Madly Love [ one direction]
จู่ๆ เรื่องราวแปลกๆก็เกิดขึ้น ! เมื่อฉันได้เป็นน้องสาวของนักร้องที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ 1 ใน 5 ของ one direction การที่ได้อยู่กับพวกเขา มันทำให้ฉันมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็น เพราะฉันรักหนึงในนั้นซะแล้ว
ผู้เข้าชมรวม
383
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Madly Love
บทนำ
Missing brother
ท่ามกลางใจกลางของเมืองเยอรมัน เมืองของความสงบ หรูหราและความเป็นธรรมชาติมาก ! ทำไมชีวิตฉันถึงเหงซวยอย่างนี้
“แฮก ๆ เดี๋ยวขอพักเหนื่อยก่อนสิวะ” ฉันหันหลังตะโกนออกไป ทั้งๆที่ขาของฉันก็วิ่งไปด้านหน้าโดยไม่หยุด
“หยุดทำไมหรอจ๊ะน้องสาว มีเงินจ่ายหนี้ฉันคืนไหมล่ะ”
“ยังไม่มีเงินเว้ย ๆ ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง”
ฉันวิ่งมานานมาก จนขาของฉันแทบจะฉีกขาดออกจากกัน ตอนนี้ฉันดูเหมือนคนที่เพิ่งโดนน้ำสาดใส่หน้า แต่ไม่ใช่เลยนี่มันเหงื่อทั้งนั้น เจ้าพวกนี้ คิดจะหยุดบ้างไม่ได้รึไง ขาของพวกมันทำด้วยเหล็กรึไงเนี่ย ฉันพยายามวิ่งเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ พลางคิดหาที่ซ่อนในใจ เอ๊ะ ถ้าเราไปที่สวนแล้วแอบไปหลบแถวๆหลังต้นคริสต์มาสก็ยังพอมีโอกาสหลบได้บ้างนะ
“เห้ย มันวิ่งเข้าสวนสาธารณะ ตามมันไป !” เสียงเจ้านายที่กำลังสั่งลูกน้องสิบๆคนดังขึ้น
ฉันที่ได้แอบหลบหลังต้นไม้ ก็รู้สึกเสียวหลังขึ้นมาทันที ฉันแอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้เป็นเวลานาน จนสังเกตเห็นว่าพวกมันได้กลับไปหมดแล้ว
“เฮ้อ” ฉันถอนหอยใจอย่างแรง
“เห้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังฉัน พร้อมกับมีปลายมือมาสะกิดไหล่ฉันเบา ๆ ทำเอาฉันเสียวหลังวูบไปเลยทีเดียว ฉันค่อยๆล้วงกระเป๋า พร้อมกับหยิบขวดกระป๋องออก ก่อนจะหันหลังแล้วรีบปาใส่มันมันที
เค้รง
“โอ้ย ยัยตัวแสบ” เอ๊ะ เสียงนี่! คุ้นๆ ดีนี่นา เสียงนี่มัน
“คิดจะฆ่าเพื่อนตัวเองเลยรึไงฮะ ซีลู” เพื่อนฉันทำหน้าดุใส่
“แหะๆ ขอโทษนะ ยัยอลิซ พอดีนึกว่าเป็นคนอื่นน่ะ แล้วแกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ?” ฉันถามเขาอย่างสงสัย
“ก็มาเดินเล่นน่ะสิ ไม่มาเล่นซ่อนแอบเหมือนใครหรอกนะ”
“เธอเห็นหรอ!”
“อื้ม ! เธอน่ะ ช่างน่าสงสารจริงๆ ยัยลูกหมาตัวน้อย เธอไม่น่าคบกันหมอนั่นเลย เป็นไงล่ะ ไม่เชื่อฉัน สุดท้ายก็มาจบเห่แบบนี้”
ฉันทำหน้าร้องไห้ใส่ T^T ก็คนมันรักนี่นา สุดท้ายเขาก้หลอกเอาเงินฉันไปหมดเลย หนำซ้ำยังลืมของไว้อีกแหน่ะ ก็พวกหนี้สินเงินทองที่มันบังอาจไปกู้หนี้เจ้าพ่อมาเฟียแล้วหนีไป สุดท้ายเจ้าพ่อมาเฟียเลยส่งลูกน้องมาเอาตังค์จากฉันแทน อนาถดีแท้
“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ลืมเขาไม่ได้อีกรึไง”
“ใช่ ฉันรักเขามามากแล้วนิ ฉันลืมเขา....ไม่ลงซักที โฮ”
สุดท้าย ฉันก็ต้องปล่อยโฮบนบ่าเพื่อนรัก มันก็ตั้ง 2 ปีแล้วนะ ทำไมกัน ! ทำไมถึงยังลืมไม่ลง
“โอ๋เอ๋ คนดี วันนี้มาพักบ้านฉันวันนึงละกัน วันอื่นจะไปไหนก็ช่างเธอ”
เอ๊ะ เพื่อนฉัน ! ฉันน่ะไม่มีบ้านหรอกนะ ก็พวกมันเล่นรื้อบ้านฉันซะกระจุย ช่วงนี้ฉันเลยได้แต่เดินตัวเปล่าไปมา ช่างอนาถมาก -__-
@ บ้าน Elizabeth
บ้านของอลิซไม่ใหญ่มากไม่เล็กมาก แต่บ้านมันเต็มไปด้วยความอบอุ่น พ่อของอลิซเป็นคนท้วมๆ ท่านนิสัยดีมาก แตกต่างจากแม่ของยัยนี่มาก หล่อนเป็นพวกที่ขี้บ่น ใจร้อนแล้วชอบใช้สายตาจิกฉัน หล่อนไม่เคยพอใจเลยที่ยัยอลิซาเบธมาคบกับฉัน เพราะฉันจน แต่พ่อของอลิซก็มักจะมาห้ามปรามนิสัยแย่ๆของหล่อนไว้เสมอ ตอนนี้พ่อแม่ของอลิซกำลังดูทีวีด้วยกัน ส่วนฉันก็กำลังนั่งคุยกับอลิซอยู่ในห้องอย่างเมามัน
“แล้วตกลงแกไม่คิดจะโทรหาพี่แกหน่อยหรอฮะ” อลิซถามฉะนอย่างสงสัย
“แกจะบ้าเหรอ! ฉันยังไม่รู้จักเขาเลยให้โทรไปหาเนี่ยนะ”
ทุกคนคงสงสัยล่ะสิ ว่าฉันมีพี่ชายกับเขาด้วย เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาที่รพ. ฉันจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าตัวเองมีพ่อแม่หรือเปล่า แต่ก็มีเศษกระดาษขยุมขยิมในมือฉัน ด้วยความแปลกใจ ฉันจึงเอากระดาษมาคลี่ดู ในนั้นเขียนแค่ว่า
09x-xxx-xxxx if you have problem,
You can call your brother
ขอบใจกระดาษแผ่นนั้นมาก (ประชด!) ชื่อพี่ฉันก็ยังไม่มีเขียนบอกไว้อีก ฉันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย ! รู้แค่เบอร์ของพี่ชายฉันนี่แหละ
“เอาน่า ก็ดูสภาพแกซะบ้างสิ บ้านก็ไม่มี อาหารก็ไปแย่งหมากิน เรียนก็ไม่ได้เรียน” ยัยอลิซก็พูดถึงชีวิตฉันซะ -w-
“แกพูดถึงฉันซะขนาดนี้ เอามือถือมาสิ”
“เห้ย! แกพูดจริงหรอวะ”
“เออ”
“0_0”
“แค่ฉันโทรหาพี่ฉัน ทำไมแกต้องตกใจด้วยวะ”
“ก็ปกติ แกชอบบอกว่ามันไร้สาระนี่หวา”
“รีบเอามาเหอะน่า เดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจหรอก”
“เออๆ แปบ”
ยัยนี่หันหลังไป ก่อนจะเดินไป เอ๊ะไม่สิ ยัยนี่วิ่งไปหยิบของต่างหากเลยล่ะ ก่อนจะยื่นมือถือมาตรงหน้าฉันอย่างเร็ว ฉันบรรจงกดเบอร์นั้นไปอย่างช้าๆ
“แกจำเบอร์ได้ด้วยหรอเนี่ย”
“ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี ตั้งแต่จำความได้นี่นา”
“เออนะ แล้วแกมัวรออะไรอยู่ล่ะ กดปุ่มสีเขียมเลย”
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ ปุ่มโทรออกหรอกน่า”
“แล้วก็กดเซ่” ยัยนี่มันจะรีบไปไหนกัน แม่คุณ
“ฉันว่าอย่าเลยดีกว่า เขาอาจจะเปลี่ยนเบอร์แล้วก็ได้”
“ลองดูก่อนเถอะน่า”
“เขาอาจจะลืมว่ามีน้องสาวก็ได้”
“ก็ลองโทรไปก่อนเซ่ - -“
“เขาไม่อยากมี่น้องสาวยาจกหรอกน่า”
ไม่รู้ทำไม จู่ๆฉันก็เกิดกบัวขึ้นมาซะได้ ไม่รู้ว่าฉันกลัวอะไร แต่ฉันรู้สึกกลัวเหลือเกิน ทั้งๆที่มันก็แค่เบอร์คนคนนึง ที่อาจจะเป็นพี่ชาย
“ยัยนี่ เอามา ฉันคุยเอง” ยัยนี่พูดพลาง ก่อนจะหยิบมือถือไปอย่างรวดเร็วยัยนี่กดโทรออกและกดสปีคโฟนเพื่อให้ฉันได้ฟังด้วย
ตู้ดดดดด
“แก เขาไม่ว่างหรอก”
“เพิ่ง ตู้ดแรกน่า”
ตู้ดดดดดด
“แก มันไม่ใช่เขาแน่เลย กดวางสายเหอะ”
ฉันพูดพลางพยายามคว้ามือถือมา แต่ยัยนี่ก็ไหวตัวทัน
“อยู่นิ่งๆได้ไหม เกะกะ - -^”
เธอมองฉันอย่างรำคาญ ยัยนี่ พออยากรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน มันก็จะชอบเอาจริงเอาจังเกินไปแล้วนะ T T
ตู้ดดดดดด
“เห็นมะ เข....”
“เงียบน่า - -“
“จิ๊ๆ”
“สวัสดีครับ” เสียงปลายสายดังขึ้น
เห้ย ๆ ! เขารับแล้ว เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนมาก โอ้! เสียงเขาเพราะจัง >___< นี่ ฉันไม่ได้เพ้อเองนะ ขนาดยัยอลิซ ยังทำปากบอกฉันเลย ‘เสียงแบบนี้น่าฟัดมากเลย’ ทำไมมันพูดได้ไม่อายปากเลยฟะ -0-
“เอ่อ คือฉันเป็นน้องสาวของคุณ คุณยังจำฉันได้ใช่ไหมคะ”
ยัยอลิซ ช่วยพูดให้ฉัน
“…..” เสียงปลายสายเงียบลงทันที
“เห้ คุณตายยังน่ะ” เอาเข้าไป ยัยนี่ก็ชอบล้อเล่นไปทั่วเสมอเลย
“นี่ผมกำลังอยู่ในรายการอะไรอยู่แน่เลยใช่ไหมครับเนี่ย”
“ตลกล้ะ คิดว่าตัวเองดังรึไง ทำไมถึงพวกรายการต้องทำถ่ายคุณด้วยรึไงยะ” ยัยอลิซตอบกลับ
“ถ้าคุณไม่ใช่คนที่มาจากรายการอะไร แล้วคุณเป็นใคร เอ๊ะ หรือว่าคุณเป็นแฟนคลับผม ? อ้อ ใช่แล้วครับ คุณคือน้องสาวที่น่ารักของผมครับ ผมรักคุณครับ ขอบคณสำหรับติดตามอัลบั้มเพลง......”
เอ๊ะ ท่าเขาจะพล่ามมากไปแล้วนะ แฟนคลับอะไรกัน ? หลงตัวเองชัดๆ นี่ฉันใช่น้องสาวของไอหมอนี่จริงไหมเนี่ย ถ้าใช่ก็คงจะเป็นหายนะที่ยิ่งใหญ่ซะแล้วสิ
“ฉันน้องสาวของคุณไง เซเลสเตอร์ บลูเมอร์ คุณใช่พี่ชายฉันใช่ไหม”
ฉันพูดขัดจังหวะการพล่ามของเขา
“เซเลสเตอร์ ? …….”
ปลายสายพูดทวนชื่อฉันเบา ๆ ก่อนจะเงียบไปซักพัก
“เห้ย! เออะ เอ่อ เธอเป็นน้องสาวฉันเหรอ เอ่อ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ไม่เป็นไง งั้นๆแหละ” มันรู้สึกแปลกๆไงไม่รู้ ที่ต้องเรียกพี่ เรียกน้องทั้งๆที่เราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ
“ไม่! หล่อนโกหก ยัยนี่น่ะมันต้องหนีพวกทวงหนีมาสองสามปี ข้าวก็ไม่ค่อยได้แตะ อายุก็ 18 แล้ว แทนที่จะได้อยู่อย่างพวกวัยรุ่น แรดบ้างอะไรบ้าง ยัยนี่ไม่มีอะไรให้พิศวาสอะไรเลย ดูหุ่นเธอสิ ผอมซูบ หน้าก็ซีด ลมพัดยังปลิวได้เลย”
จู่ๆ ยัยอลิซก็พูดแทรกขึ้น และมันคงจะดีมากเลย ถ้ายัยนั่นไม่พูดถึงฉันซะขนาดนั้น ฉันส่งสายตาไปจิกยัยนั่นหน่อยนึง ก่อนจะมาคุยกับคนในสายต่อ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วพี่ล่ะ”
ฉันพยายามฝืนพูดคำว่าพี่ออกไปแล้ว เห้อ! ทำไมใจฉันเต้นรัวอย่างนี้ ฉันกำลังตื่นเต้นรึไง ที่ได้คุยกับพี่ช่ายครั้งแรก
“น้องฉัน ใช้ชีวิตแบบนั้นจริงๆเหรอ” เสียงปลายทางพูดออกมาอย่างเศร้าๆ
“ใช่ ยัยนั้นอยู่แบบนั้นล่ะ ที่อยู่ยัยนั่นก็ไม่มี มือถือนี่ก็ยืมฉันอีก ถ้ายัยนี่มีตังค์เมื่อไหร่ ฉันจะให้มันจ่ายดอกเบี้ยเป็นสองเท่าเลย”
ยัยอลิซ! ฉันหันไปส่งสายตาอาฆาตใส่ ทำไมต้องพูดให้ชีวิตฉันดูน่าสงสารด้วยเนี่ย
“เพื่อนฉันมันโกหกน่ะ ฉันก็ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย”
“…….” ปลายสายเงียบ ไม่มีการตอบรับอะไรเลย นี่เขาเผลอหลับคามือถือรึไง ทำไมชอบเงียบเนี่ย
“ฉันน่ะ มีบ้านหลังใหญ่ มีโต๊ะอาหารหรูหราทีเดียว มีคนรับใช้เกือบพันคนแหนะ…..”
“ยัยนี่ก็ชอบแต่งเรื่องน่ะคุณ ช่างแต่งได้ตรงข้ามกับตัวเองเหลือเกิน”
“ยัยอลิซ!”
“โอ๊ะโอ เผลอหลุดปากไป โทษทีนะ ยัยซีลู”
“ถ้ายังไม่อยากตาย ก็กรุณาอย่าหลุดอีกล่ะ”
พูดกับอลิซเสร็จ ฉันก็หันไปคุยกับโทรศัพท์ต่อ
“แล้วฉันก็ได้กินอาหารบุฟเฟ่ต์จนอ้วน ไขมันแทบจะห้อยโตงเตงไปมา”
“ยัยอลิซหันมามองดูพุงของฉันก่อนจะลูบไปมา ก่อนจะหันมาพูดกับฉัน
“ไหนไข.....”
ฉันรีบอุดปากยัยอลิซไว้ก่อน ก่อนที่เธอจะหลุดความจริงออกมา ใช่ ฉันรู้ไขมันฉันแทบไม่มีเลย ก็อาหารแทบจะไม่มี แถมยังต้องวิ่งหนีคนทวงหนี้ทุกวันอีกน่ะสิ จะให้มีไขมันทำไม
แต่เอ๊ะ ฉันรู้สึกว่าทำไมสียงปลายสายเงียบไปนานจังเนี่ย
“เห้ คุณฟังฉันอยู่ไหมเนี่ย” ฉันถามคนปลายสาย
“เธอมาพักที่บ้านฉันเถอะ”
“หะ หา..” ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว ยัยอลิซก็ถึงกะตาโตทีเดียว
“เอ่อ มันคงไม่เหมาะกะซีลูหรอก” ฉันรีบตอบทันควัน ยัยอลิซรีบคว้ามือถือไป ก่อนจะแอบไปคุยกันที่อื่น
เห้! ยัยนี่ทำแบบนี้อีกแล้ว
15 นาทีต่อมา
หลังจากที่ยัยนั่นคุยกับพี่ฉันเสร็จ หล่อนก็มาแจกแจงรายละเอียดที่พักบลา ๆซึ่งมันอยู่ที่อังกฤษ ตอนแรกฉันก็ไม่สนใจอะไร แต่พอได้ยินตอนที่ยัยนี่บอกว่าได้เอาเงินออมทั้งหมดไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปลอนดอนให้แล้ว ฉันถึงกับช็อค น้ำลายฟูมปากทีเดียว ทำไมเพื่อนรัก มันถึงรักฉันอย่างนี้ หรือว่ามันเบื่อฉัน เลยพยายามส่งฉันไปไกลๆเนี่ย
“อย่าทำหน้าบูดสิ - - ฉันทำเพื่อเธอนะ ยัยไขมันย้อย เธอจะได้ไม่ต้องหนีเจ้าทวงหนี้ไง”
“แล้วถ้าไอพี่คนนี้ มันเป็นพวกที่ชอบจับคนไปขายล่ะ”
“ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ไปเหอะน่า ฐานะการเงินของพี่เธอค่อนข้างดีทีเดียวล่ะ”
ยัยนี่เชื่อใจคน เพียงแค่คุยโทรศัพท์เนี่ยนะ แต่ยัยนี่มักจะวางใจคนถูกเสมอ เพราะฉะนั้น พี่ชายฉันก็คงจะไม่ใช่คนอย่างนั้นจริงๆ
“แล้วเธอแอบไปจองตั๋วตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“หิๆ ก็ตั้งแต่ฉันคุยกับพี่เธอเสร็จ ฉันก็แอบไปจองตั๋วนะ >____<”
“เธอนี่ แสบจริง ๆ แล้วจองตั๋วไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“เช้าตรู่พรุ่งนี้น่ะ”
“ห๊ะ! พรุ่งนี้”
“จะตกใจไปทำไม เธอไม่เห็นมีอะไรต้องเตรียมไปเลยนี่”
“เออ ลืมไป ขอบใจแกมากละกันที่อุตส่าห์ซื้อตั๋วให้ฉัน ไว้ฉันมีเงินเมื่อไหร่ ค่อยคืนแกละกัน”
“ชาติกว่าล่ะสิ อย่าลืมดอกเบี้ยสองเท่าล่ะ”
“เธอมัน ยัยงกชัดๆเลย”
“แน่นอนย่ะ”
เราสองคนหัวเราะกันไปมา ก่อนจะชวนพูดคุยกันอีกซักพักแล้วปล่อยให้ความง่วงเข้ามา แล้วเราสองคนก็หลับใหล
P.S. ช่วยด้วยยยยยย ! ยัยนี่นอนกรนเสียงดังมาก [อลิซ]
ผลงานอื่นๆ ของ alessio ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ alessio
ความคิดเห็น