยสักครั้ง ซึ่งป้ายข้างหน้า ที่บอกทาง เข้าหมู่บ้าน “พลับพลา”

อากัปกิริยาของหล่อน ที่แสดงอาการตื่นตะลึง ด้วยการที่รีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วหมุนกาย ที่แต่งด้วยกระโปรงสีดำจุดขาว ที่หล่อนสวมใส่มาในวันนี้ แสดงความรู้สึก ถึงความร่าเริง ออกมาจากข้างใน

 

โดยไม่แคร์สายตาของใคร ที่ผ่านไปผ่านมา และที่เป็นอย่างนี้ วิวาลย์ก็เชื่อมั่นแน่ ว่าหล่อนแสดงออกมาจากจิตลึกๆ ข้างใน ที่อาจจะ “ ปล่อย” อะไร ที่ดูแปลกจากสายตา ของคนที่นี่ อย่างที่เขาเรียกว่า “บ้าเห่อ” และคงเป็นเช่นนั้น เพราะว่า วิวาลย์ ไม่เคยมีโอกาส ได้ชมดอกไม้ ที่บาดตาบาดใจ สีสันของมันเด่น เป็นราวกับกองเพลิง

ที่เหมือนกับระยิบระยับเอนไหว เมื่อมองจากที่ไกลๆ ริมถนนเช่นนี้ และในยามที่สายลมพัดโบกโชยชื่นเข้ามา เป็นระยะ พัดปะทะใบหน้าของหล่อน จนสัมผัสได้กับความซ่านเย็น ที่ลูบไล้ กับรสสัมผัส ที่บาดแตะบริเวณพวงผิวแก้ม ที่ขาวผ่อง และแสนจะบอบบาง

ทำให้กิ่งก้านของมัน ได้ไหวเอนไปตามแรงลมด้วย

 

ท่ามกลางอุ่นไอของธรรมชาติ เบื้องหน้า สายตาของหญิงสาว ผู้มาจากเมืองกรุง วิวาลย์ ยังคงจ้องมองภาพของช่อพวงพราว อมส้มเพลิง ที่ระย้าย้อย ของดอกไม้ชนิดนี้ ซึ่งแต้มบานอยู่บนกิ่งก้านสาขา แบบไม่วางตา และลุ่มหลง

เธอบอกกับตัวเองว่า ไม่เคยรู้จักดอกไม้ชนิดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะชีวิตที่ผ่านมาโดยตลอดนั้น

เธอหมกมุ่น อยู่แต่กับ ห้องสี่เหลี่ยม ชนิดหรูติดแอร์ และผิวกายแทบไม่ได้พบพานกับไอแดด

 

แต่ที่กล้าเดินทางมาไกลอย่างนี้ เพราะมีกิจธุระ ที่จำเป็นจริงๆ ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่เสียเวลา และเอาตัวเอง มาเสี่ยงอย่างนี้ แต่ว่าหญิงสาวยังมีผู้ที่ติดตามหล่อน มาอีก 3-4คน ซึ่งคนเหล่านั้น ถือว่าเป็นคนของบิดา ที่มีคำสั่งให้ดูแล และปกป้อง เพื่อคุ้มครองคุณหนู” อย่างหล่อน และเพื่อให้สู่ที่พักอย่างปลอดภัย

ทั้งการเดินทางในระหว่างขาไปและขากลับ ซึ่งวิวาลย์ ไม่ได้คาดหวัง ต่อคนเหล่านี้มาก

 

อุปนิสัยของหล่อน ที่ทั้งแสนดื้อ เอาแต่ใจตัวเองอย่างมาก ซึ่งบิดา ที่เลี้ยงดูหล่อน นั้นรู้ดีที่สุด นับตั้งแต่ คุณวิวรณ์ มารดาบังเกิดเกล้า ของงวิวาลย์ เสียชีวิต เมื่อหกปีที่แล้ว และการสูญเสีย ในครั้งนั้น ได้นำพาไปสู่ การเปลี่ยนแปลงชีวิต ของวิวาลย์ ไปแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

ทำให้วิวาลย์ช้อคตกใจจนเกือบสิ้นสติ ซึ่งในเรื่องนี้ ก็เกินกว่าที่เด็กสาวที่อายุเพิ่งจะย่างสิบสี่ อย่างเธอจะรับได้ และต่อมาก็ทำให้หล่อนขลาดเขลา ที่จะไม่กล้าออกไปข้างนอก เพื่อพบพานและคบหากับใครๆ ซึ่งวิวาลย์ ชอบที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

แต่ว่าในเวลานี้ หญิงสาว กลับเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ และกล้าทำในสิ่งที่เป็นพฤติกรรมตรงกันข้าม เพราะหล่อนกล้า” ที่จะทำเรื่องที่แปลกแหวกแนว ต่อคนในครอบครัวมากที่สุด โดยเฉพาะผู้เป็นบิดา

เพราะว่า แม้แต่ คุณเมฆี ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้า ท่านก็ไม่อาจ ทัดทาน ห้ามปราม ยุดเยื้อ ตัวหล่อน ให้อยู่ ในอำนาจคำสั่งของท่านได้

ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของวิวาลย์ ถือว่า หล่อนกล้าที่จะแหกคอกกับบิดา ให้ท่านเดียดฉันท์ และจงชังกับความอวดเก่ง และถือดี ที่ไม่มีสาระแก่นสาร ของลูกสาวเพียงคนเดียว

และถูกล่ะ หล่อนก็คิดเช่นเดียวกับบิดา ว่าหล่อน จองหองพองขน เอากับท่านมากๆทีเดียว และหล่อนก็ทำตัวเป็นลูกสาวที่ไม่น่ารัก แม้แต่นิดสำหรับท่าน

 

นอกจากขาดความรัก และความอบอุ่นแทบจะในทันทีเช่นนี้ เพราะวิวาลย์ เป็นคนที่เหนียวแน่น และผูกพันกับมารดาบังเกิดเกล้า อย่างมากที่สุด เมื่อครั้งที่ทราบว่า มารดาซึ่งมีอายุน้อย แค่เพียงสี่สิบห้า จะย่างเข้าสี่สิบหก สิ้นปีนั้น

แต่ท่าน ก็มาเสียชีวิตลง ซึ่งนำข่าวที่โศกเศร้าเสียใจมาให้กับคนในตระกูลเป็นอย่างมาก ด้วยโรคร้ายที่คร่าชีวิตของท่านไปโดยไม่มีวันกลับ จากคนที่รัก อย่างเงียบเชียบ และสิ่งนี้ก็ไม่เคยบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ใครทั้งสิ้น เป็นการอำลาชีวิตไปจากคนที่รักนิรันด์

ไยหนอ ท่านมัจจุราช จึงได้โหดเหี้ยม พรากพร่า คนที่รักสุดหัวใจ ออกไปจากลูกสาวตัวน้อย”

ซึ่งมักแต่เหลียวมองหา อ้อมแขนที่อบอุ่นของมารดาเสมอ ยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

วิวาลย์แอบบ่นพร่ำ และตัดพ้อถึงเรื่องเหล่านี้ ที่คิดว่า สวรรค์ไม่เป็นธรรม และ มักอยุติธรรมสำหรับหล่อน ซึ่งทำให้หล่อน ต้องพบกับความเจ็บปวด รวมทั้งรู้สึกเหงา เหมือนมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียว อย่างโดดเดี่ยว และชีวิตก็ไม่ต่างไปจาก หล่นลงมาสู่ใต้หุบเหวเบื้องล่าง ที่มีแต่ความมืดมน อนธกาล หัวใจของหล่อน จึงได้รู้สึกรวดร้าวถึงเพียงนี้

 

แม่ที่เป็นทุกอย่างในชีวิต ที่เคยโอบอุ้ม ประคอง คอยสอนตักเตือน ดูแลอบรมไม่ขาดหาย จนบางครั้ง วิวาลย์ เคยคิดไปว่า แม่มีความเพียบพร้อม สมบูรณ์ เสมอเหมือน จนไม่มีที่ติ และหาใครเทียบเท่า

ในอนาคตของวันข้างหน้า ที่เธอเป็นผู้ใหญ่ และจะต้องเป็นเพศแม่

เธอนั้นจะทำได้ เท่าขี้เล็บร่วงๆของแม่ เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?

วิวาลย์ เคยตั้งคำถามนี้ กับตัวเอง แต่มันก็เงียบหาย กลายกลืนเข้าไป ข้างในความรู้สึก จนแทบไม่มีคำตอบ

และเป็นเช่นนี้ ไปเสียทุกครั้ง ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ เพราะวิวาลย์ ขลาดกลัว และเขลากับคำตอบ ที่ตัวเอง ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง

มันคือปมด้อย ที่เกิดกลางใจของหญิงสาว จนหล่อนไม่อยากตอบ คำถามนี้ ให้กับใคร รวมไปถึงตัวเองด้วย

วิวาลย์ พยายามเก็บ มันไว้ในใจ และซุกซ่อน มันเอาไว้ ในใจลึกๆที่สุด

ท่ามกลางความเงียบเหงา และโดดเดี่ยวของใจ และวิวาลย์ จะรู้สึก เช่นนี้ ในทุกครั้ง เมื่อหล่อนจะต้องผจญอยู่กับ รายรอบ ที่มีแต่ผู้คน แปลกหน้า สถานที่ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

 

 

และยิ่งนาน ผ่านไปเป็นนาที ก็ยิ่งจะจมปลัก อยู่ในความเงียบสนิท และสงัดงันมากยิ่งขึ้น

รวมทั้ง แทบ จะไม่เปิดใจ รับรู้ กับสรรพสำเนียงใดๆ เป็นการปิดขัง ประตูใจของตัวเอง เอาไว้โดยปริยาย

คลับคล้ายกับมีสายตาคม คู่หนึ่ง จ้องมองมาที่ร่างของเธอ ทำให้วิวาลย์ เกิดความเขิน และหยุดการกระทำที่เหมือนกับเต้นแร้งเต้นกา เกินความสนุกของหล่อนมากเกินไป อย่างอัตโนมัติ

และเธอก็จ้องกลับไปที่ สายตาของใคร ก็ไม่รู้ ที่อยู่ทางเบื้องหลัง ซึ่งเขาแอบจ้องมองเธอ มานานแล้ว เพื่อจะเล่นงานเขากลับไปบ้าง ที่ไม่มีมารยาท

 

เมื่อหันหน้ากลับไปก็ต้องตกใจ กับใบหน้าเรียวยาว ที่ดูคม และหล่อเหลา อีกทั้งมีเรือนร่างที่สูงโปร่ง สูงมากกว่าหล่อนถึง สามเซน ซึ่งร่างตรงของแทนธัตร ก้าวฉับปราดเดียว ก็มาหยุดยืน มองดูหญิงสาวชาวกรุง เบื้องหน้า ด้วยท่าที ที่แปลก

เพราะลักษณะที่เห็นจากการแต่งกาย ของหญิงสาว ผิวพรรณผู้ดี ละเอียดผู้นี้ แล้วเขาก็บอกกับตัวเองว่า เธอไม่ใช่คนพื้นเพที่นี่แน่ และก็รู้สึกแปลกใจ ที่เธอมาที่นี่ ส่วนเขาก็บอกกับตัวเองได้ว่า ไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน ซึ่งยอมรับว่า เธอเป็นคนที่สวยสะดุดตาสะดุดใจอย่างมาก

แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม? ถึงเลือกมายังสถานที่ทุรกันดารเช่นนี้

ภาพของหล่อน ที่ลุ่มหลง ด้วยการใช้สายตา มองดูพวงพราวที่ระย้าย้อยของดอกไม้สีเพลิง อย่างทองกวาว หรือ ดอกจานตามประสาชาวบ้านที่เรียก

 

และที่ยิ่ง ทำให้เขางวยงง ที่หล่อน” ทำท่าเหมือนเพิ่งจะเคยพบเคยเห็น ดอกไม้สีเข้ม ดั่งเพลิง พวงพราวที่ละลานสายตาไปหมด แถบบริเวณนี้

ซึ่งแทนธัตรกลับเห็นว่า มันเป็นเรื่องปกติ ของดอกไม้ที่สะพรั่งบาน เมื่อถึงหน้าฤดู พอพ้นจากฤดูก็แห้งเหี่ยวเฉาลง ปลิดดอกทิ้งเกลื่อน จนกลายเป็นธาตุอาหารของดิน และเป็นปุ๋ย เพราะไม่ใช่มีแค่ต้นเดียว

แต่มีเพียงต้นใหญ่ ต้นนี้เอง ที่ดกพราว ไปหมดตามกิ่งก้านของมัน และแทบทุกต้นนั้น อยู่ในช่วงระยะที่ผลัดใบ สีสันของดอกที่เห็น จึงไม่แตกต่างไปจากสีของเพลิง

คุณ คงชอบสินะ เห็นยืนจ้อง อยู่ตั้งนาน”

เขาเอ่ยถามขึ้นก่อน ด้วยน้ำเสียงนุ่ม ไม่มีปนดุ นี่ถือว่า เขาทักทายต้อนรับ อาคันตุกะ แปลกหน้าอย่างหล่อน ด้วยมิตรไมตรี

 

 

แต่ถึงอย่างไร วิวาลย์ ก็ยังไว้ท่าทีของหล่อนเช่นกัน เพราะหล่อนมาจากเมืองกรุง ไม่ใช่สาวชนบท ที่สำคัญ หล่อน ติดชิน” กับความสะดวกสบาย รสนิยมที่แพงหรู ที่หล่อนอยากได้อะไร” เป็นต้องได้เสมอ โดยไม่มีใครกล้าขัดใจ

ซึ่งแทนธัตร มองดูหญิงสาวตรงหน้า ที่วัยของหล่อน น่าจะผ่านวัยมหาวิทยาลัยแล้ว เช่นเดียวกับเขา แต่เขาก็มองหล่อน ด้วยความรู้สึกที่แสนขำ มากกว่าอย่างอื่น

ใช่” แต่หล่อนกลับตอบเขา ด้วยน้ำเสียงที่ห้วนกระชาก และไม่เพราะเอาเสียเลย

ที่นี่ เป็นหมู่บ้าน พลับพลาใช่ไหม?”

เมื่อถามเขาแล้ว ทำให้วิวาลย์ รอคำตอบ เพราะหล่อนต้องการจะไปที่นั่นจริง

และหล่อนก็เห็นอยู่แล้วว่า ป้ายชี้บอกเส้นทาง ทำลูกศรหันตรง ให้วิ่งผ่านไปบนถนนสายนี้ ซึ่งมันแยกจากถนนใหญ่ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่วิวาลย์ตัดสิน หักพวงมาลัยรถขับเข้ามา และหล่อนก็มั่นใจอย่างนั้นด้วย แต่ก็รอคำยืนยันจากปากของเขา

ถึงแม้หล่อนจะใช้วาจาที่ถือว่า พูดไม่เพราะเลยก็ตาม เหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ทั้งๆที่เป็นหญิง ซึ่งควรจะพูดจาเพราะพริ้ง นุ่มหูมากกว่านี้

แต่แทนธัตร ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ก็ยังคงตอบด้วยไมตรี

ใช่ ครับ เลยไปข้างหน้าหน่อยนี้ ก็ถึงแล้ว หมู่บ้านพลับพลา”

เขาเอ่ย แล้วมองดูสารรูปของหล่อนอีกครั้ง

เอ แต่ว่า คุณตั้งใจ จะไปที่หมู่บ้านพลับพลาจริงหรือ”

เมื่อเขาเอ่ยถามเช่นนี้ ทำให้สายตาเหลือบมองเขาด้วยความไม่พอใจ

 

ใช่ แล้ว ทำไมหรือ? คุณสงสัยอะไร เพราะฉันจะไปที่นั่นจริง”

แต่แทนธัตรก็ขมวดคิ้ว

คุณมีญาติพี่น้อง อยู่ที่นั่น หรือเปล่า?”

เมื่อเขาตั้งคำถามออกมาอีก ทำให้วิวาลย์ ตอบออกมาอย่างเซ็ง เพราะไม่ชินกับการถูกตั้งเป้าและเพ่งเล็ง จับผิด รวมทั้งไม่ชอบ

เปล่า”

เป็นคำตอบที่วิวาลย์ ตัดสินใจพูดออกมา เพราะหล่อนไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหก

 

จึงทำให้ ร่างสูงโปร่งของแทนธัตร ที่ถือว่า เขาเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน กับที่ หล่อนเอ่ย เมื่อชะงักแล้ว ยังรู้สึกกังขา และแปลกใจยิ่งนัก กับหญิงสาวที่แต่งกายทันสมัย ไม่ใช่บ้านนอกคอกนา อย่างนี้

ถ้างั้น คุณไปที่นั่นเพื่ออะไร”

เขายังตามมาซักไซ้อีก

วิวาลย์ รีบตอบออกมา โดยไม่เสียเวลา

 

ไปหาคน”

คำตอบของหล่อน ทำให้เขาสะอึก และฉุนกึกขึ้นมา

ใช่ ผมรู้ว่า คุณไปหาคน ไม่ใช่ ไปหา หมาแมวที่ไหน แต่ผมอยากจะรู้ว่า คน คนนั้น ชื่ออะไร เพื่อที่ผมจะบอกเส้นทางแก่คุณได้ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องมัวหลงทาง เสียเวลาตามหา บ้านของเขา ผมก็ยินดีจะช่วย”

เมื่อเขากล่าวตอบ ด้วยวาจาที่มีน้ำใจเช่นนี้ ทำให้วิวาลย์นิ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา

จริงด้วยสิ หล่อนลืมคิดไป ว่าตัวเอง เข้ามาในหมู่บ้านนี้ แบบคลำหาเส้นทาง เมื่อเขา ชายหนุ่มผู้นี้ ที่ดูอายุยังไม่มากเลย ซึ่งจะว่าไป เขาอาจจะอายุมากกว่าหล่อนสักสามปี ก็น่าจะได้ อีกอย่างเขาก็แสดงน้ำใจออกมา พร้อมที่จะช่วยเหลือ

ค่ะ เขาชื่อ นายพงศ์ เคยเป็นคนที่พ่อแม่ของฉันชุบเลี้ยง มาก่อนที่กรุงเทพฯ แต่รู้พียงว่า เขาเป็นญาติห่างๆกับแม่ของฉัน ฉันสืบรู้มาได้ว่า เขามาอยู่ที่นี่ และมีครอบครัวอยู่ที่นี่”

วิวาลย์ตอบ ตามที่หล่อน ทราบข้อมูล มาด้วยเช่นกัน

แต่ก็ทำให้แทนธัตร ขมวดคิ้ว กับคำตอบของหล่อน เขาถึงกับเกาหัวตัวเองแกรกๆ

แล้วนี่ คุณจะให้ผมตามหายังไง พงศ์ มันมี หลายพงศ์นะ ไม่ใช่ คนเดียวสักหน่อย นามสกุลอะไร แล้วนี่ หมู่บ้านพลับพลา นี้ก็ออกจะกว้าง ถ้าคุณไม่รู้ นามสกุลจริง มันก็ตามหาลำบาก”

 

 

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทำให้หล่อน หลุดปากออกมา เพราะจากสมอง ที่นิ่งและทบทวนดูแล้ว ของวิวาลย์

บอกว่า หล่อนนั้น จำไม่ได้

ฉันจำไม่ได้”

อ้าว แล้วกันสิ แล้วคุณมีแผนที่ เดินทางมาได้ยังไงกัน”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทำให้หล่อน นึกคิดขึ้นมาได้

แต่ว่า ฉันมีบ้านเลขที่ ที่แม่ของฉันเคยจดเอาไว้”

งั้นเหรอ เอามา ให้ดูสิ ผมจะช่วย”

เมื่อเขาอาสาเช่นนี้ ทำให้หล่อน ดึงกระดาษแผ่นนั้น ที่ล้วงจากกระเป๋าส่งให้เขา

นี่ไงคะ”

 

ทำให้แทนธัตร พิจารณาดูในกระดาษ ที่เขียนจดใส่ แม้ถือว่า จะเขียนเก็บไว้เนิ่นนานแล้ว ดูจากกระดาษที่ค่อนข้างเก่าเหลือง พับเก็บไว้ แต่ลายมือเป็นหมึก ทำให้ไม่จางง่าย

แล้วเขาอุทานออกมา

48/1 อ๋อ บ้านของนาย พงศ์ อนุกรม ผมรู้จัก อยู่ข้างในหมู่บ้านนี่ คุณตามผมมาได้”

แทนธัตร เมื่อเอ่ยจบแล้ว เขาก็ถอนใจ ที่เพิ่งเข้าใจว่า หญิงสาวสวยจากเมืองกรุง มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่หมู่บ้าน พลับพลา จริงอย่างที่หล่อนบอก

ซึ่งเขาตั้งใจเป็นแค่เพียง ผู้ชี้นำเส้นทาง ให้แก่หล่อนเท่านั้น เพราะธุระที่หล่อนมาในวันนี้ เขาก็ไม่รู้ว่า มัน คืออะไร? ถึงแม้อยากจะถามก็จริง แต่แทนธัตร ต้องห้ามปากตัวเองไว้ ด้วยมารยาท อีกอย่างนั้น เขาค่อนข้างที่จะมองหล่อน ว่าเป็นผู้หญิงที่แง่งอน เพราะเก่งในคำพูดที่ตีรวน และหงุดหงิดง่าย และก็คงจะเกรี้ยวกราดเอาเรื่องเช่นกัน

 

วิวาลย์นั้น ไม่รู้เป็นเพราอะไร เอนั้นถึงได้ไปเชื่อ คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า ที่เขาดูแปลกหน้าสำหรับเธอ แต่เป็นเพราะน้ำใจของเขานั่นเอง ที่เปิดเผยออกมา เธอจึงได้มองข้ามสิ่งเหล่านี้

และยอมที่จะให้ หนุ่มชาวไร่นั้น ชี้บอกเส้นทาง ด้วยการที่เขานำรถจี๊ปของตัวเอง ขับนำทางหล่อนไป แล้ว วิวาลย์สั่งคนของหล่อน ที่ตามอารักขา ให้วิ่งตามาห่างๆ

ใกล้จุดหมายเข้าไปทุกที ในที่สุด ก็ถึง หน้าบ้านที่ติด แผ่นกระดาน ทาด้วยสีขาว และเขียน 48/1

หลังนี้ ไงครับ”

เจ้าของรถจี๊ป ซึ่งเป็นหนุ่มชาวไร่ รีบชะลอรถลง เพื่อหาที่จอดริมรั้ว ติดกับถนนใหญ่

 

รถของวิวาลย์ ที่เพิ่งมาถึง ทำให้หญิงสาวได้ชำเลืองสายตา ตามที่เขาบอก

ใช่ ด้วยค่ะ ฉันคิดว่า น้าพงศ์ จะต้องอยู่ข้างในแน่”

 

เมื่อถือว่า เขาพาหล่อน มายังจุดหมายปลายทาง อย่างที่เห็น วิวาลย์ยิ้มให้กับเขา ขอบคุณกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ที่ช่วยเป็นธุระให้เช่นนี้ แต่ว่าหล่อน ก็ยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย

วิวาลย์มัวแต่พะวง ใส่ใจ ในเรื่องการตามหาบ้านญาติ และลืมตอบเขา

ขอบคุณ คุณมากนะคะ”

ไม่เป็นไรครับ”

แทนธัตรตอบ

ผมว่า คุณ ยังไม่อาจจะแน่ใจหรอกครับ ถ้าคุณไม่ลอง เข้าไปถามเจ้าของบ้าน ที่ข้างในก่อน ว่าใช่ กับ คน คนเดียว กับที่คุณตามหาหรือเปล่าครับ”

และเมื่อ ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้บอกหล่อน มันก็ใช่ จริงเสียด้วย กับคำที่เขาแนะนำให้

ค่ะ วิว ต้องขอบคุณ เอ้อ คุณมากๆ ด้วยนะคะ ที่ช่วยเป็นธุระให้ จนเสร็จสรรพ ทั้งๆที่เรา เอ้อ ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

วิวาลย์ตัดสินใจเอ่ยขึ้นกับเขา

 

ทำให้แทนธัตรฉุกใจคิด เป็นอย่างที่หล่อนพูด ซึ่งความจริงในตอนนี้ เขาก็อยากจะรู้จักชื่อ ของหล่อน เช่นกัน และในที่สุด เขาก็เอ่ยชื่อของเขา ขึ้นมาก่อน

ผมชื่อ แทนธัตรครับ เพราะบางที คุณอาจจะอยากรู้จักชื่อของผม”

เขาเอ่ยตอบออกมาแล้ว ถึงทีของหล่อนบ้าง ที่ควรจะแนะนำบอกเขาเช่นกัน

ฉันชื่อ วิวาลย์ค่ะ ฉันมาตามหาญาติที่หมู่บ้านนี้”

ญาติหรือ”

แทนธัตรอุทาน เมื่อหล่อนตอบคำนี้

ใช่ค่ะ เป็นญาติห่างๆกับคุณแม่ เราเคยพักอยู่ด้วยกัน สมัยตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันรู้จักเขาดี เพราะว่า เขาเป็นคนที่เลี้ยงดูฉันมาเหมือนกัน แต่ทว่า คุณแม่ของฉัน ท่านเสียชีวิต มาหลายปีแล้วค่ะ”

งั้น ผมก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ที่คุณบอกว่า มารดา เอ้อ แม่ของคุณ เสียไปแล้ว”

วิวาลย์เงยหน้ามองเขา เมื่อบอกความจริงในเรื่องนี้

ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือว่ามันเป็นความจริง และคุณก็ช่วยเหลือฉันมากพอสมควร”

 

 

และวิวาลย์ ก้าวเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อได้รับการเชื้อเชิญ เพราะคนที่ออกมาต้อนรับ เธอนั้น

คือ นายพงศ์ น้าชายของวิวาลย์ ที่เธอเพิ่งตามหาเขา แทบจะพลิกแผ่นดิน ในเวลานี้

ซึ่งพงศ์ ก็ ไม่นึกด้วยว่า จะได้มาพบหลานสาว อีกครั้ง หล่อนเป็นลูกสาว ของ วิวรณ์ ซึ่งถือว่า เป็นพี่สาวของเขา แต่ว่า เสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็นับว่า ทั้งสองเป็นญาติห่างๆกัน

พงศ์นั้นสนิทสนมกับวิวรณ์ และดูแลหลานสาวอย่างวิวาลย์ มาด้วย ช่วงที่เธอ ยังเด็ก และเขานับถือ วิวรณ์เป็นพี่สาว แม้ฐานะของทั้งคู่ จะเป็นลูกพี่ลูกน้อง

วิวรณ์นั้นได้นำตัวเขา มาชุบเลี้ยง อยู่ในบ้าน ให้งานการทำ ส่งให้เรียนหนังสือ

 

จนเขาเรียนจบ วิชาชีพ ช่างยนต์ ทำให้ ได้พบรักกับภรรยา ที่ข้างนอก ซึ่งเธอ มาทำงาน เป็นสาวโรงงาน แถบละแวกนั้น ก่อนจะตัดสินใจ อยู่กินด้วยกัน พร้อมกับ แต่งงาน ให้ถูกต้อง ตามประเพณี ก่อนที่จะย้ายกิจการ จากกรุงเทพฯ ที่เคยอยู่ มาอยู่ ที่บ้าน ของพ่อตา อย่างในทุกวันนี้

อีกไม่นาน นายพงศ์ ก็จะไปที่อู่ซ่อมรถ ถ้าช้ากว่านี้สักหน่อย หลานสาว ก็คงจะ คลาด ที่ได้พบตัวเขา ซึ่งอู่ ซ่อมรถของเขา ตั้งอยู่ เลยห่างไปจากตลาดสด ของอำเภอ และห่างจากชุมชน ซึ่งบริเวณตรงนั้น มีรถแล่นสวน ผ่านไปมาตลอดเวลา เพราะเป็นเส้นทางหลัก ที่จะต้อง เชื่อม ไปสู่ จังหวัด ใกล้เคียง

 

และนายพงศ์ ก็รู้สึกดีใจ อย่างมาก ที่ หลานสาวมาถึงที่นี่ แต่ก็ตกใจเช่นกัน ที่คิดว่า วิวาลย์ หลานสาว ที่เขาเคยเลี้ยงดูมาก่อน จะระกำ ลำบาก ในการดั้นด้น เพื่อตามหาเขา มากมายอย่างนี้

เข้ามาคุยกัน ในนี้ล่ะ สมกับที่น้า ก็คิดถึงหลาน ไม่น้อยเช่นกัน หนูวิว”

น้าพงศ์ ยังจำชื่อเล่นของเธอได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

คำนิยม Top

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

คำนิยมล่าสุด

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

ความคิดเห็น